Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 227 ไผ่สายหมอก

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 227 ไผ่สายหมอก อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 227 ไผ่สายหมอก

จอมยุทธ์อิสระขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋สามคนไปถึงแท่นบูชาในเวลาไล่เลี่ยกันแต่แทนที่จะร่วมแรงทำลายอาณาเขตโลงศพหินกลับชักกระบองมาฟาดฟันกันเอง

เมื่อขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทุกคนย่อมต้องการถือสิทธิ์ครอบครองแต่เพียงผู้เดียวใครเล่าจะเต็มใจแบ่งปันกับผู้อื่น?

วินาทีนี้มนุษย์ต่างเผยความต่ำช้าน่ารังเกียจในจิตใจออกมาอย่างไม่มีปิดบัง

จอมยุทธ์อิสระสองในสามคนพลันล้มลงด้วยอาการสาหัสปางตายจอมยุทธ์ผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวไม่ได้เอาชนะด้วยโชคหากแต่เอาชนะด้วยเล่ห์กลเขาจงใจชะลอฝีเท้าตามหลังจอมยุทธ์อีกสองคนขณะพุ่งไปยังแท่นหินเพื่อฉวยโอกาสจู่โจมจากด้านหลังโดยที่อีกฝ่ายไม่อาจโต้กลับได้

บ่อยครั้งที่ผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายไม่ได้พึ่งพาความแข็งแกร่งโชคลาภและความดีงามหากแต่เป็นความชั่วช้เลวทรามดังคำกล่าวที่ว่าคนดีมักอายุสั้นขณะที่คนชั่วรอดพ้นจากภัยพิบัติมานับสหัสวรรษหากไร้ความโหดเหี้ยมอำมหิตในจิตใจจะมีชีวิตรอดท่ามกลางหมู่มารได้อย่างไร?

“ฮ่าๆๆขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ต้องเป็นของข้า!”

จอมยุทธ์ผู้รอดชีวิตหัวเราะสุดเสียงเขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีจมูกลุ้มดจนกอินทรีใบหน้ายาวเหมือนม้าแลดูฉลาดและโหดเหี้ยมแววตาทอประกายด้วยความละโมบบทเรียนที่ได้เห็นจากชายคนก่อนหน้าทำให้เขาไม่นุ่มบ่ามพุ่งเข้าใส่หากแต่เตะร่างของจอมยุทธ์อิสระคนหนึ่งกระเด็นไปทางโลงศพหินแทน

หมอกพิษรอบโลงศพหินพวยพุ่งออกมาเปลี่ยนจอมยุทธ์ไร้สำนักที่เพิ่งหมดลมหายใจเฮือกสุดท้ายให้กลายเป็นโครงกระดูกทันทีแรงกระแทกทำให้ฝาโลงขยับไปราวครึ่งนิ้วพร้อมแรงสั่นสะเทือนที่หนักหน่วงขึ้น

จากนั้นชายจมูกตุ้มจึงเตะร่างของจอมยุทธ์อีกคนตามไปติดๆ

“ตึง!” ฝาโลงเปิดกว้างขึ้นอีกจนแสงสีเขียวเล็ดลอดออกมาจากภายในช่องว่างที่เปิดอยู่เผยให้เห็นพืชความสูงสามเมตรละม้ายคล้ายต้นไผ่มันมีสีเขียวสดราวกับทำมาจากก้อนผลึกสีเขียวกิ่งก้านและใบเปล่งประกายอย่างมีชีวิตชีวา

นั่นมันอะไรกัน?

ต้นไผ่งั้นหรือ?

ผู้คนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกผู้ใดจะคาดคิดว่าขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์คือต้นไผ่?!

“บุก!”

“หลีกไปให้หมด!สมบัติต้องเป็นของข้า!”

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามีผู้ตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยการพุ่งไปยังแท่นบูชาทันที

มู่หรงซุ้ยเฟิงไม่เอ่ยคำใดตอนนี้เขาไม่มีเวลาไล่ฆ่าเยี่ยฉวนอีกต่อไปชายหนุ่มหันกลับมาและเร่งรุดไปยังแท่นบูชาที่สุดโถงทางเดินทันที

“นายน้อยมู่หรง!นายน้อยมู่หรง…”หลิวหงกระทีบเท้าพลางจ้องเขม็งไปทางเยี่ยฉวนอย่างดุดันก่อนจะยอมตามหลังมู่หรงซุ้ยเฟิงไปนี่เป็นโอกาสเหมาะที่จะสังหารเยี่ยฉวนแต่กลับทำไม่สำเร็จจึงทำให้นางอุ่นเคืองใจมิใช่น้อย!

ชายจมูกอุ้มได้สติและรีบกระโจนไปข้างหน้าพร์อมเอื้อมมือไปยังต้นไผ่สีเขียวหมายจะฉกฉวยมาเป็นคนแรก

ทว่าหมอกพิษที่ปกคลุมโลงหินกลับพวยพุ่งขึ้นอีกครั้งและเข้าปกคลุมร่างของเขาทันทีจอมยุทธ์อิสระที่รอดพ้นจากการทำนั่นเมื่อครู่กรีดร้องอย่างน่าสยดสยองหมอกพิษกัดกร่อนเลือดเนื้อของเขาลึกลงไปทีละนิ้วจนตายตกไปในที่สุดวาระสุดท้ายของเขาเลวร้ายกว่าจอมยุทธ์ไร้สำนักสองคนก่อนหน้าเสียอีก!

ทว่าภาพอันน่าสะพรึงกลัวไม่ได้ทำให้ผู้คนหวาดกลัวและถอยหนีมิหนำซ้ำยังพากันมุ่งไปทางแท่นบูชามากขึ้นเรื่อยๆสมบัติที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้ฝูงชนเสียสติจนไม่คำนึงถึงความเป็นความตายบ้างมั่นใจในความทนทานของร่างกายตนเองบ้างพบเชือกที่มีขอเกี่ยวตรงปลายจากที่ใดมิอาจทราบบ้างกวัดแกว่งกระบี่บินโจมตีโลงศพหินโดยตรงเพื่อทำลายอาณาเขตหมอกพิษต่างคนต่างแสดงฝีมืออันน่าทิ้งเพื่อหาวิธีนำสมบัติภายในโลงหินออกมาจากระยะไกล

มู่หรงซุ้ยเฟิงก็พุ่งตัวไปข้างหน้าเช่นกันด้านโทวป่าเซียงและเฟิงเหรินเองก็ไม่ได้รีรอแต่อย่างใดบริเวณแท่นบูชาจึงเต็มไปด้วยความโกลาหล

ทว่าเยี่ยฉวนกลับไม่ได้กระโจนเข้าไปและเฝ้ามองอย่างใจเย็นแววตาของเขาทอประกายร้อนแรงทันทีที่เห็นหน่อไผ่ในโลงหินชายหนุ่มพึมพำแผ่วเบาในลำคอ“ไผ่สายหมอกนั่นคือไผ่สายหมอกอันเก่าแก่ในตำนาน…”

ผู้คนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นหน่อไผ่สีเขียวสดทว่าเยี่ยฉวนกลับรู้สึกตื่นเต้นเมื่อหวนนึกถึงชิ้นส่วนความทรงจำเก่าคร่ำคร่าจนฝุ่นจับ

ไผ่สายหมอกเป็นวัตถุวิญญาณเก่าแก่ในตำนานเช่นเดียวกับเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ในยามกลางวันจะปล่อยพลังชีวิตมหาศาลที่ทำให้ดวงจิตของผู้คนสดชื่นและมีฤทธิ์ทำให้ผลลัพธ์จากการฝึกตนเพิ่มขึ้นเท่าตัวด้วยความพยายามเพียงครึ่งเดียวทว่าในยามค่ำคืนในที่มืดสลัวหรือในสถานการณ์พิเศษบางอย่างจะปล่อยหมอกพิษรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนอย่างคาดไม่ถึง

ว่ากันว่าเมื่อผสมใบไผ่เข้ากับหยาดน้ำค้างที่เก็บจากใบไผ่จะสามารถกลั่นหมอกน้ำเมาหรือโอสถหมอกไผ่ได้ท่อนหนึ่งของบทกวีโบราณในทวีปอัคคีสวรรค์กล่าวไว้ว่า“อย่าร้องขอความรุ่งโรจน์อย่าร้องขอความเป็นอมตะจงร้องขอเพียงท่อลำเลียงสายหมอกในต้นไผ่สายหมอกในต้นไผ่นี้ถูกเรียกขานว่าหมอกไผ่เพียงแต่ทุกวันนี้ไม่มีผู้ใดรู้ความหมายที่แท้จริงของมัน

“ไผ่สายหมอกต้องเป็นของข้า!”เยี่ยฉวนยืนนิ่งไม่ไหวติงแววตาของเขาเปล่งประกายขึ้นเรื่อยๆโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตน

สมบัติและเคล็ดวิชาการฝึกตนขั้นเทวาลัยทั่วไปนั้นอยู่นอกสายตาของเขามาโดยตลอดแต่หน่อไผ่สีเขียวในโลงศพหินทำให้เขาคึกคักขึ้นมาทันใดหากได้ครอบครองสิ่งนี้พร้อมกับเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์เยี่ยฉวนจะมีวัตถุวิญญาณเก่าแก่ที่แท้จริงถึงสองชิ้นแม้ในตอนนี้จะยังไม่เห็นประโยชน์ของมันแต่เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวย่อมให้ผลตอบแทนมากมายเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน!

“ศิษย์พี่ใหญ่เจ้าว่าอย่างไรนะ?”

จซื้อเจียรีบเข้ามาช่วยพันแผลให้เยี่ยฉวนดวงตาของนางแดง…เมื่อเห็นเนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเปื้อนเลือดนางไม่ต้องการสมบัติใด…ไม่ต้องการแม้แต่ขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ตราบใดที่เยี่ยฉวนปลอดภัยนางก็พึงพอใจแล้ว“ศิษย์พี่ใหญ่ไปกันเถอะฉวยโอกาสในช่วงชุลมุนนี้หนีไปเร็วเข้า!”

จซื้อเจียผู้กล้าหาญและไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดไม่ว่าสวรรค์หรือพื้นพิภพกลับหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆนางกลัวเหลือเกินว่ามู่หรงซุ้ยเฟิงจะกลับมาสังหารเยี่ยฉวนใบมีดระดับสวรรค์ของอีกฝ่ายนั้นคมกริบอย่างหาที่เปรียบมิได้

“จากไปตอนนี้จะไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ?ขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์..”เจ้าอ้วนกระซิบ

เมื่อครู่เขายังร้อนรนอยากหนีไปจากพระราชวังแห่งนี้ใจแทบขาดแต่เมื่อได้เห็นต้นไผ่สีเขียวในโลงหินกลับลังเลที่จะจากไป

“ไม่น่าเสียดายหรอกเจ้าอ้วนเราจะหนีไปก่อนเจ้าเชิญอยู่ที่นี่ต่อได้เลยหากไม่ได้สิ่งใดติดมือกลับมาก็อย่าโผล่มาที่สำนักหมอกเมฆาอีกพวกข้าจะรอเจ้าอยู่ด้านนอกอาณาจักรสวรรค์เอง”เยี่ยฉวนกล่าวออกพลางยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มยียวน

เนื้อกายอ้วนท้วนของเจ้าอ้วนสั่นระริกขณะกล่าวตอบทันควัน“ไปกันเถอะขอรับประเดี๋ยวนี้เลยศิษย์พี่ใหญ่ไปจากที่นี่เร็วเข้า!”

แข้งขาของเจ้าอ้วนอ่อนแรงทันทีที่นึกถึงความแข็งแกร่งของมู่หรงจุยเฟิงเขาเริ่มออกวิ่งไปทางประตูวังแต่ออกตัวไปได้ไม่กี่ก้าวกลับพบว่าเยี่ยนวนยังคงยืนเฉย

“เจียเจียเจ้าและเจ้าอ้วนหนีไปก่อนเสีย”เยี่ยฉวนหุบยิ้มและออกคำสั่งด้วยท่าที่จริงจัง

“ศิษย์พี่ใหญ่แล้วเจ้าล่ะ?”จซื้อเจียเข้าใจเจตนาของเยี่ยฉวนแต่นางอดไม่ได้ที่จะอ้อนวอนให้เขาหนีไปด้วยกัน

“ข้าไม่มีทางกลับสำนักหมอกเมฆาโดยไม่มีของในโลงหินนั่นติดมือกลับไปแน่เจ้าสองคนหนีไปซะเร็วเข้า!”เยี่ยฉวนโบกมือก่อนนำเตาหลอมระดับสวรรค์ออกมา

ในการเผชิญหน้ากับมู่หรงซุ้ยเฟิงก่อนหน้านี้เขาเพียงแค่หลบหลีกการโจมตีรุนแรงจากอีกฝ่ายโดยไม่ได้นำเตาหลอมระดับสวรรค์ออกมาแต่บัดนี้เขาพร้อมเดิมพันทุกสิ่งเพื่อไผ่สายหมอกในโลงศพหิน!

“เข้าใจแล้วพวกเราจะรอเจ้าอยู่ข้างนอกศิษย์พี่ใหญ่เจ้าต้องเอาชีวิตรอดกลับมาให้ได้ข้าจะรอ!”

จซื้อเจียขบกรามแน่นขณะหันหลังจากไปอย่างแน่วแน่เมื่อเห็นว่าเยี่ยฉวนได้ตัดสินใจไปแล้วจากนี้นางทำได้เพียงภาวนาให้เขาปลอดภัยอย่างเงียบเชียบเท่านั้น

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด