Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 245 ประตูรั้วบานสุดท้าย

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 245 ประตูรั้วบานสุดท้าย อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 245 ประตูรั้วบานสุดท้าย

“ฟื้ว! ปิ้ว! ปิ้ว!” ใบมีดลมนับไม่ถ้วนพุ่งแหวกอากาศมาทางเยี่ยฉวน

เหล่าผู้เดินทางพร้อมใจกันหันไปมองอย่างตกตะลึง

ร่างของเยี่ยฉวนหยุดการโจมตีของเฟิงเหรินได้อีกครั้ง กายเนื้อของเขาทนทานเสียจนเจ้าสํานักโท่วป่าเซียงผู้อุทิศตนให้กับการขัดเกลาร่างกายยังต้องตกตะลึง

“ฆ่ามัน!”

เมื่อใบมีดลมทั่วท้องฟ้าตอนเยี่ยฉวนจนมุม เฟิงเหรินจึงได้จังหวะพุ่งเข้าไปทาบฝ่ามือบนร่างอีกฝ่ายอย่างดุดัน

ร่างกายของเยี่ยฉวนแข็งแกร่งเสียจนใบมีดลมคมกริบก็ไม่อาจกล้ํากรายได้ แต่ฝ่ามือของเฟิงเหรินทั้งทรงพลัง ลึกซึ้ง และแฝงไปด้วยพลังมืดอันน่าเกรงขาม ถึงผิวหนังของเยี่ยฉวนจะแข็งแรงทนทานแต่อวัยวะภายในของเขาจะต้านพลังรุนแรงนี้ได้หรือ?

ฝ่ามือที่มีพลังมหาศาลทาบลงกลางอกของเยี่ยฉวน แววตาของเฟิงเหรินที่เป็นกังวลในตอนแรกกลับลุกโชนขึ้นพร้อมระเบิดหัวเราะดังลั่น ทว่าในวินาทีต่อมากลับต้องหัวเราะไม่ออก…

ร่างของเยี่ยฉวนถูกฝ่ามือส่งกระเด็นไปทางหมอกพิษดังหวัง หากเขาร่วงหล่นลงในกลุ่มหมอกย่อมถึงฆาตอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าเยี่ยฉวนกลับเอื้อมไปคว้าข้อมือของเฟิงเหรินไว้แน่น ทําให้คนทั้งสองลอยไปทางหมอกพิษพร้อมกัน! เฟิงเหรินยกศีรษะขึ้นจึงเห็นรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าของเยี่ยฉวน วินาทีนั้นเองที่ชายชราตื่นจากความฝันและตระหนักได้ว่าตกหลุมพรางของเยี่ยฉวนเข้าแล้ว… น่าเสียดายที่รู้ตัวตอนนี้ก็สายเกินไป!

ไอ้เด็กเหลือขอนี่ต้องการให้พินาศไปตามกัน… ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง!

หัวใจของเฟิงเหรินสั่นไหวด้วยความโศกเศร้าที่ประมาทเกินไป

“อาก..”

เสียงกรีดร้องน่าสยดสยองดังแว่วมาจากกลุ่มหมอกพิษที่พลุ่งพล่านอย่างน่าสะพรึงกลัว
เฟิงเหรินพยายามดิ้นรนสุดความสามารถ แต่ไม่อาจสลัดเยี่ยฉวนได้พ้น เขาจึงทําได้เพียงมองดูเลือดเนื้อของตนละลายถึงกระดูกอย่างสิ้นหวัง ท;jาร่างกายของเยี่ยฉวนกลับไม่สะทกสะท้าน ประหนึ่งสวมใส่ชุดเกราะล่องหนที่สามารถต้านทานการกัดกร่อนของหมอกพิษได้

นี่ไม่ใช่การพินาศไปด้วยกัน หากแต่เป็นกับดักสู่ความตาย!

ไอ้บัดซบเยี่ยฉวนจงใจทําเช่นนี้!

เฟิงเหรินตระหนักว่าเขาคิดผิดเมื่อเห็นว่าหมอกพิษไม่อาจทําอันตรายเยี่ยฉวน ความหวาดกลัวอย่างหาที่สุดมิได้เข้าครอบงําจิตใจทันที

“ไม่..”

เฟิงเหรินยังไม่อยากตาย เขาส่งเสียงกรีดร้องชวนขนหัวลุก ก่อนจะรวบรวมกําลังที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดดิ้นรนออกจากเงื้อมมือของเยี่ยฉวน และพุ่งออกไปยังครรลองมังกรปีศาจ

เคราะห์ร้ายที่หมอกพิษอันทรงพลังมีฤทธิ์กัดกร่อนทุกสิ่งที่มีเลือดเนื้อจนไม่เหลือซาก แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์แห่งเต่ระดับสี่ยังไม่อาจรอดพ้น เฟิงเหรินสิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้ายและล้มลงกับพื้นในจังหวะที่กําลังจะหลุดพ้นจากหมอกพิษพอดี มือที่เหลือแต่โครงกระดูกเอื้อมออกไปได้ทันเพียงข้างเดียว โดยมีแหวนที่นิ้วกลางเป็นเครื่องระบุตัวตนของซากศพที่หลงเหลืออยู่

ศิษย์ในสํานักและจอมยุทธ์อิสระทั้งหมดขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง

หมอกพิษที่พลุ่งพล่านรุนแรงเมื่อครู่ค่อยๆเบาบางลง และกลับสู่ความสงบอีกครั้งโดยไร้ร่องรอยของเยี่ยฉวน… ดูเหมือนว่าเขาจะตายตกไปในหมอกพิษเช่นกัน ผู้คนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นด้วยความกลัว

เยี่ยฉวนผู้อยู่ขั้นซิวฉือระดับเจ็ดปลิดชีพเฟิงเหiboในผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับสาม… การวางแผน ความกล้าหาญ และความบ้าบินขั้นนี้จะมีผู้ใดทําได้อีก?

โท่วป่าเชียงทอดมองหมอกพิษข้างทางด้วยสายตาซับซ้อน

เยี่ยฉวนตายแล้ว… เขารู้สึกทั้งอึดอัดและโล่งใจในเวลาเดียวกัน แต่เมื่อหวนนึกถึงโท่วป่าเซียงเนียวผู้เป็นบุตรสาวที่หลงรักเยี่ยฉวนหัวปักหัวปe และความสามารถชั้นเลิศของเด็กหนุ่มก็อดทอดถอนใจอยู่ภายในไม่ได้

น่าเสียดายที่เด็กหนุ่มมากฝีมือถึงเพียงนั้นเป็นศิษย์พี่ใหญ่ประจําสํานักหมอกเมฆา หากเขาเป็นศิษย์สํานักเครื่องนิลจะวิเศษเพียงใดกัน?

ทั้งหมดหยุดพักอยู่ครู่หนึ่งจึงออกเดินทางต่ออีกครั้ง

ครานี้โท่วป่าเซียงเป็นผู้นํากองกําลังสํานักเครื่องนิลและคว้าสมบัติที่ปรากฏขึ้นไปเป็นคนแรกซ้ําแล้วซ้ําเล่า

โท่วป่าเชียงพบว่าทุกสิ่งง่ายดายขึ้นเมื่อปราศจากอริเก่าอย่างเฟิงเหริน ตรงข้ามกับเหล่าศิษย์สานักเบญจลักษณ์ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ไม่แน่นอน พวกเขาสูญเสียอํานาจทันทีที่เสียยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต่าอย่างเฟิงเหรินไปและเป็นฝ่ายถูกคนกลุ่มอื่นกดขี่แทน หนําซ้ํายังสูญเสียกําลังคนไปอย่างต่อเนื่อง บางคนตายเพราะกรงเล็บของเหล่ามังกรขณะที่บางคนตายเพราะขัดขืนอํานาจฝ่ายอื่น

กลุ่มนักเดินทางต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเดิมคือจะเกิดการต่อสู้แย่งชิงทุกครั้งที่ก้อนผลึกมังกรปรากฏขึ้น

หลังจากเยี่ยฉวนตายตกไปในม่านหมอกพิษก็เกิดเรื่องน่าพิศวงขึ้น คนประหลาดที่มีหัวเป็นมังกรและร่างเป็นมนุษย์ปรากฏกายด้านหลังกลุ่มคน คนผู้นี้ว่องไวและไม่มีที่มาที่ไปที่แน่นอน แต่สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือเขาสามารถเดินทะลุผ่านหมอกพิษได้อย่างอิสระ ดูเหมือนว่าชายผู้นี้ไม่ได้ต้องการสมบัติอื่นใดหรือสังหารเหล่านักเดินทาง เขาเพียงแต่ฉกชิงก้อนผลึกมังกรที่ปรากฏขึ้นไปตลอดทาง

“ผู้พิทักษ์อาณาจักรสวรรค์กลับมาอีกแล้ว มันเป็นคําสาปมรณะ!” “ใช่ มันกลับมาอีกแล้ว เราจะทําอย่างไรกันดี?!”

ยอดฝีมือตระกูลหลงพากันกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเมื่อนึกถึงคําสาปแห่งความตาย คําพูดของพวกเขาแพร่กระจายไปในหมู่นักเดินทางอย่างรวดเร็ว ราวกับโรคระบาด ทุกคนต่างหารือกันด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป จากนั้นจึงไม่มีผู้ใดกล้าก้าวออกไปแย่งชิงก้อนผลึกมังกรที่ร่วงหล่นออกมาอีกเลย พวกเขาจะถอยจากไปเพื่อเลี่ยงการถูกคนประหลาดดึงเข้าไปในหมอกพิษ

โท่วป่าเซียงเผยสีหน้ามืดมนเมื่อรู้สึกว่ารูปร่างของชายประหลาดผู้นี้คุ้นเคยอย่างไรชอบกล ก่อนจะนึกถึงเยี่ยฉวนที่หายเข้าไปในกลุ่มหมอกพิษขึ้นมาทันใด เขานึกสงสัยว่าเยี่ยฉวนอาจยังไม่ตาย แต่เมื่อได้ยินเรื่องเล่าของยอดฝีมือตระกูลหลงก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไป

รูปปั้นสองข้างครรลองมังกรปีศาจกลายร่างเป็นมังกรที่แท้จริงและพุ่งออกมาเป็นระยะ และในทุกๆครั้งจะเกิดการนองเลือด ทุกย่างก้าวที่เดินไปข้างหน้าต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิต จนกระทั่งกําลังคนลดลงอย่างรวดเร็ว

สองชั่วยามล่วงไปทั้งหมดก็เดินทางมาถึงหุบเขาเล็ก ประตูรั้วที่เปล่งประกายด้วยแสงสีทอง ตั้งตระหง่านตรงหน้าอีกครั้ง

บัดนี้กําลังคนเหลือเพียงเจ็ดสิบคนจากหลายร้อย ซ้ําร้ายยังเหลือศิษย์สํานักเครื่องนิลอยู่เคียงข้างโท่วป่าเซียงเพียงเจ็ดคนเท่านั้น ส่วนศิษย์สํานักเบญจลักษณ์ถูกกําจัดจนหมดสิ้นแล้ว

“ข้างหน้าคือสุดทางอาณาจักรสวรรค์ นี่คือประตูสุดท้ายของครรลองมังกรปีศาจ ไปกันเถอะ!”
“ขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรสวรรค์ต้องเป็นของ

ข้า!”

เหล่านักเดินทางสึกเหิมขึ้นมาเมื่อพระราชวังวิจิตรซับซ้อนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าท่ามกลางม่านหมอกสีเทา พวกเขาลืมความยากลําบากและอันตรายที่ผ่านมาตลอดทางจนหมดสิ้นด้วยกระหายอยากเป็นคนแรกที่ย่างเท้าเข้าไปในประตูรั้วที่สาม

โท่วป่าเซียงลังเลเล็กน้อยก่อนนําศิษย์สํานักเครื่องนิลผู้รอดชีวิตเข้าไปในประตูรั้ว ตอนนี้หม้อสัมฤทธิ์บนบ่าของเขาเต็มไปด้วยรอยร้าว หากต้องประจันหน้ากับมังกรดุร้ายหลายตัวทั้งยังต้องต่อกรกับคนกลุ่มอื่นอีกคงแตกออกจนใช้การไม่ได้เป็นแน่

หมอกพิษฝั่งซ้ายของครรลองมังกรปีศาจพลันไหวกระเพื่อมและเดือดพล่านรุนแรงก่อนร่างสูง และร่างเล็กจะโผล่ออกมา

ครู่หนึ่งผ่านไปเมื่อกลุ่มนักเดินทางหายไปจนลับตา เยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์จึงเดินออกจากหมอกพิษพลางพินิจดูลวดลายบนกรอบประตูรั้ว เยี่ยฉวนส่ายศีรษะเพราะยังไม่เข้าใจสิ่งที่มองดูอยู่ ทว่าสายตาของหลงเอ๋อร์กลับเป็นประกายด้วยความเพลิดเพลิน เด็กน้อยไม่แสดงท่าที่เหนื่อยล้าหรือง่วงนอนเลยตั้งแต่เข้ามายังครรลองมังกรปีศาจ มิหนําซ้ํายังกระตือรือร้นและว่องไวขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนพลังในร่างของเขาจะค่อยๆตื่นขึ้นเช่นเดียวกับขั้นการฝึกตนที่ไม่มีผู้ใดในดินแดนรกร้างเทียบเทียมได้!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด