ท้าทายลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 56 กระธางธูปหยก
ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 56 กระถางธูปหยก
ตอนที่ 56 กระธางธูปหยก
ในงานชุมนุมครั้งยิ่งใหญ่นี้ มีการรวมตัวกันของหญิงสาวที่มีชื่อเสียงมาจากการประกวดความงามของเวทีต่างๆมากมาย ทําให้หยางซื่อเหมยไม่ได้ถูกมองว่ามีความงดงามหรือโดดเด่นกว่าผู้อื่น อีกทั้งเธอยังเป็นผู้ที่มีอายุน้อยดังนั้นเธอจึงไม่ได้มีเสน่ห์แบบผู้หญิงที่โตเต็มที่
อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ที่บริสุทธิ์และสง่างามของเธอกับการสวมใส่เครื่องแต่งกายที่มีความปราณีตและละเอียดอ่อนของเธอก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ที่มาร่วมงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเธอยืนอยู่เคียงข้างซงซวนผู้ซึ่งไม่เคยมีเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลย
โดยเขาเป็นผู้ใหญ่และเป็นนักวิชาการคนหนึ่งมีความสง่างาม และละเอียดอ่อน ดังนั้นทั้งคู่จึงเป็นคู่ที่ได้รับความสนใจ และหากไม่ใช่เพราะช่องว่างระหว่างวัย พวกเขาที่ยืนอยู่ด้วยกันก็จะดูเหมือนภาพแห่งความอบอุ่นและความสุขของคู่รัก
ในฐานะคนที่เคยมีการติดต่อซื้อขายกัน เมื่อได้เห็นซ่งซวนผู้ซึ่งเป็นเจ้าของศาลาโม่ ร้านวัตถุโบราณชื่อดัง หยุนชิงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า
“คุณซ่ง นี่คือ…”
“ศิษย์ของผมเองครับ…หยางซื่อเหมย”
ซงซวนตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน จากนั้นเขาก็หันมาหา หยางซื่อเหมยพร้อมกับแนะนําว่า
“ชื่อเหมย นี่คือคุณมู่หรงเจ้าของร้านหยวนวัตถุโบราณ” ”
“สวัสดีค่ะ คุณมู่รง!”
หยางซื่อเหมยกล่าวคําทักทายอย่างชาญฉลาดและสุภาพ
สําหรับมู่หรงหยุนชิงแล้ว หยางซื่อเหมยที่เคยเดินไปตามถนน และตรอกซอกซอยในชาติที่แล้วรู้จักกับเธอเป็นอย่างดีโดยธรรมชา
โดยมีคนกล่าวกันว่า มู่หรงหยุนชิงอาศัยก้อนหินเพื่อสร้างฐานะให้กับตัวเอง เนื่องจากเขาร่ํารวยมาจากการขายหินที่เป็นหยกสีเขียวซึ่งมีราคาสูงที่สุดของราชวงศ์ จากนั้นเธอก็ได้ก่อตั้งร้านหยวนวัตถุโบราณขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้นมีการกล่าวกันว่า เขามีภูมิหลังเป็นมาเฟีย ทําให้ผู้ที่อยู่ในฐานันดรศักดิ์หรือผู้ที่มีอํานาจทางกฎหมายไม่กล้าที่จะก้าวล่วงเขา
“ศิษย์หญิง? ไม่เลว..ไม่เลว”
คํากล่าวของมู่หรงหยุนชิงมีท่าทีเยาะเย้ยเล็กน้อย แต่แววตาของเธอมีความชัดเจนว่าเขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา และคํากล่าวเหล่านั้นไม่ได้มีความหมายของคําหยาบคายหรือว่าใจแคบแต่อย่างใด ดังนั้นหยางซื่อเหมยจึงไม่ได้ใส่ใจมัน
ทันใดนั้นเสียงแหลมเล็กของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น
“ศิษย์หญิง? ฮี.ฮี.คุณซ่ง! ไม่เคยคิดว่ามองจากภายนอกแล้ว คุณเป็นสุภาพบุรุษตรงๆคุณจะมีความอยากอาหารขนาดนี้”
โดยมันคือเสียงของผู้ชายที่มีชื่อว่า หยางเจี้ยนหมิง” ขณะที่ผมของเขาลงแว็กซ์เอาไว้อย่างหนาจนสามารถสะท้อนแสงได้เหมือนกระจก อีกทั้งยังอาบน้ําหอมมาจนแทบจะทําให้คนอื่นสําลัก
สําหรับเสื้อเชิตภายใต้สูทของเขานั้นมีกระดุมสองเม็ดที่ถูกปลดไว้อย่างตั้งใจ และในวงแขนของเขามีหญิงสาวที่สวมใส่ชุดมินิเดรสสีแดงที่แต่งหน้าหนักซึ่งดูแล้วช่างเป็นคู่ที่มีความร้อนแรงและเหมาะสมกันอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ดวงตาของเขายังคงปรับขนาดมาที่หยางชื่อเหมย
และเมื่อหยางซื่อเหมยเห็นเขา เธอก็รู้สึกขยะแขยงราวกับว่าเธอเห็นหนอนแมลงวัน ขณะที่นัยน์ตาสีเข้มของเธอจมอยู่ใต้ความเยือกเย็นจนน่าแปลกใจ
จากนั้นการแสดงออกที่อบอุ่นของซงซวนก็ปรากฏรอยเปื้อนของความไม่พอใจอย่างสุดซึ้งพร้อมกับลดน้ําเสียงลงเพื่อกล่าวว่า
“คุณหยาง! โปรดมีสติและระวังคําพูดของคุณด้วย”
“อิ่ม!”
มุมปากของหยางเจี้ยนหมิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนที่จะกล่าวว่า
“ผมต้องระวังอะไรเหรอ? คิดว่าคนอื่นรู้ไม่ทันคุณรียังไง? คุณซ่ง! สาวน้อยคนนี้อายุประมาณสิบห้าปีเท่านั้น อย่าหาว่าสุภาพบุรุษอย่างผมไม่เตือน การพรากผู้เยาว์…คุณจะต้องถูกตัดสินจําคุกนะจะบอกให้”
“คุณ…คุณ..”
ตามปกติแล้วนอกเหนือจากเรื่องวัตถุโบราณแล้ว ซ่งซวนมักจะไม่ติดต่อกับผู้อื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกอันธพาล และเขาไม่ต้องการใช้กําลังในการตัดสินปัญหา นอกจากนี้เขายังกังวลว่าหยางซือเหมยจะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นความคิดของเขาก็ยิ่งเป็นทุกข์มากขึ้นแต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้
โดยในขณะนั้นหยางชื่อเหมยได้เอื้อมมือไปตบหลังมือของเขา เพราะเธอต้องการบอกให้เขาใจเย็นและทําใจให้สบาย เนื่องจากเธอไม่ได้ใส่คํากล่าวของหยางเจี้ยนหมิง
จากนั้นซ่งซวนก็หันกลับมาจ้องมองไปที่นัยน์ตาซึ่งดําสนิทที่ชัดเจนของเธอ และทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงพลังที่เงียบสงบจนทําให้หัวใจ ที่กําเริบของเขาค่อยๆกลับมาเต้นเป็นปกติอีกครั้ง
“คุณซ่งคะ เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
หยางซื่อเหมยทราบว่าหัวใจของซงซวนสงบลงแล้วจึงกล่าวกับเขาด้วยท่าทางเฉยเมย จากนั้นซ่งซ่วนก็พยักหน้าและเดินเข้าไปในห้องโถงนิทรรศการพร้อมกับเธอ
ขณะที่สายตาของมู่หรงหยุนชิงมองตามหลังของหยางซื่อเหมยอย่างครุ่นคิดพลางกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า
“ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจ!”
โดยหยางเจี้ยนหมิงที่มองไปยังด้านหลังของหยางซื่อเหมยก็รู้สึกแบบนี้เช่นเดียวกัน และในตอนนั้นมู่หรงหยุนชิงก็จ้องมองกลับไปที่หยางเจี้ยนหมิงด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับก้าวเข้าไปในห้องโถงนิทรรศการ
และบริเวณห้องโถงนิทรรศการถูกจัดอย่างหรูหรามากและมีผู้คนมากมายอยู่ในนั้น โดยเจ้าหน้าที่กําลังแบ่งแยกวัตถุโบราณออกเป็นประเภทต่างๆ เพื่อสามารถดูการจัดแสดงประมูลได้อย่างสะดวก
ซึ่งมีการจัดแสดงมากมายในครั้งนี้ และมีวัตถุโบราณหลายร้อยชิ้นถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน โดยมีประเภทการเขียนพู่กันจีน ภาพวาดโบราณ วัตถุเครื่องลายครามและหยก
ต่อมาซงซวนได้พาหยางซื่อเหมยไปชมวัตถุโบราณที่ละประเภทอย่างละเอียด และบอกเธอถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และลักษณะประจําตัวของการสิ่งเหล่านั้น ซึ่งทําให้หยางซื่อเหมยถึงกับเบิกตากว้าง
และในพื้นที่จัดแสดงจุดหนึ่งมีผู้คนมากมายกําลังมองดูสิ่งของที่อยู่ในตู้กระจกด้วยแสงไฟ
“การจัดแสดงนี้น่าจะเป็นลําดับสุดท้ายของคืนนี้ มันเป็นกระถางธูปสามขาที่มีลวดลายหงส์ในราชวงศ์ฮั่น”
ดวงตาที่อบอุ่นของซงซวนเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้นพลางกล่าวอีกว่า
“ผมอยากเห็นมานานแล้ว”
และทันทีที่ได้เห็นอาจารย์ซ่งซวน บรรดาผู้ที่อยู่ในงานนิทรรศการต่างก็หลีกทาง โดยพวกเขาทั้งหมดกล่าวว่า อาจารย์ซ่งควรเข้าไปชมก่อน ขณะที่ซ่งซวนก้มศีรษะเล็กน้อยด้วยความสุภาพเพื่อเดินตรงไปยังตู้กระจกและหยิบแว่นขยายขึ้นมาส่องดู
ทําให้พบว่า กระถางธูปหยกสามขาที่มีลวดลายหงส์นี้มีความสง่างามมาก ซึ่งการแกะสลักหยกเป็นรูปหงส์นี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อพระราชินีของราชวงศ์ฮั่นโดยเฉพาะ
คอมเม้นต์