Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 148 หวนคืนสู่จุดสูงสุด
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 148 หวนคืนสู่จุดสูงสุด
ท่ามกลางระดับน้ำที่เพิ่มและลดลงอย่างต่อเนื่อง สตรีพรหมจรรย์นํากองทัพศิษย์ของสํานักอสูรเมฆาตีวงล้อมรอบเยี่ยฉวนโดยรุกหนักขึ้นเรื่อยๆ
การปรากฏตัวของราชินีอสูรเกศาขาวทําให้ฝูงชนของสํานักอสูรเมฆารู้สึกโล่งใจยิ่ง! แม้งูเผือกสีขาวที่อยู่เคียงข้างเยี่ยฉวนจะทรงพลังมหาศาล แต่มันก็ไม่สามารถเรียกพายุลูกใหญ่มาโจมตีกลับได้!
จ้าวต้าจื่อปราดเข้าประคองร่างผู้พิทักษ์หยางเทียนกวงและวิ่งไปหลบอยู่หลังเยี่ยฉวน ใบหน้าของราชินี้อสุรเกศาขาวที่ลอยเด่นอยู่กลางอากาศรวมถึงยอดฝีมือสํานักอสูรเมฆานับพันชีวิตที่อยู่ในรูปกระบวนทัพอันเหี้ยมโหด ทําให้เขาหวาดผวาจนระงับอาการไว้ไม่อยู่ หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวจะหลุดออกจากขั้ว!
“เจ้าคือผู้นําพาหายนะมาสู่สํานักอสูรเมฆาของข้าใช่หรือไม่?!”
ราชินีอสูรเกศาขาวปรากฏร่างเต็มตัวลอยเด่นอยู่ กลางท้องนภาด้วยกิริยานิ่งสงบและน่าเกรงขาม นางกวาดสายตาสํารวจกองทัพสํานักอสูรเมฆาเบื้องล่างก่อนหันกลับไปมองเยี่ยฉวนพร้อมกล่าวเสียงเรียบ “เจ้ามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเจ้าสํานักหมอกเมฆา นามหยุนเฟยหวู่อย่างไรหรือ?!”
“ข้าเยี่ยฉวนศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆารุ่นที่ห้าร้อยสิบเจ็ด ท่านเจ้าสํานักหยุนเฟยหวู่คืออาจารย์ของข้า” เยี่ยฉวนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นกัน เมื่อเผชิญหน้ากับราชินีอสูรเกศาขาวท่าทางของเขาปราศจากความเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตนจนเสียเชิง
“ศิษย์สายตรงของหยุนเฟยหวู่งั้นรึ? เช่นนี้นี่เอง ”
ราชินีอสูรเกศาขาวพยักหน้าก่อนกล่าวต่อ “หลายปีก่อนข้าได้พบอาจารย์ของเจ้าแล้วครั้งหนึ่ง ตามหลักแล้วการที่เจ้าเดินทางมาจากที่ห่างไกลทั้งยังมีฐานะเป็นถึงศิษย์สายตรงของหยุนเฟยหวู่ สํานักอสูรเมฆาของข้าควรให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แต่เจ้ากลับเหิมเกริมสังหารศิษย์ของข้าถึงที่ หนําซ้ำยังล่อลวงสัตว์ผู้พิทักษ์ในทะเลสาบมังกรนิทราของเราจนแปรพักตร์เช่นนี้ เห็นทีคงต้องสั่งสอนบทเรียนให้แก่เจ้าเสียแล้ว! ข้าผู้นี้จะชี้แจงสถานะสูงต่ำของสํานักหมอกเมฆาของเจ้าให้กระจ่าง มาเถิดเจ้าหนู…จงใช้ทักษะทั้งหมดที่เจ้ามีเพื่อต่อกรกับข้า ดูซิว่าเจ้าจะมีความสามารถเพียงใด!?”
น้ำเสียงนุ่มนวลของนางแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน จิตสังหารรุนแรงพุ่งทะยานขึ้นสู่เบื้องบนเพราะต้องการโจมตีเยี่ยฉวนด้วยตนเอง!
นี่คือชะตากรรมสุดท้ายของผู้ที่กล้าท้าทายอํานาจและกระทําการอุกอาจต่อสํานักอสูรเมฆา ต่อให้คนผู้นั้นมีสถานะเป็นถึงองค์จักรพรรดิก็ไม่มีทางรอดพ้นจากจุดจบอันโหดร้ายนี้เช่นกัน!
สตรีพรหมจรรย์เหยียดยิ้มอย่างเย็นชาก่อนถอยห่างออกไปพร้อมบรรดาศิษย์คนอื่นๆ จนเหลือเพียงพื้นที่โล่งกว้าง หากราชินีอสูรเกศาขาวมาปรากฏตัวด้วยตนเองเช่นนี้ แม้เยี่ยฉวนแปลงกายเป็นสามหัวหกแขนหรือได้รับการคุ้มครองจากนางพญามังกรขาวก็หลบเลี่ยงความตายได้ยาก
“ศิษย์พี่ใหญ่! รีบขอประทานอภัยโทษจากราชินีอสูรเกศาขาวเร็วเกิดขอรับ! เราควรอธิบายจุดประสงค์ในการมาเยือนครั้งนี้ได้แล้ว เร็วสศิษย์พี่ใหญ่”
จ้าวต้าจื่อเร่งคุกเข่าลงกับพื้นขณะกล่าวเตือนเยี่ยฉวน ครั้นเห็นอีกฝ่ายยังยืนนิ่งจึงกล่าวออกอย่างร้อนรน “ทูลราชินีอสูรเกศาขาว..พวกเราไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มก่อความเสียหายในสํานักอสูรเมฆาแต่อย่างใด พวกเราถูกผู้พิทักษ์ฮั่วชานและฮั่วหยวนชางบุตรชายของเขากลั่นแกล้งและทําร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นการป้องกันตนเองเท่านั้น ศิษย์พี่ใหญ่! อธิบายความจริงทั้งหมดและขอประทานอภัยโทษเร็วสิ!”
เหงื่อเม็ดโตหยดลงจากหน้าผากของจ้าวต้าจอครั้งแล้วครั้งเล่าขณะเขาเรียกเยี่ยฉวนอย่างสิ้นหวัง
ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้หากไม่ชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ราชินีอสูรเกศาขาวรับฟัง พวกเขาทั้งหมดจะตกเป็นอาชญากรก่อความหายนะแก่สํานักอสูรเมฆาโดยไม่มีโอกาสได้โต้แย้งใดๆ ผลลัพธ์ที่ตามมาหลังจากนี้ย่อมร้ายแรงอย่างไม่ต้องสงสัย สํานักหมอกเมฆาต้องตกเป็นจําเลยสังคมอีกครั้ง!
“เจ้าอ้วน ลุกขึ้นเร็วห้ามคุกเข่าเด็ดขาด! บุรุษเพศต้องมีกระดูกสันหลัง การต่อสู้ยังไม่เริ่มต้นเจ้าจะตีตนไปก่อนไข้ได้อย่างไรกัน?!”
จ้าวต้าจื่อเบิกตากว้างด้วยความตระหนกสุดขีด! เยี่ยฉวนดึงศิษย์น้องของเขาให้ลุกยืนขึ้น จากนั้นจึงสูดลมหายใจลึกพร้อมหันไปเผชิญหน้ากับราชินีอสูรเกศาขาวโดยตรง ใบหน้าของเขาสงบและเรียบเฉย บริเวณโดยรอบปราศจากสายลมพัดโชยทว่าชายเสื้อคลุมกลับปลิวไสว
“ไม่มีอะไรต้องกลัวงั้นหรือ?!
“ยะ….อย่าบอกนะว่าเยี่ยฉวนจะยืนหยัดต่อสู้กับราชินีเผ่าอสูรจริงๆ!?”
ทันใดนั้นบรรยากาศโดยรอบพลันเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึงในกลุ่มฝูงชน ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาเคยพานพบบุคคลผู้หยิ่งผยองมามากมาย แต่พบเห็นผู้ที่ทะนงตนเกินตัวเช่นเยี่ยฉวนเป็นครั้งแรก! ชายผู้นี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไรจึงคิดเอาชีวิตตนที่บรรลุการฝึกตน เพียงขั้นซิวฉือระดับที่สองไปต่อกรกับราชินีอสูรเกศาขาวผู้เป็นลูกครึ่งระหว่างปีศาจและมนุษย์ซึ่งสามารถแปลงกายสําแดงอิทธิฤทธิ์ได้ตลอดเวลา ความบ้าบินของเขาไม่ต่างอะไรกับการนําตั้กแตนตําข้าวไปหยุดรถม้าเลยแม้แต่น้อย!
“ศิษย์พี่ใหญ่”
เจ้าอ้วนหวาดกลัวจนตัวสันใบหน้าเกร็งจนฟันกระทบกันดังลึก ส่วนบรรดาศิษย์สํานักอสูรเมฆาต่างคิดว่าเยี่ยฉวนคงเป็นบ้าไปแล้ว!
“สาวน้อย จงยืนหยัดเคียงข้างข้า!”
เยี่ยฉวนไม่ใส่ใจท่าทางกระสับกระส่ายของเจ้าอ้วน เขาแค่นเสียงคํารามขณะส่งกระแสจิตสั่งการนางพญามังกรขาวและเริ่มโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์อย่างดุเดือด! มือข้างหนึ่งลอบผนึกปราณอันทรงพลัง ทันใดนั้นกระแสพลังพลันปรากฏขึ้นเหนือศีรษะและหมุนวนอย่างบ้าคลั่งพร้อมดึงพลังปราณแห่งจิตวิญญาณโลกในบริเวณโดยรอบเข้าใกล้ จากรัศมีหนึ่งร้อยเมตร เพิ่มเป็นหนึ่งพันเมตร แปดพันเมตร และขยายวงกว้างออกไปทั่วสารทิศ ภายในพริบตาเดียวพลังแห่งจิตวิญญาณโลกรอบภูเขามังกรนิทรา ค่อยๆ ลดความหนาแน่นลงอย่างรวดเร็วจนเกือบหมดสิ้น!
“ไม่เลวนับว่ามีทักษะอยู่บ้าง ถึงกระนั้นก็ยังไม่เพียงพอ!”
ราชินีอสูรเกศาขาวขยับใบหน้า ดวงเนตรของนางค่อยๆ เปล่งประกายสว่างเรื่อง
โฮก!
งูเผือกยักษ์ที่ขดตัวอยู่ด้านหลังเยี่ยฉวนพลิกตัวอีกครั้ง ลําตัวมหึมาของมันเลื้อยขยับไปมาทว่ายังไม่โจมตีฝ่ายตรงข้ามในทันที ขณะนั้นเอง…มันดีดตัวพุ่งทะยานขึ้นสูงไปบนอากาศก่อนพุ่งดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่กะโหลกหนาจะร่วงกระแทกกับพื้นดิน ปากของมันกลับอ้ากว้างพร้อมพ่นพลังชีวิตทั้งหมดให้เข้าสู่ร่างกายเยี่ยฉวน!
ชายหนุ่มพยายามตรึงขาทั้งสองข้างอยู่กับที่จนร่างสั่นสะท้าน พลังปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างทวีความแข็งแกร่งและแปรปรวนพลุ่งพล่านขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าอัศจรรย์! พริบตาเดียวความแข็งแกร่งของเขากลับทรงพลังมหาศาลกว่าทั้งสตรีพรหมจรรย์ อาวุโสเถียนชิงและนักรบพฤกษาเถียนกู่รวมกันเสียอีก! หนําซ้ำยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด พลังปราณขยับเข้าใกล้ระดับของราชินีอสูรผมขาวขึ้นทุกขณะ ยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งสามใบขยายตัวออกไปจนทะลุขีดจํากัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รัศมีทรงอานุภาพที่ไหลเวียนอยู่เหนือพวกมันแปรเปลี่ยนเป็นรูปแบบแปลกประหลาด ต่างจากเดิมที่แต่ละใบมีความแข็งแกร่งเพียงหนึ่งหมื่นแปดพันจินเท่านั้น
“เคล็ดวิชานี้คืออะไรนะ?!”
“ไอ้เด็กเหลือขอผู้นี้ถ่ายโอนพลังจากสัตว์อสูรของเราไปอย่างนั้นหรือ?!”
บรรดาศิษย์สํานักอสูรเมฆาต่างอุทานด้วยความตกตะลึง ยิ่ง!
พลังปราณมหาศาลของเยี่ยฉวนที่แผ่ปกคลุมทั่วบริเวณ ทําให้เส้นผมบนศีรษะของทุกคนตั้งชัน งูเผือกยักษ์ที่เคยน่าเกรงขามทั้งยังมีดวงตาดุดันราวพยัคฆ์ร้ายมองเหยื่อทรุดตัวลงกับพื้นด้วยปราศจากพละกําลังอีกต่อไป พลังชีวิตของมันถูกถ่ายทอดสู่ร่างของเยี่ยฉวนจนหมดสิ้น ตอนนี้ร่างกายของมันได้รับบาดเจ็บสาหัส!
“อืม..ประเสริฐ! ข้าประจักษ์แล้วว่าเจ้ามีทักษะสูงส่ง มาเถิด! หากเจ้าจะเจรจาการใดจงแสดงให้ข้าดูว่าคู่ควรพอหรือไม่?!”
ราชินียังรักษาท่าที่นิ่งสงบแม้สัมผัสถึงพลังปราณมหาศาลของอีกฝ่ายจิตสังหารทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวี นางจึงยื่นมือออกไปในอากาศว่างเปล่า ทันใดนั้นบนท้องฟ้า พลันปรากฏฝ่ามือขนาดใหญ่ซึ่งกําลังกดลงไปที่เยี่ยฉวนพร้อมเสียงดังกัมปนาท!
ฝุ่นทรายจากบริเวณโดยรอบถูกลมพายุพัดจนฟังกระจายไปทั่ว ฝ่ามือยักษ์นี้ยังไม่แนบลงกับพื้น ทว่ารอยมือขนาดใหญ่ที่มีเส้นฝ่ามือบนนิ้วทั้งห้าชัดเจนกลับปรากฏขึ้น!
หัตถ์มหาวิญญาณ!
ราชินีอสูรเกศาขาวใช้เคล็ดวิชาทรงพลังนั้นด้วยท่าทางผ่อนคลาย แต่ฝูงชนที่ยืนอยู่เบื้องล่างรวมถึงยอดฝีมือที่บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่เจ็ดกลับรู้สึกราวถูกกดดันอย่างหนักจนหายใจลําบาก แม้แต่สตรีพรหมจรรย์ อาวุโสเถียนชิง และนักรบพฤกษาเถียนอู่ต่างถอยทัพอย่างเร่งร้อน จ้าวต้าจื่อใช้แรงกําลังทั้งหมดที่มียืนหยัดขึ้นพร้อมประคองผู้พิทักษ์หยางเทียนกวงที่ได้รับบาดเจ็บให้ถอยออกห่าง สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เยี่ยฉวนด้วยต้องการเห็นว่าเขามีท่าทีอย่างไร?!
“ราชินีเผ่าอสูรรุ่นปัจจุบันมีทักษะเพียงน้อยนิดเท่านี้เองหรือ?!”
เยี่ยฉวนพึมพํากับตนเองก่อนเงยหน้าขึ้น ความแปรปรวนของพลังปราณในร่างพลุ่งพล่านขึ้นอีกครั้ง! สายตาของเขาทอดยาวไปด้านหน้าด้วยแววตาลึกล้ำที่มีอํานาจทําลายล้างสูงส่งราวขุมนรกอันไร้จุดสิ้นสุด ภาพจุดกําเนิดของโลกรวมถึงความผันแปรของกาลเวลาฉายขึ้นในห้วงคํานึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พลังชีวิตที่ได้รับจากนางพญามังกรขาวผู้บําเพ็ญตนมาตลอดชีพเมื่อประสานเข้ากับเคล็ดวิชา ขัดเกลาปิศาจกลืนกินสวรรค์ทําให้ขั้นการฝึกตนของเขา เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว วรยุทธ์และทักษะทรงพลังนั้นทําให้บรรดาศิษย์สํานักอสูรเมฆาตกตะลึงจนนิ่งไป แม้แต่หัวใจของราชินีอสูรผมขาวยังสั่นไหวด้วยความประหลาดใจเป็นล้นพ้น ไม่นานนักแววตาของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยือกอีกครั้ง หัตถ์มหาวิญญาณบนท้องฟ้าขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่าก่อนกดลงมาอย่างฉับพลัน!
คอมเม้นต์