ท้าทายลิขิตสวรรค์ – ตอนที่ 73 เบอร์โทรศัพท์

อ่านนิยายจีนเรื่อง ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 73 เบอร์โทรศัพท์ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

นิยาย ท้าทายลิขิตสวรรค์ ตอนที่ 73 เบอร์โทรศัพท์

ตอนที่ 73 เบอร์โทรศัพท์

สายตาของหลงซื้อเถียนเคลื่อนจากดวงตาของหยางซื่อเหมยที่สว่างไสวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้าไปยังจุดสีแดงเข้มที่ต่าแหน่งระหว่างคิ้วของเธอ

เป็นเธอจริงๆ ด้วย!

เป็นเธอจริง ๆ !

ความรู้สึกของเขาถูกต้อง!

เวลาผ่านพ้นไปสิบปีเธอเติบโตจากเด็กน้อยน่ารักอายุห้าขวบมาเป็นเด็กหญิงอายุสิบห้าปีแล้ว

เห็นได้ชัดว่าเธอสง่างามและสวยงาม โดยผิวพรรณของเธอเป็นเหมือนกับหยกขาวที่มีแสงสีขาวจาง ๆ แต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยคือดวงตาที่ส่องแสงอันเงียบสงบ ซึ่งเป็นเหมือนดวงดาวบนเทือกเขาเทียนซานในฤดูใบไม้ผลิและฤดสีแดง เล็ก ๆ นั้น

“ตัวยุ่ง…”

ชายหนุ่มในชุดดํามังกรส่งเสียงทุ่มต่ําที่แหบแห้ง แต่เป็นเหมือนแม่เหล็กด้วยความ ดีใจอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมันทําให้เธอเกิดความรู้สึกคุ้นเคยเนื่องจากมันเหมือนเสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเคยได้ยินเมื่อสิบปีที่แล้ว และตอนนี้มันได้กระทบเข้าไปในหัวใจของหยางซื่อเหมย

แน่นอนว่า..เธอจ่าเขาได้

ในโลกนี้สมาชิกในครอบครัวของเธอเรียกเธอว่า ตัวเล็ก ส่วนคนภายนอกจะเรียก เธอว่าซื้อเหมย,หรือหยางซื่อเหมยตามชื่อ

แต่มีเพียงคนเดียวที่ใช้เรียกเธอว่า “ตัวยุ่ง” ด้วยน้ําเสียงที่พิเศษมากแบบนี้ ดังนั้น เธอจึงจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง!

ใช่แล้วมันเป็นหลงจอเถียนจริง ๆ เด็กหนุ่มรูปหล่อผู้ลึกลับที่เธอเคยช่วยเอาไว้เมื่อสิบปีก่อน แต่ตอนนี้ใบหน้าของเขาได้ลดทอนความหล่อเหลาในวัยเยาว์ของเขาไปแล้ว

โดยมันดูแข็งกร้าวและดุดัน ส่วนดวงตาสีน้ําเงินเข้มนั้นก็มีความเฉียบคมและเด็ดเดี่ยวมากขึ้น ดังนั้นทั้งตัวของเขาจึงเป็นเหมือนดาบโบราณที่ซ่อนอยู่ในฝัก ก่อนที่เขาจะดึงมันออกมาทําให้ผู้คนสัมผัสได้ถึงรัศมีที่ยิ่งใหญ่ของเขา

จากนั้นเขาได้ก้าวยาว ๆ มาข้างหน้าที่ละก้าวพร้อมกับกางแขนอันทรงพลังคู่นั้น และงอมันเล็กน้อยเพื่อจับร่างของเธอจากเบาะหลังของจักรยาน ทําให้ดวงตาของเธอที่มักจะเย็นชาอยู่เสมอเริ่มมีความอบอุ่นและตื่นเต้นปรากฏขึ้น

ตอนนั้นมินกังจ้องมองไปที่ภาพนั้นด้วยอาการตกตะลึง โดยมองดูชายคนนี้ในชุดสีดาที่มีรูปร่างสูงกาลังโอบกอดร่างอันบอบบางของหยางซื่อเหมยเอาไว้ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของเขา

จากนั้นเมื่อหยางซื่อเหมยถูกอาหลงกอดรัดเข้าไปที่หน้าอกอันอบอุ่นและหนาแน่นของเขา ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงหัวใจของเขาที่เต้นแรงเหมือนกลองทําให้หัวใจของเธอเริ่มสั่นไหวและความทรงจําก็ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อนในตอนที่เธอหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนนี้

ร่างเล็กของเธอกลมยาวราวกับร่างกายที่ไม่มีกระดูกราวกับความรู้สึกของการมีโลกทั้งใบทําให้หัวใจที่สงบอยู่เสมอของเขาหลุดออกจากคลื่น

แต่มินกังยังคงรู้สึกตกใจอยู่ประมาณสองสามนาที่และตอบโต้ด้วยน้ําเสียงดุว่า

“คุณเป็นใคร … ?”

อาหลงไม่สนใจเด็กผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อย!

โดยเขาคลายแขนที่กําลังกอดหยางซื่อเหมยออก และแทนที่ด้วยการจับมือเล็กๆ ของเธอแล้วดึงร่างของเธอออกไป ขณะที่หยางซื่อเหมยจ้องมองไปที่มินกุ้งด้วยความรู้สึกผิด เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดของเขา

“เรารู้จักกัน!”

รู้จักกันเหรอ?

เมื่อสองคนนี้พบกัน..พวกเขาก็สวมกอดกัน แน่นอนว่าเขาคงไม่ได้โง่เขลาถึงจุดที่ไม่รู้ว่าพวกเขารู้จักกัน

แต่เธอไปรู้จักผู้ชายที่มีนิสัยเย็นชาและเย่อหยิ่งแบบนี้ได้ยังไง?

ผู้ชายคนนี้ดูผิดปกติมากและกอดเธอทันทีที่พบ!

มินกังมองดูสองมือนี้จูงกัน ขณะที่มือของผู้ชายหนามีความและกว้าง อีกทั้งนิ้วก็ยาวและแข็งแรงส่วนมือของเด็กผู้หญิงที่จับมือของเขาแน่นก็บอบบางและขาวนุ่ม ทันใดนั้นหัวใจของหนุ่มน้อยก็มีความรู้สึกราวกับว่าถูกงูกัดทําให้เขามีอาการกระตุกทันที

นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้ชายมาจับมือเช่นนี้ ซึ่งหยางซื่อเหมยรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันมากแต่ก็ยังต้องการที่จะจับมัน แม้กระนั้นเธอก็ตะโกนถามว่า

“คุณกําลังจะไปไหน?”

เมื่อถูกตั้งคําถาม ชายหนุ่มในชุดสีดําก็จ้องมองดวงตาสีดําของเธอเป็นเวลานานอย่างเงียบ ๆ โดยไม่กล่าวอะไรสักคําโดยความเงียบนี้ทําให้หยางซื่อเหมยรู้สึกประหม่าและหดหูอย่างบอกไม่ถูก

เธอเคยเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขา ดังนั้นเขาจะมองเธอแบบนี้!

และถ้าเธอเป็นเด็กสาวขี้กลัวเธอคงจะกลัวแทบตาย

“ต่อไปนี้ห้ามนั่งเบาะหลังของเด็กผู้ชายอีก!”

อาหลงกล่าวอย่างแผ่วเบา โดยเธอเคยได้ยินแค่เสียงกรนกับเสียงถอนหายใจของเขา มันจึงทําให้หยางซื่อเหมยรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ท่าไมเธอถึงนั่งเบาะหลังของเด็กผู้ชายไม่ได้?

หยางซื่อเหมยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่หลงจอเถียนด้วยความสงสัย

“ทําไม?”

หลงจื่อเถียนไม่ตอบคําถามของเธอ แต่ยังคงถามต่อไปว่า

“เบอร์โทรศัพท์ของเธอคือหมายเลขอะไร?”

“ฉันไม่มีโทรศัพท์มือถือ” หยางซื่อเหมยตอบกลับทันที

ในปีพ.ศ.2545นั้น โทรศัพท์มือถือยังไม่ได้รับความนิยมมากเหมือนในปัจจุบัน และถือว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย โดยโทรศัพท์มือถือโนเกียจอขาวค่าธรรมดามีราคาเกือบสองพันเหรียญ แต่ถ้าเป็นจอสีก็มีราคามากกว่าสามพันเหรียญมิหนําซ้ําค่าโทรศัพท์รายเดือนยังแพงมากอีกด้วย

ในเวลานั้นเมืองชั้นสามเช่นเมืองนี้มีรายได้ประชากรเฉลี่ยต่อหัวเพียงแค่หนึ่งพันเหรียญ และมีผู้คนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโทรศัพท์มือถือนับประสาอะไรกับนักเรียนมัธ ยมต้นธรรมดา ๆ

“แล้วจะติดต่อกันได้ยังไง?” ชายหนุ่มในชุดดํายังคงตั้งค่าถามต่อไป

หยางซื่อเหมยบอกเบอร์โทรศัพท์บ้านให้เขาทราบ! จากนั้นชายหนุ่มก็กล่าวว่า

“นี่คือหมายเลขโทรศัพท์มือถือของฉัน…”

เขาบอกเบอร์โทรศัพท์ของตนเองด้วยความรวดเร็ว ราวกับว่าเขาต้องพูดมันบ่อย ๆ

“จไว้ด้วย!”

ความจําของหยางซื่อเหมยนั้นดีมาก ดังนั้นทันทีที่เขากล่าวจบ เธอก็สามารถจํามันได้อย่างแม่นยํา

“อย่าลืมโทรหาฉันด้วย ตอนนี้ไม่ว่าง…ไปก่อนนะ”

ต่อมาชายหนุ่มในชุดดําได้เหยียดแขนออกมาอีกครั้งเพื่อตบหลังเธออย่างแรง จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าและวิ่งเหยาะๆไปที่รถยนต์หรูคันสีดา

ท่าให้ซื้อเหมยขมวดคิ้วขณะที่เขาเข้าไปในรถและขับรถออกไป!

ผู้ชายนี้มีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดและไม่เหมือนใคร!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด