The Soul Purchasing Pirate – บทที่ 350: แหลมแฝด
S.P.P: บทที่ 350: แหลมแฝด
หลังจากแล่นเรือมาประมาณเดือนหนึ่ง, ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับมาที่รีเวิร์สเมาน์เทนอีกครั้ง
คลื่นทะเลได้สาดซัดมาที่เรือจนแกว่งไปมาเสียงของสายน้ําที่ไหลลงมาดังก้องอยู่ภายในใจของพวกโรแกนแม้ว่าจะได้ยินมันมาหลายครั้งแล้วแต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่ดี
นี่หล่ะคือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติมันคือสมบัติที่แท้จริง!
เมื่อรูทดราก้อนแล่นมาถึงบนยอดของรีเวิร์สเมาน์เทนโรแกนก็ได้ทําการบังคับเรือให้มุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่มุ่งสู่แกรนด์ไลน์ในทันที
เมื่อรูทดราก้อนแล่นลงไปบนสายน้ําความเร็วของมันก็เพิ่มสูงขึ้นมาเรื่อยๆ
เสียงของสายลมได้ดังก้องอยู่ในหูของพวกเขาทุกคน
“เร็วมาก!”
“เร็วสุดๆไปเลยโว้ยย!”
“ฮ่าๆๆ นี่มันเยี่ยมไปเลย!”
เนื่องจากลมที่แรงมากเกินไปทําให้พวกเขาพูดออกมาได้เพียงแค่คําพูดสั้นๆเท่านั้น
ในตอนนั้นเองความเร็วของรูทดราก้อนก็ได้พุ่งมาถึงจุดสูงสุด
โรแกนได้นั่งอยู่บนหัวเรือด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มพร้อมกับเส้นผมที่พลิ้วไหวไปตามสายลม
ความเร็วที่รวดเร็วเป็นพิเศษทําให้หัวใจของทุกคนบนรูทดราก้อนเต้นแรงและอะดรีนาลีนหลั่งไหลความรู้สึกสดชื่นฟังกระจายอยู่ในจิตใจของทุกคนความรู้สึกแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้สัมผัสมันในวันปกติ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาความเร็วของรูทดราก้อนก็เริ่มลดลง
“เฮ่อ,ในที่สุดมันก็ช้าลงสักที!”
เมื่อความเร็วของเรือลดลงเสียงของสายลมก็เบาลงตามไปด้วย
“ความรู้สึกในตอนนี้มันทําให้ฉันนึกถึงตอนที่คลอกโคไดล์พาข้ามเรดไลน์”
เจสันได้กล่าวออกมาเสียงดัง
“ถ้าเกิดว่าในตอนนั้นไม่มีกัปตันละก็ฉันคิดว่าพวกเราก็คงจะตายกันไปแล้ว”
เทรนซุได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่านายเป็นใบ้หรอกนะ!
คล็อกโคไดล์ได้จ้องมองมาที่เทรนซุด้วยสายตาเย็นชา
การแสดงออกของพวกเขาทั้งสามทําให้ทุกคนถึงกับยกยิ้มขึ้นมา
ครึ่งชั่วโมงต่อมารูทดราก้อนก็ได้แล่นลงมาถึงที่แหลมแฝด
แหลมแฝดนั้นอยู่ติดกับรีเวิร์สเมาน์เทนเป็นอย่างมากและห่างออกไปไม่ไกลก็มีประภาคารที่กําลังส่องแสงอยู่เพื่อชี้ทางให้กับเรือต่างๆที่อยู่ในบริเวณนี้
ทุกคนได้ทอดสายตามองออกไปโดยรอบ
“เปรี้ยง!”
ในตอนนั้นเองบนท้องฟ้าก็ได้ปรากฏเสียง ฟ้าร้องดังขึ้นมา
“สภาพอากาศในแกรนด์ไลน์นี้แปรปรวนจริงๆ”
ชาร์โปลอสได้บ่นออกมา
“นี่หละเหตุผลที่ทําให้ที่แห่งนี้ถูกขนานนามว่าสุสานโจรสลัดด้วยสภาพอากาศที่แปรปรวนนี้มันจึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่มันจะถูกขนานนาม แบบนั้น”
โรแกนได้กล่าวออกมาอย่างช้าๆ“กัปตันพูดถูกถ้าเป็นพวกโจรสลัดธรรมดาๆละก็พวกเขาตายแน่!”
“แถมในบางครั้งมันก็ยังมีทั้งสิ้นามิและพายุทอร์นาโดที่มีอันตรายถึงชีวิตปรากฏขึ้นมา”
ดาซได้กล่าวเสริมออกมา
เขาอยู่ในแกรนด์ไลน์มานานดังนั้นเขาจึงรู้ดีถึงความน่าสะพรึงกลัวของมัน
มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงสถานที่ปลอดภัยในที่แห่งนี้และกว่าพวกเขาจะรู้ตัวพวกเขาก็ตายแล้ว
หรือต่อให้แล่นเรือไปเจอเกาะเข้ามันก็ไม่ได้หมายความพวกเขาจะรอด เพราะในบางครั้งมันก็เป็นเกาะที่อันตรายที่ไร้ซึ่งมนุษย์อาศัยอยู่
มีโจรสลัดเป็นจํานวนมากที่หายตัวไปอย่างลึกลับโดยที่ไม่มีใครรับรู้
“ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนอยู่ในประภาคาร,พวกเราไปดูกันหน่อยไหม?”
คล็อกโคไดล์ได้ชี้ไปที่ประภาคารตรงแหลมแฝด
เมื่อได้ยินคําพูดของเขาโรแกนก็ได้กระโดดลงจากเรือในทันที
“เปรี้ยง!”
เสียงฟ้าร้องบนท้องฟ้าก็ยังคงคํารามลั่นไม่หยุด
“ฮ่าๆๆ,ดูเหมือนว่าฝนกําลังจะตกพวกนายรีบสวมเสื้อกันฝนเร็วเข้าพวกเราไปเยี่ยมคนที่อยู่ในประภาคารกันหน่อยดีกว่าบางทีพวกเราอาจจะได้รับข้อมูลที่น่าสนใจก็ได้”
เจสันได้หัวเราะออกมาพร้อมกับกระโดดลงไปจากเรือ
เมื่อเห็นอย่างงั้นพวกเขาทั้งหมดก็ได้ลงมาจากเรือและมุ่งหน้าไปที่แหลมแฝด
เมื่อพูดถึงโจรสลัดแน่นอนว่ามันมีโจรสลัดอยู่มากมายบนโลกใบนี้ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วพวกเขาก็มักจะอยู่ในทะเลทั้งสี่มันเป็นเรื่องยากมากในแกรนด์ไลน์ที่จะได้เห็นเรือโจรสลัดแม้ว่าในโลกนี้จะมีโจรสลัดอยู่มากมายแต่โจรสลัดที่กล้าเข้ามาในที่แห่งนี้นั้นมันกลับมีน้อยมาก
แต่มันก็เป็นเพราะว่าโจรสลัดส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาในที่แห่งนี้นั้นสูญเสียกันมากเกินไปและเมื่อพวกเขาน่าประสบการณ์ที่เจอกลับมาเล่ามันจึงได้ก่อเกิดเป็นความหวาดกลัวขึ้นมาในใจของเหล่าโจรสลัด
โรแกนได้เดินไปที่ประตูของประภาคารและเคาะลงไป
“ก๊อก ก๊อก..”
เสียงเคาะประตูนั้นดังมากแต่ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ข้างในจะไม่สนใจ
“ก๊อก ก๊อก..”
โรแกนเองก็ไม่ได้รีบร้อนแต่อย่างใดเขาได้ทําการเคาะประตูต่อในทันที
แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังไม่มีใครมาเปิดประตูให้อยู่ดีแต่ถ้ามองผ่านหน้าต่างไปก็จะเห็นว่ามันมีคนอยู่ข้างในประภาคารแห่งนี้
หลังจากนั้นไม่นาน,ดูเหมือนว่าคนที่อยู่ข้างในประภาคารจะเริ่มรําคาญแล้ว
“เลิกเคาะได้แล้วฉันได้ยินแล้ว!
ในที่สุดคนที่อยู่ในประภาคารก็ได้เดินมาเปิดประตูให้ด้วยความรําคาญ
“อีก!”
เมื่อเปิดประตูออกคร็อกคัสก็ได้จ้องมองไปที่ร่างของคนที่มาเคาะประตูในทันที
“ไอ้หนุ่มนายมาเคาะประตูทําไมไม่ทระ..”
แต่ในตอนนั้นเองเมื่อเขาเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายประโยคของเขาก็ได้หยุดชะงักไปในทันที
“โรโรเจอร์!?”
คร็อกคัสดูจะตกใจมากในตอนนี้แววตาของเขาเต็มไปด้วยความช็อค
ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้มีใบหน้าที่คล้ายกับโรเจอร์เป็นอย่างมากหากจะมีสิ่งที่แตกต่างก็คงจะเป็นตรงที่ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาใน ตอนนี้นั้นเด็กกว่ามาก
“ฉันไม่ใช่โรเจอร์ และอีกอย่างเขาก็ตายไปแล้ว
โรแกนได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินดังนั้นใบหน้าของคร็อกคัสก็ได้กลับมาเป็นปกติแต่มันก็ยังมีความสงสัยหลงเหลืออยู่
“จริงด้วย ตอนนี้เขาน่าจะตายมาสี่หรือห้าปีแล้วสินะ”
“ใช่”
โรแกนได้พยักหน้า
ในเวลานั้นเองกลุ่มของเจสันก็ได้เดินมาถึงประภาคารและกําลังอยู่ที่ด้านหลังของเขา
“เปรี้ยง!”
ฟ้าร้องคํารามไปทั่วทั้งน่านฟ้าพร้อมกับสายฝนที่หลั่งไหลลงมายังพื้นดิน
“ฝนตกแล้วพวกเรารีบไปหาที่หลบฝนกันเร็ว
เข้า”
เหล่าลูกเรือของโรแกนรีบวิ่งมาที่ประภาคารอย่างรวดเร็ว
” ผู้อาวุโสถ้าไม่เป็นการรบกวนพวกเราขอเข้าไปหลบฝนข้างในหน่อยได้ไหม?”
โรแกนได้มองไปที่คร็อกคัสและกล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอน,เข้ามาก่อนสิ”
คร็อกคัสนั้นต้องมองใบหน้าโรแกนอยู่นานก่อนที่จะเปิดทางให้กับพวกลูกเรือของโรแกน
ในตอนนี้ฝนตกหนักมากดังนั้นคนอื่นจึงเร่งฝีเท้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เดิมที่ประภาคารแห่งนี้ก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมากแล้วพอพวกเขาทุกคนเข้าไปอยู่ข้างในมันจึงยิ่งทําให้ประภาคารแห่งนี้ดูแคบเข้าไปใหญ่
“ไอ้หนุ่มนายชื่ออะไร?”
ดูเหมือนว่าคร็อกคัสนั้นจะสงสัยมากจริงๆในที่สุดเขาก็ได้กล่าวถามออกมา
“ผมมีชื่อว่าโรแกน,โกลดี,โรแกน!”
คอมเม้นต์