เส้นทางแห่งโชคชะตา – เล่มที่ 1 ตอนที่ 55: ทีมสายฟ้า (4)

อ่านนิยายจีนเรื่อง เส้นทางแห่งโชคชะตา ตอนที่ 55 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เล่ม 1 ตอนที่  55: ทีมสายฟ้า (4)

 

“ว้าว ผลงานชิ้นเอกนี่ใครเป็นคนทำขึ้นมากันนะ” ในช่วงเวลานี้ชายหญิงทั้งห้าคนนั้นเกือบจะเดินผ่านหอสังเกตการณ์ไปแล้ว หญิงสาวอ้วนท้วนที่ชื่อว่าสายฟ้าไป่เหอมองขึ้นมาที่หอสังเกตการณ์ด้วยความสนใจ เธอตบมือเสียงดังด้วยมือที่อ้วนท้วนคู่นั้นของเธอ เมื่อเธอพูดขึ้นมา เสียงของเธอก็ไพเราะและอ่อนโยนเป็นอย่างมาก

 

“หะ ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนอ้าปากค้าง เสียงของเธอนั้นอ่อนโยนราวกับนางฟ้า แต่ทว่าตัวของเธอนั้นตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง มันแทบจะไม่สอดคล้องกันเลยแม้แต่น้อย

 

“พี่เป็นอะไรไป ? อย่าสับสนไปเลย ตอนแรกฉันเองก็ไม่ต่างจากพี่เท่าไหร่หรอก” เทียนหยามองไปที่มู่หรงเสี่ยวเทียนด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ “เฮ้อ ยังมีเรื่องให้ตกใจเกินกว่าที่พี่จะคาดเดาได้อีกหลายเรื่อง”

 

“เทียนหยาใช่มั้ย ? นายอยู่สูงเกินไปแล้วนะ อีกนิดเดียวก็จะหายไปบนท้องฟ้าแล้ว” ขณะที่ทีมสายฟ้าเดินเข้ามาด้านล่าง สายฟ้าปาฉีที่เป็นคนเดินนำก็หยุดและมองขึ้นไปที่เทียนหยาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ทันใดนั้นใบหน้าก็เหี่ยวย่นลงมา สายตาก็จ้องมองเขม็งไปที่เทียนหยา จากนั้นเธอก็ตะคอกออกมา “เทียนหยา ทำไมนายไม่เคารพฉันคนนี้เลยแม้แต่น้อย ? กล้าดียังไงยืนค้ำหัวผู้ใหญ่แบบนี้ ? อย่าทำให้ฉันรำคาญ ไม่เช่นนั้นฉันจะเอาดาบยักษ์เฉือนน้องชายของนายให้ขาดเป็นชิ้น ๆ ! ” เสียงนั้นดูน่ากลัวเล็กน้อย

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า มันมีเรื่องที่เกินการคาดเดาอยู่จริง ๆ ด้วย” มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปที่ใบหน้าของเทียนหยาที่กำลังแดงอย่างกับตูดลิง จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนท้องแข็ง

 

เทียนหยาดูเขินอายและทำอะไรไม่ถูก เขาเสียการควบคุมไปเล็กน้อย เมื่อสายฟ้าปาฉีได้ยินมู่หรงเสี่ยวเทียนหัวเราะเยาะออกมา คิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากัน เธอหงุดหงิดเล็กน้อยและหันไปจ้องมองที่มู่หรงเสี่ยวเทียน แต่เมื่อเธอมองเห็นชื่อของเขาแล้ว คิ้วที่ขมวดและใบหน้าอันมืดมนก็เปลี่ยนไปเป็นความสุขในทันที “ก็คิดว่าใครกันที่กล้าดี และอวดดีขนาดนี้ ที่แท้ก็คือฆาตกรปีศาจ พี่ชายโจรนั่นเอง”

 

มู่หรงเสี่ยวเทียนถึงกับผงะ เขากลายเป็นฆาตกรตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?

 

“การที่พาหมาป่าโลหิตจำนวนมากมายไปไล่ฆ่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ฉันคนนี้ชื่นชมพี่มากเลย” สายฟ้าปาฉีพูดออกมาพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

 

เพียงแค่สิ่งนั้นมันก็ทำให้มู่หรงเสี่ยวเทียนเข้าใจ มันกลายเป็นว่าตอนนี้เขากลายเป็นฆาตกรจากเหตุการณ์หมาป่าโลหิตไล่ล่าเขาโดยบังเอิญเมื่อครั้งที่แล้ว เขาไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรผิด เพราะครั้งที่แล้วนั้นมันไม่ได้เป็นความตั้งใจของเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“พี่โจร พวกเราทั้งห้าชื่นชมพี่เป็นอย่างมาก ถ้าเรามีโอกาสช่วยมาดื่มกับพวกเราสัก 300 จอกให้เมาจนหัวทิ่มเลยได้ไหม ? ” ในเวลานี้ผู้ที่มีอายุมากที่สุด สายฟ้าซวนเงยหน้าขึ้นมามองมู่หรงเสี่ยวเทียนและตะโกนออกมา

 

“ดี ดี” มู่หรงเสี่ยวเทียนตอบเสียงดัง

 

“หลายคนมองมาที่ฉันและนึกว่าฉันนั้นเป็นมู่หรงเสี่ยวเทียน บางทีฉันอาจจะต้องไปเป็นเพื่อนกับมู่หรงเสี่ยวเทียนสักหน่อยแล้ว”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เหมือนทุกคนกำลังคุยเรื่องสนุกกันอยู่สินะ ฉัน ตงไห่ คนนี้จะพลาดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” เสียงหัวเราะอันอบอุ่นขัดจังหวะมู่หรงเสี่ยวเทียนที่กำลังสนทนากับพวกทีมสายฟ้า ก็ถูกชายคนนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนด้วยเสียงหัวเราะ เขาเป็นชายรูปงามอายุประมาณ 20 ปีไว้ผมยาว เขาเดินแหวกฝูงชนออกมาและเดินเข้าไปหาสายฟ้าซวน

 

“โอ้โห ไอ้หมอนี่รวยชะมัด” มู่หรงเสี่ยวเทียนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาขณะที่เขาจ้องมองไปยังผู้เล่นที่มีชื่อว่า ตงไห่กับมีด

 

ผู้เล่นที่ชื่อว่าตงไห่กับมีด แต่งกายด้วยชุดคลุมผ้าซาตินที่งดงาม ในมือของเขานั้นถือพัดพร้อมกับพัดไปพัดมาและเดิมเข้ามาอย่างนิ่งสงบ อาจจะมีผู้เล่นมากมายในเดสตินี่ที่ไม่รู้ แต่นั่นมันเป็นชุดที่ไม่มีสเตตัสเสริมระดับไฮเอนด์ มันเป็นชุดแฟชั่นที่ไม่มีสเตตัสแต่ราคาแพงที่สุดในตอนนี้เลยก็ว่าได้ มันมีมูลค่าหลายพันเหรียญทอง ส่วนพัดที่อยู่ในมือนั้นก็ใช่ว่าจะคุ้มค่ากับราคานัก

 

ตงไห่กับมีด ได้เดินเข้าไปหาสายฟ้าปาฉี จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและสะบัดพัดไปมา เขาดูราวกับว่าอ่อนโยนและดึงดูดความสนใจของใครหลาย ๆ คน “ผู้มีเกียรติทั้งหลาย ฉันคือตงไห่กับมีด ผู้เลื่องลือในทิศตะวันออก ช่างเป็นเรื่องที่ดีมากที่ได้พบกับพวกนายที่นี่”

 

“ไอ้คนพูดจาไร้สาระ อย่ามาใกล้ฉันนะ ! ” สายฟ้าปาฉีตะโกนออกมาก่อนที่จะคว้าเอาดาบเล่มใหญ่จากหลังของเธอมาถือไว้ จากนั้นเธอก็ฟันเข้าไปที่ตงไห่กับมีด จนกระเด็นถอยหลังไปหลายเมตร ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างไร้ความปราณี “อย่าคิดว่าฉันคนนี้จะไม่รู้ว่าแกเสแสร้ง ! ”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เสียงหัวเราะจากผู้ชมดังขึ้นมาจากการที่ตงไห่กับมีดกระเด็นออกไปหลายเมตร เสื้อผ้าหรูหราราคาแพงได้เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์สวมใส่สีขาวระดับ 1 ทันที มันทำให้ตอนนี้ทุกคนหัวเราะจนท้องแข็ง

 

อุปรกรณ์สวมใส่ส่วนใหญ่ที่อยู่ในเกมส์เดสตินี่จะถูกตั้งค่าเอาไว้ โดยปกติผู้เล่นสามารถเลือกเสื้อผ้าที่ไม่มีสเตตัสเอาไว้ในหน้าต่างแรกและเสื้อผ้าที่เสริมสเตตัสเอาไว้ในหน้าต่างที่สองได้ แต่ทันทีที่เข้าสู่สถานการณ์ที่ต้องต่อสู้หรือถูกโจมตี ระบบจะช่วยเปลี่ยนเป็นชุดที่เสริมค่าสเตตัสเข้ามาทันที

 

“พี่สาม ดูพี่ทำเข้าสิ หมอนั่นดูเหมือนเป็นคนดีอยู่นะ ทำไมถึงทำกับเขาแบบนั้น” สายฟ้าไป่เหอจ้องมองไปที่ใบหน้าบูดเบี้ยวของตงไห่กับมีดที่ไถลออกไปไกล ซึ่งกำลังจะพูดขึ้นมาด้วยความโกรธ

 

“นังอ้วน ไม่พูดบ้างจะเป็นอะไรไหม ? ” สายฟ้าปาฉีกลอกตามองบนและพูดออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธ

 

มู่หรงเสี่ยวเทียนอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเมื่อเห็นสายฟ้าปาฉีฟาดไปทางตงไห่กับมีดด้วยดาบขนาดใหญ่ของเธออย่างง่ายดาย

 

เพียงแค่กระบวนท่าเดียวสายฟ้าปาฉีก็สามารถทำให้เขากระเด็นห่างไปถึง 2-3 เมตรเลยทีเดียว มันจะต้องเป็นสกิลที่สร้างขึ้นเองอย่างแน่นอน ในเวลานี้ ดาบในมือของสายฟ้าปาฉีกำลังเปล่งแสงสีม่วงออกมา บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของเธอราวกับว่ากำลังเป็นนักฆ่าที่สง่างามกำลังจะสังหารศัตรูยังไงยังงั้น มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าอย่างลับ ๆ เพราะของสวมใส่ของเธอนั้นจะต้องเป็นอุปกรณ์ม่วงอย่างไม่ผิดเพี้ยน เธอโจมตีได้แม่นยำและเด็ดขาด แน่นอนว่ามันคือคุณสมบัติของผู้เล่นมืออาชีพ

 

“น้องเล่ยถิง อยากจะขึ้นมาชมทิวทัศน์จากข้างบนนี้มั้ย ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดด้วยใบหน้าอันสงบนิ่งขณะที่มองไปที่สายฟ้าซวน

 

“พี่โจร สายฟ้าซวนคนนี้จะต้องไปเป็นผู้นำ พี่น้องทั้งหมดของฉันต้องการที่จะไปต่อกรกับพันธมิตรเจียจู๋” สายฟ้าซวนยิ้มและโบกมือให้มู่หรงเสี่ยวเทียน

 

“พี่น้องสายฟ้า โปรดระมัดระวังกันด้วยล่ะ” มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ยิ้มและโบกมือเช่นกัน

 

สายฟ้าซวนรีบเดินเข้าไปยังหุบเขาผีสิงโดยที่ผู้เล่นมากมายก็หลีกทางให้กับพวกเขา

 

เมื่อเขาไปถึงที่นั่น สายฟ้าซวนก็ตะโกนว่า “ฆ่า ! ” จากนั้นผู้เล่นหลายคนก็ทะยานเข้าไป อย่างไรก็ตาม สายฟ้าไป่เหอที่อ้วนท้วนนั้นเป็นคนที่รวดเร็วที่สุด ทั่วทั้งร่างของเธอนั้นกระเด้งและกลิ้งไปมาราวกับว่าเป็นลูกชิ้น จากนั้นก็ตามด้วยสายฟ้าซวน สายฟ้าโพ ทั้งสามคนนั้นพุ่งไปอย่างดุเดือดเพื่อต่อสู้ แต่สายฟ้าปาฉีนั้นเดิมทีที่เป็นแถวหน้ากลับรั้งมาอยู่ข้างหลัง ด้วยดาบขนาดใหญ่ที่อยู่บนหลังแล้วนั้น มันจึงทำให้ทุก ๆ ก้าวที่เธอวิ่งเกิดเป็นเสียงอันทรงพลัง สนั่นหวั่นไหวราวกับว่าเป็นรถถัง “ตึง ตึง ตึง ตึง” เธอก้าวเข้าไปอย่างดุดันเต็มไปด้วยความมั่นใจ

 

 

 

To be continued…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด