การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 101

อ่านนิยายจีนเรื่อง การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] ตอนที่ 101 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

LS ตอนที่ ๑๐๑

 

เมื่อกุนซืออยู่ในอาการตื่นตระหนก​ ม้วนสาส์นสีทองก็ร่วงลงจากท้องฟ้าแล้วกระแทกกับศีรษะของเขาโดยบังเอิญ

 

“โอ๊ย! ใครปาสาส์นใส่ข้า?”

 

เขากำม้วนสาส์นด้วยความเคืองขุ่นและจ้องมองมันด้วยอาการงุนงงในทันที​ มือทั้งคู่สั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่ราวกับถือหัวมันร้อน

 

นี่มัน…กฤษฎีกา​จากเจ้าผู้ครองมณฑลชิงเหอ!!

 

เจ้าผู้ปกครองมณฑลแห่งแคว้นต้าฮั่นนับว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพล​ระดับมณฑลที่แท้จริง​ เขาควบคุมชะตาชีวิตของคนหลายต่อหลายคน​ ความแตกต่างระหว่างหลี่ซานเป่ากับเจ้าผู้ครองมณฑลช่างดูราวกับดวงดาวและดวงจันทร์​ พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

 

กุนซือเล็กๆ​ อย่างเขายิ่งดูราวกับมดตัวหนึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าผู้ครองมณฑล​ แต่วันนี้เขากลับได้รับกฤษฎีกา​จากเจ้าผู้ครองมณฑล!

 

กุนซือรู้สึกตื่นเต้นเสียจนลืมไปว่าซูหลี่อยู่ข้างกายเขา​ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น

 

คนท่าทางเย็นชามากกว่ายี่สิบคนเคลื่อนตัวมาใกล้เขา​ พวกเขาดูเหมือนผู้ยิ่งใหญ่มากความสามารถจากดวงตาอันคมกริบที่ทอดมองมา

 

พวกเขาขี่ม้าชั้นเลิศที่สามารถวิ่งได้เป็นพันลี้ต่อวัน อาภรณ์อันหรูหรางดงามของพวกเขาเป็นประกายด้วยดิ้นทอง ลวดลายสีทองบนอกแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต่างเป็นทหารชั้นสูงที่ขึ้นตรงต่อทางการของมณฑลชิงเหอ

 

ผู้นำกลุ่มเป็นสตรีในผ้าคลุมสีฟ้าสด ใบหน้าของนางดูอิดโรยเนื่องจากเดินทางไกล ซูหลี่เห็นสตรีผู้นี้แล้วก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่เอ่ยอะไรออกมา

 

สตรีในชุดฟ้าชายตามองซูหลี่และทหารสองคนข้างกายนางที่ถือตะแลงแกงอยู่ นางพลันมีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับแค่นเสียงตะโกน “ควบคุมเจ้าหน้าที่พลเรือนและทหารทั้งหมดซะ!”

 

ทหารชั้นสูงลงจากหลังม้าและเข้าคุมตัวกุนซือเมือง เจ้าหน้าที่พลเรือน และทหารทั้งหลายที่ไม่กล้าต่อต้าน

 

“ใต้เท้า ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดแน่ขอรับ!”

 

กุนซือถูกคุมตัวโดยทหารสองคนขนาบซ้ายขวา เขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว

 

“ใต้เท้า!”

 

ในตอนนี้เอง หลี่ซานเป่าในชุดข้าราชการพลเรือนก็วิ่งมาอย่างตื่นตูมและโค้งคำนับต่อสตรีผู้นี้ “พวกท่านเดินทางมาไกลแต่ข้ากลับไม่ได้ยินข่าวคราวในทันที จึงไม่อาจต้อนรับพวกท่านเมื่อก่อนหน้านี้ ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเองขอรับ!”

 

“ใต้เท้าหลี่ โปรดอย่าพูดเช่นนั้นเลย” สตรีชุดฟ้ามองหลี่ซานเป่าและเอ่ยด้วยรอยยิ้มบางประดับบนใบหน้า “ข้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่จากราชสำนัก ท่านไม่จำเป็นต้องทำความเคารพข้าหรอก ข้ามาที่นี่เพียงส่งสาส์นจากเจ้ามณฑลให้ท่านเท่านั้น”

 

หลี่ซานเป่าหวาดกลัวเสียจนเหงื่อไหลโซมกาย เขาเอ่ยเสียงทุ้ม “กฤษฎีกาจากเจ้ามณฑลหรือขอรับ?!”

 

พวกเขารู้แล้วหรือว่าเขาทุจริตมาหลายปี?

 

สตรีชุดฟ้าพยักหน้าให้กับทหารชั้นสูงที่หิ้วปีกกุนซือ หนึ่งในทหารหยิบม้วนสาส์นสีทองจากมือของกุนซือทันทีแล้วคลี่ออกอ่าน

 

“เป็นที่ได้ยินมาว่ามีแม่นางน้อยนามซูหลี่อยู่ในเมืองต้าซู! นางเปี่ยมด้วยพรสวรรค์และได้ศึกษาเล่าเรียนด้วยอายุเพียงสิบห้าปี ความรู้ของนางไม่มีใครเทียบเทียมได้ นางเข้าใจความหมายที่แท้จริงของพจนานุกรมต้าฮั่น ทำให้อาจารย์ใหญ่แห่งโรงเรียนมู่หยางรับรู้ถึงความเก่งกาจของนาง!”

 

“หลังเข้าศึกษาได้เพียงสามวัน นางก็ได้รับการยอมรับจากช่างหัตถกรรมอาวุโสจากทักษะหัตถกรรมของนาง นางนับว่าเป็นอัจฉริยะโดยแท้!”

 

“ข้ารู้สึกยินดีที่ได้ยินเช่นนั้นและไม่อาจปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่อย่างถูกลืมเลือนในเมืองต้าซูได้! จึงขอประกาศยกเว้น ณ ที่นี่ว่า ซูหลี่ บุตรสาวคนที่สองแห่งตระกูลซูในเมืองต้าซู ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิแห่งโรงเรียนสตรีชิงเหอ ข้าหวังว่านางจะสามารถสานต่องานหนักและมีความเป็นอยู่ที่ดีด้วยพรสวรรค์ของนาง!”

 

โห!!!

 

ผู้คนทั้งหมดที่อยู่โดยรอบตกตะลึงไป หลายวันมานี้มีเรื่องก่อกวนไม่หยุดหย่อนในเมืองต้าซู แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจมากที่สุด ชื่อของซูหลี่ยิ่งใหญ่เสียจนเจ้าผู้ครองมณฑลชิงเหอยังได้ยิน นางกลายเป็นอาจารย์หญิงตั้งแต่อายุสิบห้าปี ช่างยิ่งใหญ่อะไรเช่นนี้!

 

ทันใดนั้นพวกเขาทั้งหมดก็มองไปที่หลี่ซานเป่ากับกุนซือของเขา ดวงตาของพวกเขาเปี่ยมด้วยเพลิงโทสะที่ถูกหลอกลวง และยังทวีแววพิกลที่ไม่อาจอธิบายได้และแววเย้ยหยัน

 

สีหน้าของกุนซือและหลี่ซานเป่าบิดเบี้ยว ในที่สุดพวกเขาก็เหมือนถูกสาปจนนิ่งงันไปทั้งหมดเพียงชั่วพริบตา

 

ในกฤษฎีกาปรากฏคำนับร้อย แต่มีเพียงบุคคลเดียวที่ถูกกล่าวถึง และเป็นซูหลี่ที่พวกเขาหมายจะร่วมมือสังหาร!

 

ในตอนนี้…เรื่องใหญ่บางเรื่องกำลังจะเกิดขึ้นอย่างแท้จริง!

 

หลี่ซานเป่าตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว เขาเป็นคนฉลาดและนี่เป็นครั้งแรกที่เขาตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหวาดกลัวเสียจนน้ำเสียงเปลี่ยนไปขณะเอ่ยขึ้น “อย่ามัวแต่ใจลอยสิ โยนของน่าอับอายพวกนี้ทิ้งไปซะ!”

 

เจ้าหน้าที่สองคนที่ถือตะแลงแกงอยู่ถึงกับหน้าซีด เมื่อพวกเขาเห็นทหารชั้นสูงของมณฑลชิงเหอจ้องมองมา พวกเขาก็เป็นลมล้มพับไปด้วยความหวาดกลัว

 

หลี่ซานเป่าเองก็หน้าซีด เขาก้มศีรษะลงและฝืนยิ้มที่ดูน่าเกลียดยิ่งกว่าร้องไห้ “ใต้เท้า จะต้องมีเรื่องเข้าใจผิดเกิดขึ้นแน่ขอรับ เป็นตระกูลซูกับตระกูลหยางที่ก่อเรื่องเช่นนี้ ข้าเองก็…”

 

“ใต้เท้าหลี่!”  สตรีชุดฟ้าเอ่ยขัดหลี่ซานเป่าทันควันพร้อมกับยิ้ม “ท่านสามารถเอ่ยอะไรก็ได้ที่ท่านต้องการในมณฑลชิงเหอ ข้าไม่ใช่คนจากทางการ ข้าได้บอกท่านไปแล้วใช่หรือไม่?”

 

หลี่ซานเป่าดูขมขื่นอย่างยิ่ง กลายเป็นว่าสตรีผู้นี้กำลังขอให้เขายอมรับความผิดในมณฑลชิงเหอ

 

โรงเรียนสตรีชิงเหอเป็นโรงเรียนแห่งแรกในมณฑลชิงเหอที่เป็นโรงเรียนรัฐ หากเขาท้าทายอาจารย์โรงเรียนนี้อย่างมีเหตุผล เขาก็สามารถแก้ต่างให้ตัวเองได้ แต่เขากับตระกูลหยางต่างรู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องโกหก ดังนั้นเรื่องทั้งหลายจึงไม่สามารถตรวจสอบได้!”

 

คิดดังนี้แล้วหลี่ซานเป่าก็ขาสั่นพั่บอย่างควบคุมไม่อยู่ เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมา ซูหลี่ยืนอยู่ไม่ไกลจากเขาอย่างเห็นได้ชัด แต่เขากลับไม่อาจก้าวขาไปข้างหน้าได้!

 

วันนี้เขาเกือบจับซูหลี่ใส่กรงหมูแล้ว ความเกลียดชังใหญ่หลวงเช่นนี้…ร้องขอไปก็ไร้ประโยชน์

 

หลังเสร็จหน้าที่ของนางแล้ว สตรีชุดฟ้าก็เดินมาที่ซูหลี่และมองด้วยสายตาเย็นชา นางเอ่ยเสียงทุ้ม “นี่เป็นโอกาสที่ท่านพ่อของข้ามอบให้เจ้าด้วยการใช้ชื่อเสียงของเขาเป็นเดิมพัน หากเจ้าทำให้เขาผิดหวัง ข้าจะกลับมาแก้แค้นเจ้า”

 

ซูหลี่กระพริบตาและตรึกตรองว่าเพราะเหตุใดสตรีคนนี้ถึงช่วยชีวิตนาง

 

กลายเป็นว่าอาจารย์อาวุโสคืออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนสตรีมู่หยาง ไม่แปลกเลยว่าทำไมเขาถึงปกป้องนางนัก สตรีผู้นี้คือบุตรสาวของเขา แม้นางจะไม่รู้ว่าหนิงอวิ๋นจื่อให้สัญญาอะไรกับเจ้าผู้ครองมณฑลไว้ แต่ราคาที่ต้องจ่ายคงใหญ่หลวงนัก

 

มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่นางนึกฉงน เพราะเหตุใดอาจารย์อาวุโสถึงช่วยเหลือนางมากขนาดนี้? ดูเหมือนว่าคงไม่ใช่เพราะนางเป็นศิษย์ของโรงเรียนสตรีมู่หยางเป็นแน่

 

บางทีเรื่องนี้อาจกระจ่างจนกว่าฉีเซี่ยนชิงจะกลับมา

 

คิดดังนี้แล้ว ซูหลี่ก็พยักหน้าเบา ๆ

 

สตรีชุดฟ้ายังดูไม่มีความสุข แต่เรื่องนี้เป็นคำขอจากบิดาของนาง นางจึงต้องเชื่อฟังเขา

 

หลี่ซานเป่ากับกุนซือของเขาเห็นพวกนางสนทนากันแล้ว พวกเขาก็คิดว่าสตรีผู้นี้กับซูหลี่มีความสนิทกัน หลี่ซานเป่ารู้สึกเสียใจมากจนต้องลอบก่นด่า ตระกูลหยางบอกมาว่าซูหลี่กลั่นแกล้งรังแกได้ง่าย แล้วสตรีผู้นี้มาจากไหนกัน? นางยังได้รับความช่วยเหลือจากทางการมณฑลชิงเหออีกด้วย นางมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!!

 

“จงรับคำสั่งข้า! สืบสวนเรื่องราวของซูหลี่ให้ถ้วนถี่ภายในสามวัน หลังจากนั้นเราจะออกจากที่นี่และกลับสู่มณฑลชิงเหอ จากนั้นเราจะเขียนเบาะแสทั้งหมดในเอกสารส่งให้กับเจ้าผู้ครองมณฑล!”

 

เมื่อสตรีชุดฟ้าตะโกนเบาๆ เหล่าทหารชั้นสูงก็รับคำอย่างฉับไว!

 

หลี่ซานเป่าถึงกับเป็นลมหมดสติ

 

เขาตายแน่แล้ว!

 

ภายในเรือนจินหยวนของบ้านตระกูลซู ซูหลี่และแม่บ้านหลี่ได้กลับสู่บ้านเดิมที่เคยอาศัย คนหนึ่งมีสีหน้าไร้อารมณ์และอีกคนหนึ่งมีท่าทีซับซ้อน

 

แม่บ้านหลี่คิดว่านางเคยประสบกับเรื่องราวทั้งขาขึ้นขาล่องกับนายหญิงคนเก่ามาแล้ว แต่นางก็ไม่คิดเลยว่าจะประสบกับเรื่องตื่นเต้นเช่นนี้ในหลายวันที่ผ่านมา การเผชิญหน้าระหว่างคุณหนูและตระกูลซูกับตระกูลหยางเปลี่ยนแปลงไปแทบจะทุกวัน

 

ทันทีที่นางคิดว่าเกือบจะขัดขวางคุณหนูไว้ได้ นางก็รู้สึกเศร้าใจและอึดอัดราวกับใจถูกบีบ ความรู้สึกไม่อาจจางหายไป นางทำได้เพียงตอบแทนนางด้วยการดูแลนางอย่างระมัดระวังในภายภาคหน้า

 

“นายหญิงเก่าเจ้าคะ ขอบคุณสำหรับพรของท่านนะเจ้าคะ ข้าพบนายหญิงที่สามารถเชื่อใจได้แล้ว แม้นางจะเต็มไปด้วยความลับและบางครั้งข้าก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย นางก็ใจดีต่อข้า นายหญิงเก่าโปรดวางใจเถอะเจ้าค่ะ…”

 

เมื่ออยู่ในครัว แม่บ้านหลี่ก็หยิบชิ้นหยกครึ่งหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อและหลับตาลงภาวนาเงียบ ๆ

 

ซูหลี่ยืนอยู่กลางห้องหนังสือและหรี่ตาลงเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร

 

หนิงฉิงมองตั้งแต่เพดานจรดพื้นและย่นคิ้วเล็กน้อย การตกแต่งภายในดูหรูหราอย่างยิ่งแต่กลับฉูดฉาดนัก หากซูหลี่มีรสนิยมเช่นนี้ บิดาของนางกับซูหลี่ก็คงถูกคนอื่นเยาะเย้ยเอาได้

 

“เจ้าเคยอยู่ที่นี่มาก่อนหรือไม่?”

 

นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม ซูหลี่พยักหน้า “ท่านแม่เป็นคนตกแต่งบ้านหลังนี้เองเจ้าค่ะ มันเปลี่ยนไปมากจนข้าจำไม่ได้”

 

สีหน้าของหนิงฉิงอ่อนลงเล็กน้อย นางได้ยินสถานะทาสรับใช้ของตระกูลซูมา ซูหลี่ช่างยอดเยี่ยมนักต่อให้นางเกิดในตระกูลเช่นนี้ หากนางเป็นซูหลี่ นางก็คงตัดญาติขาดมิตรกับครอบครัวและหนีออกจากบ้านแล้ว

 

“ดูแลเรื่องในครอบครัวเจ้าให้ดีในสามวันนี้ จากนั้นไปที่มณฑลชิงเหอกับข้า บิดาของข้ารอเจ้าอยู่ที่นั่น”

 

ได้ยินสิ่งที่นางพูดแล้ว ซูหลี่ก็พยักหน้า “อาจารย์หนิงเจ้าคะ ข้าพาบุคคลหนึ่งไปที่โรงเรียนสตรีชิงเหอกับข้าได้ไหมเจ้าคะ?”

 

หนิงฉิงย่นคิ้วและพลันรู้สึกขึ้นมาว่าซูหลี่ช่างไม่รู้จักพอและไม่สำนึกบุญคุณ แต่นางก็ไม่ได้ระบายความโมโหแต่กลับถามว่า “เจ้าต้องการพาใครไป? หากเจ้าพาแม่บ้านหลี่ไปก็ไม่เป็นไรเพราะนางเป็นคนดูแลเจ้ามา แต่ถ้าเจ้าต้องการพาคนอื่นไปยังโรงเรียนสตรีชิงเหอก็อย่าเลย เจ้าไม่รู้หรือว่าสถานะของเจ้ายังไม่ปลอดภัยอยู่?”

 

ซูหลี่ส่ายหน้าและเอ่ยตอบ “เป็นเม่ยรั่วหานเจ้าค่ะ นางก็ถูกไล่ออกเหมือนกัน แต่คงไม่มีปัญหาหากนางจะเข้าโรงเรียนสตรีชิงเหอโดยการสอบเข้า ข้าพานางไปพร้อมกับเราได้ไหมเจ้าคะ?”

 

“เจ้าอยากพานางไปนี่เอง”

 

ฉิงหนิงพลันเข้าใจพร้อมกับใบหน้าเห่อร้อนเล็กน้อย นางคิดว่าซูหลี่ต้องการเลือกที่รักมักที่ชัง นางประเมินจิตใจของซูหลี่ด้วยบรรทัดฐานของคนเลว เม่ยรั่วหานเป็นเด็กดีที่เข้ามาเกี่ยวข้องเรื่องนี้เพราะตระกูลหยาง จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่ซูหลี่จะพานางไปยังโรงเรียนสตรีชิงเหอ

 

“ในเมื่อนางไม่ได้เข้ามาเพราะการติดสินบนก็ไม่มีปัญหาที่จะพานางไปด้วย ข้าจะส่งคนไปรายงานกับตระกูลเม่ยเอง”

 

หนิงฉิงพยักหน้าและจากไปพร้อมกับทหารของนาง นางไม่แม้แต่จะมองซูฮ่วนหลี่ที่ดูราวกับคนรับใช้

 

หลังจากที่หนิงฉิงออกไปจากประตูเรือนจินหยวนแล้ว ซูฮ่วนหลี่ก็เงยหน้าขึ้นและหยัดกายตรง จากนั้นเขาก็เอ่ยด้วยสีหน้าขมขื่นและน้ำเสียงสั่นเครือ “อาหลี่ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าตระกูลหยางจะโหดร้ายเช่นนี้ ท่านย่าของเจ้าทำเรื่องเหล่านั้นทั้งหมดและไม่ได้บอกข้าแม้แต่น้อย ได้โปรดอย่าเข้าใจข้าผิดเลย!”

 

ซูฮ่วนหลี่เอนตัวลงนอนอย่างอ่อนเปลี้ย เมื่อเขาได้ยินว่าในเมืองเกิดอะไรขึ้นบ้างเขาก็หวาดกลัวสุดขีด เขาพลันสะดุ้งออกจากเตียงโดยไม่กระอักเลือดและรู้สึกปวดหัวขึ้นมา จากนั้นก็วิ่งไปที่เรือนจินหยวนและขับไล่ซูจื่อเผยกับจูเหยียนออกไป แล้วเขาก็ทำความสะอาดเรือนจินหยวนอย่างเร่งรีบเพื่อแสดงน้ำใจของเขา

 

เขาหวาดกลัวโดยแท้ ซูหลี่มีความกตัญญูในหลายคราที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้นางเกือบถึงแก่ชีวิต แม้เขาจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง เขาก็ไม่ได้หยุดยั้งมันไว้ เขาทำเพียงมองท่านย่าซู/ฉุยต้อนซูหลี่จนมุม

 

ซูหลี่นั่งอยู่ที่โต๊ะเงียบ ๆ และเล่นพู่กันโดยไม่พูดอะไรสักคำ

 

ซูฮ่วนหลี่ร้อนใจมากกว่าเดิม “อาหลี่ อภัยให้ข้าเถิด! ข้าถูกบังคับ ข้าไม่สามารถหยุดท่านย่าของเจ้าได้! เจ้าจะยกโทษให้ข้าหากข้าคุกเข่าต่อหน้าเจ้าไหม?!”

 

ซูฮ่วนหลี่คุกเข่าลงและร้องไห้

 

ซูหลี่ถอนหายใจเล็กน้อยและพยุงตัวซูฮ่วนหลี่ขึ้น นางเอ่ยนุ่มนวล “ท่านพ่อ ข้าไม่ตำหนิท่านหรอกเจ้าค่ะ ข้าไม่ตำหนิท่านย่าและท่านแม่ด้วยซ้ำ ข้าจะไม่ส่งพวกนางเข้าคุก แต่ข้าเพียงไม่เข้าใจว่าทำไมพวกนางต้องปฏิบัติต่อข้าเช่นนั้น ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยนะเจ้าคะ ข้า…ข้าทำอะไรผิดหรือเจ้าคะ?”

 

ซูหลี่สะอื้นขณะเอ่ยเช่นนั้น ซูฮ่วนหลี่รีบปลอบนางทันที แต่ในใจกลับรู้สึกลิงโลด เขาไม่คิดว่าซูหลี่จะยังเป็นห่วงความสัมพันธ์ในครอบครัวอยู่ เรื่องนี้ง่ายนัก! ทางการยังไม่ตัดสินความผิดทางแพ่ง ตราบใดที่ซูหลี่ไม่ได้ฟ้องร้องพวกเขา ไม่เพียงแค่เขาแต่ท่านแม่ก็คงจะรอดคดีนี้

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด