การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 91

อ่านนิยายจีนเรื่อง การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] ตอนที่ 91 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ ๙๑

 

“เจ้ากับข้ามีสถานะต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะเดิมพันในสิ่งเดียวกับเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้…หากข้าแพ้ ข้าก็จะไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโรงเรียนสตรีมู่หยางและตะโกนว่า ซูหลี่ ข้าขอโทษ! สามครั้ง ว่าอย่างไรล่ะ?”

 

หลังได้ยินสิ่งที่นางพูด คนอื่น ๆ ก็พลันมองหน้ากันด้วยความอัศจรรย์ใจ หากฮูหยินหยางแพ้ นางก็จะสูญเสียความนับถือหากว่านางไม่ได้ถูกขับไล่ออกจากโรงเรียน

 

“ดูเหมือนว่าฮูหยินหยางจะมั่นใจมากเลยนะ!”

 

“ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร หลังวันนี้เป็นต้นไป ซูหลี่จะต้องมีชื่อเสียงแน่!”

 

“ซูหลี่คงจะตอบตกลงใช่ไหมนะ?”

 

พวกนางมองที่ซูหลี่ผู้ส่ายหน้าเบา ๆ

 

“ข้าไม่เห็นด้วยเจ้าค่ะ!”  ซูหลี่ยิ้มและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “หากท่านแพ้ ท่านต้องคุกเข่าลงแล้วเรียกข้าว่าท่านย่าและโขกคำนับให้ข้าสามครั้ง! หากท่านเห็นด้วยข้าก็จะยอมพนันด้วย!”

 

อะไรนะ???

 

โหดร้ายเกินไป!

 

อำมหิตเกินไปแล้ว!

 

ฮูหยินหยางหน้าซีด​ ความจริงแล้วนางเป็นเหล่าม่าของซูหลี่ หากนางโขกศีรษะคำนับและเรียกซูหลี่ว่าท่านย่า​ นั่นจะไม่เป็นการเสื่อมเกียรติของตระกูลฉุยหรือ?

 

ในตอนนั้นเอง​ ศิษย์จากชั้นเรียนอื่นก็ได้เวลาเลิกชั้นพอดี​ คนจำนวนมากจึงมาออกันอยู่นอกห้องเรียนมากขึ้น

 

ฮูหยินหยางไม่มีทางถอยกลับแล้ว​ นางเหลือบมองหน้าต่างและขบฟันกรอดจากนั้นจึงเอ่ยว่า “ก็ได้​ ข้ารับปากเจ้า! ตัดสินผลจากสองในสามครั้ง​ ข้าจะไม่ทดสอบเจ้าเพียงความรู้ด้านการเย็บปักถักร้อย​ แต่จะทดสอบเรื่องคุณธรรมของสตรีด้วย!”

 

ฝูงชนต่างฮือฮา คนจำนวนมากชี้มาทางนาง โดยไม่คาดคิด ฮูหยินหยางได้ทำให้สถานการณ์น่าไม่อายดูเลวร้ายลงไปอีก

 

ฮูหยินหยางทำเป็นหูทวนลมใส่พวกนางและจ้องมองซูหลี่เขม็ง

 

ผู้ชนะจะได้ทุกอย่าง หากนางชนะ ทุกอย่างก็คงจะเป็นเรื่องง่าย!

 

“ข้าสัญญา” ซูหลี่พยักหน้าด้วยอาการนิ่งเฉย

 

เม่ยรั่วหานกลั้วหัวเราะพลางปิดปาก แข่งขันในเรื่องวิชาการกับซูหลี่งั้นหรือ วิธีของฮูหยินหยางช่างน่าขันนัก

 

“ตกลง!”

 

ทันทีที่ซูหลี่รับปาก ฮูหยินหยางก็ผุดยิ้มทันที “งั้นข้าขอถามเจ้าว่า ชุดของข้าเย็บปักลายจากที่ไหน? อะไรคือต้นกำเนิด? หากเจ้าสามารถบอกอะไรเกี่ยวกับมันได้ก็ถือว่าเจ้าชนะ”

 

ความหมายแฝงก็คือซูหลี่จะเป็นฝ่ายแพ้หากนางตอบเพียงชื่อของลายผ้า!

 

เมื่อคำถามออกมา เหล่าผู้ชมทั้งด้านในและด้านนอกก็อุทานออกมาเสียงขรึม

 

“ยากเกินไปแล้ว!”

 

“ข้าไม่เห็นลวดลายแบบนี้มาก่อนเลย!”

 

“นางต้องให้คำตอบไม่เพียงแค่ชื่อ แต่ต้องบอกจำเพาะถึงแหล่งกำเนิดด้วย มันเป็นกฎ”

 

เม่ยรั่วหานจ้องมองซูหลี่ นางเชื่อในตัวซูหลี่อย่างไม่อาจอธิบายได้และมักรู้สึกว่าสาวน้อยทรงพลังอำนาจคนนี้สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้ง แม้นางจะเป็นผู้รอบรู้ แต่นางก็ไม่รู้เลยว่าถิ่นกำเนิดชุดของฮูหยินหยางมาจากที่ใด

 

ซูหลี่มองชุดของฮูหยินหยางและเหมือนจะหลุดเข้าไปในความทรงจำ ฮูหยินหยางคิดว่าซูหลี่ไร้คำพูดไป นางจึงแสดงสีหน้าถากถางและหัวเราะใส่ซูหลี่

 

“ซูหลี่! เจ้าเชื่อว่าตัวเจ้าเองอยู่เหนือกว่าคนอื่นสินะ? ทำไมเจ้าถึงบอกไม่ได้แม้กระทั่งชื่อลายผ้าเลยล่ะ? เจ้าคุยโวโอ้อวดเพื่อที่จะข่มขวัญข้างั้นหรือ? โรงเรียนสตรีมู่หยางไม่อาจเป็นที่ดูถูกโดยศิษย์ที่หาแต่คำชมอย่างเจ้าได้หรอก เก็บข้าวของของเจ้าแล้วไสหัวออกจากโรงเรียนไปซะ!”

 

ซูหลี่ส่ายหน้าและคลี่ยิ้มช้า ๆ “อย่าร้อนใจเลยเจ้าค่ะอาจารย์ฉุย ฟังข้าก่อน ลายผ้าชนิดนี้มีชื่อว่าลายผ้าจู้โช้วเจ้าค่ะ”

 

ลายผ้าจู้โช้ว?

 

ทุกคนตะลึงงันไป วิธีปักผ้านี้มันคืออะไรกัน? พวกนางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

 

ฮูหยินหยางมีสีหน้าซีดเผือดในทันที นังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์! มันรู้จนได้!

 

เป็นไปไม่ได้! นี่ต้องเป็นเหตุบังเอิญแน่!

 

จากความรู้ของนางแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกจำเพาะถึงที่มาได้ถูกต้องแม่นยำ!

 

สีหน้าของฮูหยินหยางเปลี่ยนไป ทำให้ทุกคนรู้ในทันทีว่าคำตอบของซูหลี่ถูกต้อง

 

“เหตุผลที่ทำไมไม่มีใครเห็นลายจู้โช้วมาก่อนเพราะว่ามันไม่ได้มาจากแคว้นต้าฮั่นเจ้าค่ะ” ซูหลี่กล่าวด้วยความมั่นใจและสง่าผ่าเผย “ชายแดนด้านตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นต้าฮั่นติดต่อกับแคว้นจู้โช้ว ลายผ้าจู้โช้วมีที่มาจากแคว้นจู้โช้ว จารีตของคนที่นั่นแข็งแกร่งนัก แปดในสิบของผู้คนต่างฝึกวรยุทธ์ คนของแคว้นนี้ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง ดังนั้นลายผ้าจู้โช้วจึงดูมีสีสันฉูดฉาดบาดตา”

 

ด้วยความรู้ในเรื่องลายผ้าของซูหลี่ ทั้งห้องก็เงียบเสียงไป เสียงกระซิบกระซาบก็แผ่วลง ทุกคนต่างสงบใจรับฟังราวกับว่ากำลังฟังการสอนจากอาจารย์คนหนึ่ง

 

“สตรีทั่วไปในแคว้นจู้โช้วต่างไม่ได้รับอนุญาตให้ปักลายนี้ มีเพียงตอนที่พวกนางฝึกวรยุทธ์จนถึงระดับหนึ่งแล้วพวกนางจึงจะสามารถดึงเส้นไหมด้วยพลังสูงผ่านเนื้อผ้าพิเศษได้ ดังนั้นราคาของงานปักจากเเคว้นนี้จึงสูงกว่างานปักแคว้นต้าฮั่น และผ้าหนึ่งผืนก็มีค่าเท่ากับทองหนึ่งพันก้อน มันหายากยิ่งในแคว้นต้าฮั่น ฮูหยินหยางจะต้องใช้จ่ายเงินมหาศาลเพื่อที่จะได้เสื้อผ้ามาใส่อวดผู้อื่นเป็นแน่”

 

จากนั้นทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดหัวเราะเสสรวลออกมา

 

ฮูหยินหยางนิ่งไปราวกับหุ่นเชิดด้วยใบหน้าซีดขาว นางอยากให้ตัวเองเจอหลุมไว้ซ่อนตัวสักหลุม หลังซื้อชุดนี้มาแล้วนางก็เคยรู้สึกภาคภูมิใจกับมัน แต่ดูเหมือนว่าซูหลี่จะตบหน้านางเข้าให้จนความฟุ้งเฟ้ออันว่างเปล่าถูกเปิดเผย ความรู้สึกอับอายทำให้นางอยากจะคว้ามีดมาแทงซูหลี่นัก!

 

“ชาวเกาะที่อาศัยอยู่ในทะเลตะวันออกมีวิถีชีวิตที่กล้าหาญและใคร่อยากในงานปักจู้โช้วอย่างยิ่ง สภาพภูมิประเทศของพวกเขาไม่เหมาะต่อการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถผลิตงานปักจู้โช้วขึ้นมาได้ งานปักจู้โช้วส่วนใหญ่จากแคว้นจู้โช้วจะถูกพ่อค้ารับมาขายไปยังต่างแคว้น มีจำนวนน้อยนักที่ถูกขายในดินแดนแผ่นดินใหญ่ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะไม่รู้เรื่องนี้ ข้ารู้เรื่องนี้มาจากหนังสือเก่าแก่และบันทึกบางอย่างเจ้าค่ะ”

 

ซูหลี่เอ่ยต่อ และดวงตาของนางก็เบนมาที่ใบหน้าของฮูหยินหยางช้า ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “อาจารย์ฉุย ท่านมีเรื่องอะไรอยากจะเสริมไหมเจ้าคะ? หากท่านเอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งได้ ข้าก็จะแพ้ ว่าอย่างไรล่ะเจ้าคะ?”

 

หลังจากที่นางพูดจบก็มีเสียงระเบิดหัวเราะดังลั่น ฟังดูบ้าบิ่นยิ่งกว่าครั้งแรกที่ยังเก็บกลั้นไว้ได้เสียอีก

 

สีหน้าของฮูหยินหยางแข็งค้าง นางเค้นสมองเพื่อที่จะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ก็คิดประเด็นที่จะกล่าวเพิ่มเติมไม่ออก ที่นางรู้ทั้งหมดก็คืองานปักจู้โช้วมาจากแคว้นจู้โช้ว และมีไม่กี่คนที่ชำนาญในเรื่องนี้ แต่นางไม่รู้ว่าทำไมจึงมีคนจำนวนน้อยที่มีความชำนาญในเรื่องนี้ อีกอย่างหนึ่งก็คือ นางไม่เคยได้ยินเรื่องอื่นที่เกี่ยวข้องกับหมู่เกาะในทะเลตะวันออกเลย!

 

“งานปักจู้โช้ว…”

 

ก่อนที่ฮูหยินหยางจะเอ่ย นางก็ถูกเม่ยรั่วหานที่ระเบิดหัวเราะดังลั่นพูดขัดขึ้นมา “อาจารย์ฉุย ท่านอย่าโกหกจะดีกว่านะเจ้าคะ แม้จะมีช่างปักจากแคว้นจู้โช้วไม่มากนักในแคว้นต้าฮั่น แต่มันก็ต้องมีอยู่บ้าง! ไม่ยากหรอกเจ้าค่ะที่จะหาช่างปักผ้าคนหนึ่งเพื่อมายืนยัน หากท่านโกหก บางทีท่านอาจอยู่ในตระกูลหยางไม่ได้อีกต่อไปนะเจ้าคะ”

 

ฮูหยินหยางตัวสั่นเล็กน้อยและหุบปากฉับ เห็นชัดว่าเม่ยรั่วหานเดาทางความคิดนางได้

 

การกระทำของนางดึงดูดสายตาผู้คนที่กำลังหัวเราะคิกคัก หลังจากวันนี้ไปแล้ว อาจารย์ฉุยจะต้องเสียเกียรติอย่างมากทีเดียว

 

“เจ้าชนะในตาแรก”

 

ฮูหยินหยางสูดหายใจลึกและเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ “อย่าลืมสิ่งที่ข้าพูดเมื่อก่อนหน้านี้ล่ะ มีเพียงเจ้าผ่านบททดสอบในเรื่องคุณธรรมสตรีแล้วเท่านั้นข้าจึงจะแพ้! ข้าเป็นคนตั้งคำถามเจ้า หากเจ้าตอบได้ข้าจะโขกศีรษะคำนับต่อหน้าเจ้า ว่าอย่างไรล่ะ?”

 

เมื่อพูดถึงคุณธรรมสตรี ฮูหยินหยางก็มีความมั่นใจกลับคืนมาและเอ่ยขึ้น “ข้าขอถามเจ้า เมื่อแม่นางกู่แห่งแคว้นต้าฮั่นออกไปสู้รับกับศัตรู นางได้ส่งจดหมายให้กับทางบ้านฉบับหนึ่ง เป็นใครที่นางเขียนจดหมายถึง?

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด