War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3425

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ ตอนที่ 3425 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 3,425 : คนนิกายลั่วสุ่ยฆ่าล้างระนาบเซียน
  ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้เลย ว่าหลังจากเขากับผู้เฒ่าหั่วออกจากฝูโหย่วเทียนและย้อนกลับมายังจี้เมี่ยเทียนได้ไม่นาน จักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้ว ข่งเฝิน ก็ได้ออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน
  อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนก็ไม่ค่อยสู้ดีทั้งอึมครึมนัก
  เขารู้ดีว่าเหตุผลเดียวที่ทำให้จักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียนกล้าปกป้องจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วอย่างออกหน้าออกตาแบบนี้ เพราะจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ไม่อยู่
  อันที่จริง ต่อให้ฟงชิงหยางไม่อยู่ แต่ขอแค่ตัวเขาเองมีพลังแข็งแกร่งกว่าหยางอวิ๋นเซียว อีกฝ่ายก็คงไม่มีวันปกป้องจักรพรรดิอมตะวายุสุดขั้วแน่นอน
  ‘ทั้งหมดเป็นเพราะข้าอ่อนแอกว่ามัน…กระทั่งในสายตาของหยางอวิ๋นเซียว ข้าอาจไม่ต่างอะไรไปจากมดตัวหนึ่ง’
  ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
  และมันเป็นแบบนั้นจริงๆ
  ที่ไฉนหยางอวิ๋นเซียวถึงเรียกหาต้วนหลิงเทียนว่าศิษย์หลาน ทั้งแลดูมากอัธยาศัย ให้ของขวัญแรกพบ ทั้งหมดเป็นเพราอีกฝ่ายเห็นแก่หน้าฟงชิงหยางทั้งสิ้น
  หาไม่แล้วอาศัยพลังของตัวต้วนหลิงเทียนเอง เกรงว่าหยางอวิ๋นเซียวคงไม่เห็นอยู่ในสายตา
  เนื่องจากเกิดเรื่อดั่งระเบิดลงที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ฝูโหย่วเทียน พอกลับมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ต้วนหลิงเทียนก็โจรเข้าห้องหับและปิดด่านบ่มเพาะทันที
  สำหรับครอบครัวของเขา ทั้งหมดก็บ่มเพาะพลังกันในโลกใบเล็กภายในกายเขา
  เป็นธรรมดาว่าเขาก็ชักนำพลังวิญญาณฟ้าดินออกมาจากโลกใบเล็กตัวเองเพื่อบ่มเพาะ สุดท้ายแล้วไอพลังวิญญาณฟ้าดินในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จะดีแค่ไหน มันก็ไม่อาจสู้ได้
  และตอนนี้ไม่ว่าให้มีผลึกเทพกี่ก้อนมากอง ก็เทียบไม่ได้กับพลังวิญญาณฟ้าดินในโลกใบเล็กของเขา ท้ายที่สุดแล้วนั่นก็คือพลังวิญญาณฟ้าดินจากระนาบเทพจริงๆ ระดับของมันสูงกว่ากันมาก
  ถึงแม้ในระนาบเทวโลกจะมีผลึกเทพให้เห็นไม่น้อย แต่มันก็แค่พลังวิญญาณฟ้าดินที่ก่อตัวในระนาบเทวโลก จะไปสู้กับของแท้จากราบเทพได้อย่างไร?
  ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจดจ่ออยู่กับการบ่มเพาะพลัง ครอบครัวและคนสนิทของเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะเช่นกัน
  สำหรับบิดามารดาของต้วนหลิงเทียนอย่าง ต้วนหรูเฟิง กับลี่หลัวนั้น ก็บ่มเพาะพลังอยู่ในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียนอย่างมีความสุข และชมชอบอยู่ภายในโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียนมาก อย่างน้อยก็ไม่ต้องแยกจากลูกชายอีกต่อไป
  อย่างไรก็ตาม บางครั้งทั้งคู่เองก็ต้องการทำเรื่องที่ไม่อาจบรรยายกันสองคน ก็มักจะออกจากโลกใบเล็กของต้วนหลิงเทียนและไปยังห้องพักอื่นๆ
  สถานที่พักอาศัยของต้วนหลิงเทียนภายในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ก็คือจวนหลังใหญ่หลังหนึ่งที่มีห้องหับและลานส่วนตัวมากมาย ไม่เพียงแต่ต้วนหรูเฟิงกับลี่หัววจะมีเรือนพักส่วนตัว แต่เรือนส่วนตัวของเฟิ่งหวู่เต้ากับบทุกคนก็มีพอ
  “พี่เฟิง ว่างๆพววกเรากับไปบ้านเกิดกันดีหรือไม่…กล่าวไปพวกเราก็จากมาหลายร้อยปีแล้ว ไม่ทราบตอนนี้ที่นั่นเป็นอย่างไรกันบ้าง”
  ลี่หลัวหันไปกล่าวกับต้วนหรูเฟิง
  “อืม ก็ดีเหมือนกัน หลังจากนี้สักพักค่อยกลับไปดูกันหน่อย”
  ต้วนหรูเฟิงพยักหน้า
  …
  ระนาบเซียน เป็นระนาบโลกียะขนาดเล็ก หนึ่งในระนาบโลกียะนับอนันต์ท่ามกลางสวรรค์และโลก
  ถึงแม้ระนาบเซียนจะปรากฏตัวตนอันยอดเยี่ยมอย่างฟงชิงหยาง ที่กลายเป็นจักรพรรดิสวรรค์ ตัวตนที่อยู่เหนือสุดในระนาบเทวโลกแห่งหนึ่ง แต่ผู้คนในระนาบเซียนก็แทบไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย
  “พี่ชิว นี่ก็ผ่านมาสักพักแล้ว พวกเราไปเยี่ยมฮ่วนเอ๋อกับเสี่ยวเทียนที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ดีหรือไม่?”
  สตรีงามหมดจดนางหนึ่งที่ลอยร่างเหนือทะเลแห่งหนึ่งบนระนาบเซียน หันไปกล่าวกับบุรุษข้างกาย
  “ไปหาลูกๆหน่อยก็ดี…อย่างไรพวกเราก็ท่องเที่ยวไปทั่วทุกมุมของระนาบเซียนแห่งนี้แล้ว ไปบ่มเพาะพลังที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนก็ดีเหมือนกัน”
  เหลียนชิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถึงแม้พลังฝีมือของพวกเราคงไม่อาจไล่ตามลูกสาวกับลูกเขยได้ทันแน่นอน…แต่เรื่องได้ไปบ่มเพาะพลังที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนนี่ เป็นความฝันของข้าเลยนะ”
  เหลียนชิวเดิมทีก็เป็นเซียนอมตะที่ฝึกกระบี่คนหนึ่ง และเคยอยู่ในขุมกำลังระดับสวรรค์ของจี่เมี่ยเทียนอย่างหุบเขากระบี่ฟ้า
  และในจี้เมี่ยเทียน เหล่าเซียนอมตะที่ฝึกกระบี่ทั้งหลาย ทั้งหมดถือว่าจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนฟงชิงหยางเป็นดั่งแบบอย่างชั่วชีวิต! ตัวเหลียนชิวเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
  กระทั่งเหลียนชิวยังไม่เคยคิดฝันมาก่อนด้วยซ้ำ ว่าวันหนึ่งลูกสาวของตัวเอง จะทำให้มันมีโชคชะตาคาบเกี่ยวกับจักกรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางได้…ลูกเขยของมันเป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง!
  และยังเป็นศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียว!!
  ตอนแรกหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนพาฮ่วนเอ๋อออกจากสมรภูมิอเวจี พอไปยืนยันตัวตนที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนแล้ว ไม่ทันที่จะมีเรื่องออกไปตามหาต้วนหรูเฟิง ลี่หลัวและคนอื่นๆ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ย้อนกลับมายังระนาบเซียนเพื่อแจ้งเรื่องราวให้เหลียนชิวและตู้เสวียนทราบไว้
  ตอนที่ทั้งคู่ได้รับรู้เรื่องนี้ครั้งแรก ก็ตกตะลึงกันไม่น้อย
  วันนั้นเดิมทีต้วนหลิงเทียนก็คิดพาทั้งคู่ออกจากระนาบเซียนและกลับไปด้วยกัน แต่ด้วยความที่ทั้งคู่พึ่งได้รับอิสระคืนกับ และได้อยู่ในระนาบเซียนสักพักจึงชมชอบความสงบที่นี่ไม่น้อย ก็เลยบอกต้วนหลิงเทียนว่าจะขออยู่ต่ออีกสักพัก
  เหน็ดเหนื่อยทรมานในคุกมานาน พอมีโอกาสได้หลบลี้ความวุ่นวายมาพักผ่อนเงียบๆในระนาบโลกียะ แล้วจะรีบไปไหน?
  ต้วนหลิงเทียนเองก็เคารพความคิดทั้งคู่ เช่นนั้นก่อนจะออกจากระนาบเซียนเขาก็บอกทั้งคู่ไว้ว่า เขาจะไปปักหลักอยู่ที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน หากตอนที่ทั้งคู่กลับไปพอดีกับบเขาออกไปธุระอะไรด้านนอกก็ให้เรียกหาเมิ่งหัวได้เลย
  “หืม?”
  ทันใดนั้นเอง เหลียนชิวคล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ลูกตาหดเล็กลงเร็วไว รอยยิ้มชื่นมื่นบนใบหน้าแข็งค้างไปในพริบตา
  ตูมมม!!
  ครืนนนน!!
  …
  เสียงระเบิดดังขึ้นจากทะเลเบื้องหน้า จากนั้นเหลียนชิวก็พบสัตว์อสูรลอยขึ้นมาตัวแล้วตัวเล่าจนนับไม่ถ้วน เพียงแค่พวกมันไร้ซึ่งกลิ่นอายพลังชีวิต…ทั้งหมดตกตายหมดสิ้น!
  และเพียงชั่วพริบตา ทะเลสีฟ้าครามเบื้องล่างก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
  “นี่มันเรื่องอะไรกัน!?”
  เห็นฉากดังกล่าว ตู้เสวียนก็อึ้งไปทันที
  “มีคนฆ่าพวกมัน…แถมคนลงมือยังเป็นจักรพรรดิอมตะอีกด้วย!”
  เหลียนชิววกล่าวออกกเสียงเข้ม
  ครู่ต่อมาคล้ายเหลียนชิวจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ใช้พลังหอบหิ้วร่างตู้เสวียนเหินขึ้นฟ้าทิศทางหนึ่งทันที
  และที่นั่น ก็ปรากฏร่างชายวัยกลางคน 2 คนกำลังลอยล่องอยู่กลางอากาศ แต่ละคนทำท่าผลักฝ่ามือลงไปเบื้องล่าง ปลายนิ้วทั้ง 10 ปลดปลอยกระแสพลังสังหารไหลออกไปไม่ขาดสาย ราวกับลำแสงอันมีดววงตางอกเงยหนึ่ง สาดยิงเข่นฆ่าสัตว์อสูรในทะเลเบื้องล่างไม่หยุด!
  กระแสพลังสังหารหังเข่นฆ่าสัตว์อสูรตัวหนึ่งก็พุ่งทะลุไปเข่นฆ่าสัตว์อสูรตัวอื่นต่อด้วย เข่นฆ่าไปนับพันนับหมื่นตัวกว่ากระแสพลังที่ยิงส่งๆจึงจะสิ้นอานุภาพ…และต้องทราบด้วยว่าพวกมันยิงกระแสพลังสังหารออกมารัวถี่ยิบ!
  “หืม?”
  ขณะเดียวกันพอเหลียนชิวกับตู้เสวียนปรากฏตัว ชายวัยกลางคนทั้ง 2 ก็สังเกตเห็นทั้งคู่เร็วไว สองตาพลันฉายรังสีฆ่าฟัน กระทั่งหนึ่งในนั้นยังหันไปซัดพลังสังหารเข้าใส่ทั้งคู่ทันที!
  ซู่มม!!
  ซู่มมม!!
  …
  เพลิงพลังควบแน่นก่อเกิดเป็นลำแสงสังหารเข่นฆ่าเข้าใส่เหลียนชิวกับตู้เสวียน สภาวะพลังรุนแรงฉับไวประหนึ่งดาวตกดวงน้อยร่วงฟ้า และอานุภาพพลังนี้จากกลิ่นอายแล้วก็เป็นพลังขอบบเขตจักรพรรดิอมตะ แต่ยังห่างไกลจากระดับจักรพรรดิอมตะสมญานาม
  เป็นธรรมดาว่าอาศัยพลังระดับนี้ เหลียนชิวย่อมไม่เห็นอยู่ในสายตา
  ชิ้ง!
  เสียงกระบี่ดังขึ้นเสียดฟ้า เป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเหลียนชิวปะทุออกมาฉับไว พริบตาก็หลอมผสานเข้ากับพลังแห่งกฏ ก่อเกิดกระบี่พลังเล่มเขื่องหนึ่งกลางหาว พุ่งจ้วงเข้าใส่ลำแสงเพลิง 2 สายทันที!
  ปงงง!!
  เสียงระเบิดของพลังดังขึ้น กระบี่พลังไม่เพียงทำลายลำลแสงพลังสังหาร 2 สายได้ง่ายดาย แต่ยังเข่นฆ่าเข้าใส่ผู้งมือสืบต่อ!
  “จักรพรรดิอมตะ!!”
  ตอนนี้เองชายวัยกลางคนทั้งคู่พลันตระหนักได้ว่าทั้ง 2 ที่อยู่ๆก็มาปรากฏกายที่แท้เป็นถึงจักรพรรดิอมตะ ซ้ำร้ายชายผู้ลงมือนั่น เกรงว่าพลังฝีมือปริ่มๆจะเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามเต็มทีแล้ว
  จะอย่างไรก็ตาม สุดท้ายเหลียนชิวก็ไม่คิดจะลงมือเข่นฆ่าพวกมันจริงจัง เช่นนั้นพอกระบี่จี้ถึงหว่างคิ้วชายวัยกลางคนผู้เปิดฉากลงมือก็หยุดลง
  “พวกท่านที่แท้เป็นใคร? ดูแล้วมิน่าใช่คนของนิกายลั่วสุ่เรา?”
  ชายวัยกลางผู้ลงมืออดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัว ด้วยไม่คิดไม่ฝันว่าในระนาบโลกียยะเล็กๆนี่จะมีตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะดำรงอยู่ได้
  “นิกายลั่วสุ่ย?”
  ลูกตาเหลียนชิวหดเล็กลงอยู่บ้าง ก็จริงที่ระนาบเทวโลกมีขุมกำลังระดับสวรรค์รวมๆกันแล้วไม่น้อย คงยากที่ใครจะจำชื่อได้หมด
  อย่างไรก็ตามมีขุมกำลังระดับสวรรค์บบางแห่ง ที่ผู้คนสามารถจดจำชื่อได้
  นั่นรวมถึงนิกายลั่วสุ่ยด้วย
  เนื่องเพราะนิกายลั่วสุ่ยเป็นขุมกำลังระดับสวรรค์ที่แกร่งที่สุดในลั่วสุ่ยเทียน แถมตัวประมุขนิกายก็เป็นคนๆเดียวกับจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียนอีกด้วย
  ขุมกำลังสวรรค์ระดับนี้อย่าว่าแต่หุบเขากระบี่ฟ้าที่มันเคยอยู่เลย ต่อให้เป็นวังเทียนฉือแห่งอู๋หยาเทียนก็ไม่อาจเปรียบเทียบ
  “พวกเจ้าเป็นของนิกายลั่วสุ่ยงั้นรึ? แล้วที่แท้มาทำอะไรที่นี่?”
  เหลียนชิวขมวดคิ้วเอ่ยถาม
  “พวกเรารับคำสั่งท่านประมุข มาเข่นฆ่าทุกสรรพชีวิตบนระนาบเซียนแห่งนี้!”
  ชายวัยกลางคนอีกคน มองจ้องเหลียนชิวด้วยสายตาราวอัสนีฟาด กล่าวออกเสียงหนัก!
  “ประมุข!?”
  หน้าเหลียนชิวเปลี่ยนสีไปทันที ด้วยไม่คิดว่าจุดประสงค์การมาของอีกฝ่ายก็คือเข่นฆ่าทุกสรรพชีวิตบบนระนาบเซียน แถมนี่ยังเป็นคำสั่งของประมุขนิกายลั่วสุ่ยอีก!?
  “ประมุขที่เจ้าว่า…ใช่จักรพรรดินีสวรรค์ของลั่วสุ่ยเทียนหรือไม่?”
  เหลียนชิวเอ่ยถาม
  “มิผิด ใต้เท้าจักรพรรดินีสวรรค์เป็นประมุขนิกายลั่วสุ่ยเรา”
  ชายวัยกลางคนเอ่ยออกเสียงเรียบ “อย่างไรเสียคำสั่งที่พวกเราได้รับนั้นถูกถ่ายทอดมาจากองค์ธิดาเทพของพวกเราอีกที…เป็องค์ธิดาเทพที่ได้รับคำสั่งจากท่านประมุขโดยตรง”
  เหลียนชิวขมวดคิ้ว มันเองก็เคยได้ยินมาว่าธิดาเทพของนิกายยลั่วสุ่ย ก็คือลูกสาวของแท้ๆของประมุขนิกายลั่วสุ่ยที่พ่วงตำแหน่งจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียน
  “ไฉนจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนของพวกเจ้าต้องมาฆ่าสิ่งมีชีวิตต่ำต้อยในระนาบโลกียะเล็กๆด้วยเล่า? อาศัยคนในระนาบโลกียะแห่งนี้ ไม่น่าจะมีปัญญาไปสร้างปัญหาอะไรให้พวกเจ้าได้เลยนี่?”
  เหลียนชิวเอ่ยถามเสียงเข้ม ฆ่าล้างสรรพชีวิตในระนาบโลกียะระนาบหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นแค่ระนาบโลกียะเล็กๆ แต่การลงมืออำมหิตแบบนี้ก็มากพอจะขู่ขวัญผู้คนให้หวาดกลัวแล้ว
  “นั่นมิใช่เรื่องที่พวกเราต้องรู้?”
  ชายวัยกลางคนกล่าว
  “ว่าแต่คนของนิกายลั่วสุ่ยที่มาลงมือ มีแค่พวกเจ้า 2 คนรึ?”
  เหลียนชิวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ หากแต่ลึกลงไปในดวงตากลับฉายเจตนาฆ่าฟันเรืองขึ้นวาบหนึ่ง ก่อนจะดับวูบไปโดยที่ไม่มีใครสัมผัสได้
  เพราะหากคนของนิกายลั่วสุ่ยมีแค่ 2 คนเบื้องหน้า มันก็คิดจะฆ่าอีกฝ่ายทิ้งทันที จากนั้นก็เร่งกลับไปรายงานเรื่องราวที่พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์…เพราะตัวมันรู้ดี ว่าที่นี่ไม่ใช่แค่บ้านเกิดของลูกเขยเท่านั้น แต่ยังเป็นมาตุภูมิของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนอีกด้วย!!
  จักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุ่ยเทียนออกคำสั่งงฆ่าล้างระนาบแบบนี้ ใช่คิดมุ่งเป้าไปยังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนรึเปล่า?
  เหลียนชิวลองคิดดู เรื่องนี้มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย!
  จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนนั่น ต่อให้เป็นตอนที่จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนยังงงไม่ได้เข้าสู่นรกอสุรา พลังฝีมือก็สู้ไม่ได้แต่แรก…
  มาตอนนี้จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนไม่เพียงแต่จะรอดกลับออกมาจากนรกอสุรา แต่ยังคาดว่าพลังฝึกปรืออาจบรรลุถึงขอบเขตเทพไปแล้ว
  ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เว้นเสียแต่จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนเป็นตัวโง่งมแห่งยุค หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเพ่งเป้ามาที่จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน
  “แน่นอนว่าไม่”
  คนของนิกายลั่วสุ่ยทั้งสองย่อมไม่สังเกตเห็นจิตสังหารที่วาบขึ้นในแววตาเหลียนชิว ส่ายหัวไปมาพลางกล่าว “พวกเรามาที่นี่กันสิบกว่าคน และนำกลุ่มโดยจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คน”
  พอได้ฟังใจเหลียนชิวก็สั่นไปทันที หากแต่ยังคงปั้นหน้ายิ้มกล่าวไปว่า “เหอะๆ ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเราคู่รักจะมีโชคดีขนาดนี้…ยากนักที่ออกมาเที่ยวพักผ่อนในระนาบโลกียะสักแห่ง แต่ดันมาเที่ยวในระนาบโลกียะที่จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนคิดฆ่าล้างพอดี…”
  “เอาล่ะ สหายทั้งสองจากนิกายลั่วสุ่ย ในเมื่อพวกเจ้ามีเรื่องต้องกระทำ เช่นนั้นพวกเราก็ไม่คิดอยู่รบกวนแล้วล่ะ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด