Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 252 กล้าแลกหนึ่งหมัดหรือไม่?

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 252 กล้าแลกหนึ่งหมัดหรือไม่? อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 252 กล้าแลกหนึ่งหมัดหรือไม่?

เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้าก่อนหันกลับไปมององค์ชายรัชทายาทและหลิวหงที่ไล่ตามพวกตนอย่างไม่ลดละจิตสังหารแรงกล้าแผ่รังสีปกคลุมรอบกายเขา!

ก่อนหน้านี้เขาละเว้นชีวิตนางครั้งแล้วครั้งเล่าทว่านางมารผู้นี้กลับไม่ยอมรามือทั้งยังทําให้เรื่องราวต่างๆยุ่งยากขึ้นเป็นเท่าทวีซ้ําร้ายยังไม่รู้จักสําเหนียกเจียมตนในความผิดที่ตนเองก่อแต่อย่างใดครานี้คงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องจัดการส่งนางไปลงนรกเสียที!

“หยุดนะไอ้สารเลว! ในนามของมู่หรงซุ้ยเฟิงผู้เป็นเสมือนพี่ชายแท้ๆของข้า มีบางสิ่งที่เจ้าควรชดใช้! คําขอของข้าไม่มากนักเพียงตัดขาทั้งสองข้างของเจ้าทิ้งเสีย!ไม่เช่นนั้นข้าจะตัดขาที่สามตรงกลางกายเจ้าออกด้วย! ให้ได้ลิ้มรสเสียบ้างว่าการเหลือร่างเพียงครึ่งตัวนั้นทรมานเพียงใด!”

องค์ชายก้าวไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยจิตสังหารอันโหดเหี้ยม เบื้องหลังมีเหล่าทหารยอดฝีมือผู้ดุร้ายราวพยัคฆ์และหมาป่าติดตามมาไม่ ห่าง

ก่อนหน้านี้เพื่อสมบัติล้ําค่าเช่นหอคอยจวหลงที่เยี่ยฉวนโยนเข้าไปในหมอกพิษทําให้องค์ชายเลือกไขว่คว้ามันแทนการโจมตีทว่าตระกูลขุนนา งมู่หรงมีความสัมพันธ์อันดีต่อราชวงศ์ต้าฉินทั้งยังให้การสนับสนุนอันดีมาโดยตลอดการที่มู่หรงจุ้ยเพิ่งเข้าขอความช่วยเหลือเพราะถูกทําร้ายจนมี สภาพน่าสังเวชเช่นนี้หากเขาไม่ล้างแค้นให้อีกฝ่ายด้วยตนเอง…ในอนาคตข้างหน้าผู้ใดเล่าจะยอมพลีกายถวายชีพเพื่อทํางานให้แก่ราชวงศ์ผู้ใดเล่าจะให้การสนับสนุนจนเขาได้ขึ้นครองบัลลังก์?!

ความทะเยอทะยานสู่ฐานันดรอันสูงศักดิ์ขององค์ชายนําพาให้เขาทําการตัดสินใจอย่างรวด เร็ว!

แม้หอคอยจวหลงจะมีความสําคัญมากทั้งยังเป็นสมบัติล้ําค่าซึ่งมีมูลค่าสูงส่งกว่าผลึกศิลามังกรหลายเท่าถึงกระนั้นเมื่อเทียบกับจักรวรรดิ กว้างใหญ่ไพศาลแห่งราชวงศ์ต้าฉันไม่ว่าสมบัติชิ้นนั้นจะมีค่ามหาศาลเพียงใดก็ไม่อาจหยิบยกมาเปรียบเทียบ!

ทันใดนั้นข้างกายเยี่ยฉวนพลันปรากฏปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรตัวสูงใหญ่ที่มาพร้อมแสงสีฟ้าสว่างวาบ!

นั่นอะไรกัน?

ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรหนึ่งตัวงั้นรึ?!เยี่ยฉวนเสียสติไปแล้วหรืออย่างไรจึงเรียกสัตว์อสูรไร้ประโยชน์ตัวนี้เพื่อหยุดยั้งการโจมตีจากยอดฝีมือที่ บรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่เจ็ด!?

โท่วป่าเชียงผู้สังเกตการณ์อย่างเงียบเชียบโคลงศีรษะเมื่อพบว่าการกระทําของเยี่ยฉวนช่างโง่เขลา!

จริงอยู่ที่เยี่ยฉวนได้แสดงความสามารถของตนให้เป็นที่ประจักษ์มาแล้วหลายครั้งทั้งเรื่องการตัดสินใจแก้ปัญหาในระยะเวลาอันสั้นและกา รวางกลยุทธ์อันแยบยล ทําให้เขาสามารถเอาชนะผู้คนมาแล้วมากมาย ทว่าผู้ฝึกตนสามัญกับ องค์ชายรัชทายาทมีวรยุทธ์แตกต่างกันเกินไป…เพียงบรรลุขั้นซิวฉือระดับต้นๆก็สามารถบดขยีปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรได้โดยง่าย นับประสาอะ ไรกับยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋?!

ความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างชัดเจนปรากฏนบนใบหน้าขององค์ชายเขายังคงก้าวไปข้างห น้าโดยไม่ชะงักฝีเท้าจิตสังหารหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าตนจะมีชัยเหนือศัตรู!

หลิวหงและมู่หรงซุ้ยเฟิงระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแต่กลับเรียกปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรช่วยรบไม่ต้องคาดเดาก็พอนี้กออกว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะในครั้งนี้เยี่ยฉวนมาถึงทางตันเสียแล้ว…อย่างไรก็ไม่อาจรอดพ้นจากเงื้อมมือขององค์ชายเป็นแน่!

แสงไฟสีฟ้าระยิบระยับสว่างขึ้นหลายครั้งรอบกายชายหนุ่มปรากฏปีศาจวัวที่เพิ่มจํานวนขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสิบเป็นยี่สิบ…จากยี่สิบเป็นหนึ่งร้อย… พริบตาเดียวปีศาจวัวจึงมีจํานวนมากถึงแปดร้อยตัวและจัดเรียงแถวเป็นกระบวนทัพพร้อมต่อสู้! แสงสว่างสีครามสว่างวาบขึ้นอีกครั้งพร้อมกับการปรากฏกายของสตรีนางหนึ่งผู้สวมชุดคลุมสีดําสนิทแม้หยาดฝนไม่ร่วงลงจากฟากฟ้า ทว่าบนแผ่นหินใต้ฝ่าเท้าปรากฏไอน้ําเปียกชื้นแผ่ลามไปทั่วอย่างน่าอัศจรรย์!

เยี่ยฉวนถูกบีบบังคับให้เผชิญหน้าเมื่อไม่มีหนทางหลีกเลี่ยงจากการต่อสู้อันดุเดือดในครั้งนี้เพียงเสี้ยววินาทีเขาจึงทําการจัดแนวป้องกันหลายชั้นเพื่อตั้งรับ

แนวป้องกันแรกคืออสรพิษครึ่งคนที่ดุร้ายทั้งสิบสองตนถัดมาคือกองทัพปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรจํานวนแปดร้อยตัวที่จัดกระบวนแถวอย่างเป็น แบบแผนต่อให้องค์ชายรัชทายาทมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใดก็ต้องฟาดฟันสองด่านแรกจนสิ้นเปลืองเวลาเป็นอันมากกว่าจะมาถึงตัวเยี่ยฉวนส่วนแนว ป้องกันที่สามคือปีศาจเพลิงอี้เหยียนจื่อและปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อที่ฟื้นฟูพลังยุทธ์เป็นที่เรียบร้อยและแนวป้องกันสุดท้ายคือภูตทะเลหงลี่ลี่ที่ยืนเคียงข้างเขา

ขั้นการฝึกตนของหงลี่ลี่นับว่าไม่สูงส่งนักแต่พรสวรรค์อันยิ่งใหญ่แต่กําเนิดของนางทําให้นางกลายเป็นไพ่ตายสําคัญที่ทรงพลังมหาศาลที่สุดในมือของเยี่ยฉวน!

องค์ชายชะงักฝีเท้าโดยพลัน สีหน้าลําพองในชัยชนะแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียด

ลําพังเขาเพียงคนเดียวก็สามารถจัดการกับเยี่ยฉวนปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งให้พ่ายแพ้ราบคาบแต่เมื่ออีกฝ่ายใช้อสรพิษครึ่งคนที่ขึ้นชื่อเรื่องความดุร้ายถึงสิบสองตัวเป็นด่านหน้าเขาและผู้ติดตามย่อมต้องใช้ความพยายามมากขึ้นและอาจมีอันตรายถึงแก่ชีวิตส่วนแนวป้องกันซึ่งเป็นกองทัพปีศาจวัว…เขาอาจต้านทานการโจมตีรุนแรงเหล่านั้นได้แต่เหล่านายทหาร ไม่ได้มีวรยุทธ์สูงส่งและร่างกายแข็งแกร่งเท่าหากประมาทเพียงนิดอาจนําพาไปสู่ความสูญเสีย ที่ยากจะแก้ไข!นอกจากนี้ภูตทะเลสาวนางนั้นยิ่ง ทําให้เขารู้สึกถึงภยันตรายที่ไม่อาจเอาชนะเขาพอคาดเดาได้ว่านางไม่ใช่คนในแผ่นดินใหญ่นี้และแน่นอนว่าผู้ฝึกตนไร้สังกัดจากต่างแดนล้วนมีพรสวรรค์ประจํากายอันร้ายกาจ!

“ฝ่าบาท พระองค์ต้องการเดิมพันทุกสิ่งที่ทรงมีเพื่อต่อสู้กับกระหม่อมจริงหรือ?”

เยี่ยฉวนจับจ้องไปที่องค์ชายหลีก่วงซ่านด้วยสายตาเย็นชาก่อนปรับแววตาให้อ่อนแสงลงพร้อมกล่าวออก“จริงอยู่ที่วรยุทธ์ของฝ่าบาทสูงส่งทั้งยังพิเศษเกินกว่าที่ผู้ใดจะสามารถหยุดยั้งแต่ตราบใดที่พระองค์ไม่สามารถสังหารกระหม่อมได้ภายในกระบวนท่าเดียวพระองค์จะต้องเป็นฝ่ายสิ้นพระชนม์ชีพ!ต่อให้ทรงบรรลุขั้นการฝึกตนท้าทายสวรรค์เพียงใดคงหลีกหนีความตายได้ยากยิ่ง!”

กล้าท้าทายถึงเพียงนี้เชียวหรือ?!

ฝูงชนจับจ้องไปยังเยี่ยฉวนเป็นตาเดียวกันด้วยความตื่นตระหนกไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเขาจะเรียกสัตว์อสุรกายฝูงใหญ่ออกมาตั้งแนวรบเช่นนี้! เมื่อกวาดสายตามองอีกครั้งจึงพบว่าเขายังรั้งรอไม่โจมตีอีกฝ่ายในทันทีส่วนองค์ชายรัชทายาทแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นเครียดเคร่งด้วยไม่หาญกล้าพอที่จะลําพองตนอีกต่อไปเมื่อเผชิญหน้ากันโดยตรงเขายิ่งรู้สึกถึงพลังทําลายล้างอันร้ายกาจจากเยี่ยฉวนแรงกดดันที่แผ่ออกจากชายหนุ่มผู้นี้ช่างต่างจากผู้ฝึกตนที่บรรลุการฝึกตนขั้นซิวฉือลิบลับ!

“ฝ่าบาท ไอ้เด็กเหลือขอเยี่ยฉวนจงใจตลบตะแลงหลอกลวงพระองค์อีกครั้งแล้วเพคะ! มันเก่ง กาจนักเรื่องการใช้แผนการสกปรกเช่นนี้!”หลิวหงก้าวไปด้านหน้าพร้อมถือดาบคมกริบไม่ห่างกาย

“หลิวหง จิตใจของเจ้าคงจดจ่อเพียงว่าข้าจะตายตกไปเมื่อไรสินะ!”

เยี่ยฉวนจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้มีใบหน้าทิ้งตึงด้วยสายตาเย็นชาเขาชะงักชั่วครู่ก่อนเอ่ยต่อเสียงเรียบ“เรื่องทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้เอง…ลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าหนีออกมาจากป่าหมื่นอสูรได้อย่างหวุดหวิดด้วยเหตุใด?”

ดวงตาหลิวหงเบิกกว้างด้วยความตกตะลึงห้วงความคิดปรากฏภาพย้อนไปถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่นางอยู่ในป่าหินขณะเกิดเหตุการณ์วิกฤตจู่ๆอสูรหินนับร้อนตนกลับชะงักค้างพร้อมเพรียงกันราวเวลาหยุดเดินอย่างกะทันหัน

เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

นั่นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเท่านั้น! เยี่ยฉวนบรรลุขั้นการฝึกตนเพียงระดับนี้จะล่วงรู้เคล็ดวิชาเก่งกาจท้าทายสวรรค์เช่นนั้นได้อย่างไร?! 3694

หญิงสาวพยายามย้ําเตือนเข้าข้างตนเองหลายครั้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพลวงตา…เยี่ยฉวนกําลังโกหก! แต่จนแล้วจนรอดนางกลับไม่สา มารถบิดเบือนความจริงได้ภาพสรรพสิ่งโดยรอบที่หยุดการเคลื่อนไหวยังแจ่มชัดในความทรงจําครั้นย้อนคิดถึงช่วงเวลานั้นฟันกรามก็ขบแน่นเข้าหากันด้วยปริปากเอ่ยคําใดไม่ออก

องค์ชายรัชทายาทเผยสีหน้าคล้ําเข้มน่ากลัวยิ่งขึ้นเขาไม่ใช่คนโง่เขลา…เพียงมองท่าทีและการแสดงออกของหลิวหงที่แปรเปลี่ยนจึงพอสรุปได้ ว่าก่อนหน้านี้มีเรื่องใดเกิดขึ้น

แม้เยี่ยฉวนบรรลุการฝึกตนในขั้นที่ไม่สูงส่งนักทว่าเขานิ่งสงบสงวนท่าที่ราวชายวัยกลางคนลักษณะการพูดชัดถ้อยชัดคําเต็มไปด้วยความมั่น ใจ ดังนั้นเด็กหนุ่มผู้นี้ย่อมมีทักษะภายในที่ไม่ธรรมดาหากผลีผลามโจมตีอย่างประมาทเห็นที่เขาอาจถูกอีกฝ่ายโต้กลับจนพ่ายแพ้ยับเยินเป็นแน่!
เวลานี้องค์ชายตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก…ความลังเลพลันก่อตัวขึ้นในจิตใจอีกครั้ง

หากเขาปล่อยให้เยี่ยฉวนลอยนวลต่อไปศักดิ์ศรีทั้งหมดอาจถูกอีกฝ่ายฉีกทิ้งจนไม่เหลือชิ้นดีทั้งอาจสูญเสียกองกําลังสนับสนุนอันแข็งแกร่งจากตระกูลขุนนางมู่หรงแต่หากเขาตัดสินใจนําทัพเข้าโรมรันอาจสังหารเยี่ยฉวนสําเร็จ ทว่าเขา และเหล่าผู้ติดตามก็ต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน
“ไอ้หนู เราสองคนมาเดิมพันกันดีกว่า…” องค์ชายหลี่ก่วงซ่านตรัสขึ้นขณะคิดหาวิธีที่เหมาะสม

“ว่าอย่างไร?” เยี่ยฉวนกล่าว

“เราจะประลองโดยตัดสินผลแพ้ชนะภายในกระบวนท่าเดียวไม่ว่าเจ้าจะยังมีชีวิตรอดหรือตายตกไปแล้วถือเป็นข้อสรุป..นับจากวันนี้ไปเราทั้งคู่ไม่มีสิ่งใดค้างคาต่อกันอีกความขุ่นข้องบาดหมางทั้งมวลจะถูกสะสางจนมลายสิ้น ว่าอย่างไร? วางใจเถิดข้าจะใช้มือซ้ายเพียงข้างเดียวเท่านั้นและลดพลังปราณลงเหลือเพียงครึ่ง!”

เขากล่าวพลางจับจ้องเยี่ยฉวนโดยไม่กะพริบตาข้อเสนอนี้ดูเหมือนยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่ายทว่าความเป็นจริงนั้นเอื้อผลประโยชน์ต่อเขามากกว่า

ด้วยฐานการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่เจ็ดของเขาต่อให้ลดพลังปราณลงเพียง ครึ่งหรือใช้พลังเพียงสามจากสิบส่วนเยี่ยฉวนผู้มีขั้นการฝึกตนด้อยกว่าหลายเท่าย่อมไม่อาจต้านทานหมัดเดียวที่ส่งออกไปก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้ร่างอีกฝ่ายระเบิดเป็นจุณ!

“ย่อมได้ ข้ายอมรับการเดิมพันครั้งนี้!”

เยี่ยฉวนพยักหน้ารับอย่างไม่ลังเลโดยเหนือความคาดหมายของทุกคนอีกครั้ง! ขณะยอมรับ การเดิมพันเขาหันไปส่งสัญญาณเป็นเชิงปรามไม่ให้ปีศาจเพลิงหุนหันพลันแล่นนอกเหนือคําสั่งจากนั้นจึงเดินตรงไปหาองค์ชายทันที

ไอ้หนุ่มผู้นี้เสียสติไปแล้ว!

ฝูงชนต่างตื่นตระหนกและคิดว่าเยี่ยฉวนคงเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เขาอาจไม่ตอบรับการเดิมพันครั้งนี้และซ่อนกายอยู่หลังแนวป้องกันก็ย่อมได้แม้ไม่สามารถเอาชนะองค์ชายรัชทายาทได้อย่างน้อยยังสามารถถ่วงเวลาและรอจนความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอ่อนแรงลงไม่แน่ว่าสถานการณ์อาจพลิกผันกลับเป็นชนะก็เป็นได้ แต่เขากลับตอบรับความต้องการขององค์ชายโดยไม่ไตร่ตรองใดๆทั้งยังลงสนามประลองด้วยตนเอง!หากไม่เรียกว่าเสียสติจะให้คิดเห็นเป็นอื่นได้อย่างไร?!

ดวงตาหลิวหงซึ่งฉายแววผิดหวังในตอนแรกแปรเปลี่ยนเป็นเจิดจ้าด้วยความตื่นเต้น!

โท่วป่าเชียงผู้แบกหม้อสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ไว้บนบ่ามองเยี่ยฉวนอย่างชื่นชมในความกล้าหาญส่วนสายตาของสตรีพรหมจรรย์ที่มองไปทางเยี่ยฉวนเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนเกินคาดเดา…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด