Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 290 ไร้ทางออก

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 290 ไร้ทางออก อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 290 ไร้ทางออก

เยี่ยฉวนไล่ตามแขกไม่ได้รับเชิญไปจนถึงบริเวณข้างสระน้ำขนาดใหญ่จนทันการณ์…

บุคคลปริศนาเป็นชายกําย่าสวมชุดคลุมสีดําสนิทและมีหน้ากากปิดบังใบหน้า ในมือถือกริชสั้นคมกริบร่างกายเปื้อนเปรอะไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ต้องเป็นเลือดของหยางเทียนกวงคนอื่นๆรวมถึงตัวมันเองไม่ผิดแน่!ในที่สุดก็พบชายนิรนามที่เป็นฆาตกรยามวิกาลในคืนนี้!

ขณะนั้นเอง…ชายสวมหน้ากากจึงหันหลังกลับไปมองครั้นเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งและมังกรปีศาจซึ่งเป็นบริวารอยู่เคียงข้างร่างกายของเขากลับสันเทา

สาเหตุที่สั่นเทาก็เพราะความหวาดกลัว!

เบื้องหน้าชายนิรนามเป็นน้ำตกความสูงเกือบหนึ่งร้อยเมตร มวลน้ำจํานวนมหาศาลไหลลงสู่เบื้องล่างจากผาสูงส่วนล่างของน้ำตกเต็มไปด้วยโขดหินแหลมคมซึ่งมีตะไคร่น้ำและมอสเขียวครึมขึ้นโดยทั่ว แม้แต่สิ่งที่มีทักษะเป็นเลิศในการปีนป่ายยังไม่สามารถปีนขึ้นมาจากเบื้องล่างได้

เขาวิ่งหลบหนีอย่างไร้ทิศทางกระทั่งเข้าสู่ทางตัน ตอนนี้เขาไร้หนทางหนีโดยสิ้นเชิง!

จิตสังหารของเยี่ยฉวนและมังกรปีศาจหลงเอ๋อร์แข็งแกร่งกว่ากลุ่มของหยางเทียนกวงอย่าง หาใดเปรียบ เขาสัมผัสถึงความอันตรายที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของฝ่ายตรงข้ามเวลานี้เขาไม่มีความบ้าบินพอที่จะปะทะกับพวกเขาเพื่อฝ่าวงล้อมออกไปเบื้องหน้าเป็นเส้นทางมรณะส่วน เบื้องหลังก็เต็มไปด้วยศัตรูที่ร้ายกาจยิ่งครั้นไร้ทางออกจึงหวาดผวาจนร่างสั่นสะท้าน

“เจ้าเป็นใคร?! ผู้ใดส่งเจ้ามาที่นี่?”

เยี่ยฉวนซึ่งนั่งอยู่บนหลังของมังกรน้อยหลงเอ๋อร์จ้องมองชายแปลกหน้าด้วยสายตาเย็นชา

เขายับยั้งความแปรปรวนของพลังปราณในร่างและออร่าแห่งสภาวะกิ่งมังกรจนคล้ายมนุษย์ทั่วไปที่ไม่เคยผ่านการฝึกตนแต่ยิ่งทําเช่นนั้นอีกฝ่ายกลับหวาดกลัวยิ่งขึ้นเป็นเท่าทวี!ชายสวมหน้ากากรู้สึกว่าเยี่ยฉวนนั้นอันตรายยิ่งกว่ามังกรปีศาจที่เขาขอยู่เสียอีก!

ชายชุดดํานิ่งเงียบไม่ปริปากเอ่ยคําใด เขาเพียงกวาดสายตามองบริเวณโดยรอบเท่านั้นด้วยความหวังอันแรงกล้าว่าอาจพอมีหนทางหลบหนี

“เหตุใดจึงเอาแต่เงียบเช่นนั้นเล่า?! ข้าคงไม่มีทางเลือกนอกจากสรรหาวิธีทรมานหนึ่งร้อยแปดอย่างมาให้เจ้าลิ้มรสจนร้องขอความตายมากกว่าอ้อนวอนให้ไว้ชีวิตถึงเวลานั้นข้าจะรอดูว่าเจ้าจะยอมปริปากหรือไม่?!”

เยี่ยฉวนกระโจนลงจากหลังมังกรพุ่งตรงเข้าประชิดตัวชายแปลกหน้าทันที!

ในฐานะอดีตนักปราชญ์ผู้เคยซ่อนเร้นสวรรค์…ไม่มีวิธีทรมานแบบใดที่เขาไม่เคยพานพบเพียงออกแรงเคลื่อนไหวแผ่วเบาศัตรูจอมเย่อหยิ่งที่เคยแข็งแกร่งจะกลับกลายเป็นลูกแกะตัวน้อยที่อ่อนแอและเปิดเผยความลับทุกสิ่งออกมาอย่างหมดเปลือก

“แน่จริงก็เข้ามา!”

ชายแปลกหน้ายอมอ้าปากพูดเป็นครั้งแรกเนื่องจากไร้หนทางหลบหนีโดยสิ้นเชิงเขาจึงเลือกที่จะต่อสู้กับเยี่ยฉวนให้ตายตกกันไปข้างด้วยสภาพอันน่าอเนจอนาถ

กริชสั้นคมกริบในมือตวัดกวัดแกว่งหมายจ้วงแทงเข้าไปบริเวณอกของเยี่ยฉวน!

ทันใดนั้นเยี่ยฉวนจึงเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนไหวเขาพลิกฝ่ามือหงายขึ้นพลางคว้าข้อมือของอีกฝ่ายและออกแรงผลักเต็มที่ชายชุดดําถึงขั้นเสียหลักจนทรงตัวไม่มั่งคงอีกต่อไปครั้นสบจังหวะเยี่ยฉวนจึงหักข้อมือศัตรูให้พลิกกลับด้านกริชสั้นร่วงลงสู่พื้นดินอย่างหมดความหมายจากนั้นข้อศอกสะบักไหล่รวมถึงข้อเข่าและข้อต่อทุกส่วนในร่างกลับหลุดออกจากกันเป็นหลายท่อนชายแปลกหน้าถูกเยี่ยฉวนทําร้ายอย่างสาหัสจนไม่อาจเคลื่อนไหวต่อต้าน

ชายแปลกหน้าสวมชุดดําพ่ายแพ้ให้กับการโจมตีของเยี่ยฉวนเพียงครั้งเดียวอย่างราบคาบอีกทั้งขอบเขตการฝึกตนยังด้อยกว่าอีกฝ่าย…เขาบรรลุเพียงขั้นซิวฉือระดับสูงสุดเท่านั้นผนวกกับก่อนหน้านี้ที่ถูกโจมตีจนบาดเจ็บเป็นทุนเดิมทําให้เขาไม่สามารถหยุดยั้งการกระทําของอีกฝ่ายได้แม้หนึ่งกระบวนท่า

“เจ้าเหลือโอกาสสุดท้ายพูดออกมา!ใครส่งเจ้ามาที่นี่?!”เยี่ยฉวนถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดขณะแผ่จิตสังหารเย็นเยียบเขาหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนกล่าวเสริม“ใช้มันสมองของเจ้าเพื่อหาทางรอดให้ตัวเองซะ!อย่าบังคับให้ข้าต้องลงมือทรมานเจ้า!”

“ฮ่าๆๆ! ฝันไปซะเถอะ! สักคน…ใครสักคนต้องตามมาล้างแค้นแทนข้า! ฮ่าๆๆ!”

ชายชุดด่าแค่นเสียงคํารามกลั้วหัวเราะสายตาที่จ้องเขม็งไปยังเยี่ยฉวนเต็มไปด้วยแรงอาฆาตทันใดนั้นเลือดสีดําสนิทพลันไหลรินลงจากมุมปากของเขา จากนั้นชายแปลกหน้าผู้นี้จึงล้มลงศีรษะฟาดพื้นสิ้นลมหายใจทันที! เยี่ยฉวนรีบก้าวไปด้านหน้าทว่ายังช้าเกินไป

“ในปากของเขามีฟันเคลือบยาพิษ เราช่วยชีวิตเขาไว้ไม่ทันเสียแล้ว..ช่างเหี้ยมโหดนัก เขาคือใครกันแน่?!”

หลงเอ๋อร์น้อยแปลงกายกลับเป็นเด็กชายตัวน้อยดังเดิมเขารีบสาวเท้าเข้าไปสํารวจโพรงปากของชายแปลกหน้าผลลัพธ์ที่ปรากฏทําให้เขาตื่นตระหนกยิ่ง!เมื่อถอดหน้ากากออก…ใบหน้าที่ ไม่คุ้นเคยจึงประจักษ์ต่อสายตา

“ข้ารู้แล้ว! เขาคือสาวกทูตแห่งโลกันตร์! ข้าอุตส่าห์ไม่เดินทางไปเมืองหลวงเพื่อกวาดล้างตระกูลหลงแต่พวกมันกลับไม่ปล่อยให้เทือกเขาเมฆาดํารงอยู่อย่างสงบเหตุที่มาที่นี่อาจเป็นเพราะต้องการก่อความวุ่นวายให้กับสํานักของเราทั้งตระกูลหลงและทูตแห่งโลกันตร์มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันจริงๆ!เป็นดังที่คาดไว้ไม่มีผิดก่อนมรสุมพัดผ่านไม่ว่าภูตผีหรืออสรพิษกลับออกมาเดินพล่านไปหมด!”เยี่ยฉวนแค่นเสียงเย็นชาเขาตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของชายแปลกหน้าได้ในเวลาไม่นานนักลักษณะภายนอกชี้ชัดว่าเขาเป็นสาวกคนหนึ่งของทูตแห่งโลก

การอมฟันเคลือบยาพิษไว้ในปากตลอดเวลา…เมื่อจนตรอกจึงปลิดชีพตนเองด้วยการใช้ฟันดังกล่าวกัดลิ้นนี่คือรูปแบบจําเพาะของทูตแห่งโลกันตร์เท่านั้น!

“เช่นนั้นเราควรทําอย่างไรต่อดีขอรับ?” หลงเอ่อร์เอ่ยถาม
เยี่ยฉวนไม่กล่าวตอบคําถามนั้นในทันที สถานการณ์ปัจจุบัน…ทั้งราชวงศ์ต้าฉันและสํานักอสูรเมฆาอยู่ในสถานะพร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ ตอนนี้สํานักหมอกเมฆายังอยู่ในช่วงสงบก่อนเกิดคลื่น

พายุหากทุกอย่างเลวร้ายลงจนไร้เสถียรภาพทูตโลกันตร์ต้องฉวยโอกาสที่สํานักระส่ําระสายลอบเข้ามายึดครองเป็นแน่!แต่เมื่อสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายจึงพบว่าไม่ได้บุกรุกโดยมีเจตนากวาดล้างรุนแรงอาจเข้ามาเพียงเพราะต้องการวางอุบายบางอย่าง

หากเขาอยู่ในสถานะเดียวกับทูตแห่งโลกันตร์จะทําอย่างไรกับเหตุการณ์ตรงหน้านะหรือ? เขาจะใช้หนทางใดเพื่อเข้ายึดครองอานาจของสํานักหมอกเมฆาโดยไม่เปลืองแรงทั้งยังสามารถผนวกสามส่นักบนเทือกเขาหมอกเมฆาให้กลายเป็นหนึ่งเดียว?

เยี่ยฉวนพยายามครุ่นคิดถึงปัจจัยบางประการที่ส่งผลต่อเจตนาของฝ่ายศัตรุทว่าเขาไม่อาจตัดสินเฉียบขาดในเวลานี้

ตูม! ขณะนั้นเองเสียงสิ่งของชิ้นใหญ่บางอย่างตกลงไปยังธารน้ำเบื้องล่างดังสนั่น!

หลงเอ๋อร์หันขวับไปมองตามเสียง ครั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงร้องออกมาอย่างตระหนกยิ่ง! “พี่ใหญ่! มะ..มีคนตกลงไปขอรับ!”

เยี่ยฉวนได้ยินดังนั้นจึงสลัดความคิดจนหลุดออกจากห้วงภวังค์โดยพลันและรีบกระโดดตรงไปยังที่เกิดเหตุอย่างไม่รอช้า สิ่งที่ร่วงลงไปไม่ใช่ท่อนไม้ทว่าเป็นสตรีนางหนึ่ง!เส้นผมดําขลับยาวสยายกระจายอยู่บนผิวน้ำทว่าร่างกายกลับค่อยๆดิ่งลึกลงไปในกระแสน้ำวน

เยี่ยฉวนเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วยิ่งกว่าหลงเอ๋อร์ เขากระโดดเหยียบคลื่นน้ำก่อนดึงร่างสตรีชุดขาวผู้เคราะห์ร้ายที่กําลังจมน้ำขึ้นมาจากนั้นจึงอุ้มร่างของนางไว้และพาขึ้นฝั่งทันทีที่จัดท่าทางให้นางนอนหงายและกําลังช่วยแก้ไขให้ฟื้นคืนเขากลับตกตะลึงยิ่งเมื่อสตรีขาวผ่องผู้มีทรวดทรงสมบูรณ์แบบนางนี้ไม่ใช่คนอื่นไกลแต่เป็นแม่นางนกน้อยโท่วป่าเซียงเพียว!เขาระลึกย้อนไปและพบว่าตนไม่ได้ติดต่อกับนางนับตั้งแต่แยกย้ายไปคนละเส้นทางในอาณาจักรสวรรค์

“เซียงเพียว! แม่นางเซียงเพียว! ฟื้นสิ!”เยี่ยฉวนเขย่าร่างนางหลายครั้งพลางตะโกนเรียกสติ

หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นทันทีที่สายตาสบเข้ากับเยี่ยฉวนนางกลับไม่ปริปากเอ่ยคําใดทว่ากลับยกฝ่ามือขึ้นปิดใบหน้าและร้องไห้ฟูมฟายอย่างหนักผมสลวยที่เปียกชุ่มน้ำพันกันยุ่งเหยิงขาเรียวผ่องตั้งแต่น่องจรดฝ่าเท้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและเลือดไหลซิบแสดงให้เห็นว่านางเดินด้วยเท้าเปล่ามาจนถึงที่นี่

“ไม่เป็นไรแล้วเซียงเพียวไม่มีผู้ใดคิดร้ายต่อเจ้าแล้วยามนี้ดึกสงัด…เห็นที่เจ้าควรกลับไปพักพื้นที่สํานักหมอกเมฆาก่อนดีกว่าหากเจ้าเผชิญเรื่องร้ายใดข้ายินดีฝ่าฟันไปพร้อมเจ้า!”

เยี่ยฉวนยังไม่กล่าวถามถึงสิ่งที่ตนสงสัยเขาเพียงแบกร่างอ่อนปวกเปียกของหญิงสาวไว้บนแผ่นหลังก่อนเร่งเดินทางกลับไปยังสํานักหมอกเมฆาทันที

แม่โท่วป่าเซียงเนียวมีกิริยามารยาทอ่อนหวานงดงามราวนกน้อยในกรงทองทั้งยังมีนิสัยโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่นอยู่เป็นนิจทว่าลึกๆ แล้วนางเป็นสตรีที่เข้มแข็งและกล้าหาญยิ่งต่อให้โลกนี้ไว้ซึ่งทางออกนางก็ไม่มีวันยอมพ่ายแพ้หรือกระโดดหน้าผาเพื่อปลิดชีพเช่นนี้เป็นแน่!นอกเสียจากว่ามีเหตุร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้นในส่านักเครื่องนิลที่นางจากมา!

บทที่ 290 ไร้ทางออกงใดเกิดขึ้นภายในสํานักเครื่องนิลหรือสํานักเบญจลักษณ์ล้วนส่งผลกระทบต่อสํานักหมอกเมฆาทั้งสิ้นเมื่อเห็นโท่ว

ป่าเซียงเนียวตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ยิ่งนึกกังวลนัก เพียงอึดใจเดียวเยี่ยฉวนก็เร่งฝีเท้ามายังทางเข้าสานักหมอกเมฆาด้วยความเร็วราวลมเหาะ

หลังจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาจซื้อเจียรับหน้าที่เป็นผู้นําบรรดายอดฝีมือชั้นสูงและปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยของสํานักด้วยตนเอง นางรู้สึกกระสับกระส่ายจนนั่งไม่ติดด้วยกลัวว่าชายผู้เป็นที่รักจะเผชิญอันตรายบางอย่างเข้าครั้นเห็นร่างเยี่ยฉวนเดินเข้ามาอย่างปลอดภัยจึงผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกแต่เมื่อเดินเข้าใกล้กลับพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาเพียงผู้เดียวแต่กลับแบกร่างสตรีนางหนึ่งซึ่งเสื้อผ้าเปียกปอนไว้บนหลังทันใดนั้นความผ่อนคลายจึงมลายหายไปในพริบตา!

“ไอ้คนสารเลว! ครู่นี้เจ้าซ่อนสตรีแปลกหน้าไว้ในห้องหับผ่านไปเพียงชั่วครู่กลับพาสตรีอีกคนกลับมาจากด้านนอกอีกรี?!”

จซื้อเจียขบกรามแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยวจนนึกอยากพุ่งเข้าไปตบตีเขาเพื่อระบายความห่งหวงเมื่อจ้าวต้าจอที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นศิษย์พี่หญิงของตนเผยสีหน้าเช่นนั้นจึงลอบคร่ำครวญในใจและกระเถิบหนีออกห่างเพื่อไม่ให้ถูกลูกหลงเช่นทุกครั้ง…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด