War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3386

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ ตอนที่ 3386 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 3386 : เผ่ากิเลน!

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เสี่ยวจินยังไม่เต็มใจจะกลับไปยังหุบจันทร์โลหิตสักเท่าไหร่

“ถึงเจ้ายังไม่คิดจะกับไป แต่อย่างน้อยๆเจ้าก็ต้องติดต่อไปบอกคนที่หุบจันทร์โลหิตหน่อยไม่ใช่รึไง หาไม่แล้วทุกคนที่นั้นคงได้คิดว่าข้าลักพาตัวเจ้ากันพอดี”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ด้วย

“เข้าใจแล้วพี่ใหญ่ ข้าจะติดต่อกับจ้าวหุบเอง ยังมีตาแก่เอ่ออาวุโสใหญ่ของเผ่าด้วย”

เสี่ยวจินตอบ ก่อนจะออกมาจากโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียนแล้วง่วนกับการส่งข้อความหาคนที่หุบจันทร์โลหิตอยู่พักหนึ่ง

“เรียบร้อย ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว!”

หลังเหม่อไปไม่นาน เสี่ยวจินก็กลับมารู้สึก จากนั้นก็หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มร่า

“อะไร? คุยเสร็จแล้ว?”

ต้วนหลิงเทียนคิดไม่ถึง ว่าเสี่ยวจินจะกล่อมให้ทางนั้นฟังได้ง่ายขนาดนี้

“ฮ่าๆๆข้าบอกทุกคนไปแหล่ะ ว่าพี่ใหญ่เป็นศิษย์ที่แท้จริงของอาวุโสฟงชิงหยางจักรพรรดสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน และข้าบอกอีกว่าหากไม่เชื่อให้ไปที่พระราชวังจักรพรรดสวรรค์ของจี้เมี่ยเทียนได้เลย”

เสี่ยววจินกล่าวเคล้าเสียงหัวเราะสนุกสนาน “พอข้าบอกไปแบบนี้ทุกคนก็เลยเชื่อ จากนั้นพอรู้ว่าข้าไปอยู่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ทุกคนก็วางใจมาก กระทั่งยังบอกอีกว่า ให้ข้าหาเวลาว่างไปขอคําชี้แนะจากอาวุโสฟงชิงหยางมากๆหน่อย”

“เจ้านี่ หัวไวเป็นลิงเชียว”

ต้วนหลิงเทียนได้แต่คลี่ยิ้มแห้งๆ ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวจินจะกล้ายกอ้างอาวุโสฟงชิงหยางที่เขาเองยังไม่เคยพบเจอออกมาเป็นโล่แบบนี้

ถึงแม้หุบจันทร์โลหิตจะเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ชั้นแนวหน้าของว่านโซ่วเทียน และมีความเป็นมาไม่ธรรมดา

อย่างไรก็ตาม ในสายตาของจ้าวหุบเขาจันทร์โลหิตหรืออาวุโสใหญ่ของหุบจันทร์โลหิต ผู้อาวุโสฟงชิงหยางก็ยังเป็นตัวตนที่พวกมันไม่อาจเอื้อม..การที่เสี่ยวจินได้มีโอกาสพบเจอชิดใกล้ทําความรู้จักกับตัวตนระดับนี้ จ้าวหุบจันทร์โลหิตรวมถึงอาวุโสใหญ่ของหุบจันทร์โลหิต ย่อมเห็นว่ามีแต่เรื่องดี

“เอ๋? ไฉนเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ไม่ตอบข้านะ…นี่พวกมันทั้งคู่คงไม่หาโอกาสหนีไปจี้เมี่ยเทียนได้แล้วหรอกนะ?”

ไม่นานนักเสี่ยวจินก็อุทานออกมาด้วยความแปลกใจ “พี่หลิงเทียน พวกเราย้อนกลับไปจี้เมี่ยเทียนก่อนดีไหม แล้วส่งข้อความไปหาเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋ดู…ว่าทั้งคู่ใช่แอบหนีไปจี้เมี่ยเทียนได้แล้วหรือไม่?”

ทว่าในเวลาเดียวกันกับที่เสียงของเสี่ยวจินดังจบคํานั้นเอง

ลูกตาต้วนหลิงเทียนพลันหดเล็กลงเร็วไว ใบหน้าฉายชัดถึงความตื่นเต้นออกมา

“ท่านพ่อ!?”

เนื่องเพาะในเวลานี้ต้วนหลิงเทียนพลันได้ยินเสียงของต้วนซือหลิงดังขึ้นในโลกใบเล็ก “ท่านพ่อ เป็นท่านปู่ส่งข้อความตอบกลับมาแหล่ะ…ท่านปูบอกว่าตอนนี้ท่านปูอยู่ในเผ่ากิเลน”

ท่านปู่ที่ต้วนซือหลิงกล่าวถึง ย่อมเป็นบิดาของต้วนหลิงเทียนต้วนหรูเฟิง!

“ท่านพ่อ?”

ได้ยินคําอุทานด้วยความตกใจอย่างเสียอาการของต้วนหลิงเทียน เสี่ยวจึงก็อดตะลึงไม่ได้ “พี่ใหญ่หลิงเทียน…ใช่..ท่านลุงหรูเฟิงหรือไม่!?”

“เสี่ยวจิน เจ้ารู้จักเผ่ากิเลนรึเปล่า?”

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามเสี่ยวจินอย่างรีบร้อน ตราบใดที่ไม่ใช่คนหูตึง ย่อมได้ยินความตื่นเต้นในน้ําเสียงของต้วนหลิงเทียนชัดเจน

“เผ่ากิเลนเหรอ?”

เสี่ยวจินขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่…ท่านลุงหรูเฟิง คงไม่ใช่ว่าอยู่เผ่ากิเลนหรอกนะ?”

“ใช่”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ซือหลิงพึ่งบอกข้ามาว่าได้รับการติดต่อกลับจากท่านปู่ และท่านปู่ของนางก็บอกว่าอยู่ในเผ่ากิเลน”

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะสามารถส่งข้อความติดต่อถึงต้วนหรูเฟิงและคนอื่นๆได้โดยอาศัยลูกแก้ววิญญาณของต้วนหรูเฟิงและคนอื่นๆเป็นสื่อ

อย่างไรก็ตามต้วนหรูเฟิงกับคนอื่นๆก็ไม่อาจติดต่อกลับมาหาต้วนหลิงเทียนได้ เพราะตอนนี้ทุกคนไม่มีลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียนพกติดตัว ดังนั้นต่อให้ได้รับข้อความจากเขา ก็ไม่อาจตอบเขาได้โดยตรง

อย่างไรก็ตามถึงต้วนหรูเฟิงและคนอื่นๆจะไม่มีลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีลูกแก้ววิญญาณของต้วนซือหลิงหรือเฟิ่งเทียนหวู่

เพราะทุกคนได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกันตั้งแต่อยู่ในดินแดนการล่มสลายของทวยเทพแล้ว และเซี่ยเจี๋ยเป็นคนหาลูกแก้ววิญญาณคุณภาพระดับใช้กันในแดนเทพมามอบให้ทุกคนด้วยตัวเอง

ทําให้คนที่มีลูกแก้ววิญญาณของต้วนซือหลิง ก็สามารถติดต่อต้วนซือหลิงได้หากอยู่ในระนาบเทวโลกเดียวกัน อันที่จริงก็แค่ติดต่อถึงเจ้าของลูกแก้ววิญญาณทุกคน ผู้ใดตอบ ก็หมายความอยู่ในระนาบเทพโลกเดียวกันทันที

“พี่ใหญ่ ท่านลองถามท่านลุงหรูเฟิงดูสิ ว่าไฉนถึงไปอยู่เผ่ากิเลนได้”

เสี่ยวจินหันไปมองกล่าวแนะต้วนหลิงเทียน สีหน้าของนางยังจริงจังขึ้นไม่น้อย

“ได้”

ได้ยินคําแนะของเสี่ยวจิน ต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมาอยู่กับตัว พยายามระงับความตื่นเต้นในใจ และส่งข้อความไปหาบิดาอย่างต้วนหรูเฟิงอีกครั้ง ยังถามว่า “ท่านพ่อ ไฉนท่านถึงไปอยู่ในเผ่ากิเลนได้? แล้วท่านอยู่ในเผ่ากิเลนมีปัญหาใดหรือไม่? ตอนนี้ปลอดภัยดีไหม?”

ขณะเอ่ยถาม น้ําเสียงของต้วนหลิงเทียนก็เจือความกังวลไม่น้อย

เพราะสุดท้ายแล้ว ที่แห่งนี้ก็คือว่านโซ่วเทียน เป็นแหล่งรวมสัตว์อมตะทั้งมวล หามนุษย์ได้ยากนัก

เดิมที่ต้วนหลิงเทียนคิดว่า จะบิดาเขาต้วนหรูเฟิง มารดาเขาลี่หลัวหรือภรรยาอย่างลี่เฟย ลูกชายต้วนเนี่ยนเทียน และคนอื่นๆก็ไม่น่าจะอยู่ในว่านโชวเทียนได้ไม่คิดเลยจริงๆว่าบิดาเขา ต้วนหรูเฟิง กลับอยู่ในว่านโซ่วเทียนอย่างเหนือความคาดหมาย

“ท่านพ่อ ท่านบอกสถานการณ์ของท่านในตอนนี้กับซือหลิงด้วย”

ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความไปแจ้งต้วนหรูเฟิงเพิ่มเติม

“ซือหลิง หลังจากท่านปู่ส่งข้อความตอบกลับแล้ว เจ้ารีบบอกพ่อทันทีนะ”

ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกต้วนซือหลิง

“ได้ท่านพ่อ”

อย่างไรก็ตาม หลังต้วนซือหลิงตอบรับแล้ว นางก็เงียบไปนานสองนาน จนทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกังวลอยู่บ้าง “ซือหลิง ปู่เจ้ายังไม่ส่งข้อความติดต่อกลับมาอีกหรือ?”

“เอ่อ? ส่งแล้วส่งกลับมาแล้ว”

ได้ยินคําตอบของต้วนซือหลิง ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่าสตินางไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และนี่ทําให้ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วย่นยู่ทันที ที่แท้ท่านพ่อของเขาบอกอะไรต้วนซือหลิงกันแน่…ไฉนถึงทําให้ซือหลิงใจลอยไปแบบนั้น?

“ซือหลิง ปู่เจ้าว่าอย่างไรบ้าง?”

ต้วนหลิงเทียนเร่งถามอย่างร้อนใจ

“ท่านพ่อ ท่านปู่ตอบกลับมาว่า ตอนนี้ท่านปู่สบายดี ไม่มีอันตรายใดๆ ปลอดภัยไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง…”

ต้วนซือหลิงกล่าวตอบ

“ปลอดภัย! ท่านพ่อบอกข้าว่าปลอดภัยดี ไม่มีอะไรต้องห่วง”

ต้วนหลิงเทียนเร่งบอกต่อเสี่ยวจินทันที และหลังจากเสี่ยวจินได้ยินเรื่องนี้ ท่าที่จริงจังของนางก็แลดูผ่อนคลายลง “ดีเลย ไม่มีเรื่องเช่นนี้ดียิ่ง”

“เสี่ยวจิน ทําไมพอเจ้าได้ยินว่าท่านพ่ออยู่ในเผ่ากิเลน เจ้าถึงดูเครียดนักล่ะ?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พี่ใหญ่หลิงเทียนท่าน…คงไม่ใช่ว่าไม่รู้หรอกนะว่าตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์ของว่านโซ่วเทียนเป็นคนของเผ่ากิเลนน่ะ?”

เสี่ยวจินมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจ

“เอ่อ…ข้าไม่รู้จริงๆนั่นล่ะ”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา ขณะเดียวก็ลอบตกใจไม่น้อย

จักรพรรดิสวรรค์คนปัจจุบันของว่านโซ่วเทียน มิคาดกับเป็นคนของเผ่ากิเลน เช่นนั้นหมายความว่าตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในว่านโซ่วเทียนก็คือคนของเผ่ากิเลนไม่ใช่หรือไง!?

สิ่งนี้ไฉนเขาจะไม่รู้ว่ามันมีความหมายอย่างไร

หมายความว่าเผ่ากิเลนนั้น ก็คือขุมกําลังของจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโชวเทียน!

เมื่อตัวจักรพรรดิสวรรค์เองก็มีทั้งเผ่ากิเลนหนุนหลังกับขุมกําลังของตัวอย่างพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ กล่าวได้ว่ามันมีขุมกําลังส่วนตัวถึง 2 ขุมกําลัง สิ่งนี้ต่างกันใหญ่หลวงกับ 2 ขุมกําลังอย่างพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียนกับวังเทียนฉือ

เพราะอย่างหลังนั้น จักรพรรดิสวรรค์อู่หยาเทียนกับจ้าววังเทียนฉือแค่เกี่ยวพันกันทางสายเลือดเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เผ่ากิเลนสําหรับจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโซ่วเทียนนั้นเรียกว่าเป็นเผ่าพันธุ์ของตัวเองเลย เรียกว่าพร้อมจะช่วยสนับสนุนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์อย่างสุดกําลัง

“เผ่ากิเลนนับว่าเป็นนายเหนือแห่งว่านโชวเทียนอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าเผ่ามังกรจะมีภูมิหลัง และประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะกล้าต่อกรกับเผ่ากิเลนง่ายๆ”

เสี่ยวจินถอนหายใจพลางกล่าว “สําหรับหุบจันทร์โลหิตของข้า…สู้กับเผ่ากิเลนไม่ได้เลย”

“นอกจากนั้นจักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโชวเทียนยังเป็นสัตว์เทพของงเผ่ากิเลนอีกด้วย มันคือกิเลนโกลาหล ว่ากันว่ากิเลนโกลาหลนั้นจะเกิดมาพร้อมกับ 1 ใน 5 เทพเบญจธาตุอย่างเพลิง เทพโกลาหล และเป็นเช่นนี้มาแล้วทุกรุ่น…”

“ที่สําคัญร่ําลือกันว่า เพลิงเทพโกลาหลที่จะถือกําเนิดขึ้นมาพร้อมกิเลนโกลาหลยังไม่ใช่เพลิงเทพโกลาหลระดับต่ําอีกด้วย”

พอเสี่ยวจินกล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของนางก็เคร่งขรึมจริงจังนัก

“จักรพรรดิสวรรค์แห่งว่านโซ่วเทียน เมื่อหลายปีก่อนก็ถูกจัดให้ติดอยู่ใน 10 อันดับแรกของรายนามจักรพรรดิสวรรค์แล้วตอนนี้นับจากวันนั้นก็ผ่านมาหลายปี หลังฝีมือสมควรกล้าแข็งขึ้นไม่น้อย”

เสี่ยวจินกล่าว

“กิเลนโกลาหล? เกิดมาพร้อมเพลิงเทพโกลาหล? แถมไม่ใช่เพลิงเทพโกลาหลระดับต่ําอีก?”

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลง “เกิดมาพร้อมเพลิงเทพโกลาหล ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เพลิงเทพโกลาหลต้องปรับปรุงร่างของกิเลนโกลาหลให้เหมาะที่สุด เทพเบญจธาตุที่เติบโตพัฒนามาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ กระทั่งให้เป็นตัวตนระดับเทพเองก็ไม่พ้นถูกยั่วใจ…”

“ในระนาบเทวโลก น้อยคนที่สามารถเป็นศัตรูกับเผ่ากิเลนและยากจะจัดการกิเลนโกลาหล ได้แต่หากนับกันในระนาบเทพ เกรงว่าคงมีคนที่จัดการเผ่ากิเลนและฆ่ากิเลนโกลาหลเพื่อช่วงชิงเพลิงเทพโกลาหลได้ง่ายๆกระมัง?”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม

และนี่ยังเป็นสิ่งที่เขาสงสัยที่สุด

ในตอนที่เขาอยู่ในสมรภูมิอเวจี ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหน ต่อให้จะมาขุมกําลังที่แข็งแกร่งแค่ไหน ไม่เว้นเป็นลูกหลานจักรพรรดิสวรรค์ สุดท้ายหากเป็นผู้ถือครองเทพเบญจธาตุ ทั้งหมดก็จําต้องปกปิดตัวตนอย่างมิดชิด

เดิมทีตอนที่พบเจอพยัคฆ์เทพวารีพิสุทธิ์ของเผ่าพยัคฆ์ขาวนั้น เขาก็ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย แต่พออีกฝ่ายมั่นใจว่าต้องจัดการพวกเขาได้แน่ ก็เลยเปิดเผยตัวตนออกมาอย่างไม่คิดอะไร

ไม่ต้องกล่าวถึงสมรภูมิอเวจีที่มีแต่จอมราชันอมตะเลยย

ภายใต้สถานการณ์ปกติ ต่อให้เป็นสมรภูมิ 9 ยมโลกที่เหล่าจักรพรรดิอมตะมารวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิอมตะที่แน่มาจากไหน ต่อให้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ที่มีชื่ออยู่นันดับต้นๆของรายนามจักรพรรดิสวรรค์ ก็ไม่กล้าเปิดเผยตัวตนออกมาง่ายๆหากมีเทพเบญจธาตุไว้ในครอบครอง

เพราะทันทีที่เรื่องเทพเบญจธาตุถูกเปิดเผยออกมา เป็นไปได้สูงที่จะถูกตัวตนระดับเทพลงมาจากระนาบเทพและเข่นฆ่าแย่งชิงในวันหน้า

เพราะเทพเบญจธาตุก็ทําให้เหล่าตัวตนขอบเขตพลังเทพบนระนาบเทพบ้าคลั่งได้เช่นกัน

“พี่ใหญ่หลิงเทียนไอ้ที่ท่านกล่าวมามันก็ใช่อยู่แหล่ะ…แต่หากข้าบอกท่านว่า ตอนนี้หนึ่งในตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์และโลก คือคนที่มาจากเผ่ากิเลนเล่า?”

เสี่ยวจินย้อนถาม

“อะไร!?”

ได้ยินคําพูดของเสี่ยวจิน ทําให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจไปอยู่บ้าง ทว่าผู้เฒ่าหัวที่อยู่ข้างต้วนหลิงเทียนนั้น แต่ต้นจนจบล้วนนิ่งสงบไม่ได้ออกอาการอะไรแม้จะได้ยินเรื่องนี้จากเสี่ยวจิน

“ผู้เฒ่าหัว ท่านรู้เรื่องพวกนี้แต่แรกแล้วหรือ?”

พอเห็นว่าผู้เฒ่าหัวไม่ได้แปลกใจอะไร ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยถามออกไปอย่างไม่รู้ตัว

“อืม”

ผู้เฒ่าหัวพยักหน้า “ข้าเคยได้ยินใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์พูดถึงครั้งหนึ่ง”

“ไม่คิดเลย…ไม่คิดเลยจริงๆ”

ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกแล้วเฮือกเล่า เขาคาดไม่ถึงว่าเผ่ากิเลนที่บิดาของเขา ต้วนหรูเฟิง อาศัยอยู่จะมีภูมิหลังระดับนี้

เผ่ากิเลน นับเป็นขุมกําลังที่ทรงพลังที่สุดในระนาบเทวโลกเท่าที่ต้วนหลิงเทียนเคยรู้จักมา

เผ่ามังกรหุบจันทร์โลหิต ไม่อาจเทียบได้เลย

แม้จะเป็นพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน เว้นเสียแต่จะไม่นับผู้แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่เบื้องหลังเผ่ากิเลน หาไม่แล้วก็เทียบกับเผ่ากิเลนไม่ได้เลย

เผ่าพันธุ์สัตว์อมตะที่มีตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่เบื้องหลัง

เผ่าสัตว์อมตะเช่นนี้ ให้จับไปอยู่ในระนาบเทวโลกใดก็ไม่ต่างจากขาใหญ่ ไร้ผู้ใดกล้าหือ!

“กล่าวกันว่าที่ไฉนกิเลนโกลาหลจึงเกิดมาพร้อมกับเพลิงเทพโกลาหลในร่างนั้น ทั้งหมดก็เป็นเพราะฝีมือของผู้แข็งแกร่งที่สุดแห่งเผ่ากิเลน”

เสี่ยวจินเอ่ยสืบต่อ “นอกจากนั้นเผ่ากิเลนที่ว่านโชวเทียน ก็ไม่ใช่เผ่ากิเลนทั้งหมดที่มีร่ําลือกันว่าในระนาบเทพก็มีเผ่ากิเลนดำรอยู่ และมีกิเลนระดับเทพจํานวนมาก”

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอาการแตกตื่นในใจ ขณะเดียวกัน ยิ่งมากยิ่งสงสัย…

บิดาของเขา ต้วนหรูเฟิง ไปอยู่ในเผ่ากิเลนได้อย่างไรกัน?

“ซือหลิง ปู่เจ้าบอกหรือไม่ว่าไฉนถึงไปอยู่ในเผ่ากิเลนได้”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามอีกครั้ง

“ท่านพ่อ…

ต้วนซือหลิงพอได้ยินคําถามของบิดา ก็ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เลือกจะพูดออกมา “ท่านปู่ถูกขังอยู่”

สีหน้าท่าที่ต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปใหญ่หลวง “อะไร?!”

ต้วนหรูเฟิง บิดาของเขาถูกเผ่ากิเลนจับขังไว้งั้นเหรอ!?

จังหวะนี้ไม่ใช่แค่ต้วนหลิงเทียนเท่านั้น แม้แต่สีหน้าของเสี่ยวจินก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง กระทั่งสีหน้าของผู้เฒ่าหัวก็กลายเป็นขรึมเคร่งจริงจังขึ้นมา

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด