War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3407

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ ตอนที่ 3407 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 3,407 : ทำลายนางเสีย!
  ประมุขนิกายลั่วสุ่ย หรือจักรพรรดินีแห่งลุ่ยสั่วเทียนนั้น ให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝดคู่หนึ่ง
  ฝาแฝดคนพี่ ในปัจจุบันก็ดำรงตำแหน่งธิดาเทพของนิกายลั่วสุ่ย ส่วนอีกคนก็คือผู้ที่กำลังหลอมกลืนวิญญาณมู่อีอีเพื่อช่วงชิงร่างกาย
  ในปีนั้น หลังจากที่จักรพรรดินีลั่วสุ่ยเทียนให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝดออกมาไม่ทันไร ฝาแฝดคนน้องก็ถูกศัตรูของนางลงมือทำร้ายจนร่างกายแหลกเหลว ยากที่จะรอดชีวิตอยู่ได้
  อย่างไรก็ตาม จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนได้ใช้วิชาลับดึงวิญญาณของลูกสาวคนเล็กออกมาได้ทันท่วงที และปล่อยให้วิญญาณของนางเติบโตในร่างของลูกสาวคนโต
  ด้วยเหตุนี้ถึงแม้นางจะบอกกล่าวต่อโลกภายนอกว่านางมีลูกสาวแค่คนเดียว แต่ที่จริงแล้วในร่างของลูกสาวนางกลับมีวิญญาณของลูกสาวคนเล็กดำรงอยู่
  แน่นอนว่าร่างกายของลูกสาวคนโต ไม่อาจมอบให้ลูกสาวคนเล็กได้ เพราะอย่างไรก็เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของนางเช่นกัน
  เช่นนั้น ก่อนที่จะหาร่างกายที่เหมาะสมให้ลูกสาวคนเล็กของนาง ก็จำต้องปล่อยให้วิญญาณของลูกสาวคนเล็กเติบโตภายในร่างของลูกสาวคนโตไปก่อนเท่านั้น
  ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จักรพรรดินีลั่วสุ่ยเทียนไม่พบเจอร่างที่น่าพึงพอใจสำหรับลูกสาวคนเล็กของนางเลย
  จนวันหนึ่งมู่อีอีก็ได้เข้าร่วมนิกายลั่วสุ่ย และเป็นศิษย์อัจฉริยะที่ก้าวหน้ารวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของนิกายลั่วสุ่ย พออยู่ในนิกายได้ร้อยปี ก็ทำให้ธิดาเทพของนิกายลั่วสุ่ยพึงพอใจถึงขั้นรับนางมาเป็นศิษย์…สิ่งนี้ทำให้เหล่าศิษย์ของนิกายลั่วสุ่ยทั้งหลายทั้งอิจฉาและเกลียดชังนางไม่น้อย
  เพราะธิดาเทพไม่เคยรับลูกศิษย์มาก่อน!
  ยิ่งไปกว่านั้นถึงแม้นิกายยลั่วสุ่ยจะมีประมุข ทว่าด้วยความที่ประมุขเองก็ดำรงตำแหน่งจักรพรรดินีสวรรค์ของลั่วสุ่ยเทียนและมีสิ่งที่ต้องจัดการมากมาย ทำให้เรื่องราวทุกอย่างในนิกายถูกมอบหมายให้ลูกสาวคนโต ซึ่งเป็นธิดาเทพจัดการ
  กล่าวได้ว่าฐานะของธิดาเทพ ประหนึ่งตัวประมุข ผู้อาวุโสทั้งหลายจำต้องฟังคำพูดของนาง
  กระทั่งจักรพรรดิอมตะสมญานามของนิกายลั่วสุ่ย ก็ต้องฟังคำพูดของนางไม่มีข้อยกเว้น
  เรื่องราวที่ดำเนินต่อมาภายหลังก็ราบรื่นนัก มู่อีอี ที่กลายเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของธิดาเทพก็มีฐานะในนิกายไม่น้อย…อย่างไรก็ตามมู่อีอีไม่ได้รู้ตัวเลย ว่านางได้ถูกธิดาเทพรับมาเป็นศิษย์เพื่อทำหน้าที่เป็นภาชนะให้วิญญาณของน้องสาวฝาแฝดเท่านั้น
  และเนื่องจากธิดาเทพต้องการให้วิญญาณของน้องสาวฝาแฝดช่วงชิงร่างของมู่อีอีได้อย่างสมบูรณ์ ธิดาเทพจึงดูแลเอาใจใส่มู่อีอีเป็นอย่างดี ปลูกฝังความคิดว่าธิดาเทพจะไม่มีวันทำร้ายตัวนางเอาไว้อย่างลึกล้ำ วันหนึ่งธิดาเทพก็บอกให้มู่อีอีฝึกวิชาลับบางอย่างเพื่อความก้าวหน้า ซึ่งเคล็ดวิชาดังกล่าวก็ทำให้วิญญาณของผู้ฝึกเสมือนตกอยู่ในห้วงนิทรา สิ้นสูญการควบคุมร่างไปชั่วขณะหนึ่ง สุดท้ายจึงถูกวิญญาณฝาแฝดคนน้องของธิดาเทพบุกเข้ามาหลอมกลืนวิญญาณอย่างไร้ต้านทาน
  กล่าวไปก็ไม่มีการต้านทานใดๆเลยด้วยซ้ำ
  ‘ข้าหลอมกลืนวิญญาณของมู่อีอีมาร้อยกว่าปีแล้ว…ตอนนี้เหลืออีกแค่ 10 ปีเท่านั้น ข้าก็จะหลอมกลืนวิญญาณนางได้โดยสมบูรณ์ ถึงตอนนั้นข้าก็จะได้รับความทรงจำทั้งหมด และยึดครองร่างนางได้อย่างสมบูรณ์!’
  ธิดาเทพแห่งนิกายลั่วสุ่ยมีนามว่า เฟิงเจียนอวี่ ส่วนฝาแฝดคนน้องที่กำลังชิงร่างมู่อีอีเรียกว่า เฟิงเจียนเสวี่ย และบัดนี้ใจของเฟิงเจียนเสวี่ยก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกครั้งยิ่งใหญ่
  หากล่วงรู้แต่แรกว่าจะถูกผู้อื่นมองออก นางคงไม่ตอบรับคำศิษย์น้องหญิงในความทรงจำของมู่อีอี และออกมารอหน้านิกายลั่วสุ่ยแบบนี้
  กระทั่งยังไม่เคยคิดฝัน ว่านางจะถูกลักพาตัวมาทันทีที่พบเจออีกฝ่าย
  ยิ่งไปกว่านั้นผู้อื่นยังทำให้นางสิ้นสติขณะพาตัวนางมา
  พอเฟิงเจียนเสวี่ยตื่นขึ้นมาและพบว่าอยู่ในสถานที่แปลกตา แถมศิษย์พี่ของมู่อีอีก็สามารถเรียกผู้เชี่ยวชาญทักษะวิญญาณมาจัดการนางได้อีก!
  ความแข็งแกร่งของชายทรงผมประหลาดช่างสูงล้ำนัก แค่พลังวิญญาณของอีกฝ่ายชำแรกเข้ามาไม่ทันได้ทำอะไร นางก็รู้สึกกดดัน เสมือนวิญญาณของนางกำลังจะถูกพลังมหาศาลกดทับจนแทบสลาย
  ถึงแม้พี่สาวฝาแฝดของนางจะเป็นถึงจักรพรรดิอมตะ ทว่าตัวนางที่มาอาศัยอยู่ในร่างของพี่สาวฝาแฝด วิญญาณของนางก็ไม่อาจเติบโตก้าวหน้าได้เท่าเทียมวิญญาณของพี่สาวฝาแฝด
  ระดับวิญญาณของพี่สาวฝาแฝดนางตอนนี้ บรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 9 ตำหนักแล้ว
  ทว่าวิญญาณของนางยังงมีระดับแค่จอมราชันอมตะ 10 ทิศเท่านั้น ห่างชั้นกับพี่สาวฝาแฝดของนางมาก
  “ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับแล้วสินะ”
  ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่าง ‘มู่อีอี’ ด้วยสีหน้าเย้ยหยันสายตาเย็นชา กล่าวได้ว่าสตรีเบื้องหน้าหาใช่ศิษย์น้องของเขามู่อีอีอีกต่อไป เป็นแค่คนที่กำลังหลอมกลืนวิญญาณของมู่อีอี และได้รับความทรงจำบางส่วนของมู่อีอีมาเท่านั้น
  มู่อีอี เป็นผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2 ความลับสวรรค์ เช่นนั้นนางก็ถือว่าเป็นศิษย์น้องหญิงของเขา
  มู่อีอีประสบพบเจอเรื่องแบบนี้ ตัวเขาไหนเลยจะนิ่งดูดายได้
  ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาไม่ได้มาพบเจอนาง เกรงว่าภายภาคหน้ามู่อีอีที่เขารู้จักคงสาบสูญไปชั่วกาล!
  หากไม่ใช่เพราะมีเขาเป็นต้นเหตุ มู่อีอีไหนเลยจะถูกจับตัวขึ้นไปยังระนาบเทพ ทำให้เส้นทางชีวิตของนางพลิกผันครั้งยิ่งใหญ่
  กล่าวได้ว่าหากมู่อีอีไม่ติดหางเลข ถูกอวิ๋นชิงเหยียนจับตัวไปดินแดนการล่มสลายของทวยเทพล่ะก็ มู่อีอีคงไม่ก้าวหน้าเร็วไว จนเข้าสู่นิกายลั่วสุ่ยได้ เพราะที่ไฉนนางเข้าสิ่กายลั่วสุ่ยได้ก็เพราะพรสวรรค์และความเข้าใจของนางทั้งสิ้น
  และเหตุผลเดียวที่พรสวรรค์รวมถึงความเข้าใจของมู่อีอียกระดับขึ้นไปครั้งใหญ่ ไม่ใช่เพราะได้รับการชำระขัดเกลาจากพลังวิญญาณฟ้าดินในระนาบเทพหรือไร?
  “ต้วนหลิงเทียน!”
  ‘มู่อีอี’ สูดอากาศเข้าลึกๆ ก่อนที่สีหน้าของนางจะผ่อนคลายลง “ตอนนี้วิญญาณส่วนใหญ่ของมู่อีอีถูกข้าหลอมกลืนจนใกล้เป็นส่วนหนึ่งของข้าโดยสมบูรณ์แล้ว…ต่อให้ข้าจะออกจากร่างกายของนางไป แต่เกรงว่าวิญญาณของนางส่วนที่ถูกข้าหลอมกลืนไปแล้ว ก็คงไม่อาจรักษาให้ฟื้นคืนดังเดิม! ยิ่งไปกว่านั้นเพราะวิญญาณที่สูญเสียไปดังกล่าว เกรงว่าสติปัญญาของนางจะไม่สมประกอบอีกต่อไป สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับตัวโง่งม”
  “ข้ารู้ว่านางเป็นศิษย์น้องหญิงของเจ้า…เช่นนั้นขอเพียงเจ้าไม่ลงมือทำอะไรข้า และส่งข้ากลับไปยังนิกายลั่วสุ่ย ข้าสามารถปล่อยผ่านเรื่องวันนี้ไปได้”
  “หาไม่แล้ว ไม่ช้าก็เร็วพี่สาวฝาแฝดรวมถึงท่านแม่ของข้า ต้องรู้เรื่องของเจ้าแน่!”
  “เพราะก่อนที่ข้าจะออกมาพบเจ้าหน้านิกายลั่วสุ่ย ข้าได้บอกพี่สาววฝาแฝดของข้าไปแล้วว่าข้าจะออกมาทำอะไร…ยังบอกนางอีกว่าคนที่ข้าจะมาพบก็คือเจ้า ต้วนหลิงเทียน ศิษย์พี่ของมู่อีอีจากระนาบเซียน!”
  วาจาที่ ‘มู่อีอี’ เอ่ยออกมา ไม่ขาดการคุกคามแม้แต่น้อย
  “ไม่อาจรักษาให้หายดีดังเดิม?”
  “สติไม่สมประกอบ?”
  ต้วนหลิงเทียนหันไปมองโม่เหอด้วยสายตาไถ่ถาม
  “นายน้อย…เรื่องที่นางกล่าวเป็นความจริง”
  โม่เหอก็พยักหน้าขานคำโดยพลัน สีหน้ายังเคร่งขรึมจริงจัง “วิญญาณส่วนใหญ่ของศิษย์น้องหญิงท่านถูกนางหลอมกลืนไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าต่อให้พวกเราจะกำจัดกาฝากชิงร่างคืนกลับให้ศิษย์น้องหญิงของท่าน แต่วิญญาณส่วนที่เหลือของศิษย์น้องหญิงท่านก็ไม่อาจรักษาได้แล้ว…”
  สีหน้าต้วนหลิงเทียนทรุดลงทันที สองตาฉายแววแหลมคม เอ่ยถามออกมาเสียงหนัก “แล้วถ้าหากให้ศิษย์น้องหญิงข้าเป็นฝ่ายหลอมกลืนวิญญาณที่กำลังชิงร่างนางแทนล่ะ?”
  “ฮ่าๆๆ!”
  ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ‘มู่อีอี’ ที่ถูกผู้เฒ่าหั่วสะกดร่างให้ไม่อาจเคลื่อนไหวบนเตียงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังร่า “เปล่าประโยชน์! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่วิญญาณของนางไม่มีปัญญาหลอมกลืนวิญญาณของข้าได้ ต่อให้นางจะมีปัญญาหลอมกลืน แต่เจ้าคิดว่าข้าจะอยู่นิ่งๆปล่อยให้นางหลอมกลืนวิญญาณของข้ารึ?”
  “ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้เจ้าเหลือทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…ส่งข้ากลับไปยังนิกายลั่วสุยเสีย! ด้วยวิธีนี้ต่อไปเจ้าก็ถือว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับข้า วันหน้าหากเจ้าพบพานปัญหาใดยากแก้ไข ก็สามารถไปขอความช่วยเหลือจากข้าที่นิกายลั่วสุ่ยได้”
  “พี่สาวฝาแฝดของข้าเป็นถึงธิดาเทพของนิกายลั่วสุ่ย มารดาของข้าก็เป็นถึงประมุขนิกายลั่วสุ่ยรวมถึงจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน!”
  “การที่เจ้าสานไมตรีกับข้าได้ นับเป็นพรของเจ้าแล้ว…ต้องทราบด้วยว่าคนธรรมดาต่อให้คิดสานไมตรีกับข้าให้ตาย พวกมันยังไม่มีแม้แต่โอกาส!”
  ‘มู่อีอี’ มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสีหน้ามั่นใจ ราวกับเชื่อมั่นว่าต้วนหลิงเทียนต้องหลงคารมนางแน่
  เป็นธรรมดาว่าทุกถ้อยคำวาจาที่นางเอ่ยออก ล้วนโกหกทั้งเพ!
  นางตัดสินใจไปแล้ว
  รอให้ต้วนหลิงเทียนพานางไปส่งที่นิกายลั่วสุ่ยเมื่อไหร่ นางจะให้ต้วนหลิงเทียนตายไร้ที่ฝัง!
  เพราะทันทีที่ย้อนกลับไปถึงนิกายลั่วสุ่ย ชีวิตของต้วนหลิงเทียนก็เสมือนอยู่ในกำมือของนางโดยสมบูรณ์
  เมื่อครู่หลังจากที่ ‘มู่อีอี’ ได้สติ นางก็ลอบส่งข้อความไปถึงพี่สาวฝาแฝดก่อนใดอื่น หากทว่าไม่ได้รับการตอบกลับใดๆจากพี่สาว
  แม้แต่ข้อความที่นางส่งไปหามารดา รวมถึงผู้ติดตามก็ไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ
  ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ทำให้นางตระหนักได้ทันทีว่านางสมควรถูกพาตัวออกจากลั่วสุ่ยเทียนเรียบร้อยแล้ว
  “ศิษย์น้องหญิงอีอี…”
  สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก เขาหลงคิดว่าเป็นเรื่องดีจริงๆที่ศิษย์น้องหญิงมู่อีอีของเขายังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่คิดเลยว่านางจะตกอยู่ในสภาพอยู่ก็เหมือนตายแบบนี้
  ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่มีวิธีจะช่วยนางได้เลย
  ความสามารถของโม่เหอมีแค่ไหนผู้เฒ่าหั่วบอกเขาหมดแล้ว ต่อให้มองไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวล แต่ความสามารถในการใช้ทักษะวิญญาณของโม่เหอ ก็ถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ
  “ไม่มีทางช่วยนางได้เลยหรือ…ต่อให้เป็นตัวตนขอบเขตเทพก็ไม่มี?”
  ต้วนหลิงเทียนหันไปส่งเสียงผ่านพลังกล่าวถามโม่เหอ
  “นายน้อย เรื่องนี้ต่อให้เป็นตัวตนระดับเทพยื่นมือเข้าช่วยก็เปล่าประโยชน์ เพราะสิ่งที่นางสูญเสียไปก็คือวิญญาณอันเป็นรากฐานและตัวตนของบุคคล และนี่ไม่ใช่อาการบาดเจ็บ แต่เสมือนวิญญาณขาดหายไปเลย…ไม่อาจกู้คืนกลับมาได้อีกแล้ว”
  โม่เหอก็ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับ
  “ดี! ดีมาก!!”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น สองตาหันไปมองจ้องมู่อีอีเขม็ง เอ่ยออกด้วยน้ำเสียงอำมหิต “ในเมื่อไม่มีหนทางช่วยศิษย์น้องหญิงอีอีได้แล้ว…เช่นนั้นก็ทำลายวิญญาณนังชั่วนี่ที่คิดชิงร่างของศิษย์น้องหญิงข้าเสีย!”
  “ต่อให้วิญญาณของศิษย์น้องหญิงอีอีที่หวนกลับมาครองร่างจะไม่สมบูรณ์ และกลายเป็นคนสติไม่สมประกอบ แต่อย่างน้อยข้าก็สามารถให้นางมีชีวิตที่ดีได้!”
  ต้วนหลิงเทียนตัดสินใจได้แล้ว
  “ต้วนหลิงเทียน!”
  และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ สีหน้า ‘มู่อีอี’ ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่…เจ้าคิดจะฆ่าข้า ลูกสาวแท้ๆของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน! ลูกสาวคนเล็กที่ท่านแม่รักเป็นที่สุด!!”
  “หากเจ้าฆ่าข้า พวกเจ้าทั้งหมดได้จบเห่แน่! กระทั่งทุกคนที่อยู่รอบตัวเจ้าก็ต้องจบสิ้นกันหมด!!”
  ‘มู่อีอี’ เอ่ยออกเสียงเหี้ยม
  ได้ยินคำสั่งประหารของต้วนหลิงเทียน โม่เหอก็ได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม “นายน้อย ท่านคิดทำเช่นนี้จริงๆหรือ หากสิ่งที่นางพูดเป็นความจริง นาง…นางจะอย่างไรก็เป็นลูกสาวของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน…ข้าเกรงว่า…”
  สำหรับโม่เหอ การฆ่าลูกสาวของตัวตระดับจักรพรรดิสวรรค์นั้น เป็นเรื่องที่บ้าคลั่งอย่างมาก!
  ถึงแม้ความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน จะไม่อาจเทียบชั้นจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนได้ แต่เรื่องใหญ่โตแบบนี้ก็ทำให้มันลังเลจนไม่กล้าลงมือส่งเดช!
  “ผู้อาวุโสโม่เหอ ท่านอย่าได้ลังเลอันใด เพียงลงมือเสีย! เรื่องหลังงจากนี้ข้าจะรับไว้คนเดียว ผู้เฒ่าหั่วสามารถเป็นพยานให้ข้าได้!!”
  ขณะพูดต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองผู้เฒ่าหั่ว
  ผู้เฒ่าหั่วก็หันไปมองโม่เหอในเวลาที่เหมาะสม พลางกล่าว “โม่เหอ ลงมือเสีย…ก็แค่จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน ต่อให้นางรู้เรื่องที่นายน้อยฆ่าลูกสาวนาง อาศัยตัวนางจะมีปัญญาฟาดงวงฟาดงาอันใด สุดท้ายก็ได้แต่กล้ำกลืนลงท้องถ่ายเดียว!”
  พอเห็นผู้เฒ่าหั่วกล่าวรับประกันออกมา โม่เหอก็ไร้ซึ่งความลังเลใดๆสืบไป พลังวิญญาณอันกล้าแข็งแผ่พุ่งเข้าสู่ร่าง ‘มู่อีอี’ อีกครั้ง
  จังหวะนี้สีหน้า ‘มู่อีอี’ ก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง กระทั่งสองตายังฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ
  “อ๊า—!!”
  จากนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดถึงขีดสุดก็ดังลั่นออกจากปาก ‘มู่อีอี’ ชวนให้ผู้ที่ได้ยินรู้สึกขนลุกอยู่บ้าง
  “ต้วน…ต้วนหลิงเทียน…เจ้า…เจ้าที่แท้เป็นผู้ใดกันแน่?!”
  ‘มู่อีอี’ ที่หวีดร้องด้วยความเจ็บปวด เอ่ยถามต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างไม่เต็มใจ เพราะฟังจากคำพูดของผู้เฒ่าหั่วเมื่อครู่ นางก็สำเหนียกได้ว่าต้วนหลิงเทียนมีความเป็นมาไม่ธรรมดา!
  ต้วนหลิงเทียนในความทรงจำของมู่อีอีที่นางได้มาตอนหลอมกลืนวิญญาณ ก็มีแค่ช่วงที่ยังอยู่ในระนาบเซียนเท่านั้น!
  “ที่นี่คือพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน…แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
  ต้วนหลิงเทียนไม่ได้พูดอะไร เป็นผู้เฒ่าหั่วที่เอ่ยออกมาแทนเขา “นางน้อยเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เรา!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด