Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 286 ทายาทนิกายพุทธ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 286 ทายาทนิกายพุทธ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 286 ทายาทนิกายพุทธ

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเหยียบย่างผ่านเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะด้วยใบหน้าขมขึ้น เมื่อพบว่าความอุดมสมบูรณ์ทั้งหลายของถิ่นอาศัยที่ตนเคยอยู่กลับกลายเป็นเหี่ยวเฉา ส่วนหลงเอ่อร์ค่อนข้างหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้แต่เยี่ยฉวนยังตกตะลึงอยู่ภายในเมื่อเห็นผลลัพธ์ของโอสถประเภทนี้

เขาได้รับขวดโหลที่มีโอสถทลายหยางบรรจุอยู่ภายในจากอาณาจักรสวรรค์โดยบังเอิญ…เจ้า ได้เลือนรางว่ามันเป็นสมบัติที่อยู่ภายในกะโหลกของมังกรปีศาจซึ่งฉกฉวยมาจากผู้ฝึกตนไร้สังกัดสองสามคน ในเวลานั้นเขามีภารกิจมากมายจนไม่มีเวลาตรวจสอบ ครั้นว่างเว้นจากงานต่างๆของสํานักจึงพิจารณาสมบัติหลายชิ้นที่อยู่ในครอบครอง และรู้เพียงว่าของเหลวที่อยู่ในขวดเป็นโอสถพิษร้ายแรง ไม่คาดคิดว่าจะมีพลังทําลายล่างรุนแรงถึงเพียงนี้!

ช่างน่าเสียดายนักที่เขาใช้มันจนหมดสิ้นแล้ว มิเช่นนั้นอาจแบ่งไว้หนึ่งหยดเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการปรุงโอสถที่มีคุณภาพคล้ายคลึงกัน

เมื่อนึกได้ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงสั่งให้หลงเอ๋อร์กลับไปเก็บขวดยาที่โยนทิ้งไปก่อนหน้านี้เพื่อยังพอ มีตัวยาหลงเหลืออยู่บ้าง

หลงเอ๋อร์แปลงกายเป็นมังกรปีศาจก่อนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความเร็วสูงเพื่อนําขวดเปล่ากลับคืน เยี่ยฉวนหยิบมันขึ้นพินิจและพบว่ามีโอสถเหลวเหลืออยู่สองสามหยดซึ่งเพียงพอแล้วต่อการเก็บรักษาเป็นตัวอย่าง เขารีบปิดผนึกฝาขวดอย่างระมัดระวังทันที

ขวดโอสถทลายหยางมีลักษณะเช่นเดียวกับก้อนผลึกมนุษย์คือเป็นสมบัติที่มาจากโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทั้งยังผ่านการขัดเกลาด้วยเคล็ดวิชาลับของโลกใบนั้นโดยอากู้ซื้อ ไทลี่ผู้เป็นมารดาของหลงเอ๋อร์ ตอนนี้เขาเก็บรักษามันไว้เพื่อทําการพิจารณาส่วนประกอบในวันอื่น หากศึกษาจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ไม่แน่ว่าอาจมีความรู้เกี่ยวกับโลกเหนือแดนสวรรค์มากขึ้นกระทั่งสามารถปรับแต่งจนมีพลังมากขึ้นกว่าของเดิม

ภพชาติก่อน…เยี่ยฉวนเป็นมหาปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่นแร่แปรธาตุไม่แพ้ด้านวรยุทธ์ต่อสู้ บรรดาเคล็ดวิชาลับของสํานักหมอกเมฆาซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยราชาโอสถหัตถ์วิญญาณล้วนเกิดขึ้นจากการชี้แนะของเขา ดังนั้นเคล็ดวิชาแปรธาตุจากโลกเหนือแดนสวรรค์ที่เขาไม่เคยพานพบ

“คุณชายเยี่ย…เทือกเขากว้างสุดลูกหูลูกตานี้ถูกทําลายลงเพราะโอสถนั้นอย่างนั้นหรือ?!” ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเอ่ยถามเสียงสั่นด้วยความสงสัยระคนหวาดกลัว เขาไม่อาจทําใจเชื่อได้ว่าโอสถเพียงขวดเดียวจะมีอานุภาพร้ายกาจถึงเพียงนี้!

“ถูกแล้ว นี่คือโอสถทลายหยาง…เป็นสมบัติล้ําค่าซึ่งมาจากโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่ข้าบังเอิญพบในอาณาจักรสวรรค์ หลัวเต่อ ข้าทําลายเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะของเจ้าจนราบคาบถึงเพียงนี้ ไม่นึกสาปแช่งข้าบ้างหรืออย่างไร?” เยี่ยฉวนเอ่ยตอบปีศาจเฒ่าด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“มะ-ไม่…ไม่ขอรับ! ข้าน้อยไม่กล้า…ไม่กล้าเด็ดขาด!”

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินรีบส่ายศีรษะอย่างหวาดกลัว แม้ยังไม่ให้คํามั่นว่าจะสวามิภักดิ์ต่อเยี่ยฉวนก็ไม่กล้ากระทําการให้เป็นที่ขุ่นเคือง เวลานี้มันอยู่ใต้อาณัติของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์…จะพูดจาดูหมิ่นเขาได้อย่างไร?

แม้เศร้าใจยิ่งที่ถซึ่งอาศัยมาหลายปีถูกทําลายจนไม่เหลือซากแต่ก็ยังพอมีความหวั่นเกรงในวรยุทธ์ของเยี่ยฉวนไม่น้อย เทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะทั้งห้าลูกเที่ยวเฉาด้วยน้ํามือของเด็กหนุ่มผู้นี้ หากไม่ระมัดระวังวาจาเห็นที่อีกฝ่ายต้องปลิดชีพมันเป็นแน่!

เพียงนึกถึงพลังทําลายล้างของโอสถทลายหยางขนทุกเส้นบนร่างกายก็ลุกชันด้วยความหวาดผวา!

“เอาเถิด ข้าไม่ใส่ใจหรอกว่าเจ้าคิดสาปแช่งข้าหรือไม่ ข้าจะแสร้งทําเป็นไม่รู้เห็นใดๆ ก็แล้วกัน”

เยี่ยฉวนยกยิ้มเมื่อคาดเดาความคิดของปีศาจเฒ่าออก แม้รอยยิ้มนั้นแลดูปราศจากพิษภัย ทว่ามันกลับรู้สึกตื่นกลัวยิ่งกว่าเก่า และไม่กล้าปริปากเอ่ยคําใดอีกเพราะเกรงว่าอาจถูกสังหารจนตายตกไปโดยไม่รู้ตัว ทุกครั้งที่พยายามทําความเข้าใจในความสามารถของเยี่ยฉวน ปีศาจเฒ่ากลับพบว่าตนไม่อาจหยั่งถึงความคิดของอีกฝ่ายได้แม้แต่ครั้งเดียว แม้เป็นที่ประจักษ์ว่าเขาบรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่หนึ่ง แต่ทักษะวรยุทธ์กลับลึกล้ําเสียจนศัตรูไม่อาจเอาชนะ

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินก้มหน้าต่ด้วยความนอบน้อมและเกรงกลัวยิ่ง ครั้นออกเดินทางไปได้ไม่นานพวกเขาจึงเดินทางมาถึงปากถ้ําแห่งหนึ่งที่มืดสนิท ปลายทางของถ้ําดังกล่าวเป็นทางเข้าของอาณาเขตลางสังหรณ์โบราณ…ถ้ําพุทธดรรชนี

หากกวาดสายตามองเพียงปราดเดียวอาจพบว่าทางเดินแคบๆ ที่ทอดยาวมีลักษณะราวม่านบางๆที่บิดเบี้ยวและกระเพื่อมเป็นจังหวะคล้ายผิวน้ํา แต่เมื่อก้าวเข้าไปใกล้อีกนิดกลับมีลักษณะคล้ายรอยแตกตามธรรมชาติบนหินผาซึ่งนําไปสู่โลกใต้พิภพที่มืดมนไร้จุดสิ้นสุด แม้อยู่ห่างจากปากถ้ําถึงหนึ่งกิโลเมตรยังสามารถสัมผัสถึงความแปรปรวนของพลังงานเร้นลับบางอย่างจากทางเดินนั้น สิ่งที่มองไม่เห็นทําให้ทุกคนตระหนกจนหัวใจสั่นสะท้าน ประหนึ่งสัตว์อสุรกายโบราณบางตัวที่ซ่อนอยู่หลังทางเดินอาจพุ่งเข้าโจมตีได้ทุกขณะ!

เยี่ยฉวนหยุดชะงักฝีเท้าโดยพลัน รูม่านตาหดเล็กลงขณะสังเกตทางเดินอันน่าสะพรึงกลัวตรงหน้า ทันใดนั้นปีศาจเฒ่าหลัวเต่อและหลงเอ๋อร์ที่เดินตามหลังพลันสัมผัสถึงออร่ารุนแรงที่แผ่ออกจากร่างกายของเยี่ยฉวน รัศมีทรงพลังนั้นขยายปกคลุมทั่วผืนฟ้าโดยรอบอย่างรวดเร็วประหนึ่งตาพายุ!

ปีศาจเฒ่าเดินไปหยุดอยู่ระหว่างเยี่ยฉวนและทางเดินอันน่าสะพรึงด้วยร่างกายสั่นสะท้าน ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ หลงเอ๋อร์ยืนหลบอยู่ด้านหลังเยี่ยฉวน เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขันเขาจึงกลายร่างเป็นมังกรปีศาจเพื่อต้านทานแรงกดดันที่ไม่อาจมองเห็น

“พี่ใหญ่ เกิดสิ่งใดขึ้นหรือขอรับ?!” หลงเอ๋อร์เอ่ยถามท่าลายความเงียบในที่สุด

การกระทําของเยี่ยฉวนในตอนนี้ทําให้เขารู้สึกประหม่าไม่น้อย ความแปรปรวนของพลังงานได้เทียมทานสร้างแรงกดดันมหาศาลจนรู้สึกหนักหน่วงแทบหายใจไม่ออก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดยั้งเห็นทีเขาอาจล้มฟุบลงกับพื้นเป็นแน่!

“นี่ไม่เป็นเพียงทางผ่านธรรมดาสู่ดินแดนใหม่ ทว่าเป็นช่องว่างระหว่างห้วงเวลาและอวกาศ!”

เยี่ยฉวนเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด

ด้วยประสบการณ์อันยาวนานของนับตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ผู้ครอง ดินแดนรกร้างกว้างใหญ่ทั้งหมด เขาจึงสามารถจดจําสิ่งที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี นี้ไม่ใช่ทางผ่านทว่าเป็นช่องว่างระหว่างห้วงเวลาซึ่งพบเจอได้ยากยิ่ง! เรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่าอาณาจักรลางสังหรณ์โบราณ นั่นหมายความว่าถ้ําพุทธดรรชนีไม่ได้ตั้งอยู่บนดินแดนรกร้าง แต่ตั้งอยู่ในมิติเวลาและแผ่นดินอื่นเช่นเดียวกันกับโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์!

ถึงกระนั้นภยันตรายระหว่างอาณาจักรลางสังหรณ์โบราณและโลกเหนือแดนสวรรค์ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง…

แม้อาณาเขตลางสังหรณ์โบราณแฝงไปด้วยภัยร้ายมหาศาลทั้งยังมีวิญญาณชั่วร้ายซ่อนอยู่ ทว่ามันก็ยังอาศัยอยู่ในขอบเขตของดินแดนรกร้างบนโลกมนุษย์ ส่วนโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้นแตกต่างออกไปเพราะเป็นแผ่นดินใหม่ที่ไร้ความคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง บนโลกมนุษย์ ผู้ฝึกตนซึ่งบรรลุขั้นมหาปราชญ์ก็นับว่ามีวรยุทธ์ล้ําเลิศถึงขั้นท้าทายสวรรค์ แต่อีกโลกหนึ่งอาจมีผู้ฝึกตนจํานวนมากที่บรรลุการฝึกตนเหนือกว่าขั้นมหาปราชญ์และสามารถบดขยี้นักปราชญ์ในอีกโลกให้ตายตกไปด้วยนิ้วมือเดียวเท่านั้น!

ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินผู้มีช่วงชีวิตยาวนานหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งแสนปี จะมีสถานะเป็นเพียงอสูรน้อยตัวเล็กๆ ที่ดํารงชีวิตอยู่ในแต่ละวันด้วยความหวาดระแวงผู้เหนือกว่าที่อาศัยอยู่ในอาณาเขตลางสังหรณ์โบราณแห่งนั้น

เยี่ยฉวนตระหนักชัดแจ้งในทันทีว่าปีศาจเฒ่าหลัวเต่อมได้โป้ปดเกินจริงแต่อย่างใด

“คุณชาย เราสามารถเสาะหาหนทางเพื่อออกจากปลายทางถ้ําพุทธดรรชนีซึ่งมีสถานะเป็นอาณาจักรลางสังหรณ์โบราณสู่ห้วงมิติเวลาในอวกาศได้หรือไม่? หากเป็นเช่นนั้นวิญญาณร้ายตนอื่นๆ สามารถข้ามผ่านมิติห้วงเวลาดังกล่าวมายังสถานที่แห่งนี้ได้หรือเปล่า?” ปีศาจหลัวเต่อรู้สึกประหม่าไม่น้อย มันปักใจเชื่อมาโดยตลอดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเพียงทางผ่าน ทั้งยังไม่เคยรู้มาก่อนว่าทางเดินธรรมดากลับทรงพลังถึงขั้นข้ามไปยังต่างมิติได้

“หลัวเต่อ แม้แต่ตัวเจ้าที่เป็นปีศาจตัวเล็กตัวน้อยยังสามารถเดินทางข้ามผ่านมายังจุดนี้ได้สําเร็จ ดังนั้นวิญญาณร้ายอื่นๆ ก็สามารถข้ามผ่านมาได้เช่นกัน!”

เยี่ยฉวนก้าวถอยหลังอย่างเนิบช้า เขาไม่อาจหยั่งรู้แน่ชัดว่าสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเป็นเพียงภาพลวงหรือไม่ แต่เมื่อยืนนิ่งอยู่ตรงจุดนั้นกลับสัมผัสถึงยันต์กลืนกินสวรรค์รูปพระโพธิสัตว์ซึ่งหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ทั้งประสาทการได้ยินยังสดับถึงเสียงเพรียกที่ดังขึ้นจากอีกฟากฝั่งของมิติกาลเวลานี้ ยิ่งนานเสียงนั้นยิ่งดังกังวานขึ้นเรื่อยๆ ยันต์รูปพระโพธิสัตว์แผ่ปราณไหลเวียนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายกว่าครั้งไหนๆ หนําซ้ํายังขยายตัวและควบแน่นขึ้นหลายเท่าคล้ายจะผลักดันให้ยันต์รูปมังกรปีศาจกลายเป็นเครื่องรางชิ้นหลัก ร่างกายแสดงถึงร่องรอยการแปรเปลี่ยนเป็นพระโพธิสัตว์เจ้าให้ความรู้สึกอึดอัดยิ่ง!

แม้ภพชาติก่อนเยี่ยฉวนเคยยิ่งใหญ่ถึงขั้นสามารถซ่อนเร้นสวรรค์ด้วยฝ่ามือ ทว่าเขามีความรอบรู้เกี่ยวกับนิกายพุทธโบราณเพียงน้อยนิด ทําให้เขาถอยห่างออกมาเพื่อระมัดระวังตนในสิ่งที่ตนไม่เคยพานพบ แต่แล้วเขากลับหวนนึกถึงอาวุโสลําดับเจ็ดผู้สวมเสื้อคลุมสีฟ้าซึ่งเคยเจอบริเวณหุบเขามังกรปีศาจขึ้นมา เขาพยายามคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของบุคคลผู้นั้นอยู่เสมอ ในใจอดสงสัยไม่ได้ว่าคนผู้นั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากมายืนอยู่ในตําแหน่งเดียวกันนี้?

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด