การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 107

อ่านนิยายจีนเรื่อง การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] ตอนที่ 107 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

LS ตอนที่ ๑๐๗

 

“ห้องเรียนชั้นเอกพิเศษ สาขาหัตถกรรม อาจารย์ซูหลี่!”

 

รอยยิ้มของอู่ชูฉินแข็งค้างไปในทันที อักษรสีแดงสดขยายขนาดในดวงตาของนางราวกับฝันร้าย ซูหลี่กลายเป็นอาจารย์ชั้นพิเศษไปได้อย่างไรกัน?

 

มีชั้นเรียนเพียงชั้นเดียวเท่านั้นที่เป็นชั้นเรียนเอกพิเศษ และปกติอยู่ในความดูแลของอาจารย์ใหญ่กง ซูหลี่คนนี้คือคนเดียวกับซูหลี่คนนั้นงั้นหรือ?

 

อู่ชูฉินเรียกสติของตัวเองอย่างต่อเนื่อง แต่ใบหน้าของนางกลับซีดลงเรื่อย ๆ

 

เพียงไม่กี่วันผ่านมา เวินรั่วหมินก็หยิบงานปักของซูหลี่ไปให้ทางโรงเรียน ในวันนี้อาจารย์ชั้นเรียนเอกพิเศษก็เปลี่ยนคน ซูหลี่คนนี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้แล้ว!

 

“นาง…นางอายุแค่สิบห้าเองนะ มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?”

 

ริมฝีปากของอู่ชูฉินสั่นระริกรุนแรง นางรู้สึกว่าได้ท้าทายซูหลี่อย่างใหญ่หลวงในวันสอบวันนั้น ตอนนี้เป็นตาของนางแล้ว หากซูหลี่ให้เสียงคัดค้านการสอบของนาง อย่างนั้นก็…

 

คิดดังนั้นแล้ว อู่ชูฉินก็มีสายตาพร่าเลือนและกระวนกระวายเสียจนเกือบจะเป็นลมหมดสติ

 

“ซูหลี่มาแล้ว!”

 

“เป็นซูหลี่จริง ๆ ด้วย!”

 

ในตอนนี้ฝูงชนก็ส่งเสียงเซ็งแซ่และหลีกทางให้อย่างเรียบร้อยจนเป็นถนนเส้นหนึ่ง เด็กสาวในชุดสีขาวเรียบเดินมาด้วยอาการสงบนิ่งแผ่รังสีเก่าแก่เรียบง่าย นางมีคิ้วโก่งรับกับดวงตาดำบริสุทธิ์สะท้อนแพขนตางอนหนา ดวงตาของนางงดงามราวกับท้องฟ้าไร้จันทราและดารา จมูกโด่งเล็กรับกับโครงหน้าของนางอย่างสมบูรณ์แบบ

 

นางปล่อยผมยาวสยายระแผ่นหลังราวกับสายน้ำหมึก มีเพียงปิ่นหยกเขียวเรียบ ๆ ปักอยู่กับมวยผมเล็ก ๆ ทรงผมเรียบง่ายทำให้นางดูน่าอัศจรรย์ยิ่ง ราวกับสาวน้อยผู้ออกมาจากภาพวาด งดงามอย่างหาที่สุดมิได้

 

“เป็นสาวน้อยผู้งดงามอะไรเช่นนี้!” อาจารย์หลายท่านที่เห็นซูหลี่เป็นครั้งแรกต่างพากันอัศจรรย์ใจ “หากข้ามีบุตรสาวสวยเช่นนี้ ต่อให้นางเป็นคนโง่ข้าก็ไม่เสียใจแล้ว!”

 

“นางคือซูหลี่งั้นหรือ? นางเป็นอาจารย์ชั้นเรียนเอกพิเศษของโรงเรียนสตรีด้วยอายุเพียงสิบห้าปีและรูปโฉมงดงามถึงขนาดนี้เนี่ยนะ?” คนจำนวนมากที่คิดว่าซูหลี่เป็นสาวน้อยน่าเกลียดแต่เปี่ยมพรสวรรค์ต้องตกใจไปครู่หนึ่ง นางคือเทพธิดาหรือเปล่านะ?

 

ซูหลี่เดินมาที่ตารางจัดการสอนและจดจำตารางสอนของนางไว้ในใจ นางเหลือบมองกลับและเห็นสายตานับสิบจ้องมาจนอดไม่ได้ที่จะย่นคิ้ว เสี่ยวหวูบอกนางว่าวันนี้นางมีสอน นางจึงมาที่นี่เพื่อมาดู แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนมากมายเหลือเกินรอนางอยู่ที่นี่

 

“ซูหลี่ หลายวันนี้เจ้าไปไหนมา? ข้าหาตัวเจ้าไม่พบเลย” เฟิงฉิงรู่เดินมาหาและเอ่ยอย่างชื่นชม “ยินดีด้วยนะ!ข้าได้ยินเรื่องนี้จากท่านอาจารย์แล้วล่ะ”

 

ซูหลี่กัดริมฝีปากเล็กน้อยและแสดงท่าทีอ่อนโยน นางเอ่ยเสียงทุ้ม “มีคนจำนวนมากอยู่ที่นี่ เราพูดเรื่องนี้กันภายหลังที่เรือนของข้าเถอะเจ้าค่ะ”

 

ดวงตาของเฟิงฉิงรู่กระจ่างขึ้นและนางก็พยักหน้าซ้ำๆ

 

“ซูหลี่ ยินดีด้วย!”

 

หนิงฉิงเดินมาหาด้วยความประหลาดใจ ความคิดของนางเปลี่ยนไปจากเจ็ดวันก่อนโดยสิ้นเชิง นางไม่คิดเลยว่าสาวน้อยที่บิดาของนางให้การรับรองด้วยอำนาจทั้งหมดที่มีจะเปี่ยมพรสวรรค์เช่นนี้ แม้แต่อาจาย์ใหญ่กงยังยกตำแหน่งของตนให้กับซูหลี่อย่างเต็มใจ

 

นางรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน เพราะถ้าบิดาของนางไม่ยืนกรานก่อน นางก็ไม่มีวันเห็นด้วยกับเขา ตอนนี้นางคิดถึงเรื่องนี้แล้ว หากซูหลี่ยังอยู่ในเมืองต้าซูตลอดชีวิตจริง ๆ ก็เหมือนกับเพชรในตม ตอนนี้นางมาอยู่บนสังเวียนใหญ่ขึ้นแล้ว เพชรเม็ดนี้ได้เปล่งประกายเจิดจรัสอย่างที่สมควรเป็นเสียที

 

โรงเรียนสตรีชิงเหอไม่เคยมีอาจารย์ประจำชั้นเอกพิเศษอายุเพียงสิบห้าปีมาก่อนนับตั้งแต่ก่อตั้งมา ตอนนี้หนิงฉิงเองก็เชื่อแล้วว่าสังหรณ์บางอย่างของบิดานางอาจจะเป็นเรื่องจริง…

 

เห็นหนิงฉิงแล้ว ซูหลี่ก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากท่านและท่านอาจารย์เจ้าค่ะ หลายวันมานี้ข้ามัวยุ่งอยู่กับการปรับตัวให้คุ้นชินกับกฎของโรงเรียน หลังเวลาสอนวันพรุ่งนี้ข้าจะมาขอบคุณท่านเป็นการส่วนตัวนะเจ้าคะ”

 

หนิงฉิงรู้สึกดี ๆ กับซูหลี่มากขึ้นเมื่อได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้น นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ตกลง ข้าจะเตรียมชงชาใหม่ในปีนี้ไว้ต้อนรับเจ้านะ”

 

คนมากมายกรูเข้ามาด้วยความอยากสนทนากับซูหลี่ แต่ก็ยังหาโอกาสเหมาะไม่ได้ พวกเขาทำได้เพียงมองซูหลี่เดินจากไปพร้อมกับเฟิงฉิงรู่

 

ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูหลี่ไม่ได้มองอู่ชูฉินแม้แต่น้อย อู่ชูฉินยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ราวกับหุ่นเชิด สีหน้าของนางซีดขาว แต่นางกลับรู้สึกโล่งใจ

Yes, she was already the special-class lecturer, and how could she deal with such a small potato again. She might disdain to embarrass her even on the second-class lecturer’s examination. And embarrassing her was too incompatible with her identity and self-cultivation.

ใช่แล้ว นางเป็นอาจารย์ชั้นเรียนพิเศษแล้ว ทำไมนางถึงต้องมาจัดการกับเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้อีกด้วยเล่า นางอาจดูถูกเป็นการทำให้นางรู้สึกอับอายแม้กระทั่งในการสอบของอาจารย์ชั้นโท และการทำให้นางอับอายก็เป็นเรื่องเหนือตัวตนและนิสัยของนางไป

 

ขณะรู้สึกว่าเหมือนหลบพ้นหายนะมาได้ อู่ชูฉินก็ไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกเกลียดชังซูหลี่มากขึ้น

 

“ซูหลี่ อย่าคิดว่าเป็นอาจารย์พิเศษแล้วจะสบายตลอดไปนะ เหล่าศิษย์ในชั้นเรียนเอกพิเศษนั่นไม่ได้รับมือง่าย ๆ หรอก!”

 

อู่ชูฉินพึมพำอย่างเดือดดาลและจากไปพร้อมกับสีหน้ามึนตึง เหล่าอาจารย์ที่แสดงความยินดีกับนางเมื่อก่อนหน้านี้ต่างพากันยืนถอยห่างออกไปราวกับหลบเลี่ยงเชื้อโรค เป็นที่รู้กันดีว่านางตั้งตัวเป็นศัตรูกับซูหลี่

 

ซูหลี่ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะไม่ทำ…

 

ซูหลี่เดินนำเฟิงฉิงรู่ไปที่เรือนของนาง เฟิงฉิงรู่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาซูหลี่ที่ได้อยู่ในเรือนอันเงียบสงบและงดงามแห่งนี้ การปฏิบัติต่ออาจารย์ชั้นพิเศษช่างดีเลิศเสียจริง

 

“อ้อจริงสิ ซูหลี่ เมื่อไหร่เจ้าจะไปที่ร้านปักเย็บล่ะ?”

 

เฟิงฉิงรู่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นหลังมองรอบ ๆ

 

ซูหลี่ยังคงรินชาและเอ่ยเสียงต่ำ “ข้าจะไปที่นั่นเพื่อการใดหรือเจ้าคะ? ข้าไม่ใช่ช่างในร้านปักเย็บเสียหน่อย”

 

แม้แต่ในชีวิตชาติที่แล้ว ซูหลี่ก็ไม่ใช่ช่างอย่างเป็นทางการของร้านปักเย็บในเมืองชิงเหอ แม้นางจะมีทักษะปักเย็บเป็นเลิศ แต่นางก็ไม่อาจมีชื่อเสียงขึ้นมาได้จวบจนวันสุดท้ายเนื่องจากอุปสรรคหลายสิ่ง และเงินเดือนของนางก็ต้อยต่ำกว่าช่างปักเย็บคนอื่น ๆ มากนัก

 

เฟิงฉิงรู่ตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่นางพูด นางจึงถามด้วยอาการพิกล “ไม่ใช่งั้นหรือ? เจ้ามีฐานะเป็นอาจารย์และเป็นอาจารย์พิเศษวิชาหัตถกรรมในโรงเรียนสตรีชิงเหอเชียวนะ จริง ๆ แล้วเจ้าคือเจ้าของร้านปักเย็บเลยล่ะ! ท่านอาจารย์ไม่ได้บอกเจ้าหรือ?”

 

ซูหลี่อึ้งงัน นางเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าสับสน นางจำได้ว่าวันนั้นนางกำลังฟุ้งซ่านอยู่ต่อหน้ากงเซียงจวิน ดูเหมือนว่านางได้ยินคำพูดเช่นนี้อยู่

 

เฟิงฉิงรู่เห็นสีหน้าของซูหลี่แล้วก็พลันระเบิดหัวเราะ “เจ้าเป็นเจ้าของร้านปักเย็บมาเจ็ดวันแล้ว แล้วเจ้าก็ไม่ได้ไปเห็นที่นั่นเลย เหล่าช่างปักเย็บในร้านปักเย็บพากันกลัวเจ้าจนตัวสั่น ข้าคิดว่าพวกเขาคงทำอะไรบางอย่างที่ทำให้เจ้าไม่พอใจเป็นแน่ กลับไม่คาดคิดว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้ ฮ่า ๆๆๆ เจ้าทำให้ข้าหัวเราะจนตายได้เลยนะ”

 

ซูหลี่รู้สึกกระอักกระอ่วน กงเซียงจวินช่างล้ำลึกจริง ๆ นางไม่เพียงแต่จะมอบตำแหน่งอาจารย์ชั้นพิเศษให้ แต่ยังมอบร้านปักเย็บให้อีก

 

งานอาจารย์พิเศษช่างเรียบเรื่อย แต่งานในร้านปักเย็บกลับเป็นเรื่องยากที่จะเอ่ย เมื่อถึงตอนนี้นางก็ไม่รู้เลยว่าตนเองได้กำไรหรือกำลังตกหลุมพรางอยู่กันแน่

 

“อะไรกัน? เจ้าไม่อยากเป็นเจ้าของร้านปักเย็บงั้นหรือ?”

 

เฟิงฉิงรู่มองซูหลี่ที่มีท่าทีหม่นหมองแล้วก็พลันเอ่ยอย่างโกรธเคือง “หากช่างปักเย็บคนอื่นในร้านปักเย็บมาเห็นสีหน้าเจ้าตอนนี้ล่ะก็ พวกเขาต้องโมโหเจ้าแน่! เจ้ารู้ไหมว่าตำแหน่งเจ้าของร้านปักเย็บมันมีมาเพื่ออะไร?”

 

ซูหลี่ยกถ้วยชาขึ้นจิบพลางถอนหายใจเอ่ย “มันคือตำแหน่งช่างปักเย็บชั้นยอดในมณฑลชิงเหอเจ้าค่ะ ตำแหน่งนี้เทียบเท่ากับเจ้าเมืองได้เลยหากไม่คำนึงถึงกฎหมาย! ท่านอาจารย์กงช่างเมตตาข้าจริง ๆ”

 

“เจ้าก็รู้นี่” เฟิงฉิงรู่เบิกตากว้างเล็กน้อย “แต่เจ้าก็ยังไม่อยากเป็นเจ้าของร้านงั้นหรือ?”

 

ซูหลี่ยิ้มพลางส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากนะเจ้าคะ แต่ข้าไม่มีสิทธิ์เป็น มีคนมากมายในตระกูลชั้นสูงอยู่ทั้งร้าน ข้าเกรงว่ามันจะเป็นปัญหาหากข้าเป็นเจ้าของร้านด้วยฐานะทางครอบครัวเช่นนี้ของข้า”

 

 

 

“นั่นก็ไม่เป็นไร!”

เฟิงฉิงรู่เอ่ยอย่างแข็งขัน “ด้วยทักษะการปักของเจ้าแล้ว เจ้ามีสิทธิ์เป็นเจ้าของร้านได้เลย ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้ว แถมอาจารย์ยังจะสนับสนุนเจ้าอยู่เบื้องหลังด้วย ไม่มีใครว่าอะไรเจ้าได้หรอก ข้าไม่เห็นว่าอาจารย์จะต้องทำอะไรหลายอย่างเลย มีแค่ตอนที่ร้านปักเย็บรับคำสั่งที่ยากเกินกว่าจะทำได้เท่านั้นล่ะ เจ้าของร้านจึงจะเป็นคนจัดการ เจ้าเองก็จะได้รับเงินปันผลจากร้านปักเย็บไปหนึ่งส่วน ทุกปีเจ้าสามารถเดินทางไปอวิ๋นจิงเพื่อร่วมงานประชุมหัตถกรรมระดับมณฑลด้วยนะ เจ้าจะได้ผลประโยชน์อะไรหลายอย่างเลย อย่างี่เง่าหลบเลี่ยงมันเลยน่า!”

 

เฟิงฉิงรู่บอกซูหลี่เกี่ยวกับสิทธิทุกอย่างที่เจ้าของร้านจะได้รับ ซูหลี่ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปอีก ทำไมกงเซียงจวินถึงได้มอบตำแหน่งที่สำคัญยิ่งให้กับนางราวกับเล่นขายของอยู่นะ?

 

จุดประสงค์ที่แท้จริงของนางคืออะไรกันแน่?

 

หรือนางรู้ตัวว่าตนเองอาจจะอยู่ได้ไม่นาน ก็เลยเดิมพันกับนางไว้?

 

ซูหลี่ตกอยู่ในภวังค์ มองเฟิงฉิงรู่ที่ใจกว้างและไม่เหมือนกับคนที่นางเจอเมื่อชาติที่แล้ว นางก็มีความรู้สึกราง ๆ ว่าบางสิ่งที่เหนือธรรมดาจะต้องเกิดขึ้นกับนางในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นั่นจะนำไปสู่ความเปลี่ยนเเปลงอย่างใหญ่หลวงต่อนิสัยของเฟิงฉิงรู่ จากนั้นนางก็จะกลายเป็นเจ้าของร้านปักเย็บไป

 

“เอาล่ะ ก่อนจะถึงตอนนั้น ให้ข้าขจัดอุปสรรคบางอย่างให้นางก่อน”

 

ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจและทำให้นางสงบลง “ข้าจะคอยดูในวันมะรืนนี้เจ้าค่ะ วันพรุ่งนี้ข้าจะไปขอเยี่ยมท่านอาจารย์และไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่นะเจ้าคะ”

 

เฟิงฉิงรู่รู้สึกประหลาดใจกับอาการสงบนิ่งฉับพลันของซูหลี่ แต่เมื่อนางได้ยินว่าซูหลี่ไม่ได้ลังเล นางก็รู้สึกดีใจไปกับนางด้วย นางคะยั้นคะยอซูหลี่ซ้ำๆ ว่าให้เก็บกระดานปักร้อยไว้ให้ชั้นเรียนก่อนจะออกไป

 

ฟิ้ววว

 

“คุณหนู ลมแรงเจ้าค่ะ เข้ามาในห้องก่อนจะได้ไม่เป็นหวัดนะเจ้าคะ…”

 

ซูหลี่ก้าวขึ้นชั้นสองโดยไม่เอ่ยอะไรทั้งสิ้น นางมองต้นไม้ในสวนที่โอนเอนอย่างน่ากลัวและถอนหายใจเบา ๆ อยู่ในใจ

 

เห็นได้ชัดเจน…ว่าลมฝนกำลังจะมา

 

ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วหมู่อาจารย์ ในคืนนั้นเองข่าวที่ว่า สาวน้อยอายุสิบห้าปีได้กลายเป็นอาจารย์ประจำชั้นเรียนเอกพิเศษของโรงเรียนสตรี ก็ได้แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนสตรีชิงเหอ แม้แต่คนในโรงเรียนบุรุษยังได้ยินเรื่องนี้

 

ในจวนเจ้าเมือง สตรีชุดแดงกำลังเหงื่อไหลโซมกาย นางหยิบคันธนูเหล็กกล้าคันใหญ่ดำเมื่อมข้างกายขึ้นและเหนี่ยวสายไปข้างหลังจนตึงเท่าที่จะตึงได้อย่างง่ายดาย

 

“ฉึกก!”

 

ลูกศรพุ่งออกไปและปักเข้าที่หัวใจสีแดงของเป้าหมายพอดี!

 

“แปะๆๆ!”

 

สาวใช้ตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายวางแล่งธนูลงและพลันปรบมือ “คุณหนู ฝีมือท่านยอดเยี่ยมนักเจ้าค่ะ ท่านยิงเข้าเป้าอีกแล้ว!”

 

สาวน้อยชุดแดงมองสาวใช้ตัวน้อยโดยไม่พูดอะไรแล้ววางคันธนูลง นางมองคันธนูสีเงินอย่างไม่รู้ตัวและนิ่งอึ้งอยู่นาน แต่ในที่สุดก็ไม่กล้าหยิบมันมา

 

บิดาของนางกล่าวไว้ว่าเมื่อใดที่นางสามารถง้าวคันศรและยิงเป้าที่อยู่ห่างออกไปสองร้อยศอกได้ นางก็จะเป็นอิสระ

 

ตอนนี้นางทำไม่ได้แม้กระทั่งหยิบคันศร มันยากเกินไป เห็นชัดว่าบิดาของนางจงใจจำกัดให้ทำในสิ่งที่อยู่เหนือพลังของนาง!

 

“คุณหนู ท่านควรไปเข้าเรียนวันพรุ่งนี้นะเจ้าคะ พรุ่งนี้เป็นวิชาหัตถกรรมเจ้าค่ะ”

 

สาวใช้ตัวน้อยเอ่ยเตือนนาง สาวน้อยชุดแดงพยักหน้ารับอย่างส่ง ๆ พลางเอ่ยพึมพำ “ข้าไม่รู้ว่าทำไมข้าต้องเรียนวิชาเย็บปักถักร้อยด้วย แม่นางกู่ไม่เคยเรียนวิชาหัตถกรรมเลย และนางก็ได้เป็นแม่ทัพหญิง หญิงแก่นั่นบอกว่าข้าคิดผิด…”

 

สาวใช้ตัวน้อยได้ยินคำพูดของนางจนยิ้มออกมาทันที นางจึงเอ่ยสวนกลับ “คุณหนู ท่านคิดผิดแล้วเจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าอาจารย์ประจำชั้นเรียนเอกพิเศษเปลี่ยนคนไปแล้ว ไม่ใช่แม่บ้านกงแล้วเจ้าค่ะ”

 

เปลี่ยนคน?

 

สาวน้อยชุดแดงประหลาดใจและรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที “หญิงแก่นั่นสบายดีไหม? นางมีปัญหาสุขภาพกายหรือเปล่า? ทำไมท่านพ่อไม่บอกข้าเลยล่ะ?”

 

สาวใช้ตัวน้อยระเบิดหัวเราะในทันที คุณหนูช่างพูดจาขวานผ่าซากนัก แต่ความจริงแล้วนางยังคงเป็นห่วงแม่บ้านกงมาก

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ! เป็นเพราะแม่บ้านกงคิดว่านางชราแล้ว นางก็เลยแต่งตั้งอาจารย์เป็นการส่วนตัว ข้าได้ยินมาว่าอาจารย์ผู้นั้นมีอายุแค่สิบห้าปี อายุเท่ากับคุณหนูเลยเจ้าค่ะ”

 

สาวน้อยชุดแดงเบิกตาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น “อาจารย์อายุสิบห้าปี! หญิงแก่นั่นล้อข้าเล่นหรือเปล่านี่?”

 

สาวใช้ตัวน้อยแลบลิ้น “ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะคุณหนู แล้วท่านจะรู้เองเมื่อท่านไปโรงเรียนในวันพรุ่งนี้น่ะเจ้าค่ะ”

 

“ก็ได้!” สาวน้อยชุดแดงสะบัดสะบิ้ง “แม้ส่วนใหญ๋ข้าจะทุ่มเทไปกับทักษะวรยุทธ์ แต่ข้าก็ไม่อาจพ่ายแพ้ในวิชาหัตถกรรมให้กับคนรุ่นราวคราวเดียวกันได้! ข้าจะคอยดูว่าอาจารย์คนนั้นมีดีอะไรบ้าง”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด