ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) – ตอนที่ 274 : ยอมแพ้

อ่านนิยายจีนเรื่อง ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进化系统) ตอนที่ ตอนที่ 274 : ยอมแพ้ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 274 : ยอมแพ้

หลงจั่วเทียนสลัดความคิดวอกแวกออกจากหัว เขาทำการเพ่งสมาธิไปยังคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า

ในเวลาเดียวกันเซี่ยงหยางก็ได้พุ่งเข้าใส่หลงจั่วเทียนพร้อมกับต่อยออกไป

หลงจั่วเทียนพยายามคาดเดาล่วงหน้า เพื่อจะหลบการโจมตีนี้เขาต้องกระโดดขึ้นไปบนฟ้า แต่กลับมีเงาหนึ่งกระโดดขึ้นมาข้ามหัวเขาพร้อมกับเท้าที่ฟาดใส่เขา

ลูกเตะนี้ทำให้หลงจั่วเทียนตกลงมาที่เวทีอย่างจัง จนทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นมาพร้อมกับรอยแตกบนเวที

“หึหึ อันตรายจริง ๆ ฉันเกือบกระเด็นไปแล้ว” หลงจั่วเทียนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าหนักใจ

“นายคิดจะหลบไปถึงเมื่อไหร่” ตอนนั้นเองเสียงของเซี่ยงหยางก็ดังขึ้นมา

“ก็จนกว่านายจะถึงขีดจำกัด” หลงจั่วเทียนหัวเราะออกมา

“งั้นฉันจะให้นายเห็นพลังที่แท้จริงของฉัน” ทันทีที่พูดจบ เซี่ยงหยางก็สะบัดมือพร้อมพลังที่แกร่งกว่าเดิมระเบิดออกมาจากตัวเขา

เมื่อเห็นแบบนั้น หลงจั่วเทียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแห้ง ๆ ออกมา

“นี่แค่งานชุมนุมไม่ใช่หรือ ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วย ? ” เมื่อเห็นว่าเซี่ยงหยางใช้การเพิ่มพลังมากกว่าเดิม หลงจั่วเทียนก็รีบพูดขึ้นมา “หยุดก่อน หยุด ฉันยอมแพ้ ฉันยอมแพ้” ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็กระโดดลงจากเวทีไป หลงจั่วเทียนไม่คิดจะสู้จริงจัง เขาควรใช้เวลานี้ไปศึกษารึทำอย่างอื่นจะดีกว่า

เขาไม่คิดจะสู้ต่อแล้ว

เมื่อเห็นหลงจั่วเทียนกระโดดลงจากเวทีและยอมแพ้ไป เซี่ยงหยางที่กำลังเพิ่มพลังให้กับร่างกายก็ต้องแปลกใจ

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น ผู้ชมคนอื่น ๆ เองก็สับสนเช่นกัน

“ผู้ชนะ เซี่ยงหยาง ”

ตอนที่ชายแก่ประกาศผลการต่อสู้ เซี่ยงหยางก็ได้สติขึ้นมา จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ สลายพลังของตัวเอง เขาหน้าซีดและตัวเซไปมา นี่คือผลของการใช้ทักษะผันผวน แต่พักไม่นานเขาก็หายดีแล้ว

เซี่ยงหยางมองไปที่หลงจั่วเทียนและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นายแข็งแกร่งนี่ ทำไมต้องยอมแพ้ด้วย ? ”

“ฉันแค่ไม่อยากสู้เลยยอมแพ้ ไม่เห็นมีอะไรต้องใส่ใจ ฮ่าฮ่า” หลงจั่วเทียนหัวเราะออกมา

เซี่ยงหยางไม่พูดอะไรต่อและเดินไปยังห้องพักทันที

“รอฉันด้วย ฉันมีบางอย่างจะบอกนาย” หลงจั่วเทียนตะโกนไล่หลัง

“ สอนทักษะนั้นให้ฉันหน่อยจะได้หรือไม่ ”

“นายฝันรึไง ? ”

“ไม่ แค่เอาให้ฉันดูก็ได้”

“งั้นนายสอนทักษะของนายให้ฉันสิ”

“….”

จากนั้นก็มีแต่เสียงพวกเขาคุยกันต่อแต่ไม่อาจจะจับใจความได้

“จบแล้วหรือ ? ”

“แล้วการต่อสู้ที่ดุเดือดล่ะ ? ”

“นี่มันบ้าอะไร ฉันแทบไม่เชื่อเลยว่าเขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้”

“เขายอมแพ้จริง ๆ ! ”

เมื่อผู้คนได้สติกลับมา พวกเขาก็พากันตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ

หวังเย่าเองก็เงียบไป พวกทหารต่างก็มองมาที่เขาโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา

“หัวหน้า นี่…” ลัวจ้าวฮว่าอยากจะพูดบางอย่างออกมาแต่เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของหวังเย่า เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร

“นี่ถ้าฉันคิดว่าใครจะชนะ คนคนนั้นก็จะแพ้อย่างนั้นหรือ ? ” หวังเย่าเริ่มคิดแล้วว่าตัวเองเป็นตัวซวย

“ตลกดีนะ” จ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยที่อยู่ข้าง ๆ หัวเราะออกมาจนตัวสั่น

หวังเย่ามองไปยังทั้งสองคน “ถ้ากลับไปเมื่อไหร่นะ ฉันจะสั่งสอนพวกเธอสองคนที่กล้าล้อเลียนฉันแบบนี้” หวังเย่าพูดพลางแสดงสายตาเจ้าเล่ห์ออกมา

ทั้งสองขนลุกราวกับโดนนักล่ามองมาหาเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น

ตอนนั้นเองในที่นั่งของแขกพิเศษนั้นกลับมีเสียงหัวเราะดังขึ้น

ผู้อาวุโสจากสำนักต่าง ๆ พากันมองไปที่ผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์และหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของผู้อาวุโสภูเขาอู่ตังนั้นดังที่สุด สุดท้ายก็มีคนตกรอบเหมือนกับศิษย์ของเขา ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังหัวเราเยาะเขาอยู่เลย

ตอนนี้ผู้อาวุโสภูเขาอู่ตังนั้นพอใจอย่างมาก เขาอดได้ที่จะเยาะเย้ยอีกฝ่ายแต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะชิงพูดขึ้นมาก่อน

“หากเปรียบเทียบกันแล้วแพ้ก็คือแพ้ หวังว่าพวกเขาจะหาจุดอ่อนของตัวเองผ่านความพ่ายแพ้และทำการฝึกฝนต่อไปเพื่อแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ฉันไม่ได้เสียใจในเรื่องนี้” ผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์ได้พูดขึ้นมา

“ ????” ผู้อาวุโสภูเขาอู่ตังสับสนขึ้นมา

ทั้ง ๆ ที่แพ้แต่กลับพูดจาสวยหรูแบบนี้ออกมาได้ แต่เขาไม่คิดจะปล่อยอีกฝ่ายไปแน่ ถ้าไม่ได้เยาะเย้ยอีกฝ่าย เขาคงนอนไม่หลับอย่างแน่นอน

“ถึงกับยอมแพ้ทั้ง ๆ ที่ยังสู้ได้ นายบอกว่าเขาหาจุดอ่อนของตัวเองเจองั้นรึ อย่างน้อยคนของฉันก็พยายามสู้เต็มที่แล้ว ถึงแพ้ก็ยังพอรับได้ คนของฉันยังถือว่ากล้าหาญ แต่คนของนายน่ะไม่คิดจะสู้เลยสักนิดและกลัวที่จะปะทะจนต้องยอมแพ้ เขาอ่อนแอสินะ” ผู้อาวุโสภูเขาอู่ตังเปิดปากพูดขึ้นมา แม้ว่าเหล่ยอู่ฉวนจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่ถึงจะพูดเรื่องนี้ไป คนอื่น ๆ ก็อาจจะไม่ยอมรับ

เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์ที่แต่เดิมยิ้มอยู่นั้นก็สีหน้าหม่นหมองลงไปทันที

“ใช่ อย่างน้อยก็ต้องพยายามและไม่คิดจะยอมแพ้ แต่ศิษย์ของนายทำให้สำนักเสียเกียรติจริง ๆ ” ผู้อาวุโสสำนักฉวนเจินพูดขึ้นมา

“คนของวัดเซียงกัวเกลียดคนอ่อนแอที่ไม่รู้จักพยายามที่สุด” ผู้อาวุโสวัดเซียงกัวพูดขึ้นมา

“น่าอับอายจริง ๆ ” ผู้อาวุโสแตรทิเบตส่ายหน้า

สุดท้ายผู้อาวุโสเขามังกรพยัคฆ์ก็รู้แล้วว่าก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสภูเขาอู่ตังรู้สึกยังไง

กล่าวได้ว่าตอนหัวเราะเยาะคนอื่นน่ะรู้สึกดี แต่เมื่อโดนหัวเราะเยาะบ้างกลับรู้สึกปวดใจยิ่งกว่า

ปล. เปลี่ยนจากวัดโชโคคุจิเป็นวัดเซียงกัว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด