Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 277 ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน
บทที่ 277 ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน
สภาพแวดล้อมภายในหุบเขาแลดูงดงาม บริเวณโดยรอบห้อมล้อมด้วยทิวเขาและผืนน้ําประหนึ่งดินแดนดอกท้อที่แยกตัวจากโลกแห่งความเป็นจริง แม้จะยังไม่มีดนักแต่กลับไม่พบร่างของผู้ใด ลานหญ้าทั้งหลายเงียบสงัดราวกับหมู่บ้านแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไปแล้ว
เยี่ยฉวนเดินนําหลงเอ่อร์น้อยจนถึงลานบ้านเล็กๆ เขาเคาะประตูทางเข้าเบาๆ
ลานเล็กแห่งนี้เงียบสงัดเหมือนแห่งอื่นเมื่อมองผิวเผิน แต่พวกเขาสัมผัสได้ถึงออร่าของคนกลุ่ม ใหญ่โดยไม่ต้องใช้เคล็ดวิชาใด เมื่อเงี่ยหูฟังจะได้ยินเสียงพูดคุยดังแว่วมาจากข้างใน แต่เมื่อสิ้นเสียงเคาะกลับเงียบลงไร้การตอบรับ
“พี่ใหญ่เยี่ยฉวน ทําอย่างไรดีขอรับ?” หลงเอ๋อร์น้อยหันมาถาม
“เคาะต่อไป เคาะจนกว่าจะมีคนออกมา” เยี่ยฉวนออกคําสั่งแผ่วเบา ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วเขาต้องเข้าใจให้ได้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดประตูก็เปิดออก ตามด้วยชายชราหนวดเคราขาวโพลน
เขาอยู่ในช่วงวัยเจ็ดสิบปลายถึงแปดสิบและแก่ใกล้ลงโลงเต็มทน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นมองดูเยี่ยฉวนและหลงเอ่อร์อย่างงุนงง “พวกท่านเป็นใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”
ชายชราผ่อนคลายลงเมื่อเห็นว่าเยี่ยฉวนแลดู ไม่ใช่คนชั่วร้ายซ้ํายังมีเด็กน้อยราวแปดขวบติดตามมาด้วย ทว่าแววตายังเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย ยอดฝีมือทั่วไปคงไม่สามารถผ่านค่ายกลเก้าตําหนักที่ปากทางเข้าหมู่บ้านมาได้แล้ว ทั้งสองเข้ามาได้อย่างไร?
“พวกข้าก็เดินเข้ามาน่ะสิ”
เยี่ยฉวนยกยิ้มยียวนก่อนโค้งคํานับเล็กน้อย “เจ้าหนูนี่พอจะรู้เรื่องค่ายกลอยู่บ้าง ส่วนข้าบังเอิญรู้จักค่ายกลเก้าตําหนักที่สาบสูญไปในแผ่นดินใหญ่พอดี พวกเราเข้ามาเพื่อหาที่พักชั่วคราวเท่านั้น หวังว่าท่านผู้เฒ่าจะไม่ถือโทษโกรธเคือง”
“หาที่พักชั่วคราวงั้นหรือ?”
ชายชราสั่นศีรษะ ที่แห่งนี้ไม่ใช่เมืองใหญ่ การมาตามหาที่พักชั่วคราวในป่าลึกจึงไม่ใช่เรื่องปกติ “ไม่ พวกท่านควรหนีไป รีบไปจากที่นี่ซะ ยิ่งไกลเท่าไรยิ่งดี”
ชายชราพยายามจะปิดประตูแต่มือใหญ่กลับดันเอาไว้ เยี่ยฉวนที่อยู่ห่างออกไปหกถึงเจ็ดเมตร ปรากฏกายต่อหน้าอีกฝ่ายในชั่วพริบตาพร้อมกล่าวออก “ท่านผู้เฒ่า ฟ้าเริ่มมืดแล้ว สัตว์อสูรคงออกมาเพ่นพ่านเต็มไปหมด พวกข้าขอซุกหัวนอนแค่คืนเดียวแล้วจะรีบจากไปในเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ได้หรือไม่?”
“ไม่ได้หรอกพ่อหนุ่ม ใช่ว่าข้าไม่อยากให้ท่านพัก แต่…” ชายชราสั่นศีรษะด้วยท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ท่านพ่อ จะพูดอะไรให้มากความ? รีบไล่พวก เขาไปให้พ้น ไม่เช่นนั้นก็บอกให้ไปหาบ้านร้าง พักตามใจชอบ หากพวกเขาถูกปีศาจเฒ่าแห่ง เทือกเขาหยินฆ่าจะได้โทษเราไม่ได้ ทําได้แค่โทษตัวเองเท่านั้น”
น้ําเสียงกระฉับกระเฉงดังแว่วมาจากข้างใน “ปัง!” ชายร่างใหญ่ก้าวยาวๆ ออกมาเปิดประตูผาง เขามองดูเยียฉวนด้วยสายตาเย็นชา เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเท่าใดนัก
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินอย่างนั้นหรือ?
มันเป็นวิญญาณชั่วร้ายประเภทใดกัน?
เยี่ยฉวนครุ่นคิดและยิ่งไม่อยากจากไปมากกว่าเดิม ชายหนุ่มตามหาสัตว์อสุรกายทรงพลังมา ทกหนแห่ง สิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดในตอนนี้คือการได้เผชิญหน้ากับวิญญาณชั่วร้ายที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง เยี่ยฉวนแปลกใจเล็กน้อยเมื่อประเมินชายร่างใหญ่ตรงหน้าถี่ถ้วน
ชายผู้นี้ดูเหมือนมีพลังเหนือมนุษย์แต่กําเนิด เมื่อมองแวบแรก พลังปราณภายในร่างของเขา แข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าปีศาจเพลิง เห็นได้ชัดว่า เขาเป็นยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ ทว่ายอด ฝีมือผู้เก่งกาจอย่างเขายังหวาดกลัวปีศาจเฒ่า แห่งเทือกเขาหยินจนถึงขั้นละทิ้งหมู่บ้านมาซ่อน ตัวอยู่กับครอบครัวที่นี่ เยี่ยฉวนไม่อยากจินตนา การว่าวิญญาณชั่วร้ายนั้นจะทรงพลังมากมาย เพียงใด
“มูซาน เจ้าไม่ควรทําตัวหยาบคายให้แขกตก ใจเช่นนี้!”
ชายชราเอ็ดตะโรเสียงดัง เขาไม่แยแสบุตรชาย และหันกลับมาพูดกับเยี่ยฉวน “คุณชาย ใช่ว่าเราไม่อยากให้ที่พักพิงกับท่าน แต่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่เหมาะกับการค้างแรมจริงๆ โดยเฉพาะในคืนนี้ ข้าเกรงว่าปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินจะกลับมาดูดกลืนดวงวิญญาณของผู้คนอีกครั้ง การปล่อยให้พวกท่านอยู่ที่นี่อาจเป็นการทําร้ายมากกว่าจะเป็นเจตนาดี พวกท่านสองพี่น้องควรรีบหนีไปจากที่นี่ อย่าอยู่ในเทือกเขาแห่งนี้หนีออกไปจากเทือกเขาให้ไกลยิ่งดี”
“แล้วพวกท่านเล่า? เหตุใดจึงไม่หนีไปเสีย?” เยี่ยฉวนเอ่ยถามขณะพยายามทําความเข้าใจสถานการณ์โดยคร่าว
“อนิจจา… บรรพบุรุษเผ่ามู่ของเราอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายล้านปีแล้ว ใบหญ้าแต่ละใบ ต้นไม้แต่ละต้นอิฐแต่ละก้อน กระเบื้องแต่ละแผ่นล้วนมีคุณค่า เราจะทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปได้อย่างไร?” ชายชราสั่นศีรษะด้วยความหดหู เขาแลดูเข้าใกล้วาระสุดท้ายของชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ ชายร่างใหญ่ที่แสดงท่าที่ก้าวร้าวเมื่อครู่ก็เผยสีหน้าหม่นหมองเช่นกัน
“ท่านผู้เฒ่า มีคนอยู่ในบ้านนี้มากมาย ให้พวกข้าสองพี่น้องพักที่นี่สักคืนเถิด ตอนนี้ใกล้จะมืดแล้ว ขึ้นออกไปยามพวกสัตว์อสูรเพ่นพ่านเช่นนี้ จะยิ่งเสี่ยงอันตรายมากกว่าเดิม ต่อให้ไม่อาจรับพวกข้าทั้งสองคนได้ก็ช่วยรับน้องชายข้าไว้ได้หรือไม่? เขายังเด็กนัก ข้าเกรงว่าเขาจะหนีไม่ พันหากต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายเข้า” เยี่ยฉวนยังคง ร้องขอต่อไป เขาข่มออร่าและพลังปราณเอาไว้ เพื่อปลอมตัวเป็นผู้ฝึกตนธรรมดาก่อนกล่าวเสริม “วางใจเถิดท่านผู้เฒ่า พวกเราเป็นศิษย์ชั้นนอกสํานักหมอกเมฆา ครั้งนี้แค่ออกมาเก็บสมุนไพรเท่านั้น ไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไรหรอก ไม่เชื่อดูแผ่นคาดเอวนี่สิ”
เยี่ยฉวนนําแผ่นคาดเอวของเขาออกมาจากอก และยื่นให้ชายชราดู
“ศิษย์สํานักหมอกเมฆานี่เอง ก็ได้ เข้ามาข้างในเสีย เพียงแต่ข้าจะบอกพวกท่านให้ชัดเจนว่า ค่ําคืนนี้อันตรายยิ่ง ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินสามารถปรากฏกายได้ทุกเมื่อ หากมีอันเป็นไป อย่าหาว่าข้าไม่เดือน” ชายชราส่ายศีรษะก่อ นหันหลังนําพวกเขาเข้าไปในบ้าน “ห้องอื่นเต็มหมดแล้ว ข้าขออภัยที่เหลือเพียงห้องนี้เท่านั้น”
“แค่มีที่พักในคืนนี้ก็นับว่าเป็นโชคดีแล้ว ขอบคุณท่านผู้เฒ่ามาก”
เยี่ยฉวนโค้งคํานับเล็กน้อยพลางลอบส่ง สัญญาณให้หลงเอ๋อร์น้อยอยู่ในความสงบ เขาได้ ยินเสียงพูดคุยดังแว่วขึ้นอีกครั้ง เมื่อมองขึ้นไปจึง เห็นว่าห้องโถงใหญ่บริเวณปีกตะวันออกและปีกตะวันตกคลาคล่ําไปด้วยผู้คนทั้งชายและหญิงแก่และหนุ่ม ดูเหมือนว่าคนทั้งหมู่บ้านมารวมตัวกันในที่แห่งนี้ บางคนมองมาจากที่ไกลๆ เป็นระยะด้วยความสงสัยว่าผู้ใดมาหาที่พักชั่วคราวในเวลาเช่นนี้
“ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นศิษย์ชั้นนอกสํานักหมอกเมฆาที่ขึ้นเขามาเก็บสมุนไพร คนหนึ่งอายุไม่เกินยี่สิบและอีกคนอายุเพียงเจ็ดแปดปีเท่านั้น”
“คุณพระ! เจ็ดแปดปีเองหรือ?! หากปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินมาที่นี่เราจะทําอย่างไรกันดี? เฒ่าม่คิดอะไรอยู่? ปล่อยให้พวกเขาพักที่นี่ในเวลาแบบนี้ไม่เป็นการทําร้ายพวกเขาหรอกหรือ?”
“นั่นสิ หากเป็นยอดฝีมือสํานักหมอกเมฆาคงดีกว่านี้มาก พวกเขาอาจช่วยเรากําจัดปีศาจเฒ่าได้ ข้ากลัวว่าพ่อหนุ่มน้อยสองคนนี้จะต้องตายเหลือเกิน อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ ช่างน่าเวทนาเสียจริง!”
ผู้คนพากันกระซิบกระซาบแผ่วเบาจนคนธรรมดาคงไม่ได้ยิน ทว่าเยี่ยฉวนและหลงเอ่อร์น้อยได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคํา
หลงเอ๋อร์กระวนกระวายด้วยไม่รู้ว่าปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเป็นสัตว์อสูรประเภทใด เขาอยากจะอ้าปากถาม แต่เมื่อเห็นเยี่ยฉวนหลับตา นั่งขัดสมาธิเพื่อพักผ่อนก็จําต้องกลืนคําพูดลงไป ก่อนหลับตาพักผ่อนตามไปอีกคน “เอียด…” ประตูไม้บานเล็กเปิดออก เด็กหญิงตัวเล็กผมเปียถือตะกร้าเข้ามาวางลงบนพื้นอย่างเขินอายก่อนวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว นางประหม่าเสียเกินกว่าจะพูดจาทักทาย กลิ่นหอมกรุ่นลอยออกมาจากตะกร้าบ่งบอกให้รู้ว่ามีอาหารอยู่ภายในรอยยิ้มหวานของนางกระตุ้นความอยากอาหารของหลงเอ่อร์โดยไม่ตั้งใจ เด็กชายกลืนน้ําลายตามสัญชาตญาณ
“กินเข้าไป กินเข้าไปอีก หากไม่กินเยอะๆ จะเอาแรงที่ไหนมาจับอสุรกายชั่วร้ายเล่า?” เยี่ยฉวนเอ่ยคําอ่อนโยนพลางนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนต่อไป ขณะที่หลงเอ๋อร์น้อยสวาปามราวกับหมาป่า เขารู้สึกว่าอาหารธรรมดาที่เด็กหญิงเป็นคนนํามาส่ง มีรสชาติหวานล้ํายิ่งกว่ามื้ออาหารหรูหราเสียอีก
.
คอมเม้นต์