Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 202 กลัวว่าขาจะหักอีกข้าง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 202 กลัวว่าขาจะหักอีกข้าง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

Storm in the Wilderness – ขุนศึกสยบสวรรค์ ขุนศึกสยบสวรรค์ บทที่ 202 กลัวว่าขาจะหักอีกข้าง

 

บทที่ 202 กลัวว่าขาจะหักอีกข้าง

 

กลุ่มคนที่กำลังเร่งฝีเท้าอยู่ดึงดูดให้อสูรหินโดยรอบกรูเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

อสูรหินที่พยายามจะปิดกั้นเส้นทางถูกสังหารด้วยหมัดหนักของเยี่ยฉวน ตอนนี้ชายหนุ่มวิ่งนำอยู่ด้านหน้า ตามด้วยหลิวหง หนาซาน หนาสุยและโท่วปาเซียงเนียว ความแข็งแกร่งของเยี่ยฉวนสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้มากโข ทว่าพี่ใหญ่ลู่ที่อยู่ด้านหลังกลับแตกต่าง ในช่วงชุลมุนนี้อสูรหินกำลังไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งจำนวนของมันยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าใครได้พบเจอสถานการณ์เช่นนี้เป็นต้องอกสั่นขวัญแขวนไปทุกราย

 

ซ้ำยังมีเสียงนกคำรามดังมาจากข้างหลัง

 

วิหคทรราชย์คือผู้นำในการล่าทางอากาศ ปีกขนาดมหึมาของมันกางออกพร้อมกระพืออย่างอิสระ กรงเล็บของมันเอื้อมออกเพราะหมายปองร่างกายของพี่ใหญ่ลู่ ทว่าชายร่างใหญ่ตอบสนองอย่างรวดเร็วจึงสามารถหลบการโจมตีเมื่อครู่ได้ ทว่าในวินาทีถัดมาเขาไม่ได้โชคดีอีกต่อไป เพราะเนื้อที่ขาขวาถูกวิหคทรราชย์ฉีกขาดอย่างน่าสยดสยอง ความเร็วของเขาช้าลงทันที อีกทั้งยังมีอสูรหินจำนวนหนึ่งกำลังวิ่งไล่หลังมา ทั้งอสูรหินเศียรสุนัข อสูรหินเศียรพยัคฆ์และยังมีอสูรอื่นๆ ที่ซุ่มโจมตีอยู่ในน้ำ พวกมันล้วนแต่ดุร้ายไม่แพ้กัน หากพลาดพลั้งอีกคราคงไม่มีแม้แต่กระดูกให้ห่อกลับบ้าน

 

“แม่นางหลิวช่วยข้าด้วย แม่นางหลิว…”

 

พี่ใหญ่ลูกรีดร้องพร้อมคร่ำครวญหาหลิวหงอย่างขอความช่วยเหลือ เขาอยากจะวิ่งให้เร็วกว่านี้แต่ไม่อาจทำได้ ยิ่งมีการโจมตีของวิหคทรราชย์ในทุกด้านยิ่งทำให้ช้าลงมาก ชายร่างใหญ่ไม่มีพละกำลังมากพอที่จะฝ่าวงล้อมนี้ออกไปได้เลย

 

หลิวหงชะงักเล็กน้อยตามเสียงเรียก ทว่าเมื่อนางทราบสถานการณ์แล้วจึงเร่งบินต่อไปอย่างไม่แยแส

 

ก่อนหน้านี้นางเพียงต้องการดึงพี่ใหญ่ลุ่มาอยู่ฝั่งเดียวกันจึงออดอ้อนอีกฝ่ายด้วยเสียงหวานราวน้ำผึ้ง ซึ่งพี่ใหญ่สู่ตกหลุมพรางและลุ่มหลงในสตรีผู้นี้ทันทีแม้ไม่เคยแตะต้องแม้ปลายเส้นผม แต่ตอนนี้ป่าหมื่นอสูรพลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ยิ่งได้เห็นว่าพี่ใหญ่สู่ไร้ประโยชน์แล้วนางก็ยิ่งไม่แม้แต่จะชายตามอง

 

“ช่วยข้าด้วย ช่วยข้า…”

 

ยิ่งเห็นหลิวหงตีตัวออกห่างไปเท่าไหร่ พี่ใหญ่ลู่ก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น

 

ก่อนหน้านี้โท่วปาเซียงเพียวเตือนเขาแล้วว่าให้ระวังหลิวหงเอาไว้ เป็นไปได้อย่าเชื่อใจนางเด็ดขาด แต่เขาไม่ได้เก็บคำเตือนเหล่านั้นมาใส่ใจ ท้ายที่สุดเมื่อได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่ายเขากลับรู้สึกร้าวรานยิ่ง เมื่อนางพบเจอปัญหา เสียงหวานไพเราะมักจะมาออดอ้อนเขาอย่างเอาใจเพื่อสิ่งที่นางต้องการ แต่เมื่อเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย นางไม่แม้แต่จะชายตามองเขาสักนิด

 

สตรีผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว!

 

หัวใจของพี่ใหญ่สู่พลันชาวาบ แขนขาเริ่มแข็งที่อในขณะที่เจ็บแปลบที่หัวไหล่เนื่องจากถูกกรงเล็บของวิหคทรราชย์ฉีกเนื้อออกไป อสูรหินอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่เมตร ในเวลาคับขันเช่นนี้ต่อให้เขาถือค้อนหนักเอาไว้ก็ยังไม่อาจหนีรอดความตายได้ แล้วนับประสาอะไรกับมือเปล่า? ไม่ว่าจะหันหน้าหรือหลังก็เต็มไปด้วยฝูงอสูรร้าย

 

“พี่ใหญ่ล่จับไว้!”

 

ขณะที่กำลังหมดหวังและยอมรับชะตากรรม เขาได้ยินเสียงทุ่มพร้อมกับโซ่หนาปรากฏขึ้นตรงหน้า ชายร่างใหญ่คว้ามันไว้ตามสัญชาตยาน เยี่ยฉวนดึงร่างของพี่ใหญ่ลุ่มาไว้ข้างหน้าอย่างรวดเร็วส่วนอสูรหินที่อยู่ด้านหลังพลันคำรามออกเพราะโกรธาที่ไม่อาจโจมตีเหยื่อได้

 

หลิวหงเมินเฉยต่อเสียงร้องของพี่ใหญ่ลูโดยสมบูรณ์ ทว่าเยี่ยฉวนที่อยู่ข้างหน้าพลันตระหนักได้ถึงอันตราย ในช่วงวิกฤติเขากระชากพี่ใหญ่ล่ออกจากขอบเหวแห่งความตายได้ทันเวลา

 

“ขอบคุณ ขอบคุณยิ่งคุณชายเยี่ย!”

 

พี่ใหญ่สู่ที่เพิ่งรอดพ้นจากความตายพลันตื่นเต้นจนน้ำตานองหน้า เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าในวินาทีสุดท้ายชายที่ไม่เคยอ่อนโยนต่อผู้ใดจะช่วยเหลือเขาเอาไว้ ทั้งหมดควรจะเป็นหลิวหงทว่ากลับกลายเป็นเยี่ยฉวนที่เขาเคยเหยียดหยามอีกฝ่ายว่าระดับการฝึกนั้นต้อยต่ำ

 

“วิ่งให้เร็วกว่านี้ห้ามทิ้งห่างกลุ่มเด็ดขาด!”

 

เยี่ยฉวนตบไหล่ของพี่ใหญ่ลู่พร้อมกับวิ่งนำหน้าอีกครั้งพร้อมปลดปล่อยหมัดทรงพลังเมื่อวิหคทรราชย์โฉบเข้ามาใกล้

 

ก่อนหน้านี้พลังของเยี่ยฉวนรุนแรงและสร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคน ทว่าในขณะนี้มันกลับกลายเป็นท่วงทำนองแสนไพเราะที่ทุกคนต้องการจะดื่มด่ พลังอันแข็งแกร่งเปิดเส้นทางด้านหน้าให้กับทุกคน ในคราวที่พี่ใหญ่ลู่ล้มลงนั้นโท่วปาเซียงเนียวแทบจะหมดสติเพราะตื่นตระหนกกับอสูรหินที่ไล่ตามหลัง ทว่าหลังจากเห็นเขาปลอดภัย นางจึงกลับมาวิ่งต่ออีกครั้ง

 

ตึง! ตึง! อึ้ง! ถึง! อึ้ง! ถึง!

 

พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและทรงพลัง ราวกับว่ามันมาจากเส้นขอบฟ้าอันไกลโพ้น อีกทั้งยังรู้สึกว่ามันดังขึ้นจากส่วนลึกของใต้ดินอีกด้วย

 

หมอกสีเทาลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ อสูรหินที่วิ่งไปมาก็มากขึ้น พวกมันพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด ทั้งหมดกำลังไล่ตามกลุ่มของเยี่ยฉวน หากมองจากยอดเขาสูงจะพบว่าอสูรหินทุกชนิดกำลังพุ่งเข้าหาพวกเขาจากทุกทิศทาง

 

เยี่ยฉวนเร่งความเร็วอีกครั้งราวกับพายุไซโคลน เขากำลังพาทุกคนมุ่งหน้าออกจากปาหมื่นอสูร

 

ระหว่างทางเขาตัดศีรษะของอสูรหินไปแล้วไม่รู้กี่ตัว บางครั้งสมบัติก็ระเบิดออกมาจากร่างของอสูรร้ายเหล่านี้ทว่าพวกเขากลับไม่มีเวลาที่จะสนใจพวกมันเลยแม้แต่น้อย ทุกคนใช้พลังทั้งหมดเพื่อออกวิ่งอย่างสุดชีวิต

 

บางที่พี่ใหญ่ลู่อาจรู้สึกได้ว่าการวิ่งตามหลังนั้นหมายถึงความตาย หรือบางที่อาจเป็นเพราะการล้มเมื่อครู่ทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มสูงขึ้นมาก ขณะนี้พี่ใหญ่ลู่วิ่งอยู่ใกล้ๆ กับโท่วปาเซียงเพียว ผ่านไปสักระยะหนึ่งหนาสู่ยล้มลงเช่นกัน เขาใช้พลังเกินขีดความสามารถของตัวเองเนื่องจากเหลือขาเพียงข้างเดียว นอกจากนี้อาการบาดเจ็บสาหัสก่อนหน้ายังไม่หายดี ดังนั้นแม้ว่าจะใช้กระบี่บินก็ไม่อาจตามกลุ่มได้ทัน ในที่สุดเขาก็ล้มลงและถูกทิ้งไว้ข้างหลัง อสูรหินจำนวนมหาศาลกรูกันเข้ามาล้อมชายขาเดียวเอาไว้จากทุกทิศทางทันที

 

“พี่ใหญ่ช่วยข้าด้วย ศิษย์พี่หญิงใหญ่ช่วยข้าที ศิษย์พี่ หญิงใหญ่”

 

ยิ่งอสูรหินรุมล้อมเข้ามาเรื่อยๆ หนาสุยยิ่งกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือด เขาตะโกนจนน้ำเสียงแหบพร่า “ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่อยากถูกอสูรหินฆ่าตาย!” ไม่ว่าใครก็ตามไม่ต้องการที่จะมองอสูรหินค่อยๆ ฉีกร่างกายตนเองออกเป็นพันหมื่นชิ้น!

 

“น้องรอง…”

 

หนาซานแห่งสำนักเบญจลักษณ์หันกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมกับเห็นว่าหนาสู่ยถูกอสูรหินล้อมเอาไว้โดยสมบูรณ์ เขากรีดร้องออกและต้องการวิ่งกลับไปช่วยพี่น้องของตนทันที ทว่าในขณะนั้นกลับมีมือหนึ่งกดลงบนไหล่อย่างกระทันหัน

 

“หยุด! มันสายไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถช่วยเขาได้”

 

หลิวหงกล่าวออกอย่างเฉยเมยในขณะที่เอื้อมมือไปกดไหล่หนาซานเอาไว้ ตอนนี้นางสูญเสียหนาสู่ยไปแล้วจึงไม่ต้องการจะเสียใครอีก หลังจากได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาขนนกปักษาสีครามความเร็วของนางเพิ่มขึ้นมาก แม้ว่าจะไม่ใช้กระบี่บิน นางก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเยี่ยฉวนเลย แต่อย่างไรซะตอนนี้นางไม่มีความตั้งใจที่จะ ช่วยหนาสุยไม่มีแม้เจตนาแห่งความเมตตาแม้สักนิด

 

“ศิษย์พี่หญิงใหญ่ เขาเป็นน้องชายของข้า เขาเป็นน้องชายแท้ๆ ของข้า!”

 

หนาซานคำรามออกอย่างความเจ็บปวด

 

หลิวหงตื่นตระหนกในทันที โดยปกติแล้วหนาซานจะเคารพและไม่เคยดื้อรั้นกับนาง แต่ในเวลานี้หนาซานที่เคยอ่อนโยนราวกับแกะน้อยกลับกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายที่กำลังดุด่านางงั้นหรือ?

 

“อ๊าก ช่วยข้าด้วย พี่ใหญ่! ช่วยข้าด้วย ศิษย์พี่หญิงใหญ่ช่วยข้าด้วย…”

 

หนาสู่ยกรีดร้องออกในขณะที่เจ็บปวดจนเกินจะแบกรับ ตอนนี้ขาของเขากำลังจะถูกอสูรหินกัดลง เสียงร้องดังออกอย่างหวาดหวั่น ไม่ว่าจะทิศไหนก็มีเพียงอสูรหินที่ล้อมรอบเอาไว้

 

“ไอ้โง่! ตอนนี้แกบินขึ้นฟ้าไม่ได้ อีกทั้งยังวิ่งบนพื้นไม่ได้ ทำไมไม่ลงไปอยู่ใต้ดินซะล่ะ?!”

 

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหูของหนาสู่ย ยิ่งไปกว่านั้นอสูรหินที่อยู่ใกล้พลันระเบิดออกอย่างรุนแรง ร่างหนึ่งโผล่พ้นพื้นดินขึ้นมาจากนั้นเขาทุบศีรษะของอสูรหินอย่างแรงเพื่อดึงร่างของหนาสู่ยออกมาเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นเขาผลักหนาสู่ยลงไปใต้ดินพร้อมกับออกวิ่งไปด้านหน้าเช่นเคย

 

เป็นอีกครั้งที่เยี่ยฉวนเคลื่อนไหว เขามุดดินเพื่อช่วยเหลือหนาสุยแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ค่อยพอใจชายขาด้วนคนนี้เท่าไหร่ แต่ในช่วงเวลาเช่นนี้เขาก็ยังเลือกที่จะช่วยเหลือ

 

เป็นเขางั้นหรือ?

 

เป็นเยี่ยฉวนที่มาช่วยข้าไว้งั้นหรือ?

 

หนาสู่ยรู้สึกว่าสิ่งนี้ยากที่จะเชื่อถือ หลังจากนั้นน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองอย่างละอายใจ มือใหญ่ปิดใบหน้าไว้ราวกับไม่ต้องการเผยมันให้ผู้ใดเห็น

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด