War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3411

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ ตอนที่ 3411 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 3,411 : ได้พบกันอีกครั้งหลังผ่านไป 300 ปี
  “ข่งโย่วอี้ มันยังนับเป็นตัวอะไร!”
  สองตาลี่เฟยหรี่ลงทันใด ยยังเผยประกายเยียบเย็นแล่นวาบ
  กล่าวไปในระดับหนึ่ง ข่งโย่วอี้ ถือว่าเป็นศิษย์พี่ของลี่เฟย เพราะมันก็คือลูกชายคนเดียวของศิษย์พี่จักรพรรดิอมตะหนามม่วง
  หลังจากที่ลี่เฟยมาอยู่ในพระราชวังจักรพรรดิฝูโหย่วเทียน ข่งโย่วอี้ที่ได้พบเจอลี่เฟย ก็คอยมาตามวอแวลี่เฟยไม่เลิก ถึงแม้มันจะล่วงรู้เรื่องที่ลี่เฟยมีสามี กระทั่งมีลูกกับสามีคนนั้นแล้วก็ตาม
  มันยังกล่าวไว้อีกว่า
  ตอนนี้ไม่รู้สามีของลี่เฟยใช่ตกตายไปแล้วหรือไม่? และถึงต่อให้ยังมีชีวิตอยู่ หรือจะคู่ควรกับลี่เฟยสู้ตัวมัน ข่งโย่วอี้ ได้?
  “ข้าเกรงว่ามันจะไปหาเรื่องพี่หลิงเทียนน่ะสิ”
  หานเฉวี่ยไน่คลี่ยิ้มขื่นขมพลางกล่าว “ถึงแม้พี่สาวเฟยเอ๋อจะมีจักรพรรดิอมตะหนามม่วงหนุนหลัง แต่เจ้าบ้านั่นก็มีจักรพรรดิอมตะสุดวายุสุดขั้วให้ท้ายเช่นกัน…จะอย่างไรจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วก็เป็นศิษย์พี่ของจักรพรรดิอมตะหนามม่วง”
  “ที่สำคัญ พลังฝีมือของข่งโย่วอี้มันเหนือกว่าพวกเราทุกคน…มันที่ยังอายุไม่ทันถึงพันปี แต่กลับทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะได้แล้ว แถมยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึงขั้นตอนความสำเร็จยิ่งใหญ่ครทุกประการอีกด้วย”
  วาจาประโยคต่อมา ขณะกล่าวหว่างคิ้วหานเฉวี่ยไน่ก็ขดย่นเป็นปมแน่น
  ได้ยินคำพูดของหานเฉวี่ยไน่ สีหน้าลี่เฟยก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมทันที และเป็นต้วนเนี่ยนเทียนที่กล่าวแทรกขึ้นมาพอดี “ท่านแม่ อย่างมากพวกเราก็แค่ออกไปหาท่านพ่อ ท่านปู่ท่านย่าและอาหวู่ด้านนอกก็พอ ไม่ต้องให้พวกท่านพ่อมายังพระราวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งนี้”
  “ไม่ต้องพาพ่อเจ้ามาพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์?”
  ลี่เฟยได้ยินก็ส่ายหัวไปมาทันที “นั่นไม่ได้!”
  “ในเมื่อพ่อของเจ้ามาถึงแล้ว ข้าจะอย่างไรก็ต้องพาพ่อเจ้ามาพบอาจารย์สักครั้ง…สุดท้ายแล้วท่าอาจารย์ก็คอยดูแลและช่วยเหลือพวกเราอย่างดี ยังดูแลพวกเราดีเกินไปด้วยซ้ำ…”
  ลี่เฟยเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สำหรับข่งโย่วอี้นั่น หากมันเลอะเทอะมากนัก ข้าเชื่อว่าท่านอาจารย์ไม่คิดนิ่งดูดายแน่!”
  สำหรับความหน้าด้านของข่งโย่วอี้ ลี่เฟยที่เจอมากับตัวย่อมรู้ดี และนี่ยยังทำให้นางปวดหัวกับมันนัก เพราะฝีมือนางสู้ผู้อื่นไม่ได้ ภูมิหลังผู้อื่นก็ไม่ด้อยไปกว่านาน มันไม่ได้กริ่งเกรงอะไรจักรพรรดิอมตะหนามม่วงอาจารย์ของนางสักเท่าไหร่
  “เอาล่ะ…ใดอื่นไว้ว่ากัน ตอนนี้น้าหวู่ของเจ้าส่งข้อความมาแล้ว ทุกคนอยู่ในเมืองหนานกู่เฉิงของเขตคฤหาส์ต้าถง”
  อยู่ๆสองตาลี่เฟยก็ทอประกายวาวโรจน์ เอ่ยบอกต้วนเนี่ยนเทียนทันที
  จังหวะนี้ไม่วว่าจะหานเฉวี่ยไน่หรือต้วนเนี่ยนเทียน ลูกตาก็เป็นประกายสดใสขึ้นมาเร็วไว สีหน้าฉาชัดถึงความตื่นเต้นอันยากระงับ
  ทั้งคู่ไม่ได้พบเจอชายผู้นั้นมานานปีแล้ว
  ยิ่งไปกว่านั้น ที่มาครั้งีน้ก็ไม่ได้มีแค่ชายผู้นั้นคนเดียว แต่ยังมีครอบครัวและสหายอีกมาก
  “รีบไปกันเถอะ!”
  ลี่เฟยเหินร่างนำต้วนเนี่ยนเทียนกับหานเฉวี่ยไน่ออกจากที่พักตัวปลิว มุ่งหน้าไปออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน และในขณะที่พวกลี่เฟยเหินร่างหายไปเร็วไวก็ปรากฏร่างสตรีสตราญโฉมนางนึ่งลอบติดตามไปอย่างลับๆ
  สตรีสคราญโฉมดังกล่าวแต่งตัวคล้ายองค์หญิงในสมัยโบราณ แลดูสง่างามหรูหรานัก และนางก็คือจักรพรรดิอมตะคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของงจักรพรรดิอมตะหนามม่วงแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน
  หน้าที่ของนางก็คือคอยดูแลคุ้มครองความปลอดภัยของลี่เฟย และกันท่าไม่ให้ลี่เฟเดินทางออกนอกระนาบฝูโหย่วเทียน
  ตราบใดที่ลี่เฟยยังอยู่ในระนาบฝูโหย่วเทียน นางก็สามารถใช้คำพูดแก้ไขเรื่องราวได้แทบจะทุกสถานการณ์ และสามารถติดต่อจักรพรรดิอมตะหนามม่วงได้ทันทีหากเกิดเรื่องรับมือไม่ไหว อย่างไรก็ตามหากลี่เฟยออกจากฝูโหย่วเทียนไป จนนไม่อาจใช้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณ นางก็ไม่รู้ว่าลี่เฟยไปไหนแล้ว
  ในเมื่อกระทั่งลี่เฟยไปไหนยังไม่อาจล่วงรู้ เช่นนั้นนางจะรับประกันความปลอดภัยให้ลี่เฟยได้อย่างไร?
  เช่นนั้นก่อนที่ลี่เฟยจะมีพลังฝีมือสูงงถึงระดับหนึ่ง จักรพรรดิอมตะหนามม่วงจึงสั่งห้ามไม่ให้ลี่เฟยออกจากฝูโหย่วเทียนเด็ดขาด
  “เฟยเอ๋อ…ปกติเจ้าไม่ค่อยออกไปไหนมากนัก ไม่ทราบครั้งนี้เจ้าคิดไปที่ใด…”
  สตรีสคราโฉมมองลี่เฟยที่เหินร่างนำอยู่ไกลๆ แม้จะสงสัยอยู่บ้าง แต่ขอเพียงลี่เฟยไม่ไปไหนไกลเกินฝูโหย่วเทียน นางก็ไม่คิดจะปรากฏตัวออกไปหยุดลี่เฟย
  ไม่นานสตรีสคราญโฉมก็ติดตามพวกลี่เฟยทั้ง 3 ออกจากพระราชวังงจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนไปถึงเขตคฤหาสน์ต้าถง
  เขตคฤหาสน์ต้าถงเนื่องจากอยู่ใกล้สถานที่ตั้งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ก็เลยอยู่ภายใต้การปกครองของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์
  และผู้นำคฤหาสน์ต้าถงก็เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามคนหนึ่งของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน
  เป็นธรรมดาว่าจักรพรรดิอมตะสมญานามเช่นมัน ฐานะในบรรดาจักรพรรดิอมตะสมญานามที่อยู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน ก็จืดจางเสียจนผู้คนแทบไม่รู้การคงอยู่ของมัน
  ท้ายที่สุดแล้ว ในฐานะที่เป็นสถานที่ของจักรพรรดิสวรรค์แห่งฝูโหย่วเทียน จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามระดับแนวหน้าของฝูโหย่วเทียนย
  เป็นไปไม่ได้ที่จักรพรรดิอมตะสมญานามดาษๆจะมีหน้ามีตาอะไร
  …
  เมืองหนานกู่เฉิง ก็เป็น 1 ในเมืองที่อยู่ภายในเขตของคฤหาสน์ต้าถง
  ต้วนหลิงเทียนกับผู้เฒ่าหั่ว หลังมาถึงค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกแล้ว ก็ใช้มันเดินทางมายังเขตคฤหาสน์ต้าถงทันที และถูกสุ่มให้มาปรากฏตัวใกล้เมืองหนานกู่เฉิงมากที่สุด
  “พี่ใหญ่ต้วน ข้าติดต่อไปแจ้งพี่สาวเฟยเอ๋อเรียบร้อย…ทุกคนกำลังเดินทางมาที่นี่”
  เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวแจ้งต้วนหลิงเทียน
  “ดี!”
  ถึงแม้สีหน้าท่าทีของต้วนหลิงเทียนตอนนี้จะแลดูสงบ แต่นั่นก็แค่ผิวเผินเท่านั้น อัที่จริงลึกลงไปในใจเต็มไปด้วระลอกคลื่นปานมีมรสุมก่อเกิด ใจยังเต้นระรัวไปไม่เป็นจังหวะ
  ชั่วพริบตา เรื่องราวในหัวเสมือนแล่นย้อนไป 300 กว่าปี และหวนกลับไปยัวัที่ได้พบเจอลี่เฟยเป็นครั้งแรก
  ในตอนนั้น ลี่เฟยก็คือโฉมงามอันดับหนึ่งของตระกูลลี่แห่งงเมืองประกายแสง นางในวัย 18 สวมใส่ชุดสีม่วงดั่งดอกลาเวนเดอร์ รูปร่างหน้าตาแลดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเค่อเอ๋ออยยู่บ้าง
  ด้วยรูปโฉมที่งดงามปานเทพธิดากับทรวดทรงองค์เอวที่เยวนปานเรือนร่างของปีศาจสาวพราวเสน่ห์ เพียงมองปราดเดียวก็ทำให้บุรุษทั้งหลายหลงใหลหัวปักหัวปำแล้ว
  อีกทั้งลี่เฟยยังเป็นสตรีคนแรกที่เขาในชีวิตนี้ถึงกับลั่นวาจาในใจว่า ต้องได้! และสถานะลี่เฟยในใจเขาก็สูงมาก ไม่ว่าเรื่องใดก็ตามหากนางไม่อนุญาตเขาก็ไม่กล้ากระทำ
  อีกทั้งเขาคิดถึงเหลือเกิน…นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้ยินนางเรียกหาเขาว่าตัวเลวร้าย
  หลังนางให้กำเนิดลูกชายเขา ตัวเขาก็มีเวลาได้อยู่กับนางพร้อมหน้าลูกชายไม่นาน สุดท้ายก็จำต้องพรัดพรากจากกันจนวันเวลาล่วงเลยไปเกือบ 300 ปี…
  เสี่ยวเฟยเอ๋อ…
  ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน…
  ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ หากแต่ดวงตาของต้วนหลิงเทียนกับเอ่อคลอไปราวมีม่านน้ำใสๆปกคลุม อย่างไรก็ตามพริบตาม่านน้ำใสดั่งกล่าวก็ระเหยหายไปในบัดดล
  “พี่ใหญ่ต้วน พี่สาวเฟยเอ๋อมาถึงแล้ว”
  จนเมื่อเสียงของเฟิ่งเทียนหวู่ดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนก็กลับมามีสภาพฮึกเหิม ดวงตาทอประกายแหลมคมสดใสปานดวงดาราสุกสกาวกลางฟ้ายามคืนค่ำ
  พริบตาต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็หันมองไปยังสุดขอบฟ้าทางทิศเหนือ ราวกับรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง
  ปรากฏร่าง 4 ร่างกำลังเหินข้ามฟ้า
  3 ร่างเหินเคียงข้างกันมา
  ส่วนที่ติดตามอยู่ด้านหลังนั้นเป็นคนแปลกหน้า ที่ต้วนหลิงเทียนไม่เคยเห็นมาก่อน
  3 คนข้างหน้ามี 2 คนที่เขาคุ้นเคยดี
  ลี่เฟย ภรรยาเขา แม้จะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่รูปลักษณ์ของนางังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากกาลก่อนมากนัก เพียงแค่รู้สึกเสมือนนางเย็นชาลงกว่ากาลก่อน ส่วนความเปลี่ยยนแปลงใดอื่นดังละอองธุลีไร้สำคัญ
  หลังจากผ่านไปหลายปี หานเฉวี่ยไน่ ก็ไม่เหลือคราบเด็กสาวตัวน้อยแสนซนอีกต่อไป
  สำหรับชายหนุ่มคนนั้น หน้าตาละม้ายคล้ายเขาอยู่หลายส่วน และไม่เพียงแต่เค้าโครงใบหน้าของอีกฝ่ายจะละม้ายคล้ายเขา เพียงแค่ชมมองเขาก็สัมผัสได้ถึงความเกี่ยวพันทางสายเลือดอันแรงกล้า ต้วนหลิงเทียนย่อมระบุได้ทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นต้วนเนี่ยนเทียนลูกชายของเขาเอง!
  วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!
  …
  ไม่ทันที่พวกลี่เฟยจะเข้าใกล้ต้วนหลิงเทียน ข้างๆต้วนหลิงเทียนก็พลันปรากฏร่างกลุ่มคนจากความว่างเปล่า เป็นเฟิ่งเทียนหวู่ ต้วนหรูเฟิง ลี่หลัว ต้วนซือหลิง
  ทันใดนั้น ร่าง 2 ร่างที่กำลังเหินเข้ามาใกล้ก็หยุดลงกลางหาวอย่างพร้อมเพรียง เป็นหานเฉวี่ยไน่กับต้วนเนี่ยนเทียนที่เลือกจะหยุดร่างลงเพราะรู้ว่าควรทำอย่างไร
  คงเหลือแต่ลี่เฟยที่เหินร่างลงมาจากฟ้า ก่อนจะโผเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน
  ต้วนหลิงเทียนเองก็ย่ำเท้าเบาๆส่งร่างทะยานขึ้นไปรับสตรีคนรักมากอดไว้แนบแน่น
  สามีภรราห่างกายกันไปนานปี กอดนี้แทบจะหลอมรวมสองร่างให้เป็นหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างอิงแอบแนบชิด สูดรับกลิ่นกายที่คุ้นเคย เนิ่นนานไม่คลายกอด
  ไม่มีผู้ใดเอ่ยคำเสียงใดออกมาแม้ครึ่งพยางค์ ด้วยกลัวจะทำลายช่วงเวลาอันเงียบงันที่เฝ้ารอลงอย่างไม่ตั้งใจ
  สองร่างกลางหาวกอดกันแนบแน่น ราวกับจะดุงร่างอีกฝ่ายให้มารวมหลอมกับตัวอย่างไรอย่างนั้น
  “นั่นคือ…”
  สตรีโฉมสะคราญที่แต่งองค์ทรงเครื่องมาราวองค์หญิง หลังหยุดร่างลงตามหลังหานเฉวี่ยไน่กับต้วนเนี่ยนเทียน ก็ได้แต่เหม่อมองไปยังลี่เฟยที่กำลังกอดกับชายหนุ่มชุดม่วงไม่คุ้นหน้าตัวกลมไม่วางตา แลดูเลื่อนลอยคล้ายคนวิญญาณหลุดออกจากร่างอยู่บ้าง
  เพราะนางไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าลี่เฟยจะมีมุมนี้ด้วย
  ‘ดูเหมือนว่าชาคนนั้นจะเป็นสามีของนาง’
  เกี่ยวกับสามีของลี่เฟย โฉมสคราญที่รับหน้าที่ติดตามคุ้มครองลี่เฟยมานานปี ย่อมเคยได้ยยินเรื่องราวมาบ้างแล้ว
  และนางีท่ติดตามลี่เฟยมานานปี ก็รู้จักนิสัยใจคอของลี่เฟยเป็นอย่างดี
  ยิ่งกว่านั้น ไม่ทันที่นางจะรู้ตัว ในสายตานางลี่เฟยก็ไม่ต่างอะไรจากลูกสาวไปแล้ว
  และตลอดหลายปีที่ผ่าน นางไม่เคยเห็นลี่เฟยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ปกติแล้ววันเวลาที่ลี่เฟยมีความสุขมากที่สุด ก็คือวันเวลาที่นางอยยู่กับลูกชายอย่างต้วนเนี่ยนเทียน และหานเฉวี่ยไน่
  ต่อหน้าอาจารย์ลี่เฟยก็แค่แลดูสบายๆเป็นตัวของตัวเอง
  แต่ทว่ากับคนอื่น ปกติแล้วลี่เฟยประหนึ่งเจ้าหญิงน้ำแข็งไม่รับแขก ทั่วร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายเย็นชาปานจะผลักไสผู้คนให้ไกลห่างไปพันลี้ตลอดเวลา
  ทว่าตอนนี้ แม้นางจะลอยร่างอู่ห่างจากลี่เฟยเบื้องล่างพอสมควร แต่นางก็สัมผัสได้ชัดเจนถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนที่กำลังมีความสุขล้นใจ กระทั่งยังพลอยทำให้นางรู้สึกอบอุ่นไปด้วยอย่างไม่รู้ตัว
  ท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบงัน ร่างชายหนุ่มหญิงสาวที่กอดกันตัวกลมกลางหาวท่ามกลางสายตาทุกผู้คน ในที่สุดเสียงฝ่ายชายก็ดังขึ้นทำลายความเงียบงันดังกล่าว
  “เสี่ยวเฟยเอ๋อ…ลำบากเจ้าแล้ว”
  ต้วนหลิงเทียนลูบเรือนผมสลวยที่ทอดยาวปานม่านน้ำตกของลี่เฟย พลางกล่าวด้วยน้ำเสีงอ่อนโยน
  และพอคำสั้นๆดังกล่าวล่วงล้ำอกจากลำคอ ก็ทำให้หยาดน้ำไส 2 สายรินไหลออกจากดวงตาคู่งามปานมณีของลี่เฟยทันที ร่างบางยังซุกหัวลงอ้อมอกต้วนหลิงเทียนกล่าวคำ เคล้าเสียงน้ำตา “ตัวเลวร้าย ผู้อื่นคิดถึงเจ้า…คิดถึงเจ้ายิ่ง”
  “ข้าขอโทษ…เป็นข้ามาช้าเกินไป”
  ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่กระชับวงแขนกอดลี่เฟยยไว้แน่น น้ำเสียงยังอ่อนโยนลงปานสาน้ำ หากแต่เจือคววามรู้สึกผิดเอาไวว้จับใจ
  “ยังไม่ช้าไป…ยังไม่ช้าไป…”
  ลี่เฟยส่ายหัวไปมาพลางกล่าวพึมพำเบาๆ ตอนนี้อารมณ์ความรู้สึกของนงพุ่งพล่านตื่นเต้นยินดีเป็นที่สุด
  และหลังจากกอดกันไปต่อสักพักทั้งคูก็คล้ายตระหนักได้ว่ามีสายตามากมายกำลังชมดูอยู่ ลี่เฟยที่อยู่ๆก็บังเกิดอาการหน้าม้านขึ้นมากะทันหัน ก็ผลักต้วนหลิงเทียนออกไปเบาๆ จากนั้นก็จับมือต้วนหลิงเทียนเหินร่างไปหาพวกลี่หลัวกับต้วนหรูเฟิง
  ลี่เฟยก็ประสานมือโค้งคารวะต้วนหรูเฟิงกับบลี่หลัวก่อนใดอื่น “สะใภ้อกตัญญูคารวะท่านพ่อท่านแม่”
  “ฮ่าๆๆๆ…ผู้ใดบอกลูกสะใภ้ข้าต้วนหรูเฟิงไม่กตัญญู? เฟยเอ๋อ หากเทียนเอ๋อรังแกเจ้าเพียงบอกพ่อมาคำเดียว พ่อจะตีมันให้ขาหัก!”
  ต้วนหรูเฟิงหัวเราะ
  “ใช่แล้ว”
  ลี่หลัวก็ก้าวออกมากุมมือลี่เฟยเอาไว้แน่น “เฟยเอ๋อ หากเทียนเอ๋อรังแกเจ้าก็บอกแม่ได้เลย แม่จะสั่งสอนเขาแทนเจ้าเอง”
  ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะหน้าร้อนผ่าว แลดูกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง ใครเป็นลูกแท้ๆกันแน่?
  “เนี่ยนเทียน มาหาท่านปู่กับท่านย่าเร็ว”
  ตอนนี้เองลี่เฟยก็หันกลับไปมองต้วนเนี่ยนเทียน ที่ยังคงลอยยร่างไกลห่างตัวแข็งปานท่อนไม้พลางกล่าว และพอฝ่ายหลังได้ยินก็เร่งรุดโรยตัวลงมาอย่างเงอะๆงะๆ แลดูเหมือนคนตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
  “ท่านพ่อ”
  พอต้วนเนี่ยนเทียนมาถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ยามมองไปยังร่างชายเบื้องหน้าที่ซ้อนทับกับบิดาในความทรงจำอย่างแยกไม่ออก สองตาของมันก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดีสุดระงับ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด