Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 229 ค่ายกลอันเรียบง่ายแต่ทรงพลังยิ่ง!

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 229 ค่ายกลอันเรียบง่ายแต่ทรงพลังยิ่ง! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 229 ค่ายกลอันเรียบง่ายแต่ทรงพลังยิ่ง!

“ฮ่าๆๆรอข้ามานานแล้วงั้นหรือ?คิดจะมาขวางทางเพื่อชิงสมบัติไปจากมือข้า…เจ้ามีปัญญาพอร์ไอ้หนู?ฮ่าๆๆ”

มู่หรงซุ้ยเฟิงระเบิดหัวเราะลั่นจนน้ำตาแทบไหล

คาดไม่ถึงจริงๆ!

ความแข็งแกร่งของเขาทวีคูณขึ้นหลังกลืนกินยาเม็ดหยวนหยางเข้าไปจึงสังหารเหล่ายอดฝีมือบนแท่นบูชาได้มากมายอีกทั้งยังไม่มีผู้ใดต้านทานใบมีดระดับสวรรค์ของเขาได้แม้แต่โท่วป่าเซียงและเฟิงเหรินทว่าเยี่ยฉวนที่อยู่เพียงขั้นซิวฉือระดับห้าอันต่ำต้อยกลับบังอาจเข้ามาขวางทางจะไม่เป็นการรนหาที่ตายเสียเปล่าหรือไร?

จัยเฟิงแสยะยิ้มเย็นชาก่อนพุ่งเข้าหาเยี่ยฉวนอย่างดุดัน“ไอ้หนูไม่อยากมีชีวิตอยู่ถึงเพียงนั้นเลยรึ?ได้คุณชายผู้นี้จะช่วยให้เจ้าได้สมปรารถนาเอง!”

“ไม่เดินบนทางสวรรค์แต่กลับยืนกรานจะวิ่งไปสู่ประตูนรกคุณชายเยี่ยครั้งนี้ข้าไม่ได้เป็นฝ่ายอยากฆ่าท่านแต่เป็นท่านที่เอาชีวิตมาทิ้งถึงที่เสียเองฮ่าๆๆ”

หลิวหงแผดเสียงหัวเราะขณะตามหลังทหารอารักขาทั้งสิบสองที่วิ่งตามจุยเฟิงไป

ยิ่งมู่หรงซุ้ยเฟิงแข็งแกร่งมากเท่าใดนางยิ่งทิ้งพอใจมากเท่านั้น

เป็นการยากที่จะเจออัจฉริยะที่ยังหนุ่มแน่นอนาคตไกลและมีชาติตระกูลอันยิ่งใหญ่อีกทั้งยังเป็นนักปราชญ์ที่สง่างามและกล้าหาญนางจะกอดต้นขานี้ไม่มีวันปล่อยเป็นแน่

หลิวหงที่เติบโตขึ้นในเทือกเขาหมอกเมฆามาโดยตลอดชักเบื่อที่แห่งนี้เต็มทนหากนางสามารถชิงอำนาจปกครองสำนักเบญจลักษณ์มาได้ย่อมเป็นการดีที่สุดแต่การตามมู่หรงซุ้ยเฟิงกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อผจญโลกใหม่ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวร้ายต่อให้เกิดอะไรขึ้นในเมืองหลวงนางก็ยังสามารถใช้พลังของมู่หรงซุ้ยเฟิงกลับมารวมสำนักเบญจลักษณ์และกำจัดผู้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังได้

ทันใดนั้นหมอกสีขาวเข้าปกคลุมกลุ่มของมู่หรงจุ้ยเฟิงพวกเขารู้สึกหนักอึ้งราวกับถูกกดทับด้วยภูเขาที่มองไม่เห็น

ความเร็วของจุยเฟิงนั้นน่าทิ้งใบมีดระดับสวรรค์ในมือของชายหนุ่มปรากฏตรงหน้าเยี่ยฉวนฉับพลันทว่าม่านหมอกหนาทึบกลับเข้าห่อหุ้มเยี่ยฉวนที่กำลังจะถูกฟันขาดครึ่งท่อนและหายวับไปในชั่วพริบตา!

“ระวังมีการซุ่มโจมตี!”

หลิวหงที่เดินอยู่ท้ายแถวกรีดร้องขึ้นฉับพลันเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายใหญ่หลวง

นางรู้จักความร้ายกาจของเยี่ยฉวนดีเขาซ่อนเร้นพลังที่แท้จริงเอาไว้ภายใต้ขั้นการฝึกตนอันต่ำต้อยกลอุบายของเขาเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้แม้แต่ดวงวิญญาณเก่าแก่อายุหลายพันปีก็ยังไม่อาจเทียบชั้น

“อิ่ม…อย่าเปลี่ยนทิศทาง!ตามข้ามาและมุ่งไปข้างหน้า!”

มู่หรงซุ้ยเฟิงพ่นลมหายใจเย็นเยียบเขาจะมองเห็นการซุ่มโจมตีของเยี่ยฉวนในหมอกหนาเช่นนี้ได้อย่างไร?หมอกลงหนาขึ้นเรื่อยๆขณะที่กองทัพเบื้องหลังใกล้เข้ามาทุกขณะเขาจึงไม่อยากเข้าไปพัวพันกับเยี่ยฉวนในตอนนี้และต้องการมุ่งตรงไปยังทางออกโดยเร็วที่สุดแม้จะมีเยี่ยฉวนสักสิบคนก็ไม่อาจสังหารเขาได้แต่การที่ต้องติดแหงกอยู่ในสถานที่แห่งนี้นานเกินไปอาจทำให้ยาเม็ดหยวนหยางอ่อนฤทธิ์และทำให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงอีกครั้งถึงตอนนั้นการโจมตีร่วมกันจากโท่วป่าเซียงเฟิงเหรินและคนอื่นๆอาจทำให้ชายหนุ่มตกที่นั่งลำบากได้

ฉับพลันเกิดแสงสลัวขึ้นท่ามกลางหมอกหนาที่บราวกับตะเกียงน้ำมันริบหรี่ที่ส่องทาง

มู่หรงซุ้ยเฟิงและคนอื่นๆที่กำลังกัดฟันพุ่งไปข้างหน้าพากันหยุดชะงักก่อนจัยเพิ่งจะกรีดร้องขึ้น“ระวัง!นั่นไม่ใช่ตะเกียงน้ำมัน!”

“ปิ้ว! ปิ้ว! ปิ้ว!”เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อลำแสงนับไม่ถ้วนพุ่งแหวกอากาศมาทางพวกเขา!

ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรที่เตรียมจัดกระบวนทัพเป็นระเบียบไว้นานแล้วเปิดฉากโจมตีโดยมีมู่หรงจุ้ยเฟิงและพรรคพวกเป็นเป้าหมาย!

จุยเฟิงใช้ใบมีดระดับสวรรค์สกัดกั้นลำแสงเหล่านั้นขณะที่ร่างสง่างามของหลิวหงหลบหลีกอย่างพลิ้วไหวด้วยเคล็ดวิชาขนปักษาสีครามส่วนทหารอารักขาทั้งสิบสองนั้นไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ด้วยชุดเกราะและขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับหนึ่งทำให้พวกเขายังยืนหยัดอยู่ได้

ไม่มีผู้ใดในกลุ่มของจัยเฟิงที่ล้มลงหลังการโจมตีรุนแรงด้วยลำแสงพลังของปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรนั้นน่าเกรงขามแต่ยังไม่เพียงพอที่จะต่อกรกับยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ได้

“ฮ่าๆๆไอ้เด็กเหลือขอได้เท่านี้เองหรือ?!เข้ามา!แน่จริงก็เข้ามา!ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายในดาบเดียว!”

มู่หรงซุ้ยเฟิงระเบิดหัวเราะลั่น

ชายหนุ่มต้องเผชิญหน้ากับการซุ่มโจมตีที่มองไม่เห็นแต่ตราบใดที่แข็งแกร่งเพียงพอก็ไม่มีใครหน้าไหนมาขวางทางเขาได้!

“นี่แค่เรียกน้ำย่อยเท่านั้นนายน้อยมู่หรงยินดีต้อนรับสู่ค่ายกลพยับหมอกเพลิงเปลวไฟอันโชติช่วงและหมอกหนาทึบจงออกมายินดีต้อนรับพวกเจ้าสู่มื้ออาหารเลิศหรู!”เสียงของเยี่ยฉวนดังกังวานขึ้นแต่กลับมองไม่เห็นตัวแววตาของจุยเฟิงทอประกายมุ่งร้ายใบมีดระดับสวรรค์ในมือส่องประกายราวกับน้ำค้างแข็งแต่เขาไม่รู้ตำแหน่งของเยี่ยฉวนแน่ชัดจึงไม่สามารถโจมตีได้

“ฮ่าๆๆค่ายกลพยับหมอกเพลิงงั้นหรือ?ไม่ออนหัดไปหน่อยหรือไอ้หนู?ค่ายกลพรรค์นี้คิดว่า..”จัยเฟิงหัวเราะเยาะค่ายกลพยับหมอกเพลิงเป็นค่ายกลง่ายๆที่พบได้ทั่วไปและไม่อาจทำอันตรายทหารอารักขาหญิงของเขาได้แม้แต่คนเดียว

“ปิ้ว!”

ก่อนที่มู่หรงซุ้ยเฟิงจะทันพูดจบอสรพิษไฟพลันพุ่งออกมาจากหมอกหนาและเลื้อยเข้าใส่จัยเฟิงและคนอื่นๆตัวที่สอง…ตัวที่สาม…เปลวไฟลุกโชนขึ้นจนกลายเป็นกำแพงเพลิงที่แผดเผาอยู่รอบด้านและกักขังกลุ่มของมู่หรงซุ้ยเฟิงเอาไว้กลุ่มหมอกหนาทึบปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเมื่อสูดดมเข้าไปจะทำให้คอแห้งเป็นผงและเจ็บปวดราวกับถูกเหล็กร้อนนาบเข้าที่คอ

เยี่ยฉวนเริ่มเผยพลังที่แท้จริงของค่ายกลพยับหมอกเพลิงแม้ค่ายกลนี้จะไม่ซับซ้อนแต่ความแข็งแกร่งของมันขึ้นอยู่กับผู้สร้างและสิ่งที่ใช้เป็นจุดศูนย์กลางเพียงชั่วพริบตาเตาหลอมระดับสวรรค์ก็สำแดงพลังออกมา

มู่หรงซุ้ยเฟิงไม่มีเวลาหัวเราะอีกต่อไปการโจมตีของอสรพิษเพลิงทำให้เขาสับสนุนงงและไม่สามารถใช้ใบมีดระดับสวรรค์ปัดป้องการเคลื่อนไหวของมันได้เมื่อใช้ใบมีดฟันสายน้ำย่อมแตกกระจายหากใช้ใบมีดฟันเปลวเพลิงมือของเขาคงถูกแผดเผาเป็นแน่!

หลิวหงก็หัวเราะไม่ออกเช่นเดียวกันแม้เคล็ดวิชาขนปักษาสีครามจะทรงพลังมากแต่นางจะหลบไปไหนได้ในเมื่อสายหมอกหนาทึบและเปลวเพลิงปกคลุมทุกหนแห่งเช่นนี้? เรียวขาขาวค่อยๆสูญเสียความเปล่งปลั่งน่าหลงใหลไปอย่างรวดเร็วหากนางหาทางหนีออกจากค่ายกลนี้ไม่ได้เรือนร่างอันงดงามคงไหม้เป็นเถ้าถ่านและได้กลายเป็นผีสาวที่ยั่วยวนพวกผีดิบในนรกแทน!

ทั้งสองคนเป็นเดือดเป็นร้อนยิ่งแต่สถานการณ์ของทหารอารักขาทั้งสิบสองนั้นย่าแย่เสียยิ่งกว่าชุดเกราะที่โดนลำแสงจากปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรเมื่อครู่มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวน้อยลงตอนนี้แขนเสื้อของพวกนางบางคนติดไฟและบ้างถึงกับขนคิ้วไหม!

ขณะนั้นเองเกิดเสียงดังกึกก้องขึ้นท่ามกลางสายหมอก

“ระวัง!มีการซุ่มโจมตีอีกครั้ง!”

มู่หรงซุ้ยเฟิงร้องลั่นเตือนให้เหล่าทหารอารักขาระแวดระวังขึ้นมาทันใดปรมาจารย์แห่งเต๋าทั้งสิบสองแผ่พลังงานอันน่าเกรงขามออกมา

ฉับพลันหางแกร่งตวัดออกมาจากม่านหมอกอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าฟาดและรัดรอบเอวบางของทหารอารักขาคนหนึ่งเอาไว้!ร่างของนางถูกดึงหายเข้าไปในกลุ่มหมอกตามด้วยเสียงกรีดร้องน่าสยดสยองชวนขนหัวลุกก่อนออร่าของนางจะ

หายวับไปสายตาแหลมคมของหลิวหงมองเห็นเหล่าอสุรกายน่าสะพรึงกลัวได้เพียงเลือนรางพวกมันคือฝูงอสรพิษครึ่งคนไม่ต่ำกว่าหนึ่งโหล!

กองทัพปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรถูกแทนที่ด้วยฝูงอสรพิษครึ่งคนจากกระดานหมากราชาปีศาจที่เยี่ยฉวนขัดเกลาจนเชื่องการโจมตีของพวกมันเรียบง่ายและตรงไปตรงมาหากแต่โหดเหี้ยมและนองเลือดอย่างแท้จริง!ความหวาดกลัวทำให้หัวใจของหลิวหงแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด