เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ – ตอนที่ 94 ผู้บัญชาการเฉียนที่บอกว่าเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง?

อ่านนิยายจีนเรื่อง เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ ตอนที่ 94 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เฉิงมู่ “…”

 

 

เมื่อกี้เขายังตื้นตันอยู่เลย พูดอะไรก็ต้องคอยหลบฉินหร่าน ตอนนี้กลับเงียบลงในพริบตา

 

 

ลู่จ้าวอิ่งไม่สนใจเฉิงมู่เลยสักนิด เขาเดินไปยืนข้างโต๊ะฉินหร่านแล้วใช้มือยันโต๊ะของเธอ ไม่พูดอะไรเช่นกัน แค่จ้องเธอเขม็ง เสมือนเพิ่งรู้จักเธอครั้งแรก

 

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง เฉิงมู่ก็มองผู้บัญชาการห่าวตัวชา เขาคิดว่าตัวเองหูฝาดไปแล้ว “ผู้บัญชาการห่าว คุณกับพวกผู้บัญชาการเฉียนเป็นคนช่วยผมไม่ใช่เหรอ”

 

 

“สถานการณ์ซับซ้อน ตำแหน่งของนายคลุมเครือ เจ้าหน้าที่ไอทีหาตำแหน่งที่แน่ชัดของนายไม่ได้” ผู้บัญชาการห่าวพูดกระชับได้ใจความ “เพราะเธอยืนยันตำแหน่ง ไม่งั้นตอนนี้นายก็ยังไม่ได้ออกมาหรอก”

 

 

ฉะนั้นบอกว่าฉินหร่านเป็นคนช่วยเฉิงมู่ ไม่มีอะไรผิด

 

 

“แม้แต่เจ้าหน้าที่ไอทีของผู้บัญชาการเฉียนยังระบุตำแหน่งไม่ได้ สุดท้ายเธอเป็นคนระบุเหรอ” เฉิงมู่พูดทวนอีกครั้งอย่างยากลำบาก

 

 

“อืม” แม้จะประสบกับตัวเอง แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ผู้บัญชาการห่าวก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน เขาบีบมือ พูดเน้นย้ำว่า “ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง”

 

 

เฉิงมู่ไม่พูดอะไรอีกแล้ว

 

 

ห้องพยาบาลเงียบกริบ

 

 

เมื่อก่อนเฉิงมู่ไม่ค่อยสังเกตฉินหร่านมากนัก ตอนนี้ตะลึงงัน ตกใจแล้วจริงๆ

 

 

ผู้บัญชาการห่าวไม่มีทางล้อเขาเล่นแน่นอน

 

 

“แต่ว่า…เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง” เฉิงมู่ยังอึ้งอยู่

 

 

ผู้บัญชาการเฉียนดังในวงการนี้เพราะคดี 712 สมุนเขามีแต่เจ้าหน้าที่มือฉมัง สามารถเดาความสามารถของเจ้าหน้าที่ไอทีใต้อาณัติเขาได้

 

 

ไม่ใช่แค่เฉิงมู่ แม้แต่ผู้บัญชาการห่าวกับลู่จ้าวอิ่งก็ไม่เข้าใจ ในสายตาพวกเขาฉินหร่านเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายธรรมดา เธอรู้เรื่องไอทีพวกนี้ได้ยังไง

 

 

แม้จะไม่ได้เล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ แต่เฉิงมู่จินตนาการภาพนั้นออก

 

 

“ฉินเสี่ยวหร่าน เธอสุดยอดเกินไปแล้วมั้ง” ในที่สุดลู่จ้าวอิ่งก็หาเสียงตัวเองเจอสักที ตบโต๊ะ สีหน้าตื่นเต้นและเร้าใจ “เธอไปฝึกเขียนโปรแกรมตอนไหน ถึงได้เชี่ยวชาญกว่าเจ้าหน้าที่ไอทีซะอีก!”

 

 

เมื่อก่อนเป็นเพราะการขู่ของเฉิงเจวี้ยน ท่าทีของเฉิงมู่ที่มีต่อฉินหร่านนับว่ามีมารยาททีเดียว แต่รอบตัวเขามีแต่บุคคลที่โดดเด่นอย่างยิ่งมาตั้งแต่เด็ก ที่จริงแล้วกลับไม่แยแสฉินหร่าน ดูถูกจากก้นบึ้งของหัวใจ

 

 

แต่ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของลู่จ้าวอิ่ง ในใจเฉิงมู่จึงไม่เย้ยหยันอีกต่อไป

 

 

แค่ก้มหน้ามองสองมือของตัวเอง พอมองฉินหร่านอีกครั้ง ท่าทีกับสายตาแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างชัดเจน

 

 

ฉินหร่านยังคงนั่งทำควิซอยู่บนโต๊ะ

 

 

กำลังเขียนควิซวิชาเคมี

 

 

เพราะท่าทีที่มีต่อฉินหร่านเปลี่ยนไป ตอนนี้คนในห้องพยาบาลต่างก็แปลกใจในตัวเธอ

 

 

ทั้งๆ ที่เป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายปีสาม ทำไมฝีมือการเขียนโปรแกรมถึงได้ดีขนาดนี้

 

 

ตอนที่ทำเป็นไม่ตั้งใจเดินผ่านฉินหร่าน ก็ถือโอกาสมองควิซที่เธอกำลังเขียนได้พอดี

 

 

แตกต่างจากลักษณะของเทพมือฉมังที่เขียนโปรแกรมได้ ลายมือในควิซไม่สวยแต่อย่างใด เหมือนตัวหนังสือของเด็กประถม ดูแปลกตา โครงสร้างก็เขียนได้ไม่ดี ไม่มีขอบและมุมเลย

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น…

 

 

พอมองไป มีแค่ไม่กี่ข้อที่ถูก

 

 

เฉิงมู่กับผู้บัญชาการห่าวที่สงสัยในตัวเธออย่างมากก็พูดไม่ค่อยออก

 

 

“เป็นไงล่ะ ฉินเสี่ยวหร่านเก่งมากใช่หรือเปล่า” ลู่จ้าวอิ่งที่ทำแผลให้เฉิงมู่ไม่ระวังเผลอไปโดนแผลเล็กๆ เข้า ทำเอาผู้บัญชาการที่กำลังยกน้ำเย็นดื่มอดหัวเราะออกมาไม่ได้

 

 

โต๊ะที่ฉินหร่านนั่งอยู่ข้างใน มีประตูกระจกกั้นทางฝั่งของลู่จ้าวอิ่ง

 

 

หากลดเสียงเบา ฉินหร่านจะไม่ได้ยินบทสนทนาของฝั่งนี้

 

 

เฉิงเจวี้ยนกำลังล้วงมือถือออกมา

 

 

เฉิงมู่ชะงัก ใช้เสียงที่มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ได้ยิน พูดขึ้นมาพลางทำท่าครุ่นคิด “ท่านเจวี้ยน พวกนายไม่แปลกใจเหรอ ทำไมนักเรียนม.ปลายที่ไม่รู้อะไรเลยถึงรู้เรื่องนี้ล่ะ ทุกอย่างบังเอิญเกินไปหรือเปล่า”

 

 

เฉิงเจวี้ยนกำลังคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ พอได้ยินก็เอี้ยวตัวนิดหน่อย กิริยาท่าทางของเขาเฉื่อยชามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตอนนี้สายตาที่เหลือบมองเฉิงมู่อย่างไม่ยี่หระเจือความดุดันนิดหน่อย

 

 

เขาไม่ได้อธิบายอะไร แค่ลดเสียงให้ช้าลง “อีกสามวันจะไปกินข้าวกับผู้บัญชาการเฉียน ถ้าพวกนายมีเรื่องอื่น ค่อยว่ากันตอนกินข้าว”

 

 

แม้ในความเป็นจริงจะไม่ใช่ผู้บัญชาการเฉียนแบบที่เฉิงมู่คิดไว้ แต่ตอนที่ช่วยเหลือก็มีความดีความชอบของผู้บัญชาการเฉียนเหมือนกัน

 

 

กินข้าวเป็นเรื่องที่ควรอยู่แล้ว

 

 

แต่ว่า…

 

 

“ท่านเจวี้ยน ผู้บัญชาการเฉียนรับปากแล้วเหรอว่าจะกินข้าวด้วย” เฉิงมู่นึกถึงท่าทางบนรถตอนขากลับ ผู้บัญชาการไม่ปริปากเลยสักคำ “ดูท่าทางเขาจะไม่เหมือนคนที่จะไปกินข้าวกับคนอื่น”

 

 

มีเฉิงเจวี้ยนอยู่ด้วย พวกเฉิงมู่และคนอื่นๆ จะสงบเสงี่ยมแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกผู้บัญชาการเฉียนก็ไม่พูดไม่จา บรรยากาศจะอึดอัดขนาดไหนกันนะ

 

 

แม้ในใจจะคิดแบบนี้ แต่เฉิงมู่ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

 

 

ครั้งนี้เขากับผู้บัญชาการห่าวมาที่เมืองอวิ๋นเฉิง ข้อหนึ่งเป็นเพราะเฉิงเจวี้ยน ข้อสองเป็นเพราะผู้บัญชาการเฉียน มีโอกาสย่อมดีกว่าไม่มี

 

 

 

 

สามวันต่อมา

 

 

ช่วงกลางวัน

 

 

ผู้บัญชาการห่าวกับเฉิงมู่มาถึงงานเลี้ยงก่อน

 

 

เฉิงเจวี้ยนกับลู่จ้าวอิ่งยังรอฉินหร่านเลิกเรียนอยู่ จึงไม่ได้มาด้วย

 

 

เฉิงเจวี้ยนนัดเวลาไว้แล้ว รอฉินหร่านเลิกเรียนแล้วค่อยมา เวลาก็กำลังพอดี

 

 

เฉิงมู่กับผู้บัญชาการห่าวมาที่นี่ก่อนเวลาเพราะความเคารพต่อความสามารถของเฉิงเจวี้ยนกับผู้บัญชาการเฉียน

 

 

“เธอเก่งมากจริงๆ แต่ในโอกาสทางการแบบนี้เธอโผล่มาจะไม่ดีเหรอ” เฉิงมู่ถือถ้วยชา เหลือบมองข้างนอก พูดกับผู้บัญชาการห่าวเสียงเบา “ถึงตอนนั้นถ้าผู้บัญชาการเฉียนไม่ชอบใจจะทำยังไง”

 

 

เหตุการณ์แบบนี้ เฉิงมู่คิดว่านักเรียนมัธยมปลายอย่างฉินหร่านไม่ควรปรากฏตัว

 

 

ตอนแรกเขาคิดว่าผู้บัญชาการห่าวจะเห็นด้วยกับเขา คิดไม่ถึงว่าผู้บัญชาการห่าวจะจิบชาเงียบๆ ไม่พูดอะไร

 

 

ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

เฉิงมู่กำลังจะพูด ในตอนนี้เองประตูห้องส่วนตัวก็ถูกพนักงานเปิดออก มีอีกหลายคนเดินเข้ามา

 

 

พอเงยหน้า ก็พบว่าเป็นผู้บัญชาการเฉียน ใบหน้าของเฉิงมู่แสดงความตกใจอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ตอนแรกเขาคิดว่าผู้บัญชาการเฉียนจะมาตอนเริ่มงานเลี้ยงพอดีเหมือนเฉิงเจวี้ยน

 

 

โดยปกติแล้วคนที่มาก่อนเวลาหากไม่ใช่เพราะนับถืออีกฝ่ายมาก ก็เพราะอยากคุยสัพเพเหระกับคนอื่นๆ

 

 

ดูใบหน้าซึมกะทือเงียบขรึมของผู้บัญชาการเฉียน ไม่เหมือนคนที่ชอบพูดคุยแบบนั้น

 

 

“ผู้บัญชาการเฉียน คุณจะดื่มชาอะไร” เฉิงมู่ลุกขึ้น ชิงเอ่ยปากก่อน

 

 

“ไม่ต้อง” ผู้บัญชาการเฉียนตอบสั้นกระชับ

 

 

เขานั่งบนตำแหน่งติดประตู เจ้าหน้าที่ไอทีที่ตามหลังเขามาก็พากันนั่งประจำที่หมดแล้ว

 

 

ทุกคนต่างก็นั่งซึมเซา นอกจากผู้บัญชาการเฉียนที่เอ่ยปากให้พนักงานเสิร์ฟชากาหนึ่งแล้ว คนอื่นไม่มีทีท่าว่าจะพูดเลย

 

 

ราวกับเหตุการณ์ถูกแช่แข็ง

 

 

ต่อมาเฉิงมู่ก็ลองถามพวกผู้บัญชาการเฉียนไม่กี่ประโยค ทีมของผู้บัญชาการเฉียนไม่ส่ายหน้าก็พยักหน้า ประหนึ่งเป็นก้อนน้ำแข็ง

 

 

เฉิงมู่จนปัญญาแล้วจริงๆ เขาคิดว่าตัวเองพูดน้อยมากแล้ว ไม่คิดว่าจะมีคนพูดน้อยกว่าเขาอีก

 

 

เขาก้มหน้า ส่งข้อความหาผู้บัญชาห่าวว่า ‘ผู้บัญชาการเฉียนเย็นชาเกินไป ไม่มีทางร่วมมือกันได้เลย’

 

 

ขณะที่บรรยากาศอึดอัดจนถึงขีดสุด ประตูก็ถูกผลักออกอีกครั้ง

 

 

คนที่เปิดประตูก่อนคือลู่จ้าวอิ่ง เขาลูบต่างหูวิบวับของตัวเอง เปิดประตูพลางเหลียวหลังคุยกับคนข้างหลัง

 

 

“ท่านเจวี้ยน” เฉิงมู่กับผู้บัญชาการห่าวต่างก็ลุกขึ้น

 

 

เฉิงเจวี้ยนหลุบตาต่ำ ตอบรับเสียงเบา น้ำเสียงเจือเสียงนาสิกน้อยๆ เดินเข้ามาพร้อมกับฉินหร่าน

 

 

เฉิงมู่กำลังจะนั่งลง

 

 

ก็มองพวกผู้บัญชาการเฉียนลุกขึ้นด้วยความตะลึง หลายคนที่เย็นชาดุจน้ำแข็งเมื่อครู่นี้ มีคนเช็ดเก้าอี้ที่เหลือด้วย

 

 

มีคนดึงเก้าอี้ออก

 

 

แต่ใบหน้าผู้บัญชาการเฉียนเองกลับมีรอยยิ้มบางๆ รินชาแล้ววางตรงหน้าฉินหร่าน พูดอย่างเป็นมิตรว่า “อันนี้ดื่มได้ มีใบชาแค่ไม่กี่ใบ ฉันให้พนักงานชงมาใหม่”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด