Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 282 เทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 282 เทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 282 เทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะ

เส้นทางสัญจรขึ้นสู่ยอดเขาสูงชัน เป็นระยะทางกว่าแปดร้อยลี้เป็นหนทางที่ทุรกันดารยิ่งสําหรับคนทั่วไป พวกเขาต้องเดินทางผ่านแนวเทือกเขาสูงและแม่น้ําหลายสาย ซ้ําร้ายยังต้องเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์ร้ายอีกมากมายนับไม่ถ้วน กว่าจะไปถึงจุดหมายปลายทางอาจใช้เวลาอย่างต่ําประมาณสิบถึงสิบห้าวัน ทว่าสําหรับเยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์ กลับง่ายดายราวสัญจรบนพื้นราบ พวกเขาพยายามระงับสภาวะแข็งแกร่งในร่างกายไม่ให้เป็นที่ประจักษ์และเพิกเฉยต่อสัตว์ร้ายที่ออกล่าในยามราตรี กระทั่งไปถึงที่หมายก่อนรุ่งสาง

ยอดเขาซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งตระหง่าน ปรากฏต่อสายตาพวกเขา…

ภูเขาลูกนี้ไม่สูงเสียดฟ้าหากเทียบกับที่ราบโดยรอบเชิงเขา ทว่าจุดที่โดดเด่นคือเนินที่สูงขึ้นจากพื้นดินห้ายอดเรียงรายต่อกันจนดูคล้ายนิ้วมือทั้งห้าที่หงายชูชัน

เทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะ!

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินที่ได้รับบาดเจ็บหนักควบคุมกระแสลมร้ายเร้นกายหายไปจนได้ร่องรอย เยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์ติดตามไปจนถึงถ้ําใหญ่แห่งหนึ่ง

ทันทีที่เยี่ยฉวนเดินขึ้นมาจนถึงเชิงเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของวิญญาณชั่วร้ายจากทุกหนแห่ง ทว่าเขาไม่อาจหยั่งรู้ว่ามันหลบซ่อนอยู่บริเวณใดกันแน่?!

ชายหนุ่มหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนกวาดสายตาสํารวจรอบยอดเขาแปลกประหลาดอย่างระแวดระวัง

เป็นจริงดังคําบอกกล่าวของผู้เฒ่ามู่ทุกประการเถาวัลย์นานาพันธุ์พันเกี่ยวเลี้ยวลดไปทั่วบริเวณ หากเทียบกับที่ราบโดยรอบและยอดเขาอื่นๆ ซึ่งมีเหล่าพฤกษาขึ้นรกชัฏ สถานที่แห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์มากกว่า สายลมหนาวพัดโชยผ่านมาท่ามกลางแสงจันทร์มีดสลัว วูบ…วูบ… เสียงเถาวัลย์น้อยใหญ่แกว่งไกวกระทบกันราวเสียงร้อง โหยหวนของภูตผีและหมาป่า หากประมาทเพียงก้าวเดียวทั้งสองอาจตกอยู่ในวงล้อมของวิญญาณร้ายไปชั่วกัปชั่วกัลป์!

“ปราณปีศาจในพื้นที่แห่งนี้ช่างหนาแน่นนัก! ต้องมีสิ่งชั่วร้ายแฝงกายอยู่จํานวนมากเป็นแน่…ไม่แน่อาจมีแหล่งพลังงานที่นําไปสู่ความหายนะ หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นสถานจุติของวิญญาณชั่วร้ายนับไม่ถ้วน!”

เยี่ยฉวนหลับตาพร้อมส่งกระแสจิตบริสุทธิ์ออกสํารวจบริเวณโดยรอบ ครั้นสัมผัสถึงกลิ่นอาย ความชั่วร้ายจึงลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าที่แปรเปลี่ยน

ผู้เฒ่ามู่รวมถึงคนอื่นๆ ในหมู่บ้านรู้เพียงสถานที่แห่งนี้เป็นรังกบดานของปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน ยอดเขาปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์นานาชนิดที่แฝงวิญญาณชั่วร้ายหนาแน่น แต่คงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ความเร้นลับที่ซ่อนอยู่ของสถานที่แห่งนี้ โดยปกติแล้วพลังงานแก่นแท้จากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์จะให้กําเนิดเพียงสิ่งมีชีวิตฝ่ายวิญญาณเท่านั้น ดังนั้นปีศาจร้ายเช่นมันไม่ได้กําเนิดขึ้นจากบริเวณที่มันอาศัย ทว่าอาจอพยพมาจากที่สิ่งสถิตอันโสมมตั้งแต่ยุคโบราณ

“พี่ใหญ่ เราควรทําอย่างไรต่อไปดี?” หลงเอ๋อร์เอ่ยถามด้วยท่าที่กระวนกระวาย

เด็กชายตัวน้อยไม่ได้มีประสบการณ์กับการจัดการปัญหาต่างๆ เช่นเยี่ยฉวน แต่สัญชาตญาณของเขาในฐานะมังกรปีศาจทําให้เขาสัมผัสถึงภยันตรายของเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะอย่างชัดแจ้ง หากพวกเขาเร่งรุดขึ้นไปยังเนินเขาโดยปราศจากการไตร่ตรองและวางแผน นอกจากไม่พบปีศาจเฒ่าจอมร้ายกาจแล้ว…พวกเขาอาจพลาดท่าเสียที่ติดอยู่บนยอดเขาลูกนี้จนไม่สามารถหาทางออก

“ฮิๆๆ..ฮิๆๆ”

เสียงหัวเราะน่าสยดสยองของปีศาจเฒ่าดังแว่วมากับสายลมจากที่ใดสักแห่งบนยอดเขา เป็นเชิงรับรู้การมาของบุคคลแปลกหน้าทั้งสอง

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินที่ควบคุมกระแสลมหลบหนีออกจากหมู่บ้านเผ่ามู่จนถึงถ้ําซึ่งเป็นรังนอนสําเร็จจึงค่อยผ่อนคลายความตระหนกลง ที่นี่ล้วนเป็นอาณาเขตของมัน! ถิ่นอาศัยที่คุ้นเคยมาตลอดชีวิต! ทุกสิ่งโดยรอบล้วนเอื้อประโยชน์แก่มันในการต่อสู้ ต่อให้ยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋บุกเข้ามาในเขตนี้ย่อมเสียเปรียบในทุกหนทาง

“หลงเอ๋อร์ ฟังคําขาให้ดี…” เยี่ยฉวนกล่าวคําเบา ใบหูกระดิกเล็กน้อยเมื่อประสาทสัมผัสการได้ยินทํางาน

หลงเอ่อร์สูดลมหายใจลึกก่อนแปลงกายเป็นมังกรปีศาจอย่างช้าๆ “พี่ใหญ่ ปีศาจเฒ่าตนนี้เริ่มเกริมยิ่ง! เราต่อสู้กับมันให้ตายตกกันไปข้างหนึ่งเถิด!”

“ช้าก่อนหลงเอ๋อร์ ลืมเรื่องเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั้นไปก่อนเถิด เจ้าสงบนิ่งแล้วเงี่ยหูฟังอีกที…” เยี่ยฉวนกล่าวปรามหลงเอ๋อร์ไม่ให้กระทําการโดยประมาท

เด็กชายเชื่อฟังคําชี้แนะของอีกฝ่าย เขานิ่งฟังเสียงแปลกประหลาดอีกเสียงด้วยความสนใจ

กระแสลมแรงพัดพาคลื่นความหนาวเหน็บโชยพัดผ่านไปมา…

เสียงหัวเราะของปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยีนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เสียงกรอบแกรบของเถาวัลย์ที่แกว่งไกวด้วยแรงลมยังดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เสียงคํารามของสัตว์อสุรกายที่ออกล่าในยามดึกดื่นดังขึ้นบ่อยครั้งจากพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างออกไป นอกเหนือจากสรรพเสียงต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วยังมีอีกเสียงหนึ่ง…

หลงเอ๋อร์น้อยผู้มีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมเพ่งสมาธิในการฟังเพิ่มขึ้น เขาพอจับแนวทางได้ว่าสิ่งที่ได้ยินคล้ายเสียงน้ําไหลอย่างแผ่วเบา สุ้มเสียงดังกล่าวดังขึ้นจากรอบทิศบนเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะ

บนยอดเขาสูงชันถึงเพียงนี้จะมีเสียงลําธารที่ไหลรินได้อย่างไรกัน? นอกเสียจากว่า…

เด็กชายเงยหน้าขึ้นและพบว่ายอดเขาซึ่งเรียงรายต่อกันทั้งห้าปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวบริสุทธิ์เป็นวงกว้าง หิมะที่ทับถมค่อยๆละลายกลายเป็นธารน้ําแข็งและไหลลงสู่เบื้องล่างอย่างไม่ขาดสาย ถึงกระนั้นก็ปราศจากล่าธารที่ทอดยาวเช่นสถานที่อื่น ครั้นอากาศอุ่นขึ้นจนหิมะละลายน้ําจึงไหลรินไปทั่วเทือกเขาอย่างไร้ทิศทาง ทั้งยังแยกออกเป็นหลายสายกระจายทั่วทุกมุมของเทือกเขาหยินแห่งนี้

“มันคือเสียงน้ําขอรับ! มีน้ําไหลลงจากยอดเขาซึมซาบไปทุกหนแห่ง!”

หลงเอ๋อร์หันไปหาเยี่ยฉวนขณะกล่าวด้วยน้ําเสียงตื่นเต้น “พี่ใหญ่ แต่นั่นหมายความว่า อย่างไรหรือ?”

“น้ําถือเป็นแหล่งกําเนิดของสรรพชีวิต และเป็นสิ่งที่ทําลายสรรพชีวิตเหล่านั้นด้วยเช่นกัน หลงเอ๋อร์ เจ้าจงบินขึ้นไปโปรยโอสถเหลวในขวดแก้วนี้ลงบนยอดเขาทั้งห้า จากนั้นจึงกลับลงมาและรอคอยผลที่เกิดขึ้น”

เยี่ยฉวนหยิบขวดโหลแก้วใบหนึ่งออกมาจากโคมบงกชสีครามก่อนยื่นให้หลงเอ๋อร์เพื่อทําภารกิจ เขาทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิตรงจุดนั้นพร้อมหลับตาเข้าสู่ห้วงสมาธิ

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินยังคงหัวร่อต่อกระซิกไม่หยุดปาก เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เต็มไปด้วยอารมณ์เย้ยหยัน ถึงกระนั้นเยี่ยฉวนก็มิได้นําพาต่อท่าทีของอีกฝ่ายแต่อย่างใด เขากําลังส่งกระแสจิตให้ลอยล่องขึ้นไปสํารวจบริเวณโดยรอบเพื่อเสาะหาหนทางเพิ่มเติมที่จะปราบปรามวิญญาณชั่วร้ายนี้ให้อยู่หมัด!

หลงเอ๋อร์ยังไม่คลายสงสัยทว่าเชื่อฟังคําสั่งของเยี่ยฉวนเป็นอย่างดี เขาแปลงกายเป็นมังกรปีศาจโดยสมบูรณ์ก่อนเหาะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ครั้นบินวนอยู่เหนือยอดเขาลูกแรกจึงละเลงโอสถเหลวลงจนทั่ว จากนั้นจึงผละไปสู่ยอดเขาถัดไป…กระทําการเช่นนี้อย่างสม่ําเสมอจนถึงยอดเขาลูกสุดท้าย

กลิ่นฉุนคละคลุ้งไปทั่วบรรยากาศอย่างรวดเร็ว โอสถเหลวซึ่งเป็นยาสมุนไพรพิษร้ายแรงไหลลง ผสมเข้ากับธารน้ําที่หลอมละลาย ทันใดนั้นการเปลี่ยนแปลงแรกพลันปรากฏขึ้นบนพื้นที่ใกล้ยอดเขา! เถาวัลย์ที่เคยฉ่ําน้ําอวบอิ่มกลับแปรสภาพเป็นเหี่ยวเฉา สีเขียวชอุ่มซึ่งเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแห้งกรอบปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า ประหนึ่งพวกมันขาดสารอาหารจากแสงแดดมาเป็นเวลาสามเดือน หลังจากนั้นบริเวณที่ลดหลั่นลงมาก็ค่อยๆ ถูกกัดเซาะจนมีสภาพเฉกเช่นเดียวกัน แม้แต่ต้นไม้สูงตระหง่านเสียดฟ้าก็ไม่รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ สถานที่ซึ่งเคยเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวากลับแห้งผากไร้ความจรรโลงใจ

“พี่ใหญ่! โอสถชนิดนี้คืออะไรหรือขอรับ?!” หลงเอ๋อร์บินกลับมาหาเยี่ยฉวนก่อนหันไปมองผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังการโปรยยา ครั้นเห็นเทือกเขาทั้งหมดค่อยๆ แปรสภาพจากหน้ามือเป็นหลังมือ จึงรู้สึกหวาดกลัวในฤทธิ์ของมัน จนโยนขวดเปล่าทิ้งไปด้านข้างโดยเร็ว

“โอสถทลายหยาง..มีสมบัติช่วยแยกความชุ่มชื้นซึ่งหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตทั้งมวล เพียงหยดเดียว สามารถสังหารฝูงกุ้งหอยปูปลาในท้องน้ําจนหมดสิ้น!”

เยี่ยฉวนเอ่ยตอบโดยรักษาท่าที่นิ่งสงบ ประโยคที่กล่าวออกราบเรียบราวไม่มีสิ่งใดร้ายแรง ทว่าหลงเอ๋อร์ที่ได้ยินกลับรู้สึกกระสับกระส่ายยิ่ง “พี่ใหญ่ ยะ…อย่าบอกนะขอรับว่ามัน…มันคือโอสถที่ท่านกลั่นเองกระนั้นหรือ?”

หลงเอ๋อร์ทราบความจริงที่ว่าสํานักหมอกเมฆาชํานาญด้านการปรุงยากลั่นโอสถทุกประเภทเป็นอย่างดี ทว่าเขาไม่เคยคาดคิดว่าจะมีโอสถที่มีอานุภาพทําลายล้างร้ายแรงถึงเพียงนี้อยู่บนโลก! หนึ่งหยดสามารถทําลายทุกชีวิตในท้องน้ําอันกว้างใหญ่ได้จนสิ้นซาก เช่นนั้นหากเขาเผลอกลืนลงคอไปสองสามหยดต่อให้ร่างกายแข็งแกร่งด้วยสภาวะมังกรเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานความร้ายกาจดังกล่าว!

“เปล่าหรอก ข้าพบขวดแก้วที่บรรจุโอสถชนิดนี้ จากในอาณาจักรสวรรค์ที่อากู้ซื้อไก่ลี่ทิ้งไว้ บางทีท่านแม่ของเจ้าอาจเคยเป็นถึงปรมาจารย์แห่งนักแปรธาตุอย่างแท้จริง ข้าทําการหยดน้ําสมุนไพรวิเศษลงไปเล็กน้อยเพื่อเจือจางให้คลายความหนืดขั้นลง ทั้งยังเป็นการเสริมพลังของมันขึ้น” เยี่ยฉวนเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม

หลงเอ๋อร์รู้สึกตระหนกยิ่ง! โอสถทลายหยางนี้ช่างอันตรายนัก! นอกจากเจือจางให้แทรกตัวผสมอยู่ในของเหลวอื่นได้ง่ายขึ้นยังเป็นการเพิ่งพลังทําลายล้างอีกหรือนี่?!

เทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะส่งเสียงโหยหวนน่าสะพรึงดังขึ้นจากทั่วสารทิศ วิญญาณร้ายจํานวนมหาศาลต่างคร่ําครวญถึงหายนะที่พวกมันประสบ ราวเสียงหวนไห้ของผีสาง!

หลงเอ๋อร์หวาดผวาต่อเหตุการณ์ตรงหน้าไม่น้อย วิญญาณปีศาจเก่าแก่หลายคนไม่อาจต้านทานอานุภาพรุนแรงของโอสถทลายหยาง เถาวัลย์หลายเส้นแปลงกายเป็นมนุษย์ก่อนวิ่งหลบหนีลงจากยอดเขาที่พวกตนอาศัย หากรั้งรอจนเสียเวลามากกว่านี้อาจไม่มีโอกาสรอดชีวิตอีกต่อไป! บางตัวมีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ ทว่าช่วงล่างยังคงมีสภาพเป็นเถาวัลย์ที่หยั่งรากลึกลงใต้พสุธา กว่าจะรวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายเพื่อให้ขางอกออกมาก็สายเกินไปเสียแล้ว…พวกมันล้วนเหี่ยวแห้งและสูญสิ้นชีวิตลงตรงจุดนั้น!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด