Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 270 ภัยพิบัติมังกรสังหาร

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 270 ภัยพิบัติมังกรสังหาร อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 270 ภัยพิบัติมังกรสังหาร

หลงเอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ด้านนอกห้องโถงมังกรปีศาจ มองไกลไปสุดขอบฟ้า พลางครุ่นคิดทบทวนเกี่ยวกับชีวิต…

ส่วนด้านในห้องโถงอบอวลไปด้วยบรรยากาศสดใสราวฤดูใบไม้ผลิมาเยือน

สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียถูกพลังของเคล็ดวิชา ทําให้มึนเมาจนไร้สติสัมปชัญญะ สองมือเรียว ค่อยๆถอดเสื้อคลุมสงครามเจ็ดสีออกจากร่างจนไหลลงไปกองอยู่บริเวณปลายเท้า ก่อนเอื้อมไปคลายปมผ้าชิ้นน้อยซึ่งปกปิดส่วนสงวนให้คลายออก ร่างกายงามผุดผ่องซึ่งเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดๆ อวดทรวดทรงเย้ายวนอยู่ตรงหน้า หลังจากระงับกามารมณ์ของตนอย่างสุดความสามารถในที่สุดนางก็ไม่อาจอดกลั้นความปรารถนาได้อีกต่อไป ตอนนี้นางกลายเป็นฝ่ายริเริ่มพลีกายให้ชายเชยชม

ก่อนที่เรื่องราวจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ฝ่ามือหนากลับคว้าประคองสะโพกผายของสตรีตรงหน้าที่กําลังโน้มกายลงมา

เยี่ยฉวนผู้เข้าสู่ห้วงสมาธิและมีอาการร้อนรุ่ม เช่นเดียวกันพลันลืมตาขึ้นก่อนยกมือขึ้นฝังเข็มเงินลงไปบนผิวหนังของหงจือเซียสามจุด ทําให้นางฟื้นคืนสติอย่างช้าๆ

“เพราะเหตุใดกันเล่าเยี่ยฉวน? เจ้าไม่ชื่นชอบข้าอย่างนั้นหรือ?” หงจือเซียรีบหยิบเสื้อคลุมหลากสีขึ้นปกปิดเรือนร่างของตนโดยเร็ว ขณะเอ่ยถามด้วยความอับอายระคนผิดหวัง

หากบุรุษเพศที่นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ใช่เยี่ยฉวนแต่เป็นผู้อื่น ชายผู้นั้นคงกระโจนเข้าเอาเปรียบร่างกายนางอย่างกระหายหิวราวหมาป่า เขาไม่ได้ฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้เพื่อระบายความกําหนัดที่สุมอยู่เต็มอกให้ผ่อนคลายลงแต่อย่างใด ทั้งยังป้องกันไม่ให้ร่างงามบริสุทธิ์ของนางโน้มลงไปสัมผัสในอ้อมแขน เขาต้องมีความอดกลั้นที่สูงส่งถึงเพียงใดกัน? เขารักษาสภาพจิตใจให้มั่นคงเช่นนี้ได้อย่างไร? หรือจิตใจของเขามีสตรีนางอื่นยึดครองอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่ปรารถนาในตัวนาง?

สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียผู้มีกิริยางามสง่าและมักวางตนให้สูงส่งเคยถือว่าบุรุษเพศทั้งมวลในโลกใบนี้ล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม กลับมีความคิดคํานึงแปรผันไป นางรู้สึกเสียดายที่ความปรารถนาของนางไม่ได้รับการตอบสนอง

“เปล่าเลย ตรงกันข้ามเสียอีก ข้าชื่นชอบสตรีเช่นเจ้ามากมายนัก แต่…”

เยี่ยฉวนหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนเอื้อมมือขึ้นเชยคางหญิงสาวเพื่อพินิจใบหน้างดงามอย่างใกล้ชิด จากนั้นจึงกล่าวต่อ “มนุษย์ถือเป็นผู้ประเสริฐเพราะสามารถควบคุมอารมณ์ดิบเถื่อนได้ดีกว่าสัตว์เดรัจฉาน ชีวิตของพวกมันเกี่ยวพันอย่างแน่นแฟ้นกับการสืบพันธุ์เพื่อดํารงอยู่ แต่พวกเราผูกสัมพันธ์กันได้เพราะมีใจปฏิพัทธ์ ข้าไม่ต้องการเอาเปรียบเจ้าในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะข้าไม่เพียงปรารถนาในเรือนร่างของเจ้า…ทว่าปรารถนาความรักจากเจ้าด้วย ข้าจะรอวันที่เจ้ามีสตินึกคิดครบถ้วนกว่านี้และพร้อมใจอย่างเต็มที่เพื่อมอบกายให้กับข้า”

เขาลูบไล้เรือนผมดําขลับของอีกฝ่าย ทุกการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความนิ่มนวลและทะนุถนอมราวกลัวสัมผัสที่รุนแรงจากตนจะทําร้ายให้นางบอบช้ํา

ดวงตาหงจือเซียแดงก่ําและเอ่อล้นไปด้วยหยดน้ําใส ทันใดนั้นน้ําตาจึงค่อยๆ ไหลรินลงอาบแก้ม

การหลั่งน้ําตาในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความโศกเศร้าแต่เป็นเพราะหัวใจของนางเปี่ยมล้มไปด้วยความสุขเหลือคณานับ ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับบุรุษที่ตนหลงรักแม้ช่วงเวลาสั้นๆ จะทําให้มีความสุขได้ถึงเพียงนี้

หงจือเซียละทิ้งความฝันใฝ่ที่จะได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดซึ่งทรงพลังอํานาจ ไม่ว่าตําแหน่งราชินีแห่งเผ่าอสูรหรือการฝึกตนขั้นมหาปราชญ่ล้วนได้ ความสําคัญสําหรับนางอีกต่อไป

หัวใจของนางแนบสนิทอยู่กับเยี่ยฉวนเพียงผู้เดียวเท่านั้น

“จอเซีย เจ้าเป็นอะไรไป?” เยี่ยฉวนได้นิ้วมือซับน้ําตาบนแก้มนางแผ่วเบา

“จุมพิตข้าเถิดเยี่ยฉวน อย่ากล่าวคําใดอีกเลยได้โปรดจุมพิตข้า…”

หงจือเซียเคลื่อนกายเข้าสวมกอดเยี่ยฉวนแน่นก่อนเอียงศีรษะและยื่นหน้าไปประกบริมฝีปากกับเขาจนแนบสนิท
เมื่ออารมณ์หมองเศร้าหนึ่งวันที่ผันผ่านล้วน ยากลําบากทั้งยังยาวนานเสมือนหนึ่งปี…แต่เมื่อชายหญิงซึ่งสมัครรักใคร่แน่นแฟ้นใช้เวลาอยู่ร่วมกัน หนึ่งวันกลับผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เวลาผ่านพ้นไปหลายวัน…

เยี่ยฉวนและสตรีพรหมจรรย์หงจือเซียยังคงเข้าสู่สมาธิฝึกตนอย่างสงบอยู่ในห้องโถงมังกรปีศาจ พวกเขาร่วมกันขัดเกลาโลหิตมังกรบริสุทธิ์ที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่าง และทําความเข้าใจเนื้อหาในคัมภีร์มังกรอย่างลึกซึ้ง ความรู้สึกนึกคิดของคนทั้งสองผสานกันอย่างอบอุ่นและทะยานสู่ระดับที่สูงขึ้น แม้ความร้อนรุ่มราวไฟสุมภายในร่างมอดหายไปจากเดิมมากนักจนไม่เกิดอารมณ์ปรารถนาใดๆ แต่จิตใจของทั้งคู่ผูกสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่นเพราะต่างลูบไล้ร่างกายของกันและกันแทบทุกตารางนิ้ว

การสัมผัส การหลอมรวมเป็นหนึ่ง และการขัดเกลาหัวใจและจิตวิญญาณคือแกนหลักที่แท้จริงในการฝึกฝนยอดวิชาผสานการฝึกตนดังกล่าว

หงจือเซียเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าระยะทาง ซึ่งใกล้ที่สุดบนโลกคือสิ่งใด คําตอบนั้นสัมพันธ์กับประโยคที่เยี่ยฉวนเคยเอ่ยไว้ก่อนหน้า…ระยะห่างของหัวใจ

ครั้นหวนนึกถึงเรื่องนี้ ชุดประโยคประลองสติปัญญาที่ปรากฏบนจอผลึกแก้วในห้องโถงมังกรปีศาจไม่ได้คิดค้นขึ้นอย่างไร้ที่มาที่ไป แต่กลับแฝงด้วยปรัชญาชีวิต หากผู้คนปราศจากสภาพจิตใจที่มั่นคงและไม่เข้าใจแนวคิดนั้นย่อมไม่เหมาะสมที่จะได้รับมรดกแห่งอาณาจักรสวรรค์ไปครอบครอง แม้พวกเขาได้รับมันมาโดยบังเอิญ แต่ขาดความตระหนักรู้อย่างลึกซึ้งก็อาจทําการฝึกฝนไม่สําเร็จ

ล่วงเข้าสู่ยามดึกของวันที่เจ็ด…

เยี่ยฉวนซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้นรู้สึกถึงความผันผวนของพลังปราณจากภายในร่างกายที่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องจนยากจะควบคุม ขณะเดียวกันกลุ่มเมฆสีดําทะมึนพลันเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมท้องฟ้าเหนืออาณาจักรสวรรค์แห่งมังกรปีศาจอย่างหนาแน่น แสงสว่างวาบพาดผ่านเบื้องบนครั้งแล้วครั้งเล่า จิตสังหารอันโหดเหี้ยมรุนแรงแผ่กระจายไปทั่วบริเวณกินพื้นที่กว้างกว่าหนึ่งร้อย โดยมีสถานที่แห่งนี้เป็นจุดศูนย์กลางของความหายนะ เหล่าผู้ฝึกตนนักสํารวจรวมถึงสัตว์อสุรกายต่างๆ ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงต่างหลบหนีอลหม่านด้วยสัญชาตญาณว่าภัยกําลังจะมาถึงตัว
การบรรลุจากขั้นซิวฉือระดับที่เจ็ดสู่ขั้นปรมาจารย์แห่งเจ้าถือเป็นขั้นบันไดที่สูงชันมหาศาลซึ่งนํามาสู่ภัยพิบัติอันใหญ่หลวง!

มีเพียงผู้ฝึกตนที่มีการเตรียมพร้อมตั้งรับกับสถานการณ์เลวร้ายอย่างรัดกุมเท่านั้น จึงจะสามารถรักษาชีวิตให้รอดพ้นจากหายนะครั้งใหญ่และก้าวข้ามขีดจํากัดสู่ขั้นการฝึกตนที่สูงส่งขึ้น ทว่าหากรากฐานของบุคคลนั้นไม่แข็งแกร่งพอและโชคชะตาไม่เข้าข้าง เขาอาจตายตกไปพร้อมความวิบัติทั้งมวลที่เกิดขึ้น

หลังจากขัดเกลาโลหิตมังกรบริสุทธิ์และทําการฝึกฝนตามเนื้อหาภายในคัมภีร์มังกรจนกระจ่างแจ้ง ผนวกกับการเข้าถึงแกนหลักของยอดวิชาผสานการฝึกตนร่วมกับสตรีพรหมจรรย์หงจือเซีย เยี่ยฉวนได้ดึงดูดภัยพิบัติร้ายกาจสารพันประการให้คืบคลานเข้าใกล้

ภัยพิบัตินี้นับว่ารุนแรงกว่าภัยธรรมชาติทั่วไปหลายเท่านัก ยิ่งเมื่อประจวบเหมาะกับการก้าวข้ามขีดจํากัดสู่ขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋าจะให้หายนะที่เกิดขึ้นรุนแรงยิ่งกว่าหลายสิบหรือหลายร้อยเท่า! กลุ่มเมฆสีดําทึบก่อตัวขึ้นเป็นชั้นอย่างน่าสะพรึงกลัวพร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังสนั่นกึกก้องไปทั่วพสุธา สายฟ้าสว่างจ้าลักษณะราวงูยักษ์ที่ผ่าลงมาจนพื้นดินสะเทือนทําให้หงจือเซียลืมตาตื่นขึ้นจากห้วงสมาธิและหวนนึกถึงครั้งที่นางบรรลุสู่ระดับสูงสุดของขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋!

หญิงสาวลุกพรวดอย่างฉับพลันก่อนจัดระเบียบ เสื้อคลุมสงครามเจ็ดสีที่สวมใส่อยู่ให้เข้าที่มือ ข้างหนึ่งเอื้อมไปชักอาวุธสังหารประจํากายออกมาและอยู่ในท่วงท่าพร้อมรบประหนึ่งเผชิญหน้าศัตรูที่น่าครั่นคร้ามยิ่ง!

ในเวลานั้นสาเหตุที่นางสามารถข้ามผ่านขีดจํากัดสู่ระดับที่สูงกว่า จําเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือจากราชินีอสูรเกศาขาวเพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัติรุนแรงดังกล่าว แต่เมื่อเปรียบกับหายนะที่มีอานุภาพท้าทายสวรรค์ซึ่งเยี่ยฉวนเป็นคนก่อเช่นนี้ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในความทรงจําของนางเทียบไม่ได้แม้เพียงเสี้ยว!

ยิ่งผู้ฝึกตนมีพื้นฐานการฝึกตนแข็งแกร่งเพียงใด ภัยพิบัติอันเป็นบททดสอบก็ยิ่งทรงพลังมหาศาลถึงเพียงนั้น! เหตุใดศิษย์ชั้นสามัญอย่างเยี่ยฉวนจึงสามารถดึงดูดหายนะจากสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวได้มากมายเช่นนี้?

ตอนนี้เขาขาดทั้งสมบัติล้ําค่าอันทรงพลังไว้ปกป้อง ทั้งยังขาดปรมาจารย์ผู้มีวรยุทธ์แก่กล้าที่คอยให้การช่วยเหลือ แล้วเขาจะเอาชีวิตรอดจากมหันตภัยร้ายนี้ได้โดยวิธีใด?!

หงจือเซียรู้สึกหวั่นวิตกยิ่ง!

ครั้งที่ขอบเขตป้องกันของอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้พังทลายลง ผู้คนที่ยืนอยู่รายล้อมรอบกาย เขามักฉวยโอกาสนี้เพื่อโจมตีอย่างบ้าคลั่งโดยไร้สํานึก ซ้ํายังทําให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิมเป็นเท่าทวี แต่เวลานี้นางเป็นผู้เห็นทุกสิ่งอย่าง และตระหนักว่าเขากําลังจะถูกภัยพิบัติรุนแรงโจมตีในอีกไม่ช้านี้โดยไร้คนพึ่งพา เมื่อเป็นเช่นนี้นางจะทํานิ่งเฉยปล่อยให้เขาเผชิญชะตากรรมแต่เพียงผู้เดียวได้อย่างไร?!

“ครืน…”

เสียงฟ้าร้องอื้ออึงดังลั่นสะท้านทั่วบริเวณ ดูเหมือนว่าต้นตอของภัยพิบัติจากสวรรค์ก่อตัวขึ้นเหนืออาณาจักรสวรรค์แห่งนี้โดยไม่ได้เคลื่อนมาจากพื้นที่อื่นแต่อย่างใด เมฆดําทะมึนม้วนตัวอยู่บนชั้นบรรยากาศอย่างดุเดือด สายฟ้าหลายเส้นผ่าลงมาสู่เบื้องล่าง ทั่วท้องฟ้ากะพริบด้วยแสงสว่างวาบราวพายุใหญ่กําลังจะถาโถม

ใบหน้าหงจือเซียคล้ําหม่นลงทุกขณะเพราะความตึงเครียด จิตใจหนักอึ้งทั้งยังประหม่าจนไม่อาจควบคุม

หากเขาปราศจากสมบัติทรงพลังคอยคุ้มกัน แม้แต่นางก็ไม่มั่นใจในวรยุทธ์ของตนว่าจะช่วยเหลืออีกฝ่ายให้รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้สําเร็จหรือไม่? เยี่ยฉวนมีหนทางรับมือกับมันอย่างไรกันแน่?!

“ปัง!” ประตูทางเข้าของห้องโถงมังกรปีศาจถูกกระแทกเปิดจากด้านนอก หลงเอ๋อร์เปลี่ยนร่างจากเด็กชายกลายเป็นมังกรปีศาจตัวน้อยทันที เขาส่งกระแสจิตพูดคุยกับหงจือเซียอย่างร้อนรน “ภัยพิบัติจากสวรรค์กําลังจะก่อเกิดขึ้นแล้ว! ครั้งนี้ถือเป็นหายนะซึ่งปรากฏขึ้นเฉพาะบุคคลผู้มีทักษะพิเศษที่สืบสายเลือดจากเผ่ามังกรปีศาจเท่านั้น…ภัยพิบัติมังกรสังหาร! พี่หญิงจ๋อเซีย พวกเราควรทําอย่างไรกันดี?”

แม้หลงเอ๋อร์ไม่เคยพานพบประสบการณ์น่าหวาดผวาเช่นนี้มาก่อน แต่เศษเสี้ยวหนึ่งจากความทรงจําของผู้เป็นมารดาทําให้เขาตระหนักรู้อย่างรวดเร็วว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงใดขึ้น!

พลังปราณของเยี่ยฉวนพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากเขาขัดเกลาโลหิตมังกรบริสุทธิ์ และทําการฝึกฝนเคล็ดวิชาในคัมภีร์มังกรจนลุล่วง ไม่คาดคิดว่ายังส่งผลให้ขั้นการฝึกตนของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด ภัยพิบัติที่ถูกเขาดึงดูดเข้าใกล้โดยปราศจากเจตนานี้ไม่เพียงจะนําความเดือดร้อนมาสู่เผ่ามังกรปีศาจ ทว่ายังเป็นโศกนาฏกรรมใหญ่หลวงจากการสังหารมังกรซึ่งปรากฏในตํานาน…มีเพียงยอดฝีมือผู้ปราดเปรื่องของเผ่าเท่านั้นที่รับรู้เรื่องนี้! หลงเอ๋อร์เบิกตากว้างอย่างตระหนกจนร่างสั่นเทิ้มด้วยความหวาดกลัว หากเกิดความประมาทเพียงเล็กน้อยภัยพิบัติดังกล่าวอาจกวาดล้างพี่ใหญ่เยี่ยฉวนจนไม่เหลือแม้เพียงซาก ซ้ําร้ายอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้อาจต้านทานไม่ไหวจนพังทลายลงก็เป็นได้

“หลงเอ่อร์ ขอบเขตป้องกันที่ท่านแม่ของเจ้าสร้างไว้มีกลไกอย่างไร? เจ้าเรียกใช้มันเพื่อต้านภัยพิบัติจากสวรรค์ครั้งนี้ได้หรือไม่?” หงจือเซียเอ่ยถามพลางครุ่นคิดหาทางออกเป็นการด่วน

อากู้ซื้อ ไก่ลี่ผู้เป็นมารดาของหลงเอ๋อร์มีฐานะเป็นถึงยอดฝีมือชั้นเลิศระดับสูงสุดของเผ่ามังกรปีศาจ ไม่แน่ว่าขอบเขตป้องกันอันแยบยลที่นางสร้างขึ้นอาจเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลในช่วงสถานการณ์คับขันเช่นนี้
“ไม่มีประโยชน์หรอกขอรับ ขอบเขตป้องกันที่ท่านแม่สร้างขึ้นทรงพลังหาใดเปรียบ ทว่ามันถูกสร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นมันจึงมีสภาพเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา หนําซ้ําขอบเขตทั้งหมดถูกใช้ไปกับการโจมตีผู้บุกรุกทั้งหลายไปจนสิ้น หากยืนกรานจะรับมือกับภัยพิบัตินี้เราจําเป็นต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ตั้งแต่เริ่มแรก ปัญหาก็คือข้าไม่มีพลังมากพอที่จะทําเช่นนั้น…” หลงเอ๋อร์ส่ายศีรษะ

ขั้นการฝึกตนของหงจือเซียสูงส่งทั้งยังแข็งแกร่งมหาศาลเพราะเพิ่งข้ามผ่านขีดจํากัดสูงสุดมาได้ ไม่นานนักแต่นางยังเป็นเพียงยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋เท่านั้น ต่อให้ราชินีอสูรเกศาขาวผู้บรรลุถึงขั้นกึ่งปราชญ์ยังอาจมีความสามารถไม่เพียงพอที่จะย้อนรอยขอบเขตป้องกันทั้งหมดของอาณาจักรสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งที่รู้อย่างชัดเจนในตอนนี้มีเพียงลักษณะของอากู้ซื้อ ไท่ลี่ผู้สิ้นชีพที่เคยมีพลังสูงส่งยิ่งกว่าผู้ฝึกตนขั้นมหาปราชญ์หลายรายหลายเท่า!

ท้องฟ้าซึ่งปกคลุมไปด้วยเมฆทะมึนแปรปรวนบ้าคลั่ง แสงสว่างวาบพาดผ่านนับครั้งไม่ถ้วน อสนีบาตฟาดลงมาจนพื้นดินสั่นสะเทือน เสียงพายุคะนองยังคงดังกัมปนาทไปทั่วบริเวณ สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียและมังกรน้อยหลงเอ๋อร์ที่ยืนหยัดอยู่ภายในห้องโถงมังกรปีศาจเผยสีหน้าตึงเครียดเพราะแรงกดดันก่อตัวขึ้นในจิตใจอย่างมหาศาล

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด