War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 3426

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์ ตอนที่ 3426 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 3,426 : เมิ่งหลัวออกหน้า
  พอเหลียนชิวกล่าวจบคำ มันก็ไม่รอช้าสะบัดมือเรียกยันต์อมตะที่ต้วนหลิงเทียนมอบให้ครั้งสุดท้ายที่พบกันออกมา และบดทำลายเปิดใช้อาคมเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกี ที่จะเคลื่อนย้ายคนในรัศมีไปยังพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนทันที
  ยันต์อมตะเคลื่อนย้ายดังกล่าว เป็นผู้เฒ่าหั่วมอบให้ต้วนหลิงเทียนพกติดตัวไว้จำนวนหนึ่ง ไม่ว่าอยู่ที่ใดหากที่นั่นไม่ปิดกั้นอาคมเคลื่อนย้าย เขาก็สามารถเคลื่อนย้ายมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนในพิกัดที่ระบุไว้ในอาคมทันที และยันต์อมตะเคลื่อนย้ายดังกล่าวไม่ใช่คิดจะใช้ก็ใช้ได้เลย ต้องให้เจ้าของอย่างต้วนหลิงเทียนยินยอมให้ผูกพันธะถือครอแทนเขาเสียก่อน
  ยิ่งไปกว่านั้น ยันต์อมตะลักษณะนี้หากมีเจ้าของผูกพันธะถือครองไปแล้ว หากช่วงชิงมาด้วยกำลัง และไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้าของเดิม ต่อให้ฆ่าเจ้าของเดิมไป ก็ไม่อาจใช้ได้อยู่ดี…
  วู้มม!!
  เหลียนชิวไม่คิดรอให้ชายววัยกลางคนทั้ง 2 เบื้องหน้าไหวตัวทัน เลือกที่จะใชยันต์อมตะเคลื่อนย้าย พาตู้เสวียนผู้เป็นภรรยาเคลื่อย้ายออกจากระนาบเซียนทันที
  ยังลงมืออย่างไร้ซวึ่ความลังเลใดๆ!
  พอพบว่าอีกฝ่ายมีกันเป็นสิบ แถมมีจักรกพรรดิอมตะสมญานามทั้ง 2 เหลียนชิวก็ตระหนักได้ถึงอันตราย เร่งรุดจากไปทันที
  หาไม่แล้วเกิดจักรพรรดิอมตะสมญานามของงอีกฝ่ายมาถึง แล้วคิดฆ่าพวกมันผัวเมียปิดปาก ไม่จบเห่กันแล้วรึไง?
  “คนเล่า!?”
  และหลังจากเหลียนชิวกับตู้เสวียนจากไปไม่นาน ก็ปรากฏเงาร่างชราวูบลัดฟ้ามาฉับไวคนหนึ่ง มันมองชายวัยกลางคนทั้งสองด้วยสายตาขุ่นเคือง เอ่ยถามเสียงหนัก
  “ใต้เท้าชิว พวกมันพึ่งใช้ยันต์อมตะเคลื่อนย้ายจากไปเมื่อครู่เอง…”
  ชายวัยกลางคนหนึ่งในนั้นเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มแหยๆ
  “ใต้เท้าชิว 1 ใน 2 จักรพรรดิอมตะนั่น มันบอกว่าแค่มาเที่ยวพักผ่อนในระนาบโลกียะแห่งนี้เท่านั้น…ในเมื่อพวกมันไม่ใช่คนของระนาบเซียน เช่นนั้นพวกเราก็ไม่จำเป็นต้องฆ่ามิใช่หรือ?”
  ชายวัยกลางคนอีกคนกล่าว
  “มันบอกเช่นนั้น พวกเจ้าก็เชื่อ?”
  ชายชรามองชายวัยกลางคนดังกล่าวด้วยสายตาราวกับมองตัวโง่งม “ระนาบโลกียะมีมากมายนับไม่ถ้วน แต่พวกมันบังเอิญมาเที่ยวที่ระนาบเซียนเล็กๆนี่พอดี?”
  “ในสายตาข้ การที่พวกมันมาอยู่ที่นี่ได้สิบในสิบไม่พ้นต้องมีความเกี่ยวข้องอันใดสักอย่างกับระนาบเซียนแห่งนี้เป็นแน่…และความเป็นไปได้สูงสุดก็คือที่นี่เป็นบ้านเกิดของพวกมัน!!”
  “อย่างไรก็ตาม ไฉนพวกมันจากไปอย่างไร้เรื่องราว? ไม่ใช่เจ้าส่งข้อความมาบอกข้ารึว่าพลังฝีมือมันสูงกว่าเจ้า?”
  ในสายตาของชายชรา หากอีกฝ่ายเป็นคนที่เกี่ยวข้องกับระนาบเซียนแห่งนี้ หลังชายวัยกลางคนทั้งสองบอกวัตถุประสงค์การมาที่นี่ ไม่พ้นต้องมีโมโหและฆ่าชายวัยกลางคนทั้ง 2 ทิ้งแน่…
  “เอ่อ…เรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะพวกเราบอกพวกมันไป ว่าในบรรดาพวกเรามีผู้นำเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คน…”
  ชายวัยกลางคนที่พูดก่อนเมื่อครู่ เผยท่าทีกระอักกระอ่วน ก่อนจะกล่าวตอบออกมาด้วยสีหน้าท่าทางละอาย
  “ถึงมันจะมีพลังฝีมือสูงกว่าพวกเรา แต่ก็แค่ปริ่มๆจักรพรรดิอมตะสมญานาม ยังมิใช่จักรพรรดิอมตะสมญานาม…”
  ชายวัยกลางคนอีกคนกล่าวเสริม
  “ฮึ! ดูเหมือนพวกมันจะนกรู้ กลัวว่าข้าจะมาฆ่าพวกมันปิดปาก จึงชิงจากไปเสียก่อน!”
  ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ และฟังจากคำพูดของมันเห็นได้ชัดว่าตัวมันก็คือ 1 ใน 2 จักรพรรดิอมตะสมญานามที่นำทีมมาสังหารล้างบางครั้งนี้
  “พวเจ้าเร่งมือฆ่าสิ่งมีชีวิตในระนาบเซียนแห่งนี้ให้หมดๆไปเสีย…เกิด 2 คนนั่นไปหามือดีมาปกป้องบ้านเกิด ถึงแม้พวกเราจะสามารถเรียกกำลังเสริมได้ แต่ไม่พ้นต้องถูกองค์ธิดาเทพกับท่านประมุขมองว่าพวกเราไร้สามารถ งานแค่นี้ก็ทำไม่ได้!”
  สีหน้าชายชรามืดลงปานน้ำหมึกก กล่าวคำด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “เช่นนั้นก่อนีท่พวกมันจะพาคนมาขวาง ก็เร่งไปฆ่าสิ่งมีชีวิตในระนาบเซียนแห่งนี้ให้หมดเสีย!”
  พอเสียงสั่งของชายชราดังจบคำ ชายวัยยกลางคนทั้ง 2 ก็แยกย้ายออกไปเร่งลงมือเข่นฆ่าเป็นนนการใหญ่
  จากนั้นชายชราก็เร่งติดต่อไปยังกลุ่มคนที่เดินทางมาลงมือครั้งนี้ ทำให้ทุกคนเร่งมือสังหารเป็นการใหญ่
  วินาทีนี้ สรรพชีวิตในระนาบเซียนได้พบพานกับหายนะครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์…
  ไม่ว่าจะที่ไหนขอเพียงมีผู้คนมากเข้า ก็แค่สร้างสายธารโลหิตให้เจิ่งนอกหนักขึ้นเท่านั้น…
  พลังฝีมือของกลุ่มคนที่มาเข่นฆ่าล้างบาง ไม่ใช่อะไรที่คนในระนาบเซียนจะต้านทานได้เลย และอย่าได้เอ่ยถึงตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ ต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายที่เป็นดั่งตัวตนไร้เทียมทานในระนาบเซียน…ก็ไม่อาจต้านทานรับไว้ได้แม้แต่ท่าเดียว
  ให้เป็นเซียนอมตะเสเพลที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ถูกฆ่าทิ้งในชั่วพริบตา ไม่ทันได้เห็นผู้ลงมือด้วยซ้ำ!
  และด้วยการเร่งเร้าจากชายชรา ประสิทธิภาพการลงมือของกลุ่มจักรพรรดิอมตะของนิกายลั่วสุ่ยก็ทวีสูงขึ้น ทั้งหมดประหนึ่งเครื่องจักรสังหาร เข่นฆ่าสรรพชีวิตทั้งหลายด้วยความเร็วอันน่าพรั่นพรึง!
  …
  หลังเหลียนชิวใช้ยันต์อมตะเคลื่อนย้ายพาตู้เสวียนหลบหนีออกจากระนาบเซียนแล้ว ก็ถูกส่งตัวมาปรากฏยังสถานที่ตั้งงค่ายกลรับตัวของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน
  แน่นอนว่าสถานที่ตั้งค่ายกลรับตัวก็มีคนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนคอยเฝ้าเอาไว้ตลอด “พวกท่านทั้งคู่เป็นผู้ใด?”
  และสถานที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัววแห่งนี้ เป็นสถานที่ๆมีไว้ให้ผู้ที่ใช้ยันต์อมตะเคลื่อนย้ายเฉพาะของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเท่านั้น
  ดังนั้นผู้ที่คอยเฝ้าค่ายกลรับตัวของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน แม้เห็นว่าผู้มาหน้าไม่คุ้นแต่ก็ไม่กล้าละเลย เอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ
  “ท่าน…ที่นี่คือพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนหรือ?”
  เหลียนชิวเอ่ยถามไอรีนโนเวล
  “มิผิด”
  ผู้ดูแลที่นี่ก็เป็นจักรพรรดิอมตะคนหนึ่ง พอได้ยินคำถามของเหลียนชิว แม้จะงุนงงอยู่บ้างแต่ก็ตอบออกไปเร็วไว ในใจอดไม่ได้ที่จะเกิดคำถาม
  ในเมื่อทั้ง 2 คนเบื้องหน้าใช้ยันต์อมตะเคลื่อนย้ายเฉพาะของพระราชวังงจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ไฉนต้องถามคำถามโง่ๆเช่นนี้ด้วยล่ะ?
  “ท่าน…พวกเรามาหาต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ท่าน และข้าก็เป็นพ่อตาของเขา…พอดีข้ามีเรื่องด่วนพาข้าไปพบ…ไม่สิข้าติดต่อไปหาเลยดีกว่า!”
  เหลียนชิวกล่าวอธิบายตัวตนของมันออกไปและคิดให้อีกฝ่ายพาไปพบต้วนหลิงเทียน แต่พอฉุกคิดได้ถึงคววามเร่งด่วนของสถานการณ์ก็ไม่คิดจะเสียเวลาอะไรแบบนั้น
  เลือกจะทำลายยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณในแหวนพื้นที่แล้วส่งข้อความไปถึงต้วนหลิงเทียนโดยตรง
  เดิมทีต้วนหลิงเทียนก็ตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะพลังอย่างแข็งขัน แต่พอได้รับข้อความที่จู่ๆก็ถูกส่งมา ต้วนหลิงเทียนก็หยุดบ่มเพาะทันที สองตายังลุกโชไปด้วเพลิงโทสะ
  “นิกายลั่วสุ่ย สมควรตาย!!”
  เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่านิกายลั่วสุ่ยจะบ้าระห่ำขนาดนี้ ถึงกับส่งคนไประนาบเซียนและฆ่าล้างบางสรรพชีวิตที่นั่น!
  พอได้ฟังต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันที ว่าสาเหตุการลงมือไม่พ้นเพราะเขาทำลายวิญญาณของคนที่คิดชิงร่างมู่อีอีไปแน่!
  คนผู้นั้นกล่าวว่าตัวนางเป็นลูกสาวของประมุขนิกายลั่วสุ่ย จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน และเป็นน้องสาวฝาแฝดของธิดาเทพแห่งนิกายลั่วสุ่ย
  ต้วนหลิงเทียนก็คิดว่าทางนั้นจะช้าจะเร็วอย่างไรก็ต้องตอบโต้แน่ แต่ก็คิดว่วาเพียงแค่มุ่งเป้ามาที่เขา ไม่คิดวว่าอีกฝ่ายหาเขาไม่เจอก็เลือกไประรานล้างผลาญสรรพชีวิตที่ระนาบเซียน!
  ระนาบเซียนเป็นแค่ ระนาบโลกียะขนาดเล็กเท่านั้น…
  แต่จักรพรรดินีสวรรค์ลั่ววสุ่ยเทียนที่มีหน้ามีตาฐานะสูงส่งน่าเกรงขาม กับออกคำสั่งแบบนี้?
  เป็นธรรมดาว่าหลังโมโหอยู่ครู่หนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็สงบใจลงได้ “ที่สำคัญคือต้องรีบหยุดพวกมัน…เรื่องนี้เกรงว่าคงต้องไปหาอาวุโสเมิ่งหลัว”
  คราวนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะไปหาผู้เฒ่าหั่ว
  ในขณะที่ส่งข้อความแจ้งเรื่องราวไปยังเมิ่งหลัว ต้วนหลิงเทียนก็เร่งรุดไปพบเหลียนชิวกับตู้เสวียนสองสามีภรรยาทันที
  “นายน้อย”
  จักรพรรดิอมตะที่อยู่ไม่ห่างจากตู้เสวียนและเหลียนชิว พอพบเห็นต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าละเลยเร่งประสานมือโค้งคารวะทันที
  ต้วนหลิงเทียนได้มาพักอาศัยอู่ในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนสักพักแล้ว และด้วยการจัดการอย่างเอิกเกริกของเมิ่งหลัวคนส่วนใหญ่ที่นี่ก็คุ้นหน้าเขาดี
  ไม่ว่าใครในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนจึงรู้กันหมด ว่าบัดนี้พวกมันมีนายน้อยเพิ่มมาหนึ่งคน และอีกฝ่ายก็คือศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์พวกมัน!
  ถึงแม้ว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ยังไม่ได้ประกาศรับเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ แต่ในเมื่อเมิ่งหลัวเอ่ยมาแบบนี้ ล้วนไม่มีใดผิดพลาดแน่!
  เนื่องเพราะจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว ในระดับหนึ่งก็ถือได้ว่าเป็น ‘โฆษก’ ของงใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์
  “ผู้อาวุโสทั้ง 2 ข้าจะพาพวกท่านไปพักยังจวนข้าก่อน ที่นั่นข้าเตรีมห้องหับเรือนพักไว้ให้พวกท่านเรียบร้อยแล้ว…จากนั้นข้าจะรีบไปจัดการเรื่องระนาบเซียน”
  ต้วนหลิงเทียนกล่าวทักเหลียนชิวกับตู้เสวียน จากนั้นก็พาทั้งคู่กลับไปยัจวนส่วนตัวของเขา และพาทั้งงคู่ไปยังเรือนหลังหนึ่งที่ตระเตรียมไว้แต่แรก…
  ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะให้เหลียนชิวกับตู้เสวียนเข้าสู่โลกใบเล็กของเขา
  เพราะในโลกใบเล็กขอเขาไม่เพียงแต่พฤกษาเทพกำเนิดชีพ แต่ยังมีเทพเบญจธาตุครบทั้ง 5 ธาตุ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความลับอันยิ่งใหญ่ของเขา หากถูกเปิดเผยออกมา น่ากลัวว่ากระทั่งจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ก็ไม่อาจคุ้มครองเขาได้
  เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนก็ไว้ใจคู่สามีภรรยาอย่างเหลียนชิวและตู้เสวียนในระดับหนึ่ง
  ทว่าเป็นฮ่วนเอ๋อที่ร้องขอให้ต้วนหลิงเทียนไม่เปิดเผยเรื่องนี้กับบิดามารดาของนางออกมาด้วยตัวเอง เพราะนางกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น
  ฮ่วนเอ๋อนั้นย่อมเชื่อใจมารดาอย่างไร้เงื่อนไข
  แต่นางไม่ได้สนิทสนมกับบิดาของนางมากนัก กระทั่งแทบไม่รู้เรื่องราวอะไรหรือนิสัยใจคอของอีกฝ่ายเลย…ถึงแม้มารดาของนงจะเชื่อใจบิดามาก แต่นางก็ไม่กล้านำความลับถึงตายของพี่หลิงเทียนมาเดิมพัน!
  ก่อนที่นางจะสามารถเชื่อใจบิดาของตัวเองได้อย่างเต็มที่ นางจึงไม่คิดให้บิดามารดาเข้าสู่โลกใบเล็กภายในกายพี่หลิงเทียนของนาง
  เพราะหากเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้นมา นางคงไม่มีวันอภัยให้ตัวเองไปชั่วชีวิต
  ด้วยฮ่วนเอ๋อยืนกรานเรื่องนี้อย่างหนัก ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ทำตามใจนาง ขณะเดียวกันในใจเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกอบอุ่นนัก เห็นได้ชัดว่าฮ่วนเอ๋อใส่ใจในความปลอดภัยของเขามาก
  สภาพแวดล้อมในโลกใบเล็กภายในกายเขา เทียบได้กับระนาบเทพ
  ฮ่วนเอ๋อย่อมรู้ดีวว่าหากบิดามารดานางได้เข้าไปบ่มเพาะ พลังฝึกปรือต้องก้าวหน้าฉับไว แต่นางก็เลือกที่จะไม่สน!
  “เบื้องหลังนิกายลั่วสุ่ย ก็คือจักรพรรดินีสวรรค์แห่งลั่วสุยเทียน…เจ้าต้องระวังให้มาก”
  ก่อนต้วนหลิงเทียนจะจากไป เหลีนชิวก็ได้กล่าวย้ำต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  “อาวุโสเหลียนชิว ขอท่านอย่าได้ห่วง เรื่องนี้ข้ารู้ดี”
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ
  หลังจากอำลาเหลียนชิวกับตู้เสวียนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เร่งออกจากจวนทันที และมีคนหนึ่งมารอเขาอยู่หน้าจวนเรียบร้อย
  เป็นชายร่างสูงใหญ่แลดูบึกบึนแข็งแกร่ง เพียงยืนอยู่ตรงนั้นก็ให้ความรู้สึกประหนึ่งหอคอยเหล็ก เป็นจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว ยอดฝีมืออันดับ 1 ใต้จักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน
  “อาวุโสเมิ่งหลัว เรื่องนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว”
  ขณะเดินทางไปยังที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้าย ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยกับเมิ่งหลัวด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “พวกเราต้องเร่งรุดไประนาบเซียนให้เร็วที่สุด หากสายเกินไป ข้าเกรงว่าสรรพชีวิตทั้งระนาบเซียนคงถูกพวกมันฆ่าตายหมดสิ้น!”
  “นายน้อย ถึงแม้ท่านจะไม่ให้ข้าจัดการเรื่องนี้ ข้าก็ยังต้องไปจัดการ!”
  สองตาเมิ่งหลัวลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะ “ระนาบเซียนเป็นบ้านเกิดของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ปกติยามว่างหากข้าได้สนทนากับใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ท่านก็มักเอ่ยถึงบ้านเกิดอยู่บ่อยครั้ง…ข้าไหนเลยจะดูไม่ออกว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ผูกพันกับบ้านเกิดไม่น้อย”
  “คราวนี้กับมีคนกล้าคิดทำลายบ้านเกิดของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ ข้าเมิ่งหลัวไม่มีวันปล่อยพวกมันไปแน่!”
  “หลังข้าฆ่าพวกมันที่นั่นหมด ข้าจะไปขอคำอธิบายกับจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน!”
  “ข้าล่ะอยยากจะรู้นัก…อาศัยเทพสงคราม 7 ดาราดาษๆเช่นนาง กล้าดีอย่างไรถึงได้ท้าทายใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เช่นนี้!”
  ขณะเดินทางมายังระนาบเซียน ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เผยตัวอยู่ข้างๆเมิ่งหลัว แต่เลือกที่จะซ่อนตัวในโลกใบเล็กของเมิ่งหลัว
  เขาไม่คิดจะออกหน้าเรื่องนี้
  เพราะถ้าออกหน้า จะโยงไปถึงเรื่องมู่อีอีทันที
  ถึงตอนนั้นหากจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนคุ้มคลั่งคิดฆ่าเขาโดยไม่สนสิ่งใด น่ากลัวว่ากระทั่งจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวก็คงไม่อาจปกป้องเขาได้!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด