Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 194 ผู้พิทักษ์อสรพิษปีศาจ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 194 ผู้พิทักษ์อสรพิษปีศาจ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 194 ผู้พิทักษ์อสรพิษปีศาจ

 

บทที่ 194 ผู้พิทักษ์อสรพิษปีศาจ

 

เยี่ยฉวนกระโดดขึ้นไปบนยอดหินพร้อมกับนั่งไขว่ห้าง เขาเริ่มตรวจสอบมนุษย์ร่างเล็กสีทองที่ค้นพบภายในร่างของอสรพิษครึ่งคนอย่างระมัดระวัง

 

ชายร่างเล็กนี้คล้ายกับมนุษย์ ไม่มีอักขระ ไม่มีลวดลายหรือเวทมนตร์ใด เมื่อสัมผัสจะรู้สึกอ่อนนุ่มราวกับเป็นเนื้อหนังของมนุษย์ แต่กลับไม่มีร่องรอยของชีวิตแม้แต่น้อย กลิ่นหอมเฉพาะตัวโชยมาแตะจมูกทำให้รูขุมขนของร่างกายพลันเปิดโล่งออกให้ความรู้สึกสบายยิ่ง กลิ่นนี้ไม่เหมือนกับกลิ่นเนื้อหนังแต่มันคล้ายกับกลิ่นหอมของผลไม้ซะมากกว่า

 

“แปลกจริง… มันคืออะไรกัน? เหมือนว่าเจ้าตัวประหลาดนี้ถูกผนึกไว้ภายในร่างของอสรพิษครึ่งคนตัวนี้!”

 

เยี่ยฉวนตกอยู่ในความสับสน ภพชาติที่แล้วเขามีประสบการณ์มากมายแต่ก็ไม่อาจมองหาจุดกำเนิดหรือความลับใดของมนุษย์ร่างเล็กสีทองนี้ได้เลย อย่างไรซะเขามั่นใจมากว่านี่จะต้องเป็นสมบัติที่หายากเนื่องจากโคมบงกชสีครามภายในร่างกายกำลังสั่นไหวอย่างไร้การควบคุม

 

“นายท่าน โปรดให้ข้าดูมันใกล้ๆ ได้หรือไม่?”

 

เสียงปีศาจเฒ่าเฮยกุ้ยดังก้องขึ้นในจิตใจของเยี่ยฉวน

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังของมนุษย์ร่างเล็กสีทองนี้ มันเริ่มไตร่ตรองและระลึกถึงความทรงจำที่อยู่ในอดีต ความตื่นเต้นพลันปรากฎแต่เมื่อยังไม่ได้ตรวจสอบโดยละเอียดจึงไม่กล้าที่จะยืนยันสิ่งใด

 

แสงสีฟ้าเปล่งประกายออกพร้อมกับตุ๊กตาหุ่นกระบอกปรากฏกายข้างเยี่ยฉวน

 

หากหลิวหงและคนอื่นๆ อยู่ที่นี่ พวกเขาอาจหวาดกลัวจนขนลุกกับภาพตรงหน้า ตุ๊กตาหุ่นสีทองยืนขึ้นพร้อมเหยียดมือออกไปคว้ามนุษย์ร่างเล็กสีทองมาจากมือของเยี่ยฉวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย ไม่ว่าจะโกรธหรือตื่นเต้น ใบหน้าของมันก็ยังคงเรียบเฉยราวกับตุ๊กตาธรรมดา ใบหน้าอวบอ้วนมีเพียงรอยยิ้มของเด็กชายตัวน้อยผู้ร่ำรวยเคลือบไว้เสมอ ทันใดนั้นเองแววตาของมันพลันเปล่งประกายออกเผยความยินดี มันตรวจสอบทุกสิ่งอย่างรอบคอบพร้อมกับเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

 

“มันคือผู้สืบทอดของสายพันธุ์ปีศาจ! ใช่แล้ว นี่คือผลึกโสม ปีศาจ!”

 

ปีศาจเฒ่าเฮยกุ้ยอุทานออกในขณะถือมนุษย์ร่างเล็กสีทองเอาไว้ เขาอธิบายต่ออย่างตื่นเต้น “นายท่าน! นี่คือผลึกโสมปีศาจ หากนำมันไปขัดเกลาย่อมมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการฝึกฝนอย่างน้อยหนึ่งพันปี นอกจากนี้ท่านอาจจะได้รับเศษเสี้ยวความทรงจำหรือเทคนิคของผู้สืบทอดอสูร รีบจัดการมันเร็วเข้า หากมันอยู่ภายนอกเป็นเวลานานความแข็งแกร่งของมันจะลดลง!”

 

“เฮยกุ้ย…. เจ้าแน่ใจงั้นหรือว่านี่เป็นสิ่งที่มาจากโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์?” เยี่ยฉวนถามออกพร้อมกับรับมนุษย์ร่างเล็กสีทองมาไว้ในมือ ชายหนุ่มยังคงลังเลและไม่กล้าทำทำสิ่งใดปุ่มบ่าม

 

“ข้ามั่นใจ มันมาจากโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์แน่นอน ข้าเคยเห็นมันครั้งหนึ่ง!”

 

ปีศาจเฒ่าเฮยกุ้ยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มกล่าวต่อ “เมื่อนานมาแล้ว… สมัยที่สำนักหุ่นเชิดของข้าอยู่ในยุครุ่งเรือง ข้าเคยเห็นมันครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นข้ายังเด็กมากและเป็นศิษย์ของจ้าวสำนักหุ่นเชิดเท่านั้น ข้าเดินทางไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสำนักหุ่นเชิดกับท่านอาจารย์เพื่อบูชาบรรพบุรุษ ที่นั่นข้าเห็นรูปเหมือนของบรรพบุรุษที่คล้ายกับมนุษย์ร่างเล็กสีทองตัวนี้ ท่านอาจารย์บอกกล่าวกับข้าว่านี่คือผลึกโสมปีศาจและเป็นบรรพบุรุษทำให้พวกเราค้นพบเคล็ดวิชาหุ่นกระบอกในตอนนั้น ตามตำนานเล่าว่าผู้เชี่ยวชาญสูงสุดของโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ใช้เคล็ดวิชาของปีศาจเพื่อผนึกรากฐานแห่งโชคชะตาและแก่นแท้โลหิตบริสุทธิ์เอาไว้ หลังจากที่มันได้ดูดซับพลังปราณทางโลกมานานหลายปีจึงก่อเกิดเป็นสิ่งนี้ขึ้น”

 

เฮยกุ้ยลดเสียงลงเล็กน้อย ความทรงจำเก่าๆ ที่เคยถูกฝุ่นเกาะเริ่มเด่นชัดขึ้นราวกับว่าเขาย้อนเวลากลับไปในวัยเด็กอีกครั้ง

 

“เคล็ดวิชาของปีศาจ… วิถีแห่งมังกรปีศาจ…”

 

เยี่ยฉวนบ่นพึมพำอยู่สักครู่ก่อนจะเริ่มขัดเขลามนุษย์ร่างเล็กสีทองตรงหน้าทันที

พลังยิ่งใหญ่ปะทุขึ้นในร่างกายของเยี่ยฉวนพร้อมกับเปล่งประกายสีทองเจิดจ้าออกมาราวกับผิวหนังทั้งหมดของเขาถูกเคลือบไว้ด้วยทองคำ มันขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างไม่รู้จบและเริ่มอาละวาดไปทั่วร่างกายจนในที่สุดจึงสงบลงที่ตันเถียนและควบแน่นเป็นยันต์กลืนกินสวรรค์ใบใหม่ ซึ่งยันต์ใบนี้รูปร่างคล้ายกับอสรพิษครึ่งคนมันคือยันต์อสรพิษครึ่งคน!

 

ความประหลาดใจก่อเกิดขึ้นแต่เขาไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบมันนัก แต่ด้วยพลังของเคล็ดวิชากลืนกินสวรรค์ทำให้เขาเริ่มดำดิ่งเข้าไปและเริ่มจดจำเคล็ดวิชาเฉพาะของยันต์ใบใหม่อย่างรวดเร็ว

 

เฮยกุ้ยซึ่งอยู่ด้านข้างพลันตกตะลึง ขากรรไกรของมันอ้าค้างและจิตใจสั่นไหวอย่างรุนแรง

 

ชายหนุ่มกำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เมื่อเขาเข้าใจถึงทักษะเฉพาะของมัน แสงสีทองทั้งหมดพลันดับวูบอย่างไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางลมหนาวร่างกายของเขาบิดเบี้ยวและเริ่มแปรสภาพเป็นสิ่งอื่น บางครั้งกลายเป็นพระโพธิสัตว์ บางครั้งกลายเป็นโครงกระดูกน่าหวาดหวั่นและบางครั้งกลายเป็นอสรพิษครึ่งคนที่มีแสงสีทองอร่ามปกคลุมร่างกายไว้ แต่ไม่ว่าเขาจะเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งใด แรงกดดันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายนั้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เฮยกุ้ยที่มีชีวิตมาเนิ่นนานอดไม่ได้ที่จะสะพรึงกลัว

 

เขาคนนี้ เป็นใครกันแน่? เขาเป็นเพียงศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักเท่านั้นจริงหรือ?

 

เฮยกุ้ยสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว ตอนนี้เขารู้สึกว่าเยี่ยฉวนนั้นอยู่ห่างไกลจากความอ่อนแอยิ่ง ทั้งหมดที่เขาถูกควบคุมโดยเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ความบังเอิญแต่เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว!

 

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เยี่ยฉวนที่เปลี่ยนร่างไปมาค่อยๆ กลับคืนสู่สภาวะปกติ พลังที่ผันผวนอย่างโกลาหลเริ่มสงบลง

 

“เคล็ดวิชาอสรพิษปีศาจ ผู้พิทักษ์อสรพิษปีศาจ… แก่นแท้โลหิตบริสุทธิ์ในวันนั้นกลายเป็นผู้พิทักษ์อสรพิษปีศาจในวันนี้”

 

เยี่ยฉวนลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้าพร้อมกับปรากฏพายุน้อยๆ กำลังหมุนวนอยู่บนปลายนิ้ว นอกจากนี้ยังมีใบหน้าของของอสรพิษครึ่งคนจางๆ อยู่ในนั้นด้วย ทั้งหมดนี่คือสัญลักษณ์ของอสรพิษครึ่งคนที่ถูกทิ้งไว้ เพียงเปาอย่างแผ่วเบาทุกอย่างก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

แน่นอนว่าสิ่งที่เฒ่าปีศาจเฮยกุ้ยพูดไม่ผิด การขัดเกลาผลึกโสมปีศาจเช่นนี้ทำให้เยี่ยฉวนสามารถสืบทอดเคล็ดวิชาอสรพิษปีศาจได้อย่างง่ายดาย มันคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับการอำพรางและลอบสังหาร อสรพิษครึ่งคนที่เขาพบเจอก่อนหน้านี้คือผู้พิทักษ์อสรพิษปีศาจ…

 

“นายท่าน… ท่านเลื่อนขั้นถึงระดับใดแล้ว?” เฮยกุ้ยกล่าวออกอย่างคาดหวัง สายตาของเขาจับจ้องเยี่ยฉวนอย่างไม่วางตา

 

ถ้าหากเป็นมันที่ได้ขัดเกลาผลึกโสมปีศาจจะวิเศษเพียงใด!?

 

ระดับการฝึกฝนคงก้าวกระโดดและได้สืบทอดเคล็ดวิชาที่อยู่ในโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้ อีกทั้งมันยังคาดหวังว่าจะสามารถสร้างร่างกายของมนุษย์ขึ้นมาใหม่และได้ออกจากร่างของหุ่นกระบอกตัวนี้

 

“ขั้นซิวฉือระดับที่สี่” เยี่ยฉวนตอบเสียงเรียบ

 

“อะไรกัน! ทะลวงได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นหรือ? เป็นไปได้อย่างไร?” ปีศาจเฒ่าเฮยกุ้ยร้องออกอย่างตื่นตระหนก

 

ผลึกโสมปีศาจคือสิ่งที่ถูกบ่มเพาะมานานนับพันปี ดังนั้นควรจะสามารถทะลวงผ่านได้ถึงสามระดับ หรือแม้แต่จะทะลวงสู่ขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าในคราวเดียวก็ยังไม่ยากเย็น เฮยกุ้ยคิดไตร่ตรองถึงความเป็นไปได้ สุดท้ายเขาได้แต่สับสนเพราะเยี่ยฉวนเพียงก้าวขึ้น หนึ่งระดับเท่านั้น จากขั้นซิวฉือระดับที่สามสู่ระดับสิ่งั้นหรือ?

 

“เท่านี้ก็ดีมากแล้วเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล หากข้าได้พบกับมนุษย์ร่างเล็กสีทองอีกครั้ง ข้าจะแบ่งมันให้เจ้า”

 

เยี่ยฉวนกล่าวออกมาอย่างสบายๆ เมื่อรับรู้ได้ถึงความปรารถนาของปีศาจเฒ่า จากนั้นเขาเพียงโบกมือแผ่วเบาเพื่อส่ง เฮยกุ้ยกลับสู่โคมบงกชสีคราม

 

เพียงแค่ชำเลืองมองเขาก็รู้แล้วว่าความปรารถนาของอีกฝ่ายคือ อะไรแต่สิ่งที่เขาต้องการนั้นเฮยกุ้ยไม่มีวันเข้าใจได้

 

ความแข็งแกร่งคือสิ่งสำคัญอย่างแท้จริง เขาพอใจที่จะรวบรวมยันต์กลืนกินสวรรค์ใบใหม่ไปเรื่อยๆ อย่างไรแล้วสำหรับเยี่ยฉวนนั้น… ระดับขั้นการฝึกฝนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย

 

เยี่ยฉวนลุกขึ้นยืนพร้อมถ่ายเทพลังไปที่ฝ่าเท้า หินหนาพลันแตกออกเกิดเป็นรอยร้าวขนาดใหญ่

 

เก้าหมื่นจิน!

 

ยันต์กลืนกินสวรรค์หนึ่งใบสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้หนึ่งหมื่นแปดพันจิน ตอนนี้เขาครอบครองพวกมันห้าใบ ความแข็งแกร่งนี้สร้างความประหลาดใจให้เขายิ่ง แล้วหากวันหนึ่งเขาสามารถรวบรวมยันต์กลืนกินสวรรค์ได้หนึ่งแสนแปดหมื่นใบตามที่เคล็ดวิชาได้บอกกล่าว ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงใดกัน?

 

เยี่ยฉวนเงยหน้าขึ้นพร้อมร้องคำรามออกอย่างยินดี เป้าหมายของเขายิ่งเด่นชัดขึ้นในทุกย่างก้าว!

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด