ท้าทายลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 63 ขายลูกสาว
นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์
ตอนที่ 63 ขายลูกสาว
ทันใดนั้นก็มีเสียงหวานของใครบางคนดังขึ้น
“มินกัง, มินกัง..”
และเมื่อได้ยินชื่อที่พิเศษมากสําหรับ เธอในชาติที่แล้ว ในฉับพลันหัวใจของ หยางซือเหมยก็สั่นไหวและเงยหน้าขึ้นมองเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบห้าปีที่รูป ร่างสูงที่มีท่าทางทะมัดทะแมงสวมกระโปรงยาวถึงเข่ากับเสื้อแขนกุดสีเขียว อ่อนกับรองเท้าบูทสั้นสีขาวและผมสีดําเป็นลอนเล็กน้อย
แต่เธอดูมีอาการตื่นเต้นมากด้วยแก้มที่แดงระเรื่อเป็นสีชมพูอ่อนและริมฝีปาก ที่มีความอวบอิ่มนั้นเปิดออกเล็กน้อยจนเผยให้เห็นฟันที่ขาวและเป็นระเบียบ
ขณะที่หน้าร้านน้ําชาตรงหน้าเธอมีเด็กผู้ชายตัวผอมสูงยืนอยู่และเมื่อได้ยิน เสียงร้องเขาก็หันกลับไป โดยเด็กผู้ชายคนนี้มีผมสีดําสั้นกับผิวพรรณที่สะอาด อีกทั้งยังมีใบหน้าที่สะดุดตาที่เต็มไปด้วยออร่าเนื่องจากดวงตาสีเข้มที่มีความอ่อนโยน
มินกัง!
เมื่อหยางซือเหมยได้เห็นมินกังใน ตอนที่เป็นวัยรุ่นแล้ว ภาพในหัวใจของเด็กสาวก็ถูกรบกวนโดยภาพอื่น ๆ ทําให้เกิดอาการสั่นเล็กน้อยในจิตใจของตนเอง เพราะมันมีภาพทับซ้อนอยู่ตลอดเวลาระหว่างมินกังตอนอายุห้าขวบกับมินกังในวัยผู้ใหญ่อายุยี่สิบแปดปี
และแม้ว่าจะรู้สึกแปลก ๆ แต่เธอก็ยังคงรู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อมองไปข้างหน้า ซึ่งมันกลายเป็นว่าตอนที่มินถึงยังเป็นเด็กนั้น เขาหล่อเหลาและสดใสเหมือน ดอกซากุระแรกแย้ม
จากนั้นหญิงสาวคนนั้นก็ก้าวมาข้าง หน้าพร้อมกับจ้องมองไปที่มินกังด้วยใบหน้าที่ร่าเริง
“มินกังคุณอยากซื้อชาไหม?”
“อืม” มินกังพยักหน้าเล็กน้อยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นไม่ได้มาจากดวงตาของเขา แต่เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการแสดงออกเพียงเพื่อความสุภาพเท่านั้น
งออและเมื่อได้เห็นท่าทีเฉยเมยของเขาที่ มีต่อเด็กสาวแล้ว หยางซือเหมยก็รู้สึก สบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“มินกัง! ครอบครัวของฉันก็เปิดร้านน้ําชาเหมือนกัน คุณต้องการชาแบบไหนเหรอ? เดี๋ยวฉันจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณ”
เด็กสาวทําราวกับว่าไม่เห็นท่าทีเย็นชาของผู้ชายตรงหน้า โดยเธอยังคงยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สวยงาม
“มู่หรง…ขอบคุณมาก ผมจะซื้อมันเอง”
หลังจากมินกังกล่าวจบ เขาก็หันไปหาเจ้าของร้านน้ําชาเพื่อสนทนากับเขาอยู่ครู่หนึ่ง
อย่างไรก็ตามหยางซือเหมยคุ้นเคยกับชื่อของมู่หรงเหยียน เนื่องจากในวันแรกของการเข้าเรียนเธอได้ยินคนเปรียบเทียบตนเองกับดอกไม้ประจําโรงเรียนที่ มีชื่อว่า มู่หรงเหยียน
นอกจากนี้เธอยังเคยได้ยินการซุบซิบนินทามากมายที่ทําให้มู่หรงเหยียนกับมินกังได้มาคบกัน โดยมีคนกล่าวว่า พวกเขาเหมาะสมกันเหมือนกับกิ่งทองใบหยก และเมื่อพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกันก็เป็นเช่นนั้นสมคํากล่าว เนื่องจากผู้ชายก็หล่อเหลาและผู้หญิงก็ช่างสวยสมกัน
มันจึงทําให้หัวใจของหยางซือเหมยเริ่มอึดอัดขึ้นมาแล้วในตอนนี้ เธอจึงหันไปทางซ้าย ซึ่งมันเป็นจังหวะที่สายตาของเธอประสานเข้ากับสายตาของมินกัง
ขณะที่ชายหนุ่มเห็นว่า ผู้หญิงรูปร่างเพรียวบางคนนี้สวมชุดกระโปรงยาวที่สะดุดตาจึงทําให้เขาเกิดความรู้สึกสนใจจนไม่อาจละสายตาไปจากเธอ เพราะรู้สึกว่าเคยเห็นผู้หญิงคนนี้สวมชุดสีขาวตอนที่อยู่ในโรงเรียน และมักจะรู้สึกว่าคุ้นเคยกับเธอ แต่ก็จําไม่ได้ว่า เคยเห็นเธอที่ไหนมาก่อน
และเมื่อมู่หรงเหยียนพบว่าการจ้องมองของเขาไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ตนเอง ผู้หญิงคนนั้นจึงมองตามสายตาของชายหนุ่มมา ทําให้เห็นชุดหรูหราย้อนยุคของ หยางซือเหมย ดังนั้นเธอจึงเม้มริมฝีปาก แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เนื่องจาก เธอทราบมาว่า มินกังไม่ชอบผู้หญิงที่พูดมากและจุกจิกจูจี้
ต่อมาเมื่อหยางซือเหมยกลับถึงบ้าน และทันทีที่เดินเข้าประตูมาก็พบว่า มีแขกมาที่บ้าน พร้อมกับกล่องของขวัญหลายกล่องวางบนโต๊ะ ขณะที่บิดามารดาของเธอหันมามองบุตรสาวด้วยท่าทางประหลาดใจ
และแขกคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นหยางอี้กัวคนขับรถของท่านเลขาธิการ คณะกรรมการพรรคเทศบาลหยางต้าเจี่ย โดยทุกคนล้วนแล้วแต่มาจากหมู่บ้านเดียวกัน
จากนั้นเมื่อหยางอี้กัวเห็นเธอกลับมา จึงรีบเปิดปากอุทานว่า
“อ้าว หลานสาวกลับมาแล้วเหรอ? เรากําลังพูดถึงเธออยู่พอดี”
“ซือเหมยรีบสวัสดีคุณลุงเร็ว ๆ เข้า” หยางชิงกล่าวอย่างรีบร้อนเมื่อเห็นเธอ ทําท่าเฉยเมย
“สวัสดีค่ะคุณลุง” หยางซือเหมยกล่าว
“โอ้! น่ารักจริง ๆ แค่มองแวบแรกก็รู้ได้เลยว่ามหลานมีความโดดเด่นกว่าเด็ก สาวทั่วไปมาก ไม่น่าแปลกใจที่ลูกชายของท่านเลขาของเราชอบเธอมาก”หยางอี้กัวกล่าวพร้อมหัวเราะชอบใจยกใหญ่
และด้วยคํากล่าวนี้สีหน้าของหยางซิงก็สลดลงทันที ขณะที่ดวงตาของหวงซิ่วลี่เริ่มแสดงความวิตกกังวลพร้อมกับมองบุตรสาวของตนเองอย่างประหม่า ราวกับว่า เด็กสาวกําลังจะถูกพรากจากอกของเธอไป
จากนั้นหยางซือเหมยจึงขมวดคิ้วด้วย ความเคร่งเครียด เนื่องจากเข้าใจถึงเจต นารมณ์และความพยายามของเขา
“ซือเหมย เจี้ยนหมิวชอบเธอมากนะ เขาให้นําของขวัญมามอบให้กับเธอด้วย! ดูสิ! นี่คือกระเป๋าแบรนด์เนมมูลค่าสามพันเหรียญ และนี่ก็กระโปรงราคามากกว่าหนึ่งพันเหรียญกับรองเท้าราคาแปดร้อยเหรียญและสร้อยคอมุก
เอ่อ..เจี้ยนหมิงเขาเป็นคนใจดีมากอีกทั้งเขายังต้องการดูแลเธออย่างจริงใจ และคืนนี้เขาแค่อยากเชิญเธอไปที่หอคอยหมิงจื่อเพื่อดื่มชาเท่านั้น”
หลังจากที่หยางอี้กัวกล่าวจบ เขาก็หันไปเผชิญหน้ากับหยางชิง
“อาชิง คุณโชคดีมากเลยที่ลูกชายของเลขานุการสนใจลูกสาวคุณ ดังนั้น คาดว่าอีกไม่นานคุณจะต้องได้รับการเลื่อนตําแหน่งเป็นครูใหญ่และในที่สุดก็ ได้เข้าไปทํางานในสํานักการศึกษา โอ้! อนาคตช่างสวยหรู … ”
“หยางอี้กัว!”
หยางชิงลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้ไปที่กองของขวัญและกล่าวด้วยความโกรธว่า
“คุณหมายความว่ายังไง? เราเป็นคนแซ่หยางเหมือนกันและเป็นญาติร่วมสายเลือดมาห้าชั่วอายุคนแล้ว แล้วคุณปล่อยให้เด็กผู้หญิงในครอบครัวของเรา ไปเป็นผู้หญิงของหยางเจี้ยนหมิงได้ยังไง?”
“อาชิงไม่ต้องกังวล! เจี้ยนหมิงไม่ได้อยากแต่งงานหรือมีลูกกับเด็กสาวใน ครอบครัวของคุณหรอก! เขาเพียงแค่ต้องการคุยด้วยเท่านั้น! และคงไม่ได้จริงจังอะไรหรอก ซึ่งปกติแล้วมันจะส่งผลดีต่อหน้าที่การงานของคุณ แล้วทําไมคุณถึงต้องโกรธด้วย?” หยางอี้กัวตะโกน
หยางชิงและหวงซิ่วลี่ตัวสั่นด้วยความโกรธแค้นที่ผู้ชายคนนี้มาหมิ่นเกียรติ พวกเขาถึงบ้าน
“หยางอี้กัว! อย่างนั้นก็ให้ลูกสาวของคุณไปกับเขาแทนก็แล้วกันถ้าคุณต้อง การผลประโยชน์แบบนี้ แต่ลูกของฉันไม่ใช่คนอย่างนั้น”
“อาชิง..ซิ่วลี่ทําไมคุณถึงตื่นเต้นมากขนาดนี้ ถ้าการมีลูกสาวสามารถสร้างประโยชน์ได้มากขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เหรอ? แต่ลูกสาวของฉันไม่มีคนมาสนใจ ไม่อย่างนั้นฉันก็จะทําแบบนี้เหมือนกัน” หยางอี้กัวเถียงหัวชนฝา
“หยางอี้กัว! ไอ้คนหน้าด้าน” หยางชิงโกรธมากจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด ขณะที่กล่าวว่า
“แก… แกออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้! ต่อไปนี้ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก! ที่นี่ไม่ต้อนรับแก!”
“หยางชิง!” หยางกัวแสดงสีหน้าดุดันพร้อมกับกล่าวอีกว่า
“อย่ามาเสียดายที่หลังก็แล้วกัน! ลูกชายของท่านเลขาสามารถทําให้แกจบชีวิตการเป็นครูได้ และยังต้องกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านหยางเหมือนเดิม”
“แม้ว่าจะต้องกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านหยาง ฉันก็จะไม่ขายลูกสาวเด็ดขาด!”
หยางชิงหยิบของที่อยู่บนโต๊ะด้วยความโกรธแค้นแล้วยัดมันกลับเข้าไปในมือของหยางอี้กัว
“กลับไปได้แล้ว!”
คอมเม้นต์