คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด – ตอนที่ 678 ทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้นของซิว

อ่านนิยายจีนเรื่อง คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด ตอนที่ ตอนที่ 678 ทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้นของซิว อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ในทางกลับกัน เมื่อได้ยินเสียงดังกล่าว ฉินอวี้โม่และเหล่าอสูรของนางก็แสดงสีหน้าของความตื่นเต้นดีใจทันที

“ท่านซิว ท่านออกมาแล้ว !”

อสูรมายาหลายตัวเอ่ยด้วยความตื่นเต้นและแววตาจับจ้องตรงไปข้างกายฉินอวี้โม่

“เอ่อ…ข้าเก็บตัวอยู่ในสภาวะจำศีลมานาน ในที่สุดก็ถึงเวลาทะลวงพลังเสียที !”

ในเวลานี้มีบุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งที่ปรากฏตัวขึ้นมาด้านข้างของฉินอวี้โม่อย่างกะทันหัน มันคืออสูรแห่งโชคชะตาประจำตัวของฉินอวี้โม่และเป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาง แน่นอนว่ามันคือซิวนั่นเอง

“นายหญิง ทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้นของข้ากำลังจะมาถึงแล้ว ท่านต้องเตรียมตัวไว้ !”

ซิวกล่าวบอกฉินอวี้โม่ด้วยสีหน้ากังวลและระแวดระวัง มันตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้นเป็นอย่างดี การที่ต้องเผชิญหน้ากับพลังที่สะท้านฟ้าสะท้านแผ่นดินเช่นนั้น หากมิได้มีจิตใจที่แกร่งกล้าและทรหด เกรงว่าคงจะต้านทานไว้ไม่ได้

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับทันที สำหรับทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้นนี้ นางทราบดีว่าเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงในเวลาเดียวกัน

“เป็นเจ้านั่นเอง !”

ในที่สุดผู้นำฝ่ายมารก็มองเห็นรูปลักษณ์ของซิวได้อย่างชัดเจนและสีหน้าเริ่มเปลี่ยนแปลงไปยิ่งกว่าเดิมขณะอุทานด้วยน้ำเสียงจริงจัง

แน่นอนว่าเขาไม่มีทางลืมซิวได้ เมื่อพันปีก่อน มันคือหนึ่งในยอดฝีมือหลายชีวิตที่ผนึกกำลังกับเทพมายาคนก่อนและทำให้เขาต้องบาดเจ็บสาหัส หากมิใช่เพราะมีผู้ทรยศในเผ่ามายาที่ปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาสุดท้ายและช่วยให้เขามีโอกาสหลบหนีนั้น เขาก็คงจะไม่มีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้

“เหอะ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังจดจำข้าผู้นี้ได้ ครานั้นถือว่าเจ้าโชคดีที่หลบหนีออกไปได้ ทว่าเจ้ายังริอาจโผล่หัวออกมาต่อหน้าข้าอีก ช่างอาจหาญยิ่งนัก !”

ซิวแค่นเสียงเย็นชาขณะมองตรงไปที่ผู้นำฝ่ายมารด้วยแววตาเฉยชาและไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ

เมื่อได้ยินวาจาน่าเกรงขามของซิว ผู้นำฝ่ายมารกลับหัวเราะอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“ฮ่า ๆ ๆ ยังคงยโสโอหังไม่เปลี่ยนแปลง ! ทว่าด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้ เจ้ามีคุณสมบัติอะไรที่จะยโสโอหังได้ ?”

ผู้ทรงพลังอย่างเขาจะมองไม่เห็นความแข็งแกร่งของซิวได้อย่างไรกัน เห็นได้ชัดว่าอสูรตรงหน้ายังไม่บรรลุขอบเขตนภาเซียนด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดจึงริอาจกล่าววาจาทะนงตนถึงเพียงนี้ ? เมื่อพันปีก่อน อดีตเทพมายาล่มสลายไปและความแข็งแกร่งของซิวก็ลดลงอย่างมาก เทพอสูรในตำนานที่เคยเลื่องชื่อได้สูญเสียอำนาจบารมีไปนานแล้ว!

“หากเป็นเพียงการทำลายมิติทมิฬกลืนกินขยะ ๆ ของเจ้า มันก็ไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย !”

ซิวแสยะยิ้มอย่างทะนงตนขณะกระโจนขึ้นกลางอากาศและยื่นมือออกไปพร้อมเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

ตูมมม !

ราวกับถูกเรียกอัญเชิญลงมา สายฟ้าทรงพลังฟาดผ่าลงมาจากกลางอากาศทันที !

เปรี้ยงงง !

สายฟ้าเส้นหนาฟาดลงมาที่ร่างของซิวจนเกิดแสงสว่างเจิดจ้า

จากนั้น สายฟ้าอีกหลายเส้นก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบนและผ่าลงบนม่านสีดำ

เปรี๊ยะ !

ราวกับเกิดเสียงแก้วแตกดังขึ้นอย่างชัดเจน ม่านพลังสีดำหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยในทันทีและมิติทมิฬกลืนกินของผู้นำฝ่ายมารก็ถูกทำลายไปอย่างง่ายดาย

แม้เป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังเพียงใด มันก็มิอาจเอาชนะปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้ เมื่อเผชิญกับทัณฑ์สายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัว ม่านพลังสีดำทะมึนก็หายสาบสูญไปราวกับไม่เคยปรากฏมาก่อน !

“ช่างเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก !”

คนอื่น ๆ ที่ไม่ทราบเรื่องราวที่แท้จริงล้วนคิดว่าซิวเป็นผู้ที่เรียกสายฟ้าทรงพลังเหล่านั้นลงมาจากเบื้องบนเพื่อทำลายมิติทมิฬกลืนกิน พวกเขาจึงรู้สึกหวั่นเกรงอสูรในร่างบุรุษผู้มาใหม่นี้เป็นอย่างมาก จากนั้นสายตาของพวกเขาก็มองไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเคารพชื่นชมยิ่งกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ทราบความจริง พวกเขาต่างก็รู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาทราบว่าสายฟ้าเหล่านี้คือทัณฑ์สายฟ้าที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยให้ซิววิวัฒนาการ เมื่อเห็นว่าแม้แต่สายฟ้าสายแรกก็น่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้ ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าสายต่อ ๆ ไปจะน่าหวาดหวั่นเพียงใดและไม่ทราบเลยว่าซิวจะต้านทานมันได้หรือไม่

“ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะกระตุ้นทัณฑ์สายฟ้ามาในเวลานี้ !”

สีหน้าของผู้นำฝ่ายมารเหยเกอย่างเห็นได้ชัด เขาคาดไม่ถึงเลยว่าซิวจะเผชิญทัณฑ์สายฟ้าในเวลานี้ อีกทั้งยังทำลายมิติทมิฬกลืนกินของเขาไปอย่างสิ้นซาก

“ฮ่า ๆ ๆ ทำไมกัน เจ้าคิดจะทำลายมันงั้นรึ?”

ซิวหัวเราะเบาๆและไม่กังวลเลยว่าผู้นำฝ่ายมารจะมีทางใดทำลายทัณฑ์สายฟ้าได้ พลังของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติคือสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถทำลายได้ หากต้องการขัดขวางการวิวัฒนาการของซิว ผู้นำฝ่ายมารก็มีแต่จะเผชิญกับผลกระทบที่ร้ายแรงเท่านั้นและสิ่งที่ได้รับมาจะไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป

ผู้นำฝ่ายมารเข้าใจความจริงข้อนี้เป็นอย่างดีและสีหน้าบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม แม้ไม่ต้องการให้การวิวัฒนาการของซิวสมบูรณ์ เขาก็ไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งมันได้

ตอนนี้มิติทมิฬกลืนกินของเขาถูกทำลายไปแล้ว นั่นหมายความว่าเขาไม่เหลือไพ่ตายใด ๆ อีกและการอยู่ในชนเผ่าเอลฟ์ต่อไปจะมิใช่เรื่องดีสำหรับฝ่ายมารอย่างแน่นอน

“เหอะ วันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน ! สำหรับทัณฑ์สายฟ้าของเจ้า เกรงว่าอย่างน้อยก็คงเป็นทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้น ! ข้าทราบดีว่ามันยากลำบากเพียงใดที่จะผ่านทัณฑ์สายฟ้าขั้นที่สิบ ต่อให้เป็นเจ้าเองก็มิอาจรู้ได้เลยว่าจะข้ามผ่านมันได้รึไม่ บางทีเจ้าอาจจะตายอยู่ที่นี่และถูกทัณฑ์สายฟ้าแผดเผาจนแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ! ทว่าต่อให้เจ้าจะวิวัฒนาการได้สำเร็จ ข้าก็มิใช่คนเดิมเหมือนเมื่อพันปีก่อนอีกแล้ว ข้าจะตั้งตารอการประจันหน้าของเราในเร็ว ๆ นี้ !”

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ผู้นำฝ่ายมารก็นำกลุ่มจอมยุทธ์จำนวนมากของฝ่ายมารกลับไปในทันที หายวับไปต่อหน้าต่อตาทุก ๆ คน

ในเมื่ออยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ การที่จะล่าถอยและกลับไปเตรียมความพร้อมต่อไปก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า สำหรับการต่อสู้ชี้ชะตาเพื่อตัดสินฝ่ายชนะในท้ายที่สุดนั้น แน่นอนว่าฝ่ายมารของพวกเขาจะใช้ไพ่ตายทรงพลังทั้งหมดที่มีเพื่อไม่ให้ดินแดนเทพมายากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง !

เมื่อสมาชิกฝ่ายมารเหล่านั้นหายตัวไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ฝ่ายชาวเอลฟ์ต่างก็โล่งใจขึ้นมาทันที เวลานี้เหล่าผู้ที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายมารรวมถึงตระกูลตู้ล้วนหายตัวไปและฝ่ายศัตรูที่ยังเหลือในตอนนี้ก็มีเพียงผู้ที่สนับสนุนหลัวหมิงรุ่ยมาตั้งแต่แรก รวมถึงร่างไร้วิญญาณของตู้ซีรั่วที่กองอยู่บนพื้นและหลัวหมิงรุ่ยผู้มีใบหน้าซีดเผือดซึ่งอยู่ในสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของฉินอวี้โม่ในตอนนี้ยังคงแสดงถึงความกังวลใจ หากเปรียบเทียบกับฝ่ายมาร การเผชิญทัณฑ์สายฟ้าของซิวนั้นรับมือได้ยากกว่ามาก ก่อนหน้านี้นางเคยได้เห็นทัณฑ์สายฟ้าแปดขั้นของมารยาและทัณฑ์สายฟ้าเก้าขั้นของหานอวี้มาแล้ว และพลังจากสายฟ้าขั้นเก้าครานั้นทรงพลังจนแทบส่งนางไปเกิดใหม่อีกครั้ง วันนี้หากต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สายฟ้าขั้นที่สิบ นางไม่มั่นใจเลยสักนิดว่าจะข้ามผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัยและการวิวัฒนาการของซิวจะเสร็จสมบูรณ์หรือไม่

“ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี”

หานโม่ฉือกระซิบเบา ๆ ข้างหูฉินอวี้โม่ขณะจับมือบางของนางไว้เพื่อปลอบประโลมมิให้กังวลใจ

หลังจากสถานการณ์การต่อสู้สงบลง หลัวจื๋อยินและคนอื่น ๆ ก็ยังไม่แยกย้ายกลับไป นอกจากหลัวหมิงเฟยและหลัวหมิงฮ่าวที่ได้รับคำสั่งให้จัดการเรื่องในชนเผ่าก่อน คนอื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับฉินอวี้โม่ก็ล้วนอยู่ที่นี่เช่นเดิม สายตาของพวกเขามองตรงไปที่ซิวและฉายความกังวลเล็ก ๆ ในแววตา

“องค์ราชินี ซิวกำลังจะเผชิญกับทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้นซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเมืองราชวงศ์เอลฟ์ได้ หวังว่าท่านจะไม่ถือสาในเรื่องนี้ เมื่อทัณฑ์สายฟ้าผ่านพ้นไป ข้าจะชดใช้ต่อความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นเองเจ้าค่ะ”

ฉินอวี้โม่กล่าวบอกกับราชินีเอลฟ์เป็นการล่วงหน้า มีความเป็นไปได้มากว่าทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้นครานี้จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเมืองอย่างใหญ่หลวง ต่อให้ไม่ถึงขั้นราบเป็นหน้ากลอง ทว่าการที่อาคารสิ่งปลูกสร้างมากมายจะถล่มทลายลงมาก็มิใช่เรื่องแปลก

เพราะเมื่อทัณฑ์สายฟ้ามาถึง มันก็อยู่เหนือการควบคุมของฉินอวี้โม่แล้วและไม่สามารถเลือกสถานที่ที่จะมันฟาดลงมาได้ เพราะเหตุนั้นนางจึงต้องกล่าวบอกไว้ก่อนเป็นการล่วงหน้า

“อวี้โม่ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว เจ้าช่วยชนเผ่าเอลฟ์ของเราไว้ ความเสียหายเล็ก ๆ น้อย ๆมิใช่เรื่องสำคัญ ต่อให้เมืองราชวงศ์เอลฟ์จะถูกถล่มจนราบ เราก็แค่ต้องสร้างมันขึ้นใหม่เท่านั้น ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่อสูรมายาของเจ้าข้ามผ่านทัณฑ์สายฟ้าไปได้อย่างปลอดภัยและวิวัฒนาการจนสำเร็จ หากต้องการความช่วยเหลือใด เจ้าก็เพียงบอกข้าหรือท่านพี่ได้เลย เราจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน !”

หลัวจื๋อยินไม่รอช้าและกล่าวอย่างจริงใจ นางชื่นชมฉินอวี้โม่และรู้สึกถูกชะตาอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ฉินอวี้โม่ก็ถือเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยทั้งนางและชนเผ่าเอลฟ์ไว้ ในตอนนี้ต่อให้ต้องมอบบัลลังก์เอลฟ์ให้กับฉินอวี้โม่ นางก็จะไม่ลังเล

“เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณล่วงหน้าเจ้าค่ะ”

ฉินอวี้โม่เผยรอยยิ้มและไม่กล่าวสิ่งใดต่อขณะหันกลับไปจดจ่อกับการเคลื่อนไหวของซิวซึ่งอยู่กลางอากาศ

เวลาสองก้านธูปผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในช่วงเวลานี้ ซิวก็ผ่านสายฟ้าหกสายแรกมาได้แล้ว ทัณฑ์สายฟ้าทั้งหกสายที่เผชิญมิได้สร้างความกดดันให้กับซิวหรือทำให้เหนื่อยล้าอ่อนแรงแต่อย่างใด การข้ามผ่านสายฟ้าเหล่านั้นยังถือว่าง่ายดายสำหรับมันมาก

ภายในเวลารวดเร็วราวกับชั่วพริบตา ทัณฑ์สายฟ้าสายที่เจ็ดก็เตรียมฟาดลงมาอย่างรุนแรง

สายฟ้าสายที่เจ็ดนี้มีความหนาเท่ากับขนาดถังน้ำและดูน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง กลุ่มเมฆทะมึนก่อตัวรวมกันบนท้องฟ้าจนมืดหม่นอย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมโดยรอบในตอนนี้ดูหม่นหมองราวกับเป็นยามค่ำคืน

เปรี้ยง !

ด้วยเสียงดังสนั่น ทัณฑ์สายฟ้าสายที่เจ็ดก็ฟาดลงบนร่างของซิวจนทำให้มันเซไปเล็กน้อยและแทบร่วงลงบนพื้นดิน

พรวดดด !

หลังจากกระอักเลือดคำโตออกมา ใบหน้าในร่างมนุษย์ของซิวก็ดูซีดลงเล็กน้อยและชายเสื้อผ้ายุ่งเหยิงจนดูน่าอับอายพอควร

อย่างไรก็ตาม มุมปากของอสูรในร่างบุรุษหนุ่มยังคงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและไม่ต้องการให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ เป็นกังวล

“ยังเหลืออีกสามสาย !”

มารยาและหานอวี้มองดูสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่นใจ อสูรทั้งสองเคยผ่านพ้นทัณฑ์สายฟ้ามาก่อนและตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของมันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสายฟ้าสามเส้นสุดท้ายนั้น พวกมันมีพลังที่รุนแรงจนแทบทำให้ทรุดล้มหมดสติไปได้ง่าย ๆ

เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพน่าเห็นใจของพวกมันก่อนหน้านี้ ตอนนี้ซิวยังดูสบายกว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม พวกมันตระหนักดีว่าทั้งพรสวรรค์และความแข็งแกร่งทางสายเลือดของซิวเหนือชั้นกว่าพวกมันอย่างมาก และสายฟ้าสามเส้นหลังจะทรงพลังยิ่งกว่าที่พวกมันเคยเผชิญ

“ท่านซิวจะข้ามผ่านมันได้อย่างไม่เป็นปัญหา สำหรับเทพอสูรที่เป็นดั่งราชาของอสูรทั้งปวงอย่างมังกรทองสิบเล็บ ทัณฑ์สายฟ้าที่ต่ำต้อยนี่ทำอะไรท่านซิวไม่ได้แน่ !”

เสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ กล่าวเพื่อปลอบใจตนเองขณะมองดูซิวกลางอากาศ พวกมันเคารพและไว้วางใจซิวอย่างมากและมองว่าซิวเป็นสหายที่ดีที่สุด ไม่ว่าอย่างไร พวกมันก็ไม่ต้องการให้เกิดเรื่องร้ายใด ๆ กับซิว

“เจ้าหนูน้อยทั้งหลาย ท่านซิวผู้นี้จะแสดงร่างที่แท้จริงให้พวกเจ้าได้เห็น !”

ซิวกล่าวพร้อมยิ้มร่าให้กับเสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ ขณะร่างของมันพองโตอย่างรวดเร็ว

ภายในเวลาเพียงไม่นาน ร่างบุรุษหนุ่มรูปงามก่อนหน้านี้ก็เปลี่ยนกลายเป็นมังกรทองอร่ามขนาดยักษ์

ร่างที่แท้จริงของมันมีขนาดใหญ่กว่าหานอวี้มากนัก ขณะลอยตัวกลางอากาศ มันก็ปกคลุมท้องฟ้าเกือบทั่วทั้งเมืองราชวงศ์เอลฟ์และดูน่าเกรงขามอย่างที่สุด

“เทพอสูร !”

เมื่อเห็นร่างที่แท้จริงของซิว ราชินีเอลฟ์หลัวจื๋อยินและหลัวจื้อเลี่ยก็ชะงักไปทันทีก่อนอุทานออกมา

เมื่อพันปีก่อน ทั้งสองเคยได้พบกับซิวและต่อสู้ร่วมกับซิวเช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข้อสันนิษฐานอยู่บ้าง พวกนางก็ไม่กล้ายืนยันความคิดของตนเอง ทว่าตอนนี้เมื่อได้เห็นร่างที่แท้จริงของอสูรทรงพลังตรงหน้า ในที่สุดหลัวจื๋อยินและหลัวจื้อเลี่ยก็ยืนยันตัวตนของซิวได้

ทว่าเมื่อได้ทราบตัวตนของซิว ทั้งสองก็ยิ่งกังวลมากขึ้น เนื่องจากทราบถึงความน่าสะพรึงกลัวของทัณฑ์สายฟ้าสิบขั้นเป็นอย่างดี ต่อให้ต้องการให้ความช่วยเหลือ มันก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ หลัวจื๋อยินและหลัวจื้อเลี่ยทำได้เพียงมองดูจากด้านข้างและเอาใจช่วยอย่างเงียบ ๆ ด้วยหวังว่าเทพอสูรจะผ่านพ้นทัณฑ์สายฟ้าครานี้ไปได้อย่างปลอดภัย

เปรี้ยง !

เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นอีกครั้งพร้อมกับสายฟ้าสายที่แปดฟาดลงมา ปลายสายฟ้าครานี้มีขนาดความหนาเท่ากับตอของต้นไม้ขนาดใหญ่และดูน่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าเดิม

ทัณฑ์สายฟ้าที่ทรงพลังฟาดลงไปที่ร่างขนาดยักษ์ของซิวอย่างไม่รอช้าและเกิดแสงสว่างวาบขึ้นทั่วพื้นที่

.

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด