ยัยน่ารักนักสะสมของแถม – ตอนที่ 49 ผู้หญิงบ้ากับคนโรคจิต

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยัยน่ารักนักสะสมของแถม ตอนที่ 49 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ยัยน่ารักนักสะสมของแถม ตอนที่ 49 ผู้หญิงบ้ากับคนโรคจิต

 

ตอนที่ 49 ผู้หญิงบ้ากับคนโรคจิต

 

“อะไรนะ คุณอยากซื้อ?”

 

พอเห็นอวี่หนานเฉิงปกป้องเธอ เซิ่งอั้นหรานก็ทําได้แค่ยอมแพ้และตวัดสายตามองเซิ่งเสี่ยวซิง” ครั้งนี้แม่จะยอมให้ แต่เซิ่งเสี่ยวซิง แม่จะลดเงินเดือนหน้าของลูก”

 

เซิ่งเสี่ยวซิงหน้ามุ่ย อวี่จิงซีดึงแขนเสื้อและกะพริบตาให้เธอ บอกว่าเขารวยและเธอก็ยิ้มอีกครั้ง

 

เซิ่งอั้นหรานกําลังจะบอกอวี่หนานเฉิงว่าเขาไม่ควรทําแบบนี้กับเด็ก แต่สายโทรศัพท์กลับดังขึ้นก่อน และทันทีที่เธอกดปุ่มรับ เสียงจอแจจากอีกปลายสายก็ดังขึ้นพร้อมเสียงผู้หญิง

 

“อั้นหราน อยู่บ้านไหม รีบมาหาฉันเร็ว”

 

หลังถามสองประโยค สีหน้าเซิ่งอั้นหรานก็เปลี่ยนไป” อะไรนะ? ทําไมเธอ”

 

ด้วยอวี่หนานเฉิงข้าง ๆ เธอจึงพูดอะไรไม่ได้มาก เธอรีบวางสายและมองเขา” ฉันมีธุระต้องทํา คุณช่วยดูแลเสี่ยวซิงซิงให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ?”

 

“ได้”

 

“ขอบคุณค่ะ

 

พอพูดคําเหล่านี้ โดยไม่สนว่าอวี่หนานเฉิงจะพูดจบหรือยัง เซิ่งอั้นหรานรีบวิ่งผ่านคิวที่ต่อและตรงไปทางออกด้วยความเร่งรีบ

 

อวี่หนานเฉิงจําต้องกลืนประโยคที่อยากพูดลงไปว่า” มีเรื่องอะไร ฉันจะไปส่งเธอเอง

 

ด้านนอกเป็นชั่วโมงเร่งด่วน แท็กซี่ติดอยู่ครึ่งชั่วโมงก่อนเซิ่งอั้นหรานจะไปถึงสถานีตํารวจสนามบิน ทันทีที่เธอเข้าประตู เธอก็เห็นสาวชุดขาว-ดํานั่งบนเก้าอี้ แว่นกันแดดนั้นไม่สามารถปกปิดความหยิ่งของเธอได้เลย

 

กระโปรงหางปลาเอวสูงสีดําสวมทับเสื้อเชิ้ตขาว และส้นสูง ก้นแดงผิวดําหนา 12 เซนติเมตรก็ทําให้น่องของเธอดูเรียวและแข็งแรง กระเป๋าถือปักเลื่อมเงินในมือเธอสะท้อนแสงเย็น และทั้งตัวก็แผ่อากาศหนาวเย็นสูงออกมา

 

“ซูจิง” เซิ่งอั้นหรานรีบเดินไป” เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ฉันสร้างปัญหางั้นเหรอ?” ถานซูจิงถอดแว่นกันแดด เผยให้เห็นใบหน้าสวย ความโกรธของเธอยังไม่หายไป

 

“ฉันเห็นความอยุติธรรมเลยยื่นมือเข้าจัดการ ฉันเห็นพวกโรคจิตมามาก แต่ไม่เคยเห็นคนโรคจิตที่กล้าถอดกางเกงตอนกลางวันแสก ๆ ในลานจอดรถสนามบินที่มีกล้องมากมายมาก่อน”

 

“หะ? ถอดกางเกงเธอ?” เซิ่งอั้นหรานผงะ และรีบหมุนตัวถานซูจิน ถามอย่างกระวนกระวาย” งั้นเธอเป็นไรไหม? เธอไม่ได้โดนเอาเปรียบใช่ไหม?”

 

“โอ้ ไม่ใช่ฉันหรอก” ถานซูจิงคว้าเซิ่งอั้นหรานจับมือเธอด้วยความรู้สึกชอบธรรม

 

“คนที่โดนเอาเปรียบไม่ใช่ฉันหรอก มันเป็นคนที่ฉันบอกนั่นแหละที่โดนเอาเปรียบ เขากําลังรอให้เพื่อนมารับตัวอยู่”

 

“ใคร?” เซิ่งอั้นหรานหันมองแต่ไม่เห็นใคร

 

“เขาโดนขังไว้ด้านในอยู่ ไม่ใช่ว่าคนแบบนี้ไม่สมควรได้ออกมาสร้างความเดือดร้อนให้สังคมงั้นเหรอ?”

 

“ช่างมันเถอะ” เซิ่งอั้นหรานถอนหายใจ” ในเมื่อเรื่องจบแล้ว ฉันก็จะลงชื่อและรีบกลับ เสี่ยวซิงซิงยังรอฉันอยู่ที่บ้าน”

 

ถานซูจิงเป็นคนอารมณ์ร้อน นอกจากนี้ เธอยังอยู่ในกองทัพมาหลายปีและเป็นคนโมโหร้าย โดยทั่วไป ผู้ชายสามหรือห้าคนยังล้มเธอไม่ได้ เซิ่งอั้นหรานรู้จักเธอเพราะเจอเธอในร้านเหล้าที่ต่างประเทศ ตั้งแต่นั้นมา มันก็มีเหตุการณ์ไม่น้อยที่เธอต้องไปโรงพัก

 

“กระเป๋าเดินทางเธออยู่ไหนละ?”

 

ด้านนอกสถานีตํารวจสนามบิน เซิ่งอั้นหรานถามเธอ

 

พอพูดถึงมัน ซูจิงก็ยกกระเป๋าในมือขึ้น นึกอะไรได้และพูดอย่างกระวนกระวาย

 

“อ่า มันยังอยู่ที่ลานจอดรถ!”

 

เจ้าหน้าที่สนามบินพบกระเป๋าเดินทางและนําไปเก็บที่ห้องเก็บของ กระเป๋าเดินทางอะลูมิเนียมสีแดงดูโดดเด่นมากในกองกระเป๋าเดินทางหาย

 

“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ลืมมันหรอก”

 

ถานซูจิงคว้ากระเป๋าเดินทางและมองเซิ่งอั้นหราน” อืม วันนี้พี่สาวคนนี้อารมณ์ดีมาก ไว้เราค่อยไปรับเสี่ยวซิงซิงกันทีหลังไปอะไรดี ๆ กินกันหน่อยเถอะ”

 

ทั้งสองกลับไปลานจอดรถ ถานซูจิงมักเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ทุกครั้งเธอจะจอดรถไว้ที่นี่ เพื่อให้สะดวกแก่การเดินทางกลับบ้านตอนบินกลับมาจีน

 

หลังเก็บกระเป๋าที่ท้ายรถ ทั้งสองก็กําลังจะขึ้นรถ แต่เซิ่งอั้นหรานพลันได้ยินเสียงคุ้นหูด้านหลังซะก่อน

 

“เราควรพานายไปโรงพยาบาลก่อน”

 

“ไปโรงพยาบาลไหน ฉันจะไปหาทนายความก่อน ซวยจริง ๆ มาเจอคนบ้าซะได้”

 

“แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร?”

 

เสียงต่ำดังก้องในลานจอดรถ เซิ่งอั้นหรานหันหัวไปมองขณะจับประตูรถ เห็นร่างสูงสองร่างยืนคุยกันตรงหน้ารถBMWสีดํา หนึ่งในนั้นคืออวี่หนานเฉิง

 

“อวี่หนานเฉิง?” เซิ่งอั้นหรานอุทานด้วยความแปลกใจ

 

ตอนนี้เขาควรพาเด็ก ๆ กลับบ้านไม่ใช่เหรอ? ทําไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?

 

อวี่หนานเฉิงได้ยินเสียงของเซิ่งอั้นหรานและมองมา สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยตอนเห็นเธอ

 

“ทําไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่?” เซิ่งอั้นหรานบิดประตูรถ เดินมาหาเขาและเห็นคนหนึ่งหลบอยู่หลังเขา ใบหน้าฟกช้ำของเขาไม่สามารถซ่อนลมหายใจที่ปั่นป่วนได้

 

“คุณเกา หน้าคุณไปโดนอะไรมาคะ?”

 

เกาจ้านปิดหน้า เสียงของเขาขมขึ้นมาก” ฉันปิดหน้าอยู่ เธอรู้ได้ไงว่าฉันเป็นใคร? เธอจําผิดคนแล้ว”

 

ถานซูจิงตามมาด้วยความสงสัย จับไหล่ของเซิ่งอั้นหรานและยิ้ม

 

“มีอะไรกัน? เจอคนรู้จักงั้นเหรอ? นี่คือเพื่อนของเธองั้นเหรอ?”

 

“เขาเป็นเจ้านายฉัน ประธานอวี่แห่งกลุ่มเซิ่งถัง”

 

“อ๋อ”

 

“ฉันถานซูจิง” ถานซูจิงพูดแทรกเซิ่งอั้นหรานและยื่นมือไปหาอวี่หนานเฉิง

 

“ฉันเป็นเพื่อนสนิทของอั้นหราน คุณคืออวี่หนานเฉิงสินะคะ? ฉันได้ยินชื่อเสียงคุณมานานแล้ว”

 

อวี่หนานเฉิงเหลือบมองเซิ่งอั้นหรานและจับมือเธออย่างสุภาพ” สวัสดีครับ”

 

“และนี่” สายตาของถานซูจิงหยุดที่ด้านหลังอวี่หนานเฉิง

 

และเกาจ้านก็ค่อย ๆ โผล่หัวออกมา

 

ในอากาศ ทั้งคู่สบตากันและเปลวไฟก็ระเบิดออกมา

 

“ยัยผู้หญิงบ้า”

 

“ไอโรคจิต”

 

คําพูดไม่สุภาพดังขึ้นแทบพร้อมกัน หนึ่งมาจากเกาจ้านอีกหนึ่งมาจากถานซูจิง

 

เซิ่งอั้นหรานตวัดตามองถานซูจิง

 

“นี่ เธอทําอะไร?”

 

“ก็เขาเนี่ยแหละ” ถานซูจิงขี้เกาจ้าน” คนโรคจิตที่ฉันบอกตอนอยู่สถานีตํารวจ

 

“เธอว่าใครเป็นพวกโรคจิต?” เกาจ้านกระโดดออกมาจากด้านหลังอวี่หนานเฉิง ใบหน้าของเขาเขียวปั้ด” เธอกระทืบฉันจนอยู่ในสภาพนี้ เธอสยัยโรคจิต รอจดหมายจากทนายฉันได้เลย ฉันจําชื่อเธอได้ ซูจิงสินะ?”

 

ใบหน้าของเกาจ้านไม่เหลือสภาพเดิมเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของเขายังกลายเป็นเหมือนหมีแพนด้า

 

แม้กระทั่งเซิ่งอั้นหรานที่เคยชินกับความหนักมือของกานซูจิงก็ยังอดมองเขาอย่างเห็นใจไม่ได้ และอวีหนานเฉิงก็ยังก้าวถอยหลังไปสองก้าว ทิ้งระยะห่างระหว่างกานซูจิงกับเกาจ้าน

 

“ก็นายไงพวกโรคจิต? นายไม่ใช่คนที่คอยรอข่มขืนผู้หญิงในลานจอดรถรีไง? ฉันเห็นนายถอดกางเกงกับตา อี้ แค่คิดก็รู้สึกอุบาทว์ลูกตาแล้ว!”

 

เซิ่งอั้นหรานกับอวี่หนานเฉิงหันไปมองเกาจ้านทันควัน

 

โดยปกติ เกาจ้านมักเป็นคนอ่อนโยน และแม้เขาจะชอบแซวสาว ๆ ในบริษัท แต่ทําไมเขาถึงมีด้านมืดแบบนี้?

 

“สายตาแบบนั้นมันอะไรกันหะ?” เกาจ้านโมโห” พวกนายเชื่อที่เธอพูดจริงเหรอ? มันไม่ใช่แบบนั้นเลยโว้ย!”

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด