Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 180 มังกรปีศาจแห่งอาณาจักรสวรรค์
Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 180 มังกรปีศาจแห่งอาณาจักรสวรรค์
บทที่ 180 มังกรปีศาจแห่งอาณาจักรสวรรค์
เยี่ยฉวนเร่งรุดไปยังเหมืองแร่มณีครามโดยไม่รอช้า ถึงกระนั้นก็ยังช้ากว่าฝูงชนอีกหลายกลุ่มซึ่งมาถึงก่อนแล้ว ทั้งสํานักเบญจลักษณ์ผู้เป็นเจ้าถิ่ ตามด้วยสํานักเครื่องนิลที่นําโดยเจ้าสํานักโทวปาเซียงและบรรดายอดฝีมือหลายราย
ส่วนสํานักหมอกเมฆาที่นําโดยเยี่ยฉวนได้นําศิษย์รุ่นเยาว์ที่บรรลุการฝึกตนขั้นอู่เจ้อระดับเจ็ดขึ้นไปจํานวนแปดร้อยคนเข้าสํารวจอาณาจักรสวรรค์เมื่อพวกเขารวมตัวกันเป็นกองทัพเช่นนี้ยิ่งดูแข็งแกร่งและน่าเกรงขาม! แต่เมื่อเปรียบเทียบกับกองกําลังของอีกสองสํานักกองทัพสํานักหมอกเมฆายังด้อยกว่าในเรื่องจํานวนคน สํา นักเบญจลักษณ์รวบรวมไพร่พลได้เกือบสองพันราย สํานักเครื่องนิลแทบกวาดต้อนศิษย์ทั้งสํานักมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แม้แต่ศิษย์รุ่นเก่าก็มารวมตัวเช่นกันจนมีไพร่พลราวสามพันราย! แต่ละคนเข้าแถวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ จิตสังหารโหดเหี้ยมแผ่รัศมีคุก คามไปทั่วบริเวณ
ทันทีที่อาณาจักรสวรรค์ปรากฏขึ้นเหนือผืนดิน สามสํานักใหญ่บนเทือกเขาหมอกเมฆาตอบสนองอย่างรวดเร็วและเริ่มทําการเคลื่อนไหว
เยี่ยฉวนมองไปยังร่างสูงใหญ่ของโท่วปาเซียงที่อยู่ห่างออกไปพบว่าอีกฝ่ายเพียงกวาดสายตามองโดยรอบและประเมินสถานการณ์อย่างเงียบเชียบ เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเจ้าสํานักชราจอมเอาแต่ใจไม่กล้าแม้แต่จะก้าวไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับฝูงชนคนอื่นๆที่เงยหน้าสํารวจความอลังการของพระราชวังโบ ราณในอาณาจักรสวรรค์ด้วยความตกตะลึง!
รอบพระราชวังสูงตระหง่านมีเมฆหมอกจางๆ ลอยปกคลุมแม้ขนาดของมันจะใหญ่โตโอ่อ่า ทว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ภายในได้อย่างชัดเจน แม้แต่กระแสจิตบริสุทธิ์ที่ถอดออกจากร่างก็ไม่สามารถมองทะลุโดยง่าย บริเวณตรงหน้ามีหลุมซึ่งถูกขุดลึกลงไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร โลงศพหินโบราณที่อยู่ใต้พื้นดิน ถูกใครสักคนเปิดฝาออก ภายในนั้นว่างเปล่าไร้โครงกระดูกมนุษย์หรือแม้แต่สมบัติล้ําค่าใดๆ ปรากฏเพียงบันไดหลายขั้นซึ่งนําไปสู่ทางเดินมืดสนิทที่ไร้ปลายทาง ไม่ว่าสิ่งใดเฉียดเข้าใกล้โลงศพหินมันจะอันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอยทันที!
ทันใดนั้นเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังมาจากส่วนลึกใต้พิภพอีกครั้งพื้นดินสั่นไหวอย่างต่อเนื่องพระราชวังที่ปรากฏขึ้นค่อยๆจมกลับลงไปอย่างเชื่องช้าฝาโลงศพถูกเลื่อนปิดโดยพลังที่มองไม่ เห็น บนฝาโลงสลักเป็นรูปมังกรยักษ์ซึ่งมีเขี้ยวและกรงเล็บแห ลมคม ลักษณะของมันดูดุร้ายแตกต่างจากมังกรในอุดมคติอย่างสิ้นเชิง ส่วนหางทั้งหนาและแข็งแรงเป็นพิเศษ บนสันหลังไม่มีปีกขนาดใหญ่มีเพียงหนามแหลมคมที่ยื่นออกพร้อมที่มแทงศัตรูที่เข้าใกล้
นี่คือปากทางเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์อย่างนั้นหรือ?!
หากฝาโลงศพหินเลื่อนมาปิดสนิทอีกครั้ง…พวกเขาจะเข้าไปสํารวจภายในได้อย่างไร?!
บรรดาศิษย์จากสามสํานักเฝ้ามองฝาโลงที่ค่อยๆ เลื่อนปิดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด!
ทางเดินมืดมิดซึ่งนําไปสู่ปลายทางที่ไม่อาจล่วงรู้ดูน่ากลัวเกินกว่าจะลงไปสํารวจโดยพลการ สองขาของทุกคนยังคงนิ่งตรึงอยู่กับที่อย่างสองจิตสองใจ เพราะหากพวกเขายังรีรอเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆอาจพลาดโอกาสทองที่ตนควรได้รับ!
“มัวรอช้าอยู่ใย?! ผองศิษย์ชั้นเลิศแห่งสํานักเครื่องนิลตามข้า
มา!”
โท่วปาเซียงตะโกนสั่งการเสียงดังลั่น จากนั้นกองทัพสํานักเครื่องนิลก็เริ่มเคลื่อนพลไปด้านหน้า แต่เมื่อเดินเท้าเข้าใกล้โลงศพหินโบราณไม่ถึงสามเมตรร่างกายของพวกเขาพลันบิดเบี้ยว..เลือนรางและหายวับไปต่อหน้าต่อตา! ศิษย์หลายรายที่ตามหลังมาต่างเบิกตากว้างอย่างตะลึงลาน! จํานวนคนลดลงอย่างรวดเร็วเมื่อถูกพลัง โบราณดูดให้ข้ามไปยังอีกโลกที่ลึกลับประหนึ่งแดนสนธยา
ท่ามกลางฝูงชนสามสํานักโท่วปาเซียงเป็นคนแรกที่ตัดสินใจนํากองทัพสํานักเครื่องนิลลงไปสํารวจอาณาจักรสวรรค์
ชายชราผู้นี้ใจกล้ายิ่งนัก เขาตัดสินใจทําการใหญ่อย่างเฉียบขาด!เมื่ออยู่ต่อหน้านักรบพฤกษาเถียนกู้และสตรีพรหมจรรย์เขากลับล่าถอยอย่างไม่คิดถึงศักดิ์ศรี แต่เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าของทางเข้าอาณาจักรสวรรค์ในตํานานเขากลับพร้อมที่จะเสี่ยงทุกสิ่งที่มีเพื่อให้ได้เข้าไปสํารวจการปรับตัวตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งส่งเสริมให้เขา กลายเป็นผู้นําที่น่าเกรงขาม
“ท่านอาจารย์…พวกเราก็ควรเข้าไปสํารวจด้วยไม่ใช่หรือขอรับ?” ปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อเอ่ยถามด้วยท่าทางกระตือรือร้นครั้นเห็นกองทัพของสํานักเครื่องนิลวิ่งกรูลงไปด้านล่างจิตใจของเขาพลันร้อนรุ่มจนไม่อาจรออยู่เฉยๆ
“อย่ารีบร้อนไป.รออีกสักครู่เถิด”
เยี่ยฉวนกวาดสายตาสํารวจกองทัพสํานักเบญจลักษณ์อย่างถี่ถ้วนจากนั้นจึงหันกลับมามองฝาโลงศพหินที่สลักลวดลายมังกรอีกครั้ง
กระดูกสันหลังแข็งแรงที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคมของมังกรโบราณเป็นลักษณะที่เยี่ยฉวนไม่เคยพบพานในดินแดนรกร้างว่างเปล่ามาก่อนครั้นเขาทบทวนเรื่องราวในภพอดีตเศษเสี้ยวความทรงจําอันเลือนรางก็ปรากฏขึ้นในห้วงคํานึง
ตํานานเล่าขานว่านอกเขตแดนรกร้างมีโลกอีกใบที่อยู่ห่างไกลออกไปนามว่าอาณาจักรมังกรสวรรค์ สภาพแวดล้อมอันอุดมสมบูรณ์เอื้อให้กําเนิดเหล่ามังกรเซียนโบราณ ในบรรดาพวกมันมีมังกรตัวหนึ่งซึ่งมีปีกขนาดใหญ่ ความยาวตั้งแต่โคนจรดปลายมีความยาวถึงหนึ่งแสนแปดพันลี้ ทั้งยังมีอุปนิสัยดุร้ายกว่ามังกรตัวอื่นหลายเท่า! ความแข็งแกร่งนั้นเลื่องชื่อในด้านการต่อสู้ระยะประชิดส่วนหางที่ปกคลุมด้วยเกล็ดหนาถือเป็นอาวุธสังหารอันร้ายกาจยิ่ง!หนามแหลมคมบนหลังส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของมันน่าสยดสยอง
“โลงศพหินสลักรูปมังกรปีศาจ…หรือนี่คือทางเข้าของอาณาจักรมังกรสวรรค์ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของมังกรปีศาจ?!”
เยี่ยฉวนพึมพําพร้อมเผยสีหน้าตระหนกเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้บางประการ!
เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าหลายล้านปีก่อนตนแข็งแกร่งถึงขั้นสามารถซ่อนเร้นสวรรค์ไว้ด้วยฝ่ามือ ดังนั้นบนดินแดนรกร้างอันกว้างใหญ่ไพศาลไม่มีทางทิ้งร่องรอยของมังกรปีศาจไว้เป็นแน่! หากอาณาจักรสวรรค์ตามตํานานคือมรดกของมันจริงเหตุกา รณ์ดังกล่าวคงเกิดขึ้นหลังจากที่เขาติดอยู่ในสุสานเทพเจ้า
ไม่แน่ว่าหลังจากมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยเช่นเขาถูกจองจําในสุสาน มังกรปีศาจอาจใช้พลังมหาศาลเดินทางข้ามเขตมายังดินแดนรกร้างแห่งนี้ และเกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นจนเกิดการปรากฎของทางเดินมืดมิดที่นําไปสู่แดนสนธยาอันเป็นอาณาจักรสวรรค์ในตํานานทําให้ยอดฝีมือขั้นมหาปราชญ์ในดินแดนรกร้างเดิน ทางเข้าไปในเส้นทางดังกล่าวเช่นเดียวกับยอดฝีมือของโลกหนึ่งก็เดินทางข้ามมาเช่นกัน
สีหน้าของเยี่ยฉวนฉายแววประหลาดใจชัดเจนยิ่งคิดก็ยิ่งตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ทุกสิ่งเป็นเพียงการคาดเดาเพราะเขาถูกจองจําในสุสานเทพเจ้าจนไม่รู้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงเป็นอย่างไรแต่เพื่อพิสูจน์ว่าข้อสันนิษฐานดังกล่าวถูกต้องเขาต้องคิดหาห นทางที่จะสํารวจทั่วดินแดนรกร้างในปัจจุบัน ต่อให้ระยะเวลาผันผ่านมานานเพียงใดแต่เขาเชื่อว่าเรื่องราวในอดีตย่อมทิ้งร่องรอยอารยธรรมบางอย่างให้ตรวจสอบ
“คุณชายเยี่ย…เหตุใดจึงยังนิ่งเฉยไม่เข้าไปเสียที?”
หลิวหงเดินเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์
ขณะที่นางเดินทางไปยังสํานักหมอกเมฆาและพบเห็นการปรากฏขึ้นของอาณาจักรสวรรค์ จึงเร่งร้อนกลับมายังเหมืองแร่มณี ครามโดยทันที!แต่เมื่อเห็นทางเดินมืดมิดที่อยู่ลึกลงไปในโลงศพหินนางกลับหยุดชะงักความคิดที่จะเดินลงไปสํารวจและรั้งรอ ให้เยี่ยฉวนนําศิษย์ร่วมสํานักของเขาลงไปเสียก่อนภายใต้รอยยิ้มสดใสนั้นมีแผนการอันแยบยลซ่อนอยู่…หากด้านล่างมีเหตุร้ายจริงผู้ที่พบเจอเป็นรายแรกคือสํานักเครื่องนิลและสํานักหมอกเมฆาโดยที่สํานักเบญจลักษณ์ไม่ต้องลงมือให้เปลืองแรง
“เป็นเพราะไม่มีเหตุอันใดให้รีบร้อนต่างหาก ข้ารู้ว่าภายในอาณาจักรสวรรค์มีอันตรายรออยู่หลายชั้นนัก ให้สํานักเบญจลักษณ์และสํานักเครื่องนิลที่มียอดฝีมือหลายรายลงไปเปิดเส้นทางก่อนคงเป็นการดีกว่า”
เยี่ยฉวนแตกต่างจากหลิวหง เขากล่าวจุดประสงค์ของตนอย่างตรงไปตรงมาบริเวณมุมปากยกยิ้มแฝงเลศนัย “แม่นางหลิวก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าบิดาของเจ้าถูกพลังลึกลับดูดกลืนจนหายเข้าไปในอาณาจักรสวรรค์ไม่ใช่รึ? เช่นนั้นเจ้าควรรีบลงไปค้นหาท่านก่อนใครเสียอีก! ท่านเจ้าสํานักอาจกําลังรอความช่วยเหลือจากเจ้า หาก ช้ากว่านี้ทุกอย่างคงสายเกินไปจนไม่อาจแก้ไข บุตรสาวเช่นเจ้าคง ไม่เพิกเฉยต่อชะตากรรมอันเลวร้ายของบิดาบังเกิดเกล้าหรอกจริง ไหม?!”
“กล้าดีอย่างไรจึงคิดวางอุบายสกปรกคิดว่าข้ารู้ไม่ทันงั้นรึ?!”
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มกว้าง ทว่าดวงตากลับฉายแววเย็นเยียบ
ฝาโลงศพหินซึ่งเป็นปากทางเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์กําลังจะเลื่อนปิดสนิทหากช้ากว่านี้พวกเขาอาจสูญเสียโอกาสอันดี แต่แม้สํานักหมอกเมฆาจะไม่ได้รับโอกาสนั้นก็ไม่เสียเปรียบใดๆทั้งสิ้นทว่าสํานักเบญจลักษณ์ซึ่งขาดเจ้าสํานักเสียเปรียบมากกว่า หลิวหงจะวางอุบายถ่วงเวลาเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!
ทันใดนั้นสีหน้าของหลิวหงพลันแปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือดแววตางดงามอ่อนแสงลงอย่างฉับพลัน
เดิมที่นางคิดทําเสแสร้งว่าตนทั้งไร้เดียงสาและเปราะบาง กิริยา มารยาทที่แสดงออกเต็มไปด้วยจริตอ่อนหวานเฉกเช่นสตรีเพศทั่วไปด้วยหวังให้เขาหลงใหลก่อนหน้านี้นางเคยพิสูจน์โดยการหลอกล่อศิษย์ยอดฝีมือหลายรายจนตกหลุมพรางมาแล้วนับไม่ถ้วนจึงเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าท้ายที่สุดมารยาหญิงจะทําให้ศิษย์พี่ใหญ่ แห่งสํานักหมอกเมฆายอมสยบลงแทบเท้าคําพูดฉอเลาะเพียงไม่กี่ ประโยคของนางอาจทําให้เยี่ยฉวนยอมสละทุกสิ่งและนําศิษย์ผู้ติดตามลงไปช่วยเปิดเส้นทางโดยง่าย ทว่าสิ่งที่นางคาดคิดกลับผิดถนัด…ชายหนุ่มไม่ตกหลุมพรางทั้งยังตอบกลับอย่างเจ็บแสบ!
คอมเม้นต์