เส้นทางแห่งโชคชะตา – เล่มที่ 1 ตอนที่ 42: ฮีโร่พ่อค้า (1)

อ่านนิยายจีนเรื่อง เส้นทางแห่งโชคชะตา ตอนที่ 42 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เล่มที่ 1 ตอนที่ 42: ฮีโร่พ่อค้า (1)

 

ในช่วงเวลานี้ ที่สำนักงานใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรเศรษฐกิจและการค้าหนานเทียนกรุ๊ป ยุโรปและเอเชีย-แปซิฟิก มีชายคนหนึ่งได้เก็บงำความลับทุกอย่างไว้เป็นเวลามามากกว่าสิบปี…

 

……….

 

ในห้องรับรองของศูนย์กักกัน (เรือนจำ) หลินเสี่ยวหมิงจ้องมองดูมู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างไร้อารมณ์ขณะที่เขานั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่กังวลและรู้สึกเจ็บปวดภายในหัวใจ

 

“นายจะต้องพยายามมากกว่านี้ ! ” หัวใจของหลินเสี่ยวหมิงสั่นเทิ้มไปด้วยความเจ็บปวด

 

มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ได้ตอบอะไรออกมา ในขณะเดียวกันหัวใจของเขาก็จมลึกลงไปสู่ห้วงนรกขุมสุดท้าย หลังจากนั้นไม่นานร่างกายที่สั่นเทาของเขาก็สงบลง ดวงตาที่ว่างเปล่ากลับมีน้ำตาไหลออกมาทันที ใบหน้าที่โศกเศร้าของเขาซีดเผือดราวกับว่าตายไปแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าวิญญาณของเขานั้นล่องลอยเคว้งคว้างออกไป

 

“ลุงหลิน ขอบพระคุณลุงมากที่ช่วยรับเสี่ยวยี่และเสี่ยวเฟิงไปดูแล” น้ำเสียงของมู่หรงเสี่ยวเทียนเย็นชา “บอกเสี่ยวยี่และเสี่ยวเฟิงนะครับ ว่าผมนั้นได้ตายไปแล้ว”

 

หัวใจของหลินเสี่ยวหมิงเจ็บปวดราวกับว่าถูกมีดแหลมทิ่มแทง

 

……….

 

“พ่อ พ่อกำลังตามหาหนูอยู่หรือเปล่า ? ” สาวสวยร่างสูงเดินเข้าไปในห้องและขัดจังหวะ ขณะที่หลินเสี่ยวหมิงกำลังคิดถึงเรื่องเก่า

 

“โอ้ ลูกรัก มาสิ นั่งลงก่อน” หลินเสี่ยวหมิงเดินตรงไปนั่งที่โซฟา จากนั้นเขาก็ปาดน้ำตาออกจากใบหน้าและจ้องมองไปที่หญิงสาวแสนซุกซนด้วยความรัก

 

“พ่อนี่ก็จริง ๆ เลยนะ ดูสิ หนูไม่อยู่แค่ไม่กี่วันเท่านั้น ผมหงอกก็ขึ้นมาบนหัวเต็มไปหมดเลย ทำไมไม่ดูแลตัวเองให้ดี ๆ กว่านี้ล่ะ” หญิงสาวนั่งลงจ้องมองหลินเสี่ยวหมิงด้วยความกังวล

 

หลินเสี่ยวหมิงยิ้มอย่างพึงพอใจ สำหรับเสี่ยวยี่ เสี่ยวเฟิงแล้วนั้น พวกเขาเป็นเด็กที่มีเหตุผลและเชื่อฟังเขาเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากที่เขากับภรรยารับเด็กสองคนนี้มาเป็นบุตรบุญธรรม

 

“จะว่าไป ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ลูกเองก็ดูแลงานในกลุ่มหนานเทียนได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ลูกเองก็โตมากพอแล้ว พ่อคิดว่ามันถึงเวลาที่พ่อจะต้องบอกอะไรบางอย่าง” ทันใดนั้นเสียงของหลินเสี่ยวหมิงก็หนักแน่นขึ้น การแสดงออกของเขาก็ดูจริงจังเป็นอย่างมาก !

 

ตอนนี้บรรยากาศเหมือนจะหนักอึ้งขึ้นกว่าเดิม และรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก เธอไม่เคยเห็นพ่อบุญธรรมแสดงท่าทางจริงจังขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เธอรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อย “พ่อคะ มีอะไรรึเปล่า ? ทำไมพ่อดูกังวลขนาดนั้น ? ”

 

“พ่อมีอะไรบางอย่างที่จะต้องบอกกับลูกตรง ๆ ” หลินเสี่ยวหมิงพูดช้า ๆ และหนักแน่นในทุก ๆ คำ “พี่ชายของลูก มู่หรงเสี่ยวเทียนน่ะ เขายังไม่ตาย ! ”

 

“อะไรนะ ? ! ” เธอลุกขึ้นยืนด้วยความประหลาดใจ เรื่องที่ได้ยินนี้เข้าไปวนเวียนอยู่ในใจของเธอ พี่ชายคนโตที่เคยเป็นคอยดูแลตัวเธอกับน้องชายมาตลอดราวกับเขาเป็นพ่อแม่คนหนึ่ง พี่ชายที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องสาวและน้องชายของตัวเอง พี่ชายที่พวกเขาคิดว่าจากไปแล้วตลอดกาล แต่ตอนนี้เขายังมีชีวิตอยู่ !

 

“พี่ใหญ่อยู่ที่ไหนกัน ? ” เธอรู้สึกประหลาดใจและพูดอะไรแทบไม่ออก จากนั้นหยดน้ำตาก็ไหลรินออกมา

 

หลังจากที่หลินเสี่ยวหมิงรอให้มู่หรงเสี่ยวยี่ใจเย็นลง เขาก็บอกเธอว่าจริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เมื่อสิบปีก่อน และในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมา “เสี่ยวเทียน เด็กคนนั้นเป็นคนที่มีความเข้มแข็งเป็นอย่างมาก เขาตั้งใจที่จะทำให้น้อง ๆ ทั้งสองได้ไปเรียนที่โรงเรียนดี ๆ มีการศึกษาดี ๆ เขาจึงเข้าร่วมขบวนการผิดกฎหมาย ! แต่ทว่าที่พ่อเองไม่เคยให้ลูก ๆ รู้เรื่องเหล่านี้ นั่นเป็นเพราะว่าพ่อก็เพิ่งจะมารู้เรื่องเหล่านี้หลังจากที่เสี่ยวเทียนนั้นต้องติดคุกติดตะราง โชคชะตานั้นช่างไม่ยุติธรรมกับเขาซะเลย ! ”

 

“พี่ชายของหนูอยู่ที่ไหนกัน ? ” มู่หรงเสี่ยวยี่ร้องไห้ออกมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ

 

หลินเสี่ยวหมิงส่ายหัวเบา ๆ และพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ในตอนนั้นเสี่ยวเทียนถูกตัดสินให้จำคุก 15 ปีและส่งตัวไปที่คุกทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อรับโทษ พ่อเองก็เคยไปเยี่ยมเขาหลายครั้งแต่เขาก็ไม่ยอมออกมาเจอ ต่อมาเนื่องจากธุรกิจของพ่อเริ่มยุ่งวุ่นวายมากขึ้น พ่อก็เลยไม่ได้ไปหาเขาอีกเลย” หลินเสี่ยวหมิงถอนหายใจออกมาและพูดต่อว่า “พ่อส่งคนไปที่คุกตะวันออกเฉียงเหนืออีกครั้งเมื่อสองสามวันก่อนเพื่อดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง จนถึงตอนนั้นพ่อถึงได้รู้ว่าเขามีความประพฤติที่ดีและได้รับการลดหย่อนโทษให้เหลือน้อยลง ตอนนี้เขาถูกปล่อยตัวออกไปได้สิบกว่าวันแล้ว พ่อคิดว่าเขาน่าจะกลับไปที่เมืองเค”

 

“หนูจะกลับไปที่เมืองเค ! ” มู่หรงเสี่ยวยี่แสดงท่าทางกังวลออกมาในสายตาของเธอ

 

หลินเสี่ยวหมิงพยักหน้า “ที่พ่อเรียกหนูมาก็เพราะสิ่งนี้ ลูกจะต้องรับผิดชอบในหน้าที่ของน้องสาว แม้ว่าจะกลับไปที่บ้านนั้นก็ตาม หลังจากที่ลูกไปถึงที่นั่นแล้ว ลูกมีหน้าที่ 2 อย่างที่จะต้องทำ อย่างแรกนั้นก็คือการตามหาพี่ชายของลูกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างที่สองนั้นลูกจะต้องไปพัฒนากลุ่มหนานเทียนอย่างสุดความสามารถ สำหรับเกมเดสตินี่ ตอนนี้มันกำลังได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากผู้คนทั่วทุกมุมโลก และมันจะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาธุรกิจของเราให้ก้าวสู่สากลในสองสามปีข้างหน้า”

 

หลังจากหลินเสี่ยวหมิงพูดจบ เขาก็พูดเสริมขึ้นขณะที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง “อย่าบอกเสี่ยวเฟิงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นมันจะกระทบต่อการเรียนของเขา”

 

เสี่ยวยี่พยักหน้าเบา ๆ เธอเข้าใจนิสัยของเสี่ยวเฟิงน้องชายของเธอเป็นอย่างดี ถ้าหากว่าเสี่ยวเฟิงรู้เรื่องนี้ว่าพี่ชายคนโตของเขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะต้องกลับไปยังเมืองเคอย่างแน่นอน แม้ว่าเขาจะไม่สามารถไปหาพี่ชายของเขาด้วยตัวเอง แต่เขาก็จะไม่มีกะจิตกะใจในเรื่องอื่นนอกจากคิดวกไปวนมาเกี่ยวกับเรื่องพี่ชายของเขา

 

“พี่คะ พี่อยู่ที่ไหน ? ” หัวใจของมู่หรงเสี่ยวยี่ร้องเรียกออกมาเป็นพัน ๆ ครั้ง !

 

……….

 

มู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังเดินไปที่ต้นไม้และจ้องมองไปที่ฮีโร่ที่กำลังพักผ่อนอยู่บนพื้นใต้ต้นไม้ มู่หรงเสี่ยวเทียนโกรธมากจึงวิ่งเข้าไปจับที่คอเสื้อของเขาและยกขึ้นมา “นี่แก เพื่อที่จะช่วยชีวิตแก เพื่อนของฉันต้องถูกบังคับให้ออฟไลน์ ถ้าหากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ เราคงจะได้เห็นดีกันแน่ ! ”

 

“พี่ชาย ได้โปรดอย่ากังวล ! ” ฮีโร่จ้องมองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างเป็นกังวล “มันก็แค่ถูกบังคับให้ออฟไลน์เท่านั้นไม่ใช่หรือ ? มันไม่น่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น ทำไมท่านถึงกังวลนัก ? ”

 

ในขณะนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็พบว่าฮีโร่คนนี้ ตัวเตี้ยจนน่าประหลาดใจ เพราะตอนนี้เขาได้ยกร่างของอีกฝ่ายขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเลย เมื่อมองดูอีกทีเท้าของฮีโร่คนนี้ก็ลอยขึ้นมาจากพื้นแล้ว “สมควรโดนแล้วล่ะเจ้าเตี้ย ! ” เขาโยนความโกรธแค้นทั้งหมดไปลงที่คนแคระที่อยู่บนพื้น แล้วก็พูดออกมาอย่างไม่เต็มใจว่า “อืม ฉันจะปล่อยแกไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าหากว่าเพื่อนของฉันเป็นอะไรไปจริง ๆ มันก็คงจะไม่สายเกินไป ที่จะมาแก้แค้นแกทีหลัง”

 

“พี่ชาย ท่านอย่ากังวลไปเลย มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก” ฮีโร่คนแคระไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย เขาฉีกเสื้อผ้าออกมาและพันไปที่บาดแผลตรงเท้าของเขา

 

มู่หรงเสี่ยวเทียนสั่งฮีโร่แคระให้นั่งอยู่เฉย ๆ อย่างโกรธแค้น จากนั้นก็เอามือจับไปที่หัวของเขาเพื่อสงบสติอารมณ์

 

เขาใช้เวลาเกือบทั้งวันในการตัดไม้และต่อสู้กับมอนสเตอร์ มันเป็นอะไรที่ยากลำบากมาก และในเวลานี้เขาก็รู้สึกเหนื่อยอย่างมาก จนถึงกับต้องนอนพักลงไปบนพื้น ตอนนี้บนท้องฟ้านั้นดูมืดครึ้ม ความหดหู่มากมายทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออก ลำธาร ทุ่งหญ้าที่อยู่ไกลออกไปนั้นดูพร่ามัว อากาศก็ดูเหมือนจะสร้างแรงกดดันให้กับเขาเป็นอย่างมาก จนทำให้เปลือกตาของเขาแทบจะปิดและหลับลงไปในตอนนี้

 

“เจ้าคนแคระ นายมีอะไรจะพูดไหม ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกสบายใจขึ้นแล้วในตอนนี้ จึงได้เอ่ยถามออกไป

 

“แล้วท่าน อยากให้ข้าพูดอะไรงั้นรึ ? ” ฮีโร่คนแคระกำลังพันแผลที่ขาของเขา เขานั่งลงข้าง ๆ มู่หรงเสี่ยวเทียนพร้อมกับดื่มด่ำกับสายลมเย็น ๆ ที่พัดเข้ามาอย่างช้า ๆ มันสดชื่นเป็นอย่างมาก “ข้ารู้สึกดีใจที่รอดมาได้ หลังจากผ่านความกลัวเมื่อครู่มาได้ มันเหมือนกับได้เกิดใหม่อย่างไรอย่างนั้น!”

 

“หวังว่านายยังไม่ลืมนะว่ารอดมาได้ยังไง” มู่หรงเสี่ยวเทียนเหน็บแนมออกไป แต่ทว่าสายตาของเขายังคงมองออกไปไกลสุดขอบฟ้า เขาเอื้อมมือไปหาฮีโร่คนแคระ “ช่วยเหลือก็คือช่วยเหลือ ฉันจะพักผ่อนก่อน แต่การช่วยเหลือครั้งนี้มันก็ยังมีราคาที่ต้องจ่าย”

 

“จ่ายอะไรหรือ ? ” ฮีโร่คนแคระสับสน เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก

 

“ก็ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการช่วยชีวิตนายยังไงล่ะ” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดออกมาขณะที่เขาพึมพำกับตัวเอง เขาไม่ขยับหรือสั่นไหว มันราวกับว่าเขากำลังซึมซับความรู้สึกจากความสดชื่นและความเย็นหลังจากฝนตกในฤดูใบไม้ผลิอย่างต่อเนื่อง

 

“อะไรกัน แค่นี้ก็เสียสละไม่ได้หรือ ? การช่วยชีวิตของคนให้พ้นจากความตาย หรือแม้แต่การช่วยรักษาอาการบาดเจ็บก็ยังดันจะมาเรียกร้องค่าตอบแทนอะไรนั่นอีก ทำไมท่านใจแคบใจดำเยี่ยงนี้ ! ” ฮีโร่คนแคระนอนราบไปบนพื้นเหมือนกับมู่หรงเสี่ยวเทียน และขณะที่แขนของเขาก็ได้กลายเป็นหมอนให้มู่หรงได้หนุนซะแล้ว ที่ที่พวกเขาอยู่นั้นก็เป็นเนินเขาชัน เมื่อมองออกไปก็ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นทัศนียภาพที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตานี้ได้อีก  “ดูเถอะ สายรุ้งหลังฝนงดงามยิ่งนัก มันเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา พี่ชาย มันใช่เวลาที่จะมาพูดถึงเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ หรือไม่ ? มันเป็นอะไรที่แย่ยิ่งนัก”

 

“อย่ามาหลอกฉันซะให้ยาก นายเงียบไปเลย” มู่หรงเสี่ยวเทียนลุกขึ้นนั่งจากนั้นก็มองไปที่ฮีโร่คนแคระอย่างไม่แยแส “ให้ตายสิ ใครจะใช้ความพยายามมากมายขนาดนั้นเพื่อช่วยชีวิตนาย นายคิดว่าฉันว่างมากจนถึงขนาดที่จะต้องนำปัญหามาให้ตัวเองงั้นหรือ ? ”

 

“ข้ายอมท่านเลยจริง ๆ พูดอะไรตรงไปตรงมาเหลือเกิน” ฮีโร่คนแคระลุกขึ้นนั่งด้วยสีหน้าขมขื่น “นอกจากนี้พวกเราก็เป็นฮีโร่ที่เพิ่งเข้ามาเป็นกลุ่มแรกภายในระบบของเกม ข้าไม่มีอะไรจะให้เสียอยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นท่านก็ฆ่าข้าเสียเถอะ”

 

“นี่ฉันจะต้องทำขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย ? ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ” มู่หรงเสี่ยวเทียนหงุดหงิดและสิ้นหวังเป็นอย่างมาก

 

“ท่านลงมือเถอะ” ฮีโร่คนแคระกลอกตามองบนและยิ้มออกมาอย่างบูดเบี้ยว “นับว่าเป็นการจับคู่ที่ผิดตั้งแต่แรกเห็น ดังนั้นเป็นความผิดของข้าเองที่จะพยายามทำสัญญากับท่านและอยากจะกลายเป็นฮีโร่ของท่าน”

 

“จริงหรือ ? ” ดวงตาของมู่หรงเสี่ยวเทียนเป็นประกาย จากนั้นมันก็กลายเป็นสีเทาอีกครั้ง เขาจ้องมองไปที่ฮีโร่คนแคระด้วยความโกรธเคือง “นายนี่มั่วนิ่มชะมัด ถ้าหากว่าไม่มีหินอัญเชิญ ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์”

 

ในเกมเดสตินี่ การจะอัญเชิญฮีโร่มาเป็นผู้ติดตามจะต้องใช้หินอัญเชิญ ไม่อย่างนั้นฮีโร่จะไม่สามารถออกจากสำนักงานฮีโร่ได้ แม้ว่าจะมีฮีโร่มากมายอยู่ในป่าก็ตาม ถึงอย่างนั้นถ้าสัญญาไม่ได้ถูกลงนามโดยก้อนหินอัญเชิญ แม้ว่าจะมีฮีโร่มากมายที่เต็มใจติดตามผู้เล่น มันก็เป็นเพียงแค่สิ่งไร้ประโยชน์ ดังนั้นแล้ว แม้ว่าฮีโร่แคระคนนี้จะเต็มใจแต่ถ้าหากไม่มีหินอัญเชิญ มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ไม่สามารถทำอะไรได้จริง ๆ !

 

“หากท่านพยายามจะดูถูกข้า ข้าอยากจะถามว่าทำไมต้องใช้ข้ออ้างที่ไร้สาระเยี่ยงนี้ด้วย เห็นได้ชัดว่าท่านนั้นมีหินอัญเชิญอยู่กับตัว ! ” ฮีโร่แคระยืนตัวสั่นขึ้นมาทันทีด้วยแววตาที่โกรธเคือง เขาสามารถทนต่อการดูถูกดูหมิ่นได้หรือแม้กระทั่งทนต่อการถูกทำร้ายร่างกาย แต่เขาจะไม่อดทนต่อไปสำหรับคนที่ไม่สนใจเขาในฐานะฮีโร่ เขาคือฮีโร่ตัวแรกที่ระบบสร้างขึ้น ดังนั้นย่อมมีความพิเศษเป็นธรรมดา ฮีโร่ประเภทมนุษย์เช่นนี้ย่อมอยู่เหนือกว่าระดับไอคิวธรรมดาของฮีโร่ทั่วไป และเรียกเขาง่าย ๆ ว่าฮีโร่พ่อค้านั่นเอง

 

เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนักธุรกิจคือความซื่อสัตย์ !

 

 

 

To be continued…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด