War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3387

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ ตอนที่ 3387 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 3387 : ยัง? กักบริเวณในบ้าน?

“ซือหลิง”

ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามลูกสาวเสียงขรึม “ท่านปู่เจ้าได้บอกหรือไม่ ว่าไฉนถึงได้ถูกกักขัง? เพราะในเมื่อท่านปู่เจ้าส่งข้อความติดต่อมาได้ หมายความว่าแหวนพื้นที่ไม่ได้ถูกริบ…”

การที่แหวนพื้นที่ยังอยู่ในมือ ก็บ่งบอกว่าสถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก

ปกติแล้วหากไม่เต็มใจยกเลิกพันธะครองแหวน ผู้ที่จับขังก็ไม่มีทางปล่อยให้แหวนพื้นที่ยังอยู่ในมือผู้ถูกขังแน่นอน เพราะกริ่งเกรงการติดต่อขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอก

เป็นธรรมดาว่ายังมีความเป็นไปได้อื่นอีก

เผ่ากิเลนไม่ได้สนใจจะริบแหวนพื้นที่ของต้วนหรูเฟิงบิดาของเขาเลย เพราะอีกฝ่ายไม่กลัวว่าบิดาของเขาจะติดต่อขอความช่วยเหลือจากใคร โดยอาศัยลูกแก้ววิญญาณในแหวนพื้นที่

เพราะอย่างไรเผ่ากิเลนก็คือเผ่าพันธุ์ที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดขอว่านโช่วเทียน!

“ท่านพ่อ ใจเย็นก่อนนะ ถึงตอนนี้ท่านปู่จะถูกขังอยู่ แต่กล่าวไปแล้วมันออกแนวกักบริเวณในบ้านมากกว่า เพียงแค่ไม่อาจออกไปนอกเผ่ากิเลนได้ นอกนั้นก็ไม่มีใครบีบบังคับหรือทําร้าย กระทั่งท่านปู่ยังมีคนคอยติดตามรับใช้ด้วย”

ต้วนซือหลิงกล่าว “ท่านปู่บอกว่า ตอนนี้ท่านกินดีอยู่ดีมาก มีทรัพยากรบ่มเพาะส่งมาให้ใช้ไม่ขาดสาย…ก็แค่บางคนในเผ่ากิเลนไม่ยอมให้ท่านปู่ไปไหนเท่านั้น”

“เอ่อ?”

คําพูดของต้วนซือหลิงทําให้ต้วนหลิงเทียนงุนงงแล้วจริงๆ “ซือหลิง…ที่แท้เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?

“ท่านปูบอกว่า…”

ก่อนที่ต้วนซื้อหลิงจะตอบอะไร พอเกริ่นได้เล็กน้อยนางก็หยุดลงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยกล่าวสืบต่อ น้ําเสียงยังฟังดูอิหลักอิเหลือเล็กน้อย “หลังจากที่ท่านปูขึ้นมายังระนาบว่านโซ่วเทียนแล้ว ไม่นานก็ถูกลูกสาวของผู้อาวุโสเผ่ากิเลนคนหนึ่งพาตัวไป…เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนที่ท่านปู่พึ่งขึ้นมาว่านโซ่วเทียน ท่านปู่เกิดพลาดพลั้งเสียที่สัตว์อมตะบางตัว ทว่าลูกสาวของอาวุโส เผ่ากิเลนที่ว่าบังเอิญผ่านมาพอดี และนางก็ต้องตาพึงใจท่านปู่ตั้งแต่แรกเห็น เลยช่วยชีวิตท่านปู่เอาไว้ได้ทันท่วงที…”

“จากนั้นนางก็พาท่านปู่กลับมาเผ่ากิเลน”

คําพูดของต้วนซือหลิง ทําให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกไร้คําจะพูด

บิดาของเขาถูกลูกสาวของผู้อาวุโสคนหนึ่งในเผ่ากิเลนพบเจอโดยบังเอิญ และช่วยชีวิตเอาไว้ เพราะต้องตาพึงใจ? นอกจากนั้นนางยังพาบิดาเขากลับไปอยู่ในเผ่ากิเลน?

และที่สําคัญก็คือ บิดาของเขาดันทะยานขึ้นมาระนาบว่านโซวเทียนจริงๆ?

ไม่ใช่ว่าโดยทั่วไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะทะยานขึ้นมาว่านโซ่วเทียนไม่ใช่รึไง?

“ก็นะ…อย่างไรเสียตอนนี้ระนาบเทพก็กําลังโคจรมาปะทะชนกันอยู่ ไม่เพียงแต่ระนาบสมรภูมิจะเปิดออก กระทั่งในระนาบเทวโลกยังปรากฏสมรภูมิอเวจี กับสมรภูมิ 9 ยมโลก เช่นนั้นการทะยานขึ้นสวรรค์ของครึ่งก้าวเซียนอมตะจะผิดเพี้ยนไปหมดก็ไม่แปลก

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่าที่แท้มันเป็นเพราะอะไร “ว่ากันตามตรงเดิมที่ตอนที่ข้าขึ้นสู่สวรรค์ในระนาบเหยียนหวง ข้าเองก็สมควรปรากฏตัวในอวี้หวงเทียน แต่สุดท้ายเพราะการชนกันของระนาบเทพทุกๆรอบหมื่นปี ข้าก็เลยไปโผล่ที่หลิงหลัวเทียน

“กล่าวได้ว่าท่านพ่อเองก็อยู่ในสถานการณ์เดียวกับข้า…”

อย่างไรก็ตามปกติมนุษย์ที่ขึ้นสู่ว่านโชวเทียนสมควรถูกสัตว์อมตะของว่านโซ่วเทียนฆ่าทิ้งกันหมด เพราะที่นี่ต่อต้านเผ่าพันธุ์มนุษย์มาก”

“ดูเหมือนว่าการที่ลูกสาวของอาวุโสเผ่ากิเลนต้องตาพึงใจท่านพ่อและช่วยท่านพ่อเอาไว้ รวมถึงพากลับไปเผ่ากิเลน จะเป็นโชคดีของท่านพ่อแล้วจริงๆ

“ไม่งั้นหากให้ท่านพ่อเตร็ดเตรในว่านโชวเทียนคนเดียว…เกรงว่าสถานการณ์ในแต่ละวันคงไม่พ้น 9 ตาย 1 รอด”

พอคิดได้ถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกขอบคุณลูกสาวของอาวุโสเผ่ากิเลนคนนั้นที่เขายังไม่เคยพบเจออย่างมากจริงๆ

สําหรับเรื่องที่ถูกกักบริเวณน่ะเหรอ?

กักบริเวณอันประเสริฐ

หากไม่ใช่ลูกสาวของผู้อาวุโสเผ่ากิเลนคนนั้นพาท่านพ่อไปกักบริเวณไว้ไม่รู้ท่านพ่อของเขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่ในว่านโซ่วเทียนจนถึงวันนี้ได้หรือไม่!

“ไม่คิดเลยว่าท่านพ่อพึ่งจะพลัดหลงกับท่านแม่ไม่ทันไร..กลับได้รับการอุปถัมภ์จากบุปผาริมทางของว่านโซ่วเทียนซะแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนได้แต่คลี่ยิ้มออกมาอย่างโล่งอก

“พี่ใหญ่หลิงเทียน?”

เนื่องเพราะต้วนหลิงเทียนคุยกับต้วนชื่อหลิงในโลกใบเล็กด้วยการส่งเสียงผ่านสํานึกเทวะ เช่นนั้นจะเสี่ยวจินหรือผู้เฒ่าหัวย่อมไม่รู้ เพียงเห็นเขายืนเหม่อไปเท่านั้น

“เสี่ยวจีน ไม่มีอะไรแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม “ลุงเฟิงของเจ้าถูกกักขังก็จริง แต่เป็นการกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านมากกว่า”

“ยัง? กักบริเวณในบ้าน?”

เสี่ยวจินขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่หลิงเทียนถึงจะเป็นแค่การกักบริเวณในบ้าน และกล่าวได้ว่าตอนนี้ท่านลุงเฟิงคงไม่เป็นไร แต่จะอย่างไรเผ่ากิเลนนั้นก็ถือเป็นจ้าวที่แท้จริงของว่านโซ่วเทียน”

ในว่านโซ่วเทียน เผ่ามังกรนั้นก็ขึ้นชื่อว่าทรงพลังมากแล้ว

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงยังอยู่ใต้เผ่ากิเลน

ทําไมน่ะหรือ?

เพราะเผ่ากิเลนได้ปรากฏตัวตนระดับ ผู้แข็งแกร่งที่สุด!

สําหรับเผ่ามังกร จริงอยู่ว่าเคยปรากฏตัวตนระดับผู้แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน แต่เรื่องนั้นมันกลายเป็นอดีตไปแล้ว ผู้แข็งแกร่งที่สุดที่ว่าได้ตายตกไปเรียบร้อย

ย้อนกลับไปตอนที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามังกรยังอยู่ ฐานะของเผ่ามังกรในว่านโชวเทียนก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเผ่ากิเลนในปัจจุบันเลย

ว่านโซ่วเทียนนั้น นับว่าเป็นระนาบเทวโลกที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และกําให้กําเนิดผู้แข็งแกร่งที่สุดมากกว่าหนึ่งคน แน่นอนว่าทุกระนาบเทวโลกเองก็ย่อมเคยให้กําเนิดผู้แข็งแกร่งที่สุด

“เสี่ยวจิน”

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา จากนั้นก็เล่าให้เสี่ยวจินฟังถึงเรื่องที่บิดาเขาเล่ามาผ่านซือหลิง

เสี่ยวจินพอได้รับทราบเรื่องราวก็อึ้งไปไม่น้อย

จากนั้นพอกลับมารู้สึกตัว เสี่ยวจินก็อดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เดิมทีข้านึกว่าก่อนท่านลุงเฟิงเกิดเรื่อง เพียงมีธุระต้องมาว่านโซ่วเทียนเสียอีก…ไม่คิดเลยว่าที่แท้ท่านลุงเฟิงจะเป็นผู้ขึ้นสวรรค์มายังว่านโซ่วเทียน”

“ปกติแล้วมนุษย์ที่บังเกิดขึ้นสวรรค์มายังว่านโช่วเทียนโดยบังเอิญ ในร้อยคนจะมีสักคนที่โชคดีรอดชีวิตมาได้กล่าวได้ว่าท่านลุงเชิงโชคดีมากๆ”

“ว่าแต่ท่านลุงเฟิงถูกลูกสาวของผู้อาวุโสเผ่ากิเลนต้องตาพึงใจงนหรือนี่ใช่รักแรกพบรึเปล่าพี่ใหญ่? ที่แท้เสน่ห์ท่านลุงเฟิงยังเหลือร้ายไม่เบา ไม่ทราบพอป้าหลัวรับทราบเรื่องนี้จะว่าอย่างไร…”

“จริงสิพี่ใหญ่…แล้วท่านป้าหลัวไม่ได้อยู่กับลุงเฟิงหรือ?”

พูดไปพูดมา เสี่ยวจินก็ตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ จึงหยุดลงและหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนโดยไม่รู้ตัว และพอเห็นว่าต้ววนหลิงเทียนเองก็ชักสีหน้าจริงจังอยู่ นางก็เข้าใจอะไรได้จึงเร่งกล่าวปลอบออกไปทันที “พี่ใหญ่ ท่านวางใจเถอะ….ท่านป้าหลัวต้องไม่เป็นอะไรแน่”

“อ่า”

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนั้นก็เอ่ยถามเสี่ยวจินต่อว่า “เสี่ยวจิน ว่าแต่เจ้ารู้ทางไปเผ่ากิเลนหรือไม่?”

ถึงแม้จะได้รับทราบแล้วว่าบิดาเขา ต้วนหรูเฟิง ที่ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านของเผ่ากิเลนจะปลอดภัย ทั้งมีชีวิตที่ดี

อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคิดพาตัวบิดาออกจากเผ่ากิเลนอยู่ดี

สําหรับลูกสาวของผู้อาวุโสเผ่ากิเลนนั่น มีผู้เฒ่าทั่วกล่าวเจรจา ก็คงน่าจะตกลงกันได้เพราะสุดท้ายแล้วเบื้องหลังผู้เฒ่าหัวก็คืออาจารย์ของเขา ฟงชิงหยาง จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน

“ผู้เฒ่าหัว”

หลังจากรับทราบถึงที่ตั้งเผ่ากิเลนจากเสี่ยวจินแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปหารือกับผู้เฒ่าทั่วทันที

ผู้เฒ่าหัวพอรับทราบเรื่องราวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เผ่ากิเลนนั้นต่างจากขุมกําลังระดับ สวรรค์ทั่วไป ถึงแม้ข้าจะติดตามใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มาสักพักแล้ว แต่น้อยครั้งนักที่ข้าจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน ผู้นําเผ่ากิเลนไม่น่าจะรู้จักข้าได้ นับประสาอะไรกับจักรพรรดิสวรรค์ของว่านโชวเทียน”

“กระทั่งอาวุโสคนใดในเผ่ากิเลน ข้าก็ไม่เคยพบเจอสักคน…”

“เช่นนั้น ให้ข้าย้อนกลับไปจี้เมี่ยเทียนเพื่อถามน้องหลัวก่อนจะดีกว่าอย่างไรน้องหลัวก็อยู่กับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์มานานปี น่าจะเคยไปมาหาสู่หรือติดต่อกับเผ่ากิเลนบ้าง”

ผู้เฒ่าหัวกล่าวจบคํา ก็พาต้วนหลิงเทียนไปหาที่ปลอดภัยเพื่อรอ

จากนั้นผู้เฒ่าหัวก็ออกจากว่านโช่วเทียน และย้อนกลับไปเมี่ยเทียนทันที

เช้าวันต่อมา ต้วนหลิงเทียนกก็ได้เห็นผู้เฒ่าหัวกลับมา ข้างกายยังปรากฏชายคนหนึ่ง เห็นร่างติดตามมาด้วย เป็นชายที่มีรูปร่างกํายําแลดูแข็งแกร่งนัก หน้าตาละม้ายคล้ายเฟิงชวนหลายส่วน อีกฝ่ายก็คือเมิ่งหลัว จักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์นั่นเอง!

“ผู้อาวุโสเมิ่งหลัว คราวนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขอโทษ

“นายน้อยท่านเกรงใจไปแล้ว เรื่องของนายน้อยก็คือธุระของพระราชวังจักรพรรดสวรรค์เมี่ยเทียน”

เฟิงหลัวคลี่ยิ้มเผยฟันขาว 2 แถว หน้าตาแลดูสดใสไม่น้อย

“นายน้อย ข้าได้รับทราบเรื่องราวจากพี่หัวแล้วขาเคยพบเจอผู้นําเผ่ากิเลนมาก่อน ทั้งยังรู้จักกับอาวุโสบางคนของเผ่ากิเลนด้วย”

“เช่นนั้นครั้งนี้ให้ข้าติดตามนายน้อยไปเผ่ากิเลนเถอะ”

เฟิงหลัวเอ่ยออกรวดเดียวจบคํา

ได้ยินคําพูดของเมิ่งหลัว สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงจ้าจี้ยมาทันที

“นายน้อย ยังมีอีกเรื่อง”

เฟิงหลัวกล่าวต่ออีกครั้ง “หลังท่านออกไปได้ไม่นาน มีเด็กน้อยเผ่ามังกร 2 คนมาเยือนพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนของพวกเรา และเรียกตัวเองว่าต้วนเสี่ยวเฮยกับต้วนเสี่ยวไป ข้าจึงให้ทั้งคู่พักอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเราชั่วคราว รอให้ท่านกลับมา”

“ข้าเองก็คิดจะเรียกทั้งคู่ให้ออกมาพบท่านด้วยกัน แต่พอดีทั้งคู่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ ข้าก็เลยไม่อยากรบกวน”

เฟิงหลัวกล่าว

“ฮ่าๆๆ ข้าว่าแล้วไง! เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไปแอบหนีออกจากเผ่ามังกรไปจี้เมียเทียนจริงๆด้วย!”

ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทันพูดอะไร เสี่ยวจินก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาก่อน

“ทั้งคู่เป็นดั่งน้องแท้ๆของข้าเอง”

ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นประสานกล่าวขอบคุณเฟิงหลัว “ลําบากอาวุโสเมิ่งหลัวแล้ว”

“นายน้อยท่านเกรงใจเกินไป”

ในเมื่อเมิ่งหลัวก็มาถึงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเสียเวลาอะไรอีก ให้เสี่ยวจินกลับเข้าไปอยู่ในโลกใบเล็ก และเดินทางไปเผ่ากิเลนพร้อมเมิ่งหลัวกับผู้เฒ่าหัวทันที

แน่นอนว่าเพื่อความเร็วในการเดินทาง พวกเขาก็ได้ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก ไปยังสถานที่ๆใกล้กับที่ตั้งเผ่ากิเลนมากที่สุด

หลังจากนั้นก็ค่อยเดินทางไปเผ่ากิเลน

“นายน้อย ข้างหน้าพวกเราก็คือเผ่ากิเลนแล้ว”

เฟิงหลัวที่เห็นร่างนําทาง ไม่นานนักก็พาต้วนหลิงเทียนกับบผู้เฒ่าหัวมายังพื้นที่ภูเขาอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง ท่ามกลางพื้นที่ภูเขานี้ มองเห็นความเขียวขจีเป็นหย่อมๆเท่านั้น ให้บรรยากาศรกร้างอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม แม้แลแล้วมันจะให้ความรู้สึกรกร้าง ทว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาถึงพื้นที่แถบนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่นตีปะทะร่างกายทันที ให้ความรู้สึกสดชื่นดั่งสายลมฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ปาน

“ถิ่นที่อยู่ของเผ่ากิเลนมีสายแร่ผลึกอมตะระดับจักรพรรดิอยู่สินะ? จะว่าไป.ปกติแล้วสายแร่ผลึกอมตะระดับจักรพรรดิมักจะอยู่ในความครอบครองของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ไม่ใช่หรือ”

ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดในใจ “หรือว่า…พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของว่านโชวเทียนจะตั้งอยู่ที่นี่ด้วย?”

และพอคิดถึงจุดนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเมิงหลัวออกมา

“นายน้อย พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของว่านโซ่วเทียนไม่ได้อยู่ที่นี่”

เฟิงหลัวส่ายหัวพลางกล่าว “อย่างไรก็ตาม เผ่ากิเลนเป็นหนึ่งในขุมกําลังระดับสวรรค์ไม่กี่ขุมที่ครอบครองสายแร่ผลึกอมตะระดับจักรพรรดิของระนาบเทวโลกทั้งหลาย…”

“ตอนนี้ในว่านโช่วเทียนถึงจะเป็นเผ่ามังกร..แม้ในอดีตจะเคยมีสายแร่ผลึกอมตะระดับจักรพรรดิ แต่ก็ถูกขุดผลึกอมตะระดับจักรพรรดิออกไปหมดสิ้นแล้ว”

สายแร่ผล็กอมตะระดับจักรพรรดินั้น เป็นสายแร่ผลึกอมตะที่มีโอกาสเกิดผลึกเทพได้

แน่นอนว่าผลผลิตย่อมมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

อย่างไรก็ตามให้มีน้อยแค่ไหน แต่ระนาบเทวโลกดํารงอยู่มาช้านาน เช่นนั้นจํานวนผลึกเทพที่มีก็ถูกสะสมมาเรื่อยๆท่ามกลางสายธารแห่งประวัติศาสตร์

“จักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์เมิ่งหลัว แห่งจี้เมี่ยเทียน มาเพื่อขอพบอาวุโสลําดับ 2 แห่งเผ่ากิเลน ซื้อวุ่นหลง”

ทันทีที่พวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 3 เข้ามาถึงอาณาเขตของเผ่ากิเลน ก็ปรากฎหน่วยลาดตระเวนของเผ่ากิเลนออกมาสกัดขัดขวางด้วยท่าทีระแวดระวัง และเป็นเมิ่งหลัวที่กล่าวรายงานตัวตน รวมถึงวัตถุประสงค์การมาออกไปอย่างรู้งาน

“ที่แท้เป็นใต้เท้าจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว นี่เอง ข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว!”

ชื่อเสียงของเมิ่งหลัวนั้นเลื่องลือในระนาบเทวโลกทั้งมวลไม่น้อย เหล่าหน่วยยลาดตระเวนของเผ่ากิเลนเองก็เคยได้ยินมาบ่อยครั้ง

เช่นนั้นพอรับทราบตัวตนของเมิ่งหลัวแล้ว ที่ท่าระแวดระวังของพวกมันก็ผ่อนคลายลง สีหน้าท่าที่เริ่มฉายความเคารพนับถือให้เห็น ยังประสานคารวะทักทายอย่างมากอัธยาศัย

ถึงแม้ว่าเฟิงหลัวจะเป็นมนุษย์ก็ตาม

อย่างไรก็ตามชนทั้งใต้หล้าล้วนนับถือผู้เข้มแข็ง และให้อภิสิทธิ์แก่ผู้เข็มแข็งเป็นพิเศษ แม้แต่สัตว์อมตะในว่านโซ่วเทียนเองก็นับถือผู้เข้มแข็งไม่ต่าง..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด