Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 193 จัดมื้อใหญ่ให้เจ้า
Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์
ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 193 จัดมื้อใหญ่ให้เจ้า
บทที่ 193 จัดมื้อใหญ่ให้เจ้า
เยี่ยฉวนเร่งฝีเท้าเข้าไปในกลุ่มฝุ่นทรายที่ลอยคละคลุ้งในอากาศ
ใบมีดพลันส่องประกายวาววับท่ามกลางกลุ่มควัน!
เสียงครวญครางแผ่วเบาดังแว่วออกมา เยี่ยฉวนล่าถอยอย่าง รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้าและตีลังกาหยุดลงบนหินก้อนใหญ่
เลือดจากใบมีดคมกริบทั้งแปดในมือหยดลงบนก้อนหิน “อ่า…” กลุ่มควันสีดําจางๆ ระเหยขึ้นและมีหลุมลึกปรากฏบริเวณที่เลือด หยดลงไป…
เลือดบนใบมีดไม่ใช่ของเยี่ยฉวนหากแต่เป็นของอสรพิษครึ่งคน!
เยี่ยฉวนระบุตําแหน่งของอสรพิษครึ่งคนท่ามกลางฝนทรายที่ ลอยวนอยู่ในอากาศได้อย่างแม่นยําและใช้ใบมีดทั้งแปดฟาดฟันที่ งบาดแผลลึกไว้บนร่างมากมาย ทว่าทั้งร่างของชายหนุ่มก็ชุ่มโชกไป ด้วยพิษร้ายที่อีกฝ่ายพ่นใส่ทั้งยังมีรอยแผลฉกรรจ์บนมือขวาที่ถูกโจ มตีจนเป็นรู
การจู่โจมของสัตว์อสุรกายตนนี้แปลกประหลาดยิ่ง ปากของมัน สามารถพ่นพิษได้ อีกทั้งเลือดยังมีฤทธิ์เป็นพิษร้ายที่แม้แต่หินผาก็ ไม่อาจทนทานต่อการกัดกร่อนได้!
ฝุ่นควันที่มารวมตัวกันสลายไปตามสายลมยามค่ําคืนเผยให้เห็ นอสรพิษครึ่งคนที่อยู่ห่างออกไปราวหกเมตร มันเลื้อยขึ้นไปบ นก้อนหินใกล้เคียงตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบพลางจ้องมองเยี่ยฉวน ด้วยแววตาเย็นเยียบ ส่วนหัว ลําตัว และหางมีร่องรอยบาดเจ็บและ มีเลือดไหลตลอดเวลา เลือดของมันกัดเซาะโขดหินจนมีรูปร่างคด
เคี้ยวราวกับ
มนุษย์และอสรพิษกําลังประจันหน้ากันภายใต้แสงสลัวยามราต
ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับบาดเจ็บจากการปะทะตัวต่อตัวในครั้งแรก ใบมีดคมกริบผสานกับพลังเจ็ดหมื่นสองพันจินและเคล็ดวิชาคืบอ รุณที่เหมาะกับการต่อสู้ระยะประชิดนั้นว่องไวและดุดันเสียจนเกร าะหินหนาของอสรพิษครึ่งคนไม่อาจต้านทานได้ ขณะที่พิษร้ายและ วิธีการจู่โจมเฉพาะตัวของมันก็สร้างความประหลาดใจแก่เยี่ยฉวน เช่นกัน
อาการบาดเจ็บที่แขนขวายังคงลุกลามต่อเนื่อง เนื้อของเขา ค่อยๆ เน่าเปื่อยลงมิหนําซ้ําร่างกายซีกขวายังชาขึ้นทุกขณะ หาก เป็นเช่นนี้ต่อไปคงสูญเสียแขนขวาไปทั้งแขนเป็นแน่ การรอจัง หวะอย่างไร้ประโยชน์จึงไม่ใช่ทางเลือกหากแต่ต้องปิดฉากการต่ อสู้ครั้งนี้โดยเร็วที่สุด!
เยี่ยฉวนเผยสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อสถานการณ์กําลังเข้าตาจน!
อสูรหินตนนี้มีโลหิตและพลังชีวิตที่แตกต่างจากอสูรหินทั่วไปอ ย่างน่าเหลือเชื่อ นี่หรือคือวิถีแห่งมังกรปีศาจ?
เยี่ยฉวนสงบสติอารมณ์และพินิจดูอสรพิษครึ่งคนอย่างเงียบเชีย
อสูรร้ายก็ประเมินเยี่ยฉวนโดยไม่ขยับเขยื้อนอยู่ครู่ใหญ่ก่อนออก แรงที่ปลายหางและพุ่งเข้ามาฉับพลัน มันอ้าปากพ่นพิษร้ายที่ แปรเปลี่ยนเป็นหมอกพิษกระจายมาทางเขา
เยี่ยฉวนถอยหนีอย่างรวดเร็ว “ฟู!” หินก้อนที่ยืนปักหลักอยู่ เมื่อครู่ปล่อยกลุ่มควันหนาทึบออกมาหลังถูกพิษกัดกร่อนจนเป็นรู ลึกสามนิ้วราวกับถูกเซาะด้วยใบมีดคมกริบ!
“ฟอ!”
อสรพิษครึ่งคนชูคอขึ้นและพุ่งเข้ามาอย่างดุดันอีกครั้ง
เยี่ยฉวนหลบหลีกการโจมตีได้อีกหน บัดนี้ชายหนุ่มกําลังดู กอสรพิษไล่ล่าอยู่กลางปาหิน!
หากล่ออสรพิษครึ่งคนไปยังที่ที่หลิวหงและพรรคพวกซุ่มโจมตี อยู่ย่อมกําจัดมันได้ แต่แล้วเยี่ยฉวนก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป เขารู้ดีว่า หลิวหงจะชักแม่น้ําทั้งห้าเพื่อหาเหตุผลมาครอบครองสมบัติในร่าง ของมันแต่เพียงผู้เดียว และสุดท้ายเขาจะไม่ได้ผลประโยชน์ใดเลย แม้จะผ่านความยากลําบากมามากมายก็ตาม
เยี่ยฉวนกวาดตามองสภาพแวดล้อมโดยรอบขณะหลบหลีก
อาการบาดเจ็บที่แขนของเขาไม่สู้ดีนักและต้องได้รับการรักษา โดยเร็วที่สุด แต่อาการบาดเจ็บของอสรพิษครึ่งคนย่ําแย่ไม่แพ้กัน มันอาจตายจากการเสียเลือดหมดตัวก็ได้
ฉับพลันเกิดแสงสีครามสว่างวาบขึ้นท่ามกลางแสงสลัวยามราตรี ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรตัวหนึ่งปรากฏกายขึ้นบนก้อนหิน มันก้มหัวลง ต่ําเพื่อเล็งก่อนปล่อยลําแสงสีฟ้าใส่อสรพิษครึ่งคน!
ลําตัวยาวเกือบสิบเมตรของอสุรกายที่กําลังจู่โจมเยี่ยฉวนสั่น ไหวไปมาอย่างประหลาด แสงสีฟ้าพุ่งพลาดเป้าไปก่อ นอสรพิษครึ่งคนจะอ้าปากกลืนกินปีศาจวัวเข้าไปทั้งเป็น! เลือด ของปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรไหลรินลงมาตามมุมปาก ก่อนที่มันจะสะ บัดหางและพุ่งเข้าใส่เยี่ยฉวนอีกครั้ง
“เข้ามาอีกส!”
เยี่ยฉวนเรียกปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรออกมาอีกตัวเพื่อสกัดกั้นการ โจมตีจากอีกฝ่ายพลางล่าถอยอย่างต่อเนื่อง
ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรจะแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้ เมื่ออยู่รวมกันเป็นฝูง พลังการต่อสู้ตัวต่อตัวจึงต่ํามากและไม่ใช่คู่ แข่งที่สูสีกับอสรพิษครึ่งคนอย่างแน่นอน ปิศาจวัวคร่ําครวญอย่าง เศร้าโศกก่อนถูกกลืนลงท้องไปอีกตัว อสรพิษครึ่งคนเขมือบปีศาจ วัวเข้าไปตัวแล้วตัวเล่า อสูรหินประเภทนี้ช่างดุร้ายและน่าเกรง ขามอย่างหาที่เปรียบมิได้เมื่อเทียบกับสัตว์อสุรกายอื่นในดินแดนรก ร้าง
“ข้าจะจัดมื้อใหญ่ให้เจ้าเอง มา! เข้ามาอีก!”
เยี่ยฉวนกระโดดจากหินก้อนหนึ่งไปยังอีกก้อนหนึ่งพลางเรียก ปีศาจวัวออกมาอย่างต่อเนื่อง
เขาไม่ได้แสดงท่าที่โกรธเคืองที่เห็นบรรดาปีศาจวัวถูกจับกินเลย แม้แต่น้อย มิหนําซ้ํายังเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน
มนุษย์และงูกําลังไล่ล่ากันอย่างดุเดือด!
อสรพิษครึ่งคนยังคงไล่ตามอย่างดุร้ายขณะที่เยี่ยฉวนวิ่งหลบหลี กไปมา เขาไม่จู่โจมโดยตรงหากแต่เรียกปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรออกมา ที่ละตัวเพื่อขัดขวางมันเอาไว้และถูกกลืนกินจนหมดไม่เหลือแม้แต่ ตัวเดียว อสรพิษครึ่งคนนั้นแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ทว่ากลับ เคลื่อนไหวได้ช้าลงทุกขณะ ไม่ใช่เพียงเพราะเสียเลือดมากหากแต่ เป็นเพราะลําตัวของมันกําลังขยายออก!
การสวาปามปีศาจวัวเข้าไปเกือบโหลทําให้ท้องขอ งอสรพิษครึ่งคนใหญ่โตขึ้นถึงห้าเท่า มันเคลื่อนที่ช้าลงเรื่อยๆ จน แทบไม่สามารถกระโดดไปข้างหน้าได้อีก ทําได้เพียงเลื้อยไปมา อยู่บนพื้นเท่านั้น เยี่ยฉวนจึงจูงจมูกเจ้าสัตว์ร้ายไปรอบปาหินได้ อย่างง่ายดาย
เยี่ยฉวนเรียกปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรออกมาโดยไม่ได้คาดหวัง ให้มันสกัดกั้นหรือฆ่าอสรพิษครึ่งคน หากแต่จงใจให้มันถูกจับกิน เพื่อระเบิดท้องของอีกฝ่ายต่างหาก!
แผนการสังหารของเยี่ยฉวนกําลังแสดงผล
อสรพิษครึ่งคนมีทั้งสติปัญญาและความแข็งแกร่ง แต่กลับต้อง ตกหลุมพรางเมื่อกลืนกินปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรเข้าไปตามสัญชาต ญาณ ยิ่งกินเข้าไปมากเท่าใดความตายยิ่งใกล้เข้ามามากเท่านั้น ก ว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว เยี่ยฉวนล่อมันไปยังปาหินที่ ทึบเป็นพิเศษจนท้องอันใหญ่โตของมันติดอยู่ระหว่างซอกหินและ ไม่อาจขยับเขยื่อน
“ฟอ!”
อสรพิษครึ่งคนดิ้นรนสุดกําลัง มันใช้ส่วนหัวกระแทกเข้ากับโขด หินสูงราวแปดเมตรจนพลิกเพื่อฉวยโอกาสหนี จังหวะนั้นเองเศษหิ นที่แตกอยู่ใต้ร่างกลับระเบิดออกเมื่อเยี่ยฉวนปรากฏกายขึ้น!
จังหวะนี้ล่ะ!
ฆ่ามัน!
เยี่ยฉวนซ่อนตัวอยู่ใต้เศษหินเบื้องล่างซึ่งเป็นทางหนีเดียวของอ สรพิษครึ่งคนก่อนฉวยโอกาสโจมตีด้วยพละกําลังทั้งหมดที่มี เขาใช้ ใบมีดเพียงเล่มเดียวผ่าท้องของอสูรร้ายที่จวนระเบิด มันกลิ้งอยู่กับ พื้นครู่หนึ่งและแน่นิ่งไปในที่สุด
เยี่ยฉวนก้าวออกไปคลําภายในร่างของมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบ มนุษย์ร่างเล็กสีทองออกมา ดูเหมือนจะเป็นก้อนผลึกที่ใช้สําหรับ การขัดเกลาหากแต่แลดูราวกับมีชีวิต แตกต่างจากก้อนผลึกมนุษย์ ที่พบในร่างอสูรหินเศียรสุนัขและอสูรหินเศียรพยัคฆ์โดยสิ้นเชิง
คอมเม้นต์