Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 271 ปรมาจารย์แห่งเต๋ผู้กลืนกินสวรรค์

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 271 ปรมาจารย์แห่งเต๋ผู้กลืนกินสวรรค์ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 271 ปรมาจารย์แห่งเต๋ผู้กลืนกินสวรรค์

“เปรี้ยง!”

ฟ้าผ่าลงมาอีกครั้งทําให้ประตู หน้าต่าง และผนังสั่นกราว

หมู่เมฆทะมึนบนท้องฟ้ากลับกลายเป็นมือขนาดมหึมาบดบังดวงอาทิตย์ ฟ้าร้องฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่กลางฝ่ามือประหนึ่งหัตถ์ทําลายล้างในตํานาน หมายจะบดขยเยี่ยฉวนที่ขั้นการฝึกตนกําลังรุดหน้าอย่างรวดเร็วให้ตายราวกับไม่อาจป ล่อยให้ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานกําเนิดขึ้นบนโลกได้

ยอดฝีมือทุกคนต้องผ่านพ้นภัยพิบัติจากสรวงสวรรค์เพื่อเป็นการล้างบาปเสียก่อนจึงจะออกจากรังไหมได้ นี่เป็นกฎธรรมชาติแห่งฟ้าดินที่ไม่มีผู้ใดหลีกพัน ยิ่งขั้นการฝึกตนสูงส่งและแข็งแกร่งมากเท่าใดยิ่งเผชิญหายนะรุนแรงมากเท่านั้น

สตรีพรหมจรรย์รู้ดีว่าภัยพิบัติจากสรวงสวรรค์เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ภาพหายนะที่ใกล้เข้ามาและเยี่ยฉวนที่ไร้ทางป้องกันกลับทําให้นางร้อนรนขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงกัดฟันพุ่งไปหลังเยี่ยฉวนพร้อมกางแขนออกเพื่อใช้ร่างของตนรับภัยพิบัติมังกรสังหารแทน!

“เมื่อยืนอยู่เบื้องหลังคนรัก ข้าปรารถนาจะเป็นเกราะกําบังหายนะทั้งปวงเพื่อเขา”

“เมื่อกลายเป็นเถ้าถ่าน ข้าปรารถนาให้คนรักของข้ายังยืนหยัด”

“เมื่อไปเยือนโลกใต้พิภพ ข้าปรารถนาให้ทั่วหล้าไร้ซึ่งภัยพิบัติจากสรวงสวรรค์”

เสียงของสตรีพรหมจรรย์ดังขึ้น

น้ําเสียงของนางฟังดูตะกุกตะกักและประหม่าในตอนแรก ทว่าค่อยๆ ดังขึ้นจนก้องกังวานไปทั่วอาณาจักรมังกรปีศาจสวรรค์และทะลุผ่านชั้นเมฆหนาทึบเบื้องบน

สตรีพรหมจรรย์ทุ่มสุดตัวในช่วงเวลาคับขัน นางหลงลืมความกลัวไปจนหมดสิ้น…หลงลืมแม้กระทั่งตนเอง หญิงสาวใช้เคล็ดวิชาฟ้าประทานพร แม้จะยังไม่เชี่ยวชาญ เคล็ดวิชานี้เป็นเคล็ดวิชาคู่กายของราชินีอสูรเกศาขาวและถือเป็นท่าไม้ตายของสํานักอสูรเมฆาแทบทุกรุ่น หงจือเซียเพิ่งศึกษามันได้เพียงเล็กน้อย ทว่าในเวลานี้ไม่มีทางเลือกอีกต่อไป นางไม่สนว่าต้องแลกสิ่งใดเพื่อช่วยชีวิตเยี่ยฉวนจากภัยพิบัติครั้งนี้

โลหิตไหลรินจากมุมปากของสตรีพรหมจรรย์อันเป็นผลข้างเคียงจากการฝืนใช้เคล็ดวิชาฟ้าประทานพร!

นางยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่จะขมวดคิ้วอีก ทั้งยังกล่าวเสียงดังขึ้นอย่างไม่ลดละ หญิงสาวกำลังแผดเผาพลังชีวิตของตนเพื่อขอพรปกป้องเยียฉวน

“อย่า! พี่ใหญ่จ่อเซีย…”

หลงเอ๋อร์น้อยร้องลั่น เด็กน้อยไม่รู้จักเคล็ดวิชาฟ้าประทานพรแต่ก็เห็นได้ชัดว่าสภาพของสตรีพรหมจรรย์ไม่สู้ดีนัก นางสูญเสียพลังชีวิตไปอย่างรวดเร็ว ผิวกายเนียนละเอียดกลับกลายเป็นเหี่ยวย่นจนเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า ในชั่วพริบตาหญิงสาวแก่ลงถึงสิบปี..ยี่สิบปี…ราวกับดอกไม้ที่บานสะพรั่งอย่างน่าทึ่งและร่วงโรยลงทันใด

“ครีน!”

เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง สตรีพรหมจรรย์ไม่อาจทรงตัวได้อีกต่อไป นางโซซัดโซเซจวนจะล้ม ชุดคลุมเจ็ดสีปกคลุมไปด้วยเลือด หากแต่ยังคงใช้เคล็ดวิชาฟ้าประทานพรที่ไม่สม บูรณ์ต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้ หญิงสาวแทบร่วงลงไปกองกับพื้นและหลับใหลไปตลอดกาลเมื่อเอ่ยคําขอสุดท้ายออกไป

ทันใดนั้นมือใหญ่ผลักร่างของหงจอเซียออกไปให้พ้นทางเพื่อขัดจังหวะเคล็ดวิชาฟ้าประทา นพรของนาง!

“หลงเอ๋อร์น้อย ไป! พาพี่หญิงใหญ่จ่อเซียไป หลบภัยใต้ดินซะ”
เยี่ยฉวนผลักสตรีพรหมจรรย์ให้หลบไปโดยไม่หันมามอง

“พี่ใหญ่ แล้วท่านล่ะ?” หลงเอ๋อร์น้อยคว้าร่าง สตรีพรหมจรรย์ที่บาดเจ็บเอาไว้ด้วยท่าที่ลังเล

ฉับพลันเตาหลอมร้อนระอุปรากฏขึ้นตรงหน้า เยี่ยฉวนก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นในห้องโถงมังกรปีศาจ

เยี่ยฉวนลอบใช้เคล็ดวิชาเรียกเตาหลอมระดับสวรรค์อันเก่าแก่เพื่อต่อกรกับภัยพิบัติร้ายแรงจากสวรรค์ พลางผลักฝ่ามือส่งหลงเอ๋อร์และสตรีพรหมจรรย์ให้กระเด็นออกไปนอกห้องโถงมังกรปีศาจ “ไป หลงเอ่อร์น้อย หนีไปเร็ว!”

“เปรี้ยง!” สายฟ้าฟาดลงมาอย่างรุนแรงราวกับอสรพิษร้ายจนห้องโถงมังกรปีศาจแตกร้าว!

ภายนอกห้องโถงมังกรปีศาจไกลออกไปราวร้อยเมตร แรงกดดันอันหาที่เปรียบมิได้ทําให้หลงเอ่อร์น้อยรู้สึกกระวนกระวายและเจ็บแปลบไปทั้งร่าง เขากัดฟันพาสตรีพรหมจรรย์ผู้บาดเจ็บไปซ่อนตัวใต้พิภพในชั่วพริบตา

ภัยพิบัติจากสรวงสวรรค์นั้นรุนแรงยิ่งโดยเฉพาะภัยพิบัติมังกรสังหาร แม้แต่ชาวเผ่ามังกรปีศาจยังอาจถึงฆาตหากต้องเผชิญกับภัยพิบัติชนิดนี้ หลงเอ๋อร์คิดอยากยื่นมือเข้าไปช่วยเยี่ยฉวน แต่เขาอ่อนแอเกินไป หากเข้าไปแทรกแซงอาจเป็นการเอาชีวิตไปทิ้งและขึ้นชื่อว่าเป็นมังกรปีศาจตัวแรกในดินแดนรกร้างที่ถูกฟ้าผ่าตาย!

สายฟ้าฟาดลงมาจากสรวงสวรรค์อย่างหนาแน่นจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนับครั้งไม่ถ้วน!

ภัยพิบัติมังกรสังหารอันน่าสะพรึงกลัวเปิดฉากโจมตีเยี่ยฉวนในที่สุด สายฟ้าผ่าลงมาอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระลอกแล้วระลอกเล่า

หลงเอ๋อร์น้อยขดตัวอยู่ใต้ดินด้วยหัวใจสั่นระรัว ส่วนสตรีพรหมจรรย์ร่ําไห้น้ําตาไหลอาบแก้มและพยายามดิ้นรนออกไปแต่หลงเอ๋อร์รั้งนางเอาไว้ นางคงต้องตายหากผลีผลามออกไปในยามนี้ มิหนําซ้ํายังอาจดึงดูดภัยพิบัติที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่ามายังเยี่ยฉวนก็เป็นได้ ภัยพิบัติมังกรสังหารนั้นร้ายแรงกว่าภัยพิบัติจากสรวงสวรรค์ทั่วไปมาก ยิ่งขัดขืนมากเท่าใดยิ่งโหดเหี้ยมมากเท่านั้น จนยอดฝีมือแห่งเผ่ามังกรปีศาจยังต้องหวั่นเกรง

สิ่งมีชีวิตในรัศมีร้อยเมตรจากอาณาจักรมังกรปีศาจสวรรค์พากันหนีกระเจิดกระเจิง ส่วนพวกที่หนีไปไม่ได้ต่างซ่อนตัวอยู่ใต้ดินด้วยความตื่นตระหนก เหล่าสัตว์อสูรถูกฟ้าผ่าตายตกไปนับไม่ถ้วน งูเหลือมบางตัวมุดหัวและลําตัวอวบอ้วนลงไปใต้ผืนดินได้สําเร็จหากแต่ไม่มีเวลาซ่อนส่วนหางได้ทัน จึงถูกสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวฟาดลงมาจนเป็นเถ้าถ่าน นกบางตัวพยายามบินหนีจากอาณาจักรมังกรปีศาจสวรรค์อย่างมั่นใจในความปราดเปรียว ทว่ากลับถูกสายฟ้าฟาดทั้งที่บินออกไปไม่ถึงร้อยเมตร

ไม่ว่าจะวิ่งหนีบนพื้นดิน แหวกว่ายในสายน้ํา หรือโบยบินในอากาศ ภายใต้ภัยพิบัติมังกรสังหารล้วนมีจุดจบเดียวคือความตาย!

เสียงพสุธากัมปนาทดังกึกก้องขึ้นเรื่อยๆ ราวกับต้องการถอนรากถอนโคนลึกลงไปใต้พิภพจนไม่เหลือซาก สิ่งที่น่าพรั่นพรึงยิ่งกว่านั้นคือ ขอบเขตของภัยพิบัติจากสรวงสวรรค์แผ่วงกว้างขึ้นทุกขณะกระทั่งปกคลุมทั้งเทือกเขาหมอกเมฆา สํานักเครื่องนิล สํานักเบญจลักษณ์ และแม้แต่สํานักหมอกเมฆาล้วนตกอยู่ในขอบเขตของมัน บรรดาศิษย์ทั้งสามสํานักอกสั่นขวัญแขวน ราวกับวันโลกาพินาศมาเยือนและไร้ซึ่งหนทางหนี!

ภัยพิบัติจากสรวงสวรรค์ดําเนินไปถึงสามวัน สามคืน…

สตรีพรหมจรรย์และหลงเอ๋อร์น้อยคลานออกมาจากใต้ผืนดินอย่างระมัดระวังก่อนเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามสดใสสุดลูกหูลูกตา หายนะผ่านพ้นไปในที่สุด อาณาจักรมังกรปีศาจสวรรค์เหลือเพียงซากปรักหักพัง กลุ่มควันมืดทึบพวยพุ่งไปทั่วบริเวณ พระราชวังอันยิ่งใหญ่ตระการตาในกาลก่อนได้พังทลายลงแล้ว

“เยี่ยฉวน เยี่ยฉวน…”

สตรีพรหมจรรย์ร้องเรียกเสียงดัง นางมองหาร่องรอยของเยี่ยฉวนทุกหนทุกแห่ง ทว่าทุกสิ่งตกอยู่ในความเละเทะยุ่งเหยิง หญิงสาวไม่สามารถหาตําแหน่งของห้องโถงมังกรปีศาจอันโอ่อ่าที่หายไปได้ การตามหาคนในซากปรักหักพังอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ไม่ต่างอะไรจากการงมเข็มในมหาสมุทร

“พี่หญิงใหญ่จ่อเซีย ตามข้ามาทางนี้”

แววตาของหลงเอ๋อร์น้อยเป็นประกายเมื่อสัมผัสถึงโลงหินใต้พิภพได้ เขาระบุตําแหน่งของห้องโถงมังกรปีศาจอย่างรวดเร็วและนําหงจือเซียไปยังสถานที่ซึ่งไหม้เป็นตอตะโก พื้นดินโดยรอบไหม้เกรียมและปกคลุมไปด้วยกลุ่มควันหนาทึบ ไร้สัญญาณชีพ แม้แต่อิฐสักก้อนยังไม่รอดพ้นจากการโจมตีของภัยพิบัติมังกรสังหาร…แล้วนับประสาอะไรกับมนุษย์!
“เยี่ยฉวน..”

สตรีพรหมจรรย์พลันหน้ามืดและหมดสติล้มลงกับพื้น หลงเอ๋อร์น้อยรีบเข้าไปประคองนางไว้ทั้งที่ตัวเขาก็โศกเศร้าและใจสลายเช่นกัน

ขณะนั้นเอง มือดําคล้ําโผล่ขึ้นจากพื้นดินตามด้วยศีรษะล้านและใบหน้าที่คุ้นเคย…

ขณะที่หลงเอ๋อร์และสตรีพรหมจรรย์กําลังคร่ําครวญนั้น เยี่ยฉวนพลันโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน!

“ภัยพิบัติมังกรสังหารรุนแรงเสียจริง แต่ข้ากลับรอดชีวิตมาได้! ต่อจากนี้อย่าได้เรียกข้าว่าปรมาจารย์แห่งเต๋ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์ จงเรียกข้าว่าปรมาจารย์แห่งเต๋ผู้กลืนกินสวรรค์ ฮ่าๆๆ”

เยี่ยฉวนที่รอดพ้นความตายมาได้อย่างหวุดหวิด สูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนเงยหน้าคู่ร้องดังก้อง

ในชาติที่แล้วก่อนบรรลุขั้นมหาปราชญ์ ทุกคนต่างขนานนามเขาว่าปรมาจารย์แห่งเต๋ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์ แต่บัดนี้เขาได้ละทิ้งความลับแห่งการซ่อนเร้นสวรรค์จึงอยากเรียกตนเองว่าปรมาจารย์แห่งเต๋าผู้กลืนกินสวรรค์

มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่กลับมาแล้ว!
ในชาติที่แล้วข้าทําได้เพียงซ่อนเร้นสวรรค์ แต่ในชาตินี้ข้าขอเป็นผู้กลืนกินสวรรค์!?

เยี่ยฉวนที่เพิ่งเผชิญการล้างบาปด้วยภัยพิบัติจากสรวงสวรรค์สึกเหิมไปด้วยจิตวิญญาณอันแรงกล้า!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด