คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 647 เสแสร้งแกล้งทำเป็นอ่อนแอ

อ่านนิยายจีนเรื่อง คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด ตอนที่ ตอนที่ 647 เสแสร้งแกล้งทำเป็นอ่อนแอ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เมื่อหลัวจื้อเลี่ยและหานโม่ฉือเข้ามาเห็นตู้ซีรั่วนอนจมกองเลือดด้วยลมหายใจรวยริน พวกเขาก็มองหน้ากันด้วยความแปลกใจทันที

 

หานโม่ฉือก้าวเข้าไปหาฉินอวี้โม่อย่างใจเย็นและจับมือบางของนางไว้ เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ขยิบตาส่งสัญญาณให้ตน เขาก็ส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างจนปัญญา คาดว่าสตรีคนรักของเขาต้องมีแผนการบางอย่างเป็นแน่

 

หลัวหมิงฮ่าวและหลัวจื้อเลี่ยก็แสดงสีหน้าประหลาดใจจนพูดไม่ออก ข่าวที่พวกเขาได้รับก่อนหน้านี้คือฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าถูกลอบสังหาร ทว่าสิ่งที่เห็นในตอนนี้ดูเหมือนว่าฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าเพียงยืนอยู่นิ่ง ๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉยทว่าตู้ซีรั่วเหมือนจะใกล้ตายเต็มที เวลานี้ผู้มาใหม่ทุกคนสับสนกับสถานการณ์ตรงหน้าโดยแท้

 

อย่างไรก็ตาม หลัวจื้อเลี่ยก็ยังเข้าไปประคองร่างของตู้ซีรั่วที่อาบไปด้วยเลือดเข้ามาอ้อมแขนและกล่าวอย่างเป็นกังวล “ซีรั่ว เกิดอะไรขึ้นรึ ?!”

 

ตู้ซีรั่วพิงอ้อมแขนของสามีและกล่าวด้วยลมหายใจอ่อนแอ “พี่เลี่ย ข้าเมตตาพาพวกนางทั้งสองไปเลือกซื้อชุดอาภรณ์ที่ร้านขายผ้า ไม่คิดเลยว่าพวกนางจะคิดร้ายกับข้าและแม้กระทั่งทั้งเผ่าเลี่ยหยางของเรา พวกนางเรียกตัวบุรุษชุดดำให้มาซุ่มโจมตีและหลอกล่อข้ามาที่นี่ ข้าก็ถามหาเหตุผลที่พวกนางทำเช่นนี้ ทว่าไม่คิดเลยว่าพวกนางจะแทงข้าแบบนี้ หากมิใช่เพราะคนที่ข้าส่งไปแจ้งข่าว ข้าคงไม่ได้พบหน้าท่านอีกแล้ว…”

 

ตู้ซีรั่วแสร้งแสดงสีหน้าใสซื่อและน่าสงสารทว่าแอบชำเลืองส่งสายตายั่วยุไปทางฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่า

 

ฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่ายังคงอ่อนหัดเกินกว่าจะรับมือกับคนอย่างนางได้ นางอยู่กับหลัวจื้อเลี่ยมานานหลายปีและเชื่อมั่นว่าเขาต้องมีความรู้สึกกับนางมากพอสมควร หลัวจื้อเลี่ยไม่มีทางคิดปกป้องสตรีต่างถิ่นทั้งสองคนในเรื่องใหญ่เช่นนี้และจะลงโทษทั้งสองอย่างสาสมแน่นอน

 

ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้หลัวจื้อเลี่ยจะค้นพบความไม่ชอบมาพากลบางอย่างและไม่ต้องการลงโทษฉินอวี้โม่ ตู้ซีรั่วก็ยังมีหนทางที่จะบีบบังคับให้หลัวจื้อเลี่ยต้องตัดสินใจ เพราะถึงอย่างไรหลายคนที่อยู่ข้างนอกก็ล้วนถูกนางจัดเตรียมไว้แล้วและพวกเขามิได้มาที่นี่เพื่อมายืนดูเท่านั้น

 

“บัดซบ ! ริอาจทำร้ายท่านหญิงของพวกเรา ! ท่านเจ้าเมืองต้องลงโทษคนชั่วทั้งสองอย่างสาสม!”

 

ทันทีที่สิ้นเสียงของตู้ซีรั่ว ใครบางคนก็กล่าวขึ้นมาโดยที่ต้องการทวงความเป็นธรรม เขาคือหนึ่งในคนที่ตู้ซีรั่วเตรียมไว้ก่อนหน้านี้เพื่อจัดการกับฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่า ตอนนี้ก็ถึงเวลากดดันหลัวจื้อเลี่ยตามแผนการที่วางไว้แล้ว

 

“ใช่แล้ว บุคคลที่คิดร้ายกับเผ่าเลี่ยหยางของเรา ท่านผู้นำจะปล่อยคนพวกนี้ไปไม่ได้เด็ดขาดและจะต้องลงโทษพวกนางอย่างร้ายแรง !”

 

คนอื่น ๆ ก็กล่าวยุยงอย่างเห็นด้วยเช่นกัน ถึงอย่างไรตู้ซีรั่วก็แสร้งแสดงตัวเป็นสตรีอ่อนโยนและรักความยุติธรรมมาตลอดหลายปีจนมีชื่อเสียงในทางที่ดีและได้รับความเคารพในเผ่าเลี่ยหยางเป็นอย่างสูง นอกจากนั้น ทุกคนในเผ่าเลี่ยหยางก็คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างหลัวจื้อเลี่ยและตู้ซีรั่วนั่นราบรื่นอย่างมาก เพราะเหตุนั้น แน่นอนว่านอกจากเคารพเจ้าเมืองของตน พวกเขาก็ยังเคารพรักภรรยาของเจ้าเมืองมากเช่นกัน

 

ฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าเห็นสีหน้าและรอยยิ้มยั่วยุของตู้ซีรั่วอย่างชัดเจนราวกับต้องการเยาะเย้ยความพยายามที่ล้มเหลวของทั้งสอง

 

“เหอะ นังแพศยานี่เป็นสตรีดอกบัวขาวอย่างที่คิดจริง ๆ !”

 

* 白莲花 (ดอกบัวขาว) เป็นคำสแลงที่เกิดขึ้นใหม่ ใช้ในหมู่วัยรุ่นจีน ใช้ล้อเลียนหรือเปรียบเปรยผู้หญิงที่ทำตัวภายนอกดูซื่อใสบริสุทธิ์เหมือนดอกบัว แต่ที่จริงแล้วมีพฤติกรรมมัวหมอง คิดฟุ้งแต่เรื่องไม่ดีไม่งาม

 

สั่วซีหย่าอดสบถอย่างเบา ๆ ไม่ได้ นางได้เรียนรู้คำสบถนี้มาจากอสูรมายาของฉินอวี้โม่ และเมื่อได้เห็นการกระทำของตู้ซีรั่วในเวลานี้ นางก็เข้าใจความหมายของมันอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

 

แม้ทราบอยู่แล้วว่าตู้ซีรั่วเป็นสตรีเจ้าเล่ห์จอมวางแผน ฉินอวี้โม่ก็คาดไม่ถึงเลยว่านางจะยอมลงทุนถึงเพียงนี้ หากหลัวจื้อเลี่ยไม่เชื่อวาจาของพวกนางตั้งแต่แรก การแสดงของตู้ซีรั่วก็มากพอที่จะทำให้เขามองพวกนางเป็นศัตรูและจะไม่มีทางเชื่อสิ่งใดอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานี้ก็ยังมีสมาชิกภายในเผ่ามากมายที่คอยกดดันและยุยง ต่อให้หลัวจื้อเลี่ยเชื่อพวกนางจริง ๆ เขาก็ยังต้องลงมือทำอะไรสักอย่างต่อหน้าทุกคน

 

ต้องกล่าวเลยว่าตู้ซีรั่วเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือได้ยากอย่างแท้จริง

 

“เจ้าว่าอะไรนะ ?!”

 

สีหน้าของหลัวจื้อเลี่ยกลายเป็นเย็นชาทันทีที่ได้ยินวาจาของตู้ซีรั่ว ทว่าเขาก็มิได้สงสัยในตัวฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าเลยสักนิด แม้ใช้เวลาร่วมกันเพียงไม่นาน เขาก็เชื่อมั่นในตัวคนทั้งสองอย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะการที่สั่วซีหย่าเป็นบุตรสาวของเขา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาย่อมเลือกที่จะเชื่อนางอย่างไร้ข้อกังขา

 

ในขณะเดียวกัน ภายในหัวใจของเขาก็พลุ่งพล่านไปด้วยโทสะเมื่อได้ทราบว่าภรรยาที่อยู่ข้างกายมาตลอดหลายปีกลับกลายเป็นคนที่จิตใจชั่วร้ายจนเกินจินตนาการเช่นนี้ สำหรับแผนการชั่วช้าของนางในตอนนี้ หากฉินอวี้โม่และสั่วซีหย่าไม่มีหลักฐานยืนยัน มันก็ยากที่จะเอาตัวรอดไปง่าย ๆ เขาไม่ต้องการลงโทษสตรีทั้งสอง ทว่าคนทั้งเผ่าเลี่ยหยางไม่มีทางยอมให้เขาทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน

 

ฉินอวี้โม่อดหัวเราะเบา ๆ กับตัวเองไม่ได้ นางเข้าใจความหมายได้จากแววตาของหลัวจื้อเลี่ยทันทีที่เขามองมาที่ตน

 

ฉินอวี้โม่ก็สบตาหลัวจื้อเลี่ย นางไม่ได้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเพียงกล่าวออกไปอย่างเรียบง่าย “ไม่ว่าใครถูกหรือผิด ข้าเชื่อว่าท่านเจ้าเมืองจะสืบสวนความจริงทั้งหมดจนกระจ่างแจ้งได้ ถึงอย่างไรเราก็ไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายนี้และไม่เคยคิดร้ายกับเผ่าเลี่ยหยาง พวกเรามาที่เผ่าเลี่ยหยางครานี้เพียงเพื่อตามหาใครบางคนก็เท่านั้น”

 

แท้ที่จริงแล้ว แม้นางจะมีวิธีการมากมายเพื่อเปิดโปงแผนการชั่วร้ายของตู้ซีรั่ว ทว่าฉินอวี้โม่ก็ไม่รีบร้อนที่จะทำเช่นนั้นและต้องการทำให้ตู้ซีรั่วหลงผิดคิดไปว่าแผนการของนางครานี้ประสบผลสำเร็จ และหลังจากนั้น นางจะเปิดเผยพิรุธอีกมากโดยที่ไม่รู้ตัว ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้ตู้ซีรั่วไม่นึกสงสัยในตัวหลัวจื้อเลี่ยและนั่นจะช่วยให้เขาหาทางกอบกู้ความทรงจำของตนคืนมาจากนางได้

 

“จับตัวคนทั้งสามกลับไปที่จวนเจ้าเมืองและกักขังไว้ ไม่ว่าใครก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปพบพวกนางหากไม่ได้รับคำสั่งจากข้า ในเมื่อริอาจมาถึงเผ่าของเราแล้ว พวกนางจะต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นเป็นแน่ ข้าจะต้องสืบสวนเรื่องนี้ให้อย่างละเอียด !”

 

หลังจากกล่าวจบ หลัวจื้อเลี่ยก็ประคองตู้ซีรั่วก่อนมุ่งหน้าออกจากเรือนเฮ่าหรานอย่างรวดเร็ว

 

เหล่าผู้พิทักษ์ของจวนเจ้าเมืองก็รับคำสั่งและพาตัวกลุ่มของฉินอวี้โม่กลับไปที่จวนเจ้าเมืองในทันที แท้ที่จริงคนเหล่านี้ล้วนเป็นลูกน้องที่ขึ้นตรงกับหลัวจื้อเลี่ยทั้งสิ้น หากไม่ได้รับคำสั่งจากหลัวจื้อเลี่ยก็ไม่มีผู้ใดที่จะสั่งการพวกเขาได้ แม้ก่อนที่จะได้รับคำสั่ง พวกเขาก็ทราบดีอยู่แล้วว่าตนควรทำอย่างไร

 

หลัวหมิงฮ่าวมองดูสถานการณ์ทั้งหมดอย่างไม่เข้าใจนักทว่าเขาก็พอจะคาดเดาได้ว่าฉินอวี้โม่และสหายต้องการทำอย่างไรต่อไป เพราะเหตุนั้นเขาจึงปล่อยให้ทุกอย่างไหลลื่นไปและกลับไปที่จวนเจ้าเมืองพร้อมกับทุกคน

 

สำหรับบุรุษชุดดำ หลายคนอาสาจับตาดูเขาอยู่ที่ภัตตาคารต่อไป เขายังคงติดอยู่ในข่ายอาคมอันทรงพลังของฉินอวี้โม่และยังไม่สามารถฝ่าออกมาได้ในชั่วขณะหนึ่ง

 

เดิมทีตู้ซีรั่วก็วางแผนที่จะยุยงให้หลัวจื้อเลี่ยสั่งฆ่าฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและสั่วซีหย่าทันที ทว่าก่อนที่นางจะเอ่ยสิ่งใด หลัวจื้อเลี่ยก็พานางกลับไปที่จวนเจ้าเมืองเสียแล้ว

 

สำหรับการกระทำทั้งหมดของหลัวจื้อเลี่ยก่อนหน้านี้ นางไม่นึกสงสัยแต่อย่างใด แต่เดิมเขาก็เป็นคนที่ระมัดระวังและรอบคอบมาเสมอ การที่เขาจะนึกสงสัยว่าคนทั้งสามอาจมีผู้สมรู้ร่วมคิดก็ถือว่าสมเหตุสมผลดี

 

“น้องซีรั่ว คนทั้งสามคือสหายที่มากับหลานห้า ข้าต้องถามความจากหลานห้าก่อน หากทราบแล้วว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และกลุ่มของฉินอวี้โม่ไม่ได้ร่วมมือกับใครอื่น จากนั้นข้าจะลงโทษพวกนางอย่างสาสมเอง ตอนนี้การที่ข้าสั่งให้คนขังพวกนางไว้ก่อนชั่วคราว เจ้าคงจะไม่ถือโทษโกรธข้าใช่หรือไม่ ?”

 

หลัวจื้อเลี่ยแสร้งแสดงสีหน้าเป็นห่วงและหยิบโอสถออกมาให้ตู้ซีรั่วก่อนส่งคนไปตามหมอ

 

“พี่เลี่ย ข้าจะโกรธท่านได้อย่างไรเล่า ? ข้าทราบดีว่าท่านคิดอย่างไร ท่านคิดถูกแล้ว อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนนั้นก็เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ท่านและหลานห้าจะต้องระมัดระวังมิให้พวกเขาหลอกเอาได้”

 

ตู้ซีรั่วยิ้มอย่างฝืน ๆ แท้จริงแล้วนางปรารถนาที่จะจัดการกับคนทั้งสามด้วยตัวเอง ทว่าในเมื่อหลัวจื้อเลี่ยกล่าวเช่นนี้แล้ว ในฐานะภรรยาที่ดี นางก็ย่อมไม่คัดค้านสิ่งใด

 

“เรายังพอมีข่าวดีอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าแผลของเจ้าจะลึกพอสมควร มันก็ไม่ได้เกิดบาดแผลต่ออวัยวะสำคัญ เพราะฉะนั้นเจ้าจะไม่เป็นอะไร”

 

หลังจากอยู่กับตู้ซีรั่วอีกพักหนึ่ง หลัวจื้อเลี่ยก็ลุกขึ้นและออกจากห้องโดยกล่าวว่าเขาจะไปพบกับหลัวหมิงฮ่าวเพื่อถามหาความจริงก่อนไปสืบสวนฉินอวี้โม่และอีกสองคน

 

แน่นอนว่าตู้ซีรั่วเชื่อวาจาของเขาอย่างไร้ข้อกังขา การที่หลัวจื้อเลี่ยไม่ลังเลที่จะสั่งให้คนจับทั้งสามกักขังไว้ได้แสดงให้ตู้ซีรั่วมั่นใจว่าเขายังไม่ทราบว่าสั่วซีหย่าคือบุตรสาวของเขาและไม่เชื่อวาจาใด ๆ ของทั้งสามคน ในเมื่อเกิดเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว หลัวจื้อเลี่ยจะไม่มีทางเชื่อสิ่งใด ๆ ที่ออกมาจากปากของทั้งสามอีก ตู้ซีรั่วไม่กังวลว่าฉินอวี้โม่และพวกจะสร้างปัญหาใดให้กับตนได้

 

แต่ทว่า…น่าเสียดายที่ตู้ซีรั่วไม่ทราบเลยว่าหลัวจื้อเลี่ยทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของสั่วซีหย่ามานานแล้วและเชื่อเรื่องราวทุกอย่างที่ฉินอวี้โม่บอกกล่าวกับเขา

 

ภายในห้องที่ฉินอวี้โม่และอีกสองคนพักอยู่ก่อนหน้านี้ ทั้งสามนั่งนิ่งอย่างใจเย็นและไม่ตื่นตระหนกเพียงเพราะสิ่งที่เกิดขึ้น

 

หลัวหมิงฮ่าวซึ่งอยู่หน้าประตูก็ต้องการเข้ามาในห้องนี้หลายคราทว่าถูกขัดขวางไว้โดยผู้พิทักษ์หน้าประตูซึ่งปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

 

“คารวะท่านเจ้าเมือง”

 

เมื่อหลัวจื้อเลี่ยเดินเข้ามาใกล้ ผู้พิทักษ์เหล่านั้นก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ

 

“ท่านลุงขอรับ”

 

เมื่อหลัวหมิงฮ่าวเห็นหลัวจื้อเลี่ย เขาก็กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นกันทว่าน้ำเสียงเจือด้วยความกระสับกระส่ายไม่น้อย

 

“เสี่ยวฮ่าว เข้าไปข้างในและสอบสวนคนทั้งสามกับข้า !”

 

หลัวจื้อเลี่ยกล่าวอย่างเคร่งขรึมขณะผลักประตูและก้าวเข้าไป หลัวหมิงฮ่าวก็ก้าวตามเข้าไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

 

ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและสั่วซีหย่าคาดเดาได้อยู่แล้วว่าหลัวจื้อเลี่ยจะมาที่นี่ ทั้งสามจึงไม่แปลกใจแต่อย่างใด

 

“เข้าไปพูดคุยในที่ปลอดภัยกันเถอะ”

 

ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มขณะคฤหาสน์เฟิงหัวปรากฏขึ้นในมือของนาง ในขณะเดียวกัน อสูรมายาหลายตัวก็จำแลงร่างมนุษย์และปรากฏตัวภายในห้อง

 

“นายหญิง เราจะแสร้งทำเป็นพูดคุยกันเพื่อมิให้นังสตรีดอกบัวขาวนั่นนึกสงสัย”

 

เสี่ยวเฮยกล่าวออกมาโดยแสดงท่าทีไม่ชอบใจตู้ซีรั่วอย่างชัดเจน มันและอสูรอื่น ๆ จะต้องแสร้งทำเป็นพูดคุยกันภายในห้องเพื่อให้ผู้พิทักษ์ข้างนอกได้ยิน ถึงอย่างไรจวนเจ้าเมืองก็น่าจะมีคนของตู้ซีรั่วอยู่ไม่น้อย เพราะเหตุนั้นจึงจะปล่อยให้นางสงสัยไม่ได้

 

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและผายมือเชิญหลัวจื้อเลี่ยให้ตามตนเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว

 

หลัวจื้อเลี่ยไม่ลังเลและตามเข้าไปในทันที หลัวหมิงฮ่าวเคยบอกกับเขาไว้ก่อนแล้วว่าฉินอวี้โม่มีมิติที่สองเป็นคฤหาสน์มิติ เพราะเหตุนั้นเขาจึงไม่แปลกใจกับสิ่งนี้

 

ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ก้าวเข้ามาและนั่งลงด้วยกันในขณะที่มารยาชงชาให้กับทุกคนก่อนออกไปสมทบกับอสูรมายาตัวอื่น ๆ

 

“ท่านลุง ท่านกำลังคิดจะทำอะไรหรือขอรับ ?”

 

หลัวหมิงฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยความฉงนสนเท่ห์ ในหมู่คนทั้งหมดในตอนนี้ เขาเป็นคนที่สับสนมากที่สุด

 

“ท่านเจ้าเมือง ในภัตตาคารก่อนหน้านี้…”

 

สั่วซีหย่าเป็นกังวลว่าหลัวจื้อเลี่ยอาจไม่เชื่อวาจาของพวกตน นางจึงต้องการกล่าวบางอย่างออกไปเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจทว่าหลัวจื้อเลี่ยขัดจังหวะไว้เสียก่อน

 

“ไม่ต้องกล่าวอธิบายหรอก ข้าเชื่อพวกเจ้า อย่าเพิ่งกล่าวถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภัตตาคารเลย ข้าอยากจะพิสูจน์บางอย่างก่อน…”

 

ทันทีที่กล่าวจบ สายตาของเขาก็มองสบตากับสั่วซีหย่าขณะร่องรอยความคาดหวังเจือด้วยความรู้สึกผิดและความเศร้าโศกปรากฏในแววตา

 

.

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด