Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 298 เหตุใดจึงไม่ยอมจํานนเสีย?

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 298 เหตุใดจึงไม่ยอมจํานนเสีย? อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 298 เหตุใดจึงไม่ยอมจํานนเสีย?

“ท่านเจ้าสํานักโปรดดูบางอย่างด้วยตาของท่านเองเถิด!”

เยี่ยฉวนปรบมือหนึ่งครั้งจากนั้นจ้าวต้าจอจึงคุมตัวสาวกของสํานักเครื่องนิลที่ถูกจับกุมเข้ามา

ชายคนหนึ่งที่มีสภาพสะบักสะบอมคือสาวกคนสนิทที่โท่วป่าเซียงมอบหมายให้เขาคอยคุ้มกันสํานักเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงทุกขณะจึงพยายามหลบหนี้เพื่อรายงานข่าวนี้ให้กับเจ้าสํานักเป็นการด่วนทว่ากลับไปไม่ถึงฝั่งฝันและถูกจับกุมตัวอย่างโหดเหี้ยม เขาถูกทุบตีด้วยของแข็งจนบาดเจ็บหนักร่างกายที่เคยแข็งแกร่งกลับส้นเทาการถูกผู้ที่แข็งแกร่งกว่าราวพยัคฆ์ร้ายควบคุมทําให้แข้งขาอ่อนลงจนต้องใช้เรี่ยวแรงมหาศาลเพื่อก้าวไปด้านหน้าแต่ละก้าว

แขนและขาของโท่วป่าเซียงแข็งที่อเสมือนก้อนหินเย็นเยียบ ทันทีที่เห็นหวางหลี่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้จึงตระหนักทันทีว่าเกิดเรื่องน่าสะพรึงกลัวขึ้นกับสํานักเครื่องนิลเสียแล้ว!

บรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลที่หลงเหลืออยู่เผยสีหน้าซีดเผือดพร้อมขวัญกําลังใจที่ลดฮวบไม่มีผู้ใดขลาดเขลาเกินกว่าจะไม่เข้าใจถึงสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น แม้แต่ชายชราสวมหน้ากากก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน

สํานักเครื่องนิลถูกบดขยี้โดยศัตรูซึ่งฉวยโอกาสช่วงที่มาตรการป้องกันหละหลวมเวลานี้ทรัพยากรคนจํานวนน้อยนิดที่เหลืออยู่ก็ถูกปิดล้อมด้วยแรงกดดันมหาศาล!

สํานักเบญจลักษณ์ล่มสลายแล้ว…สํานักเครื่องนิลก็จบสิ้นความรุ่งโรจน์ไม่ต่างกัน!

หัวใจของศิษย์ทุกคนสั่นสะท้านด้วยความสิ้นหวัง ทุกคนรับรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแก้ไขให้กลายเป็นดีได้ยากยิ่ง แม้เจ้าสํานักโท่วป่าเซียงมีวรยุทธ์ท้าทายสวรรค์ก็ไม่อาจพลิกผันสิ่งใดได้ความประ มาทเพียงประการเดียวทําให้สํานักเครื่องนิลที่เคยแข็งแกร่งถูกทําลายย่อยยับ

“สํานัก…ท่านเจ้าสํานักขอรับ สํานักหมอกเมฆาบุกเข้ายึดครองสํานักเครื่องนิลโดยสมบูรณ์แล้วมะ..มันถูกเผาจนมอดไม่เหลือซากแล้วขอรับ!” สาวกคนสนิทนามหวางลึกล่าวรายงานในเวลาที่สายเกินไปก่อนทรุดตัวล้มลงกองกับพื้น

ก่อนนําไพร่พลออกไปสู้รบโท่วป่าเซียงตั้งความหวังไว้กับเขาสูงส่งยิ่ง ทั้งยังมอบหมายภารกิจสําคัญเช่นปกป้องคุ้มครองสํานักช่วงที่เขาไม่อยู่ ทว่าสํานักกลับถูกทําลายจนไม่เหลือซากโดยที่ไม่สามารถส่งข่าวสารได้ทันเวลานับเป็นการละเว้นหน้าที่ซึ่งมีโทษร้ายแรงยิ่ง หากไม่ใช่เพราะม่านแสงสีแดงที่ครอบคลุมอยู่โดยรอบโท่วป่าเซี่ยงคงทุบตีเขาจนถึงแก่ความตายด้วยหม้อสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ใบนั้น

บรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายอีกครั้ง ทุกคนต่างต้องการล่าถอยโดยไม่คิดดึงดันต่อสู้อีกต่อไป

สํานักเครื่องนิลตกอยู่ภายใต้อํานาจของสํานักหมอกเมฆาโดยสมบูรณ์ ค่าพูดจากปากหวางลียิ่งสนับสนุนการคาดเดาของพวกเขา หากสํานักถูกทําลายจนไม่เหลือซากเช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลใดต้องต่อสู้แย่งชิงอีก

“เผาวอดเลยงั้นรึ?! ฮ่าๆๆ! ประเสริฐ! ประเสริฐนัก!”

โท่วป่าเซียงแค่นเสียงคํารามกลั้วหัวเราะอย่างโกรธจัด ตอนนี้สภาพของเขาไม่ต่างอะไรจากสัตว์อสุรกายกระหายเลือดที่เสียการควบคุม ดวงตาแดงก่คู่นั้นจ้องเขม็งไปยังเยี่ยฉวนด้วยสายตาอาฆาตแค้นเขากระอักเลือดสีแดงฉานออกมากองใหญ่ขณะกล่าวออก“ไอ้สารเลว!เจ้ามันคนเถื่อน!ช่างโหดเหี้ยมอํามหิตอะไรเช่นนี้!”

หัวใจของเจ้าสํานักชราทั้งขมขึ้นและโศกเศร้าหาใดเปรียบ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาถึงรวดเร็วจนไม่ทันตั้งรับเขาโกรธเกรี้ยวเสียจนอาเจียนออกมาเป็นเลือด

เขาเพียรทุ่มเทแรงกายทั้งชีวิตเพื่อสรรหาหนทางขยายอํานาจของสํานักเครื่องนิลออกไปให้กว้างใหญ่ไพศาล…ต้องการรวบรวมเทือกเขาหมอกเมฆาให้กลายเป็นปึกแผ่นเดียวและก้าวขึ้นสู่ตําแหน่งประมุขสูงสุดของอาณาจักรแห่งนี้ครั้นเขาสบโอกาสเข้าโจมตีสํานักเบญจลักษณ์ได้สําเร็จกระทั่งความใฝ่ฝันใกล้เป็นจริงสํานักเครื่องนิลที่เขาสร้างมากับมือกลับถูกเผาทําลายจนวายวอดแค่กระอักเลือกเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ…เส้นเลือดทุกเส้นในสมองเขาเกือบปะทุออกเพราะความตึงเครียด

“ท่านเจ้าสํานัก ยอมจํานนโดยดีเสียเถิด มอบบรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลทั้งหมดให้เป็นเชลยศึกแก่สํานักหมอกเมฆาเสีย จากนั้นข้าจึงจะยอมไว้ชีวิตท่าน” เยี่ยฉวนกล่าวเสียงราบเรียบ

เพราะเห็นแก่ที่ชายชราเป็นบิดาของโท่วป่าเซียงเพียวและสนับสนุนคุณงามความดีที่เขาสามารถสังหารอาวุโสเฟิงเหรินในอาณาจักรสวรรค์ เยี่ยฉวนจึงคิดจัดสรรที่พํานักแห่งใหม่ในสํานักหมอกเมฆาให้แก่เขาเพื่ออาศัยในช่วงบั้นปลายชีวิตต่อให้ชายชราเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แต่เขากลับยกย่องอีกฝ่ายในฐานะที่มีวรยุทธ์สูงส่ง หากโท่วป่าเซียงยอมอยู่ใต้อาณัติและรับฟังข้อชี้แนะจากเขาความสามารถอาจพัฒนาจนล่ำเลิศยิ่งกว่าปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อเสียอีก!

“ฮ่าๆๆ! ยอมแพ้งั้นรี?! มีเหตุผลใดที่ข้าต้องทําเช่นนั้น?!” โท่วป่าเซียงก้าวไปด้านหน้าด้วยจิตสังหารรุนแรงหมายสังหารเยี่ยฉวน“ไอ้บัดซบ!คิดหรือว่าขอบเขตป้องกันนี้และสาวกเพียงสามพันคนของเจ้าจะเอาชนะพวกข้าได้?!”

“ยังไม่หมดเท่านี้หรอก ข้าคิดว่าควรเพิ่มกําลังพลอีกนิดหน่อย…”

เยี่ยฉวนปรบมืออีกครั้งคราวนี้ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูรจึงปรากฏขึ้นด้านข้างจากหนึ่งตัวกลายเป็นสอง…สาม… และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งท้ายที่สุดพวกมันรวมตัวเป็นฝูงใหญ่จํานวนหลายร้อยตัวโดยจัดรูปกระบวนทัพพร้อมโรมรันบนท้องฟ้ามีเสียงมังกรปีศาจคํารามลันหลงเอ๋อร์ทะยานขึ้นบินวนอยู่เหนือท้องฟ้าที่มีอสนีบาตฟาดเปรี้ยงเงาดําทะมึนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบริเวณขอบฟ้าฝูงอินทรีทองดุร้ายโฉบฉวัดเฉวียนอย่างน่าสะพรึงกลัว

กองทัพอสูรประจัญบานของเยี่ยฉวนถูกเขาเรียกออกมาเพื่อสําแดงอานุภาพอันยิ่งใหญ่ให้เป็นที่ประจักษ์จนฝูงชนตกตะลึงยิ่ง!

ทว่าความอลังการเหล่านั้นยังไม่จบสิ้น ผืนแผ่นดินใต้ฝ่าเท้าสั่นสะเทือนพร้อมต้นอ่อนเขียวขจีปรากฏขึ้นตามรอยปริร้าวจํานวนมากท่ามกลางสายตาฝูงชนจากนั้นลําต้นจึงเติบโตอย่างรวดเร็วจนแข็งแกร่งกลายเป็นเถาวัลย์เส้นหนาที่โบกสะบัดอยู่กลางอากาศประหนึ่งลําตัวของอสรพิษที่มีเขียวแหลมคมกําลังชูคอสูงหมายฉกศัตรู บางคนพยายามหลบหนีจากการถูกจู่โจมทว่าไม่ทันการณ์จึงถูกพวกมันเกี่ยวกระหวัดสูบเลือดเนื้อจนร่างแปรเปลี่ยนเป็นศพซูบซีด เสียงหัวเราะน่าสยดสยองดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

ปีศาจเฒ่าหลัวเพื่อไม่ต้องการนิ่งเฉยรั้งรอจนกว่าจะถูกเปิดเผยเป็นสิ่งสุดท้ายจึงสําแดงพลังพร้อมอาละวาดก่อนที่เยี่ยฉวนจะออกคําสั่ง สาวกของสํานักเครื่องนิลหลายรายถูกดูดกลืนพลังชีวิตจนหมดสิ้น เสียงหัวเราะบิดเบี้ยวล่องลอยไปตามกระแสลมหลายต่อหลายครั้งราวดังขึ้นจากขอบฟ้าอันไกลโพ้นทุกมหันตภัยที่ก่อเกิดทําให้ฝูงชนรู้สึกขยาดกลัวจนตัวสัน!

เมื่อปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเริ่มต้นโจมตีแม้แต่ศิษย์สํานักหมอกเมฆาก็ตื่นตระหนกเช่นกัน จ้าวต้าจอกระโดดโหยงและตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวทว่าจิตใจนึกชื่นชมยินดีที่มันยอมศิโรราบอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของศิษย์พี่ใหญ่เยี่ยฉวนไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเขาไปพบวิญญาณชั่วร้ายตนนี้จากที่ใดกันแน่!

“ไอ้สารเลว! บังอาจนัก! ตราบใดที่พวกข้ายังไม่ตาย พวกเจ้าก็ไม่มีวันเอาชนะข้าได้!”โท่วป่าเซียงขบกรามแน่นขณะจ้องเขม็งไปยังเยี่ยฉวนด้วยสายตาแข็งกร้าว

ครั้นกองทัพอสุรกายประจัญบานของเยี่ยฉวนสําแดงอานุภาพทําลายล้างจนเป็นที่ประจักษ์เขาจึงละทิ้งความคิดที่จะทําลายม่านแสงสีแดงซึ่งโอบล้อมรอบ เวลานี้เป็นการยากยิ่งนักที่จะฝ่าฟัน วงล้อมออกไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บดังนั้นเขาจึงแปรเปลี่ยนแผนการเสียใหม่เพื่อต้านทานศัตรูไว้ ให้ตายตกกันไปข้าง “ไอ้เด็กเหลือขอ!อย่าได้นึกกระหยิ่มยิ้มย่องไปเลย จักรวรรดิต้าฉันและสานักอสูรเมฆาไม่มีทางปล่อยเจ้าให้ลอยนวลเป็นแน่! ข้าเองก็อยากรู้นักว่าใครจะเหลือโอกาสมากกว่ากัน!”

ชายชราทราบข่าวว่าสํานักหมอกเมฆาตกอยู่ในสถานะเป็นเป้านิ่งจากทูตแห่งโลกันตร์ ด้วยเหตุนี้เขาจึงบุกเข้าโจมตีสํานักเบญจลักษณ์อย่างลับๆ หมายยึดครองทรัพยากรทั้งหมดและใช้มันต่อกรกับเยี่ยฉวนทว่าเหตุการณ์กลับพลิกผันเสียจนพวกตนอยู่ในฟากฝั่งที่เสียเปรียบ เขาจึงหวังใช้เหตุผลนี้เป็นข้ออ้างให้กองกําลังของอีกฝ่ายยอมล่าถอยแต่โดยดี

“ท่านเจ้าสํานัก…ท่านอย่ามัวหาเรื่องประวิงเวลาอยู่เลย ต่อให้ดึงดันสู้ต่อไปอย่างไรก็ไม่อาจเอาชนะอย่าลืมว่าสํานักของข้าชํานาญด้านการปรุงโอสถแก้พิษได้อย่างดีเยี่ยม…” เยี่ยฉวนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนปรบมืออีกครั้ง

ฝงอินทรีทองที่บินวนไปมาบนท้องฟ้าบินโฉบลงมาอย่างรวดเร็วก่อนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้งท่ามกลางฝูงชนจํานวนมากเบื้องล่าง พวกมันโยนขวดโหลแก้วบรรจุโอสถเหลวลงมา…ควันดําทึบพวยพุ่งออกทันทีที่ขวดแตกกระจายกระทบพื้นดวงตาแสบร้อนระคายจนไม่อาจมองเห็นเพียงหายใจเข้าหนึ่งครั้งกลับรู้สึกคัดจมูกและเกิดอาการวิงเวียนครั้นสูดลมหายใจเข้าเพิ่มเติมแขนขาของคนเหล่านั้นพลันแข็งที่อกระทั่งน้ำตาและน้ำมูกไหลลงเปื้อนเปรอะใบหน้า
โอสถฌเร้นลับ!

ทันทีที่กลับมาจากอาณาจักรสวรรค์…เยี่ยฉวนสั่งการให้จซื้อเจียกลั่นกรองส่วนประกอบของหมอกพิษที่ปรากฏอยู่สองฝั่งของครรลองมังกรปีศาจเพื่อปรับแต่งพิษชนิดพิเศษขึ้นแม้พวกเขาไม่อาจสร้างหมอกที่มีอานุภาพทําลายล้างรุนแรงเทียบเท่าทว่าหมอกพิษที่พวกเขาสร้างขึ้นมีคุณสมบัติทําให้ผู้คนที่สูดดมสูญเสียพลังยุทธ์ไปจนหมดสิ้นเขาตั้งชื่อให้มันว่าโอสถถ้าเร้นลับเพื่อสื่อความหมายแฝงนัยยะโดยให้คําว่าถ้ําเป็นตัวแทนของโลกเหนือแดนสวรรค์ชั้นสูงสุดในอนาคตหากเขาสามารถหาวิธีปรับแต่งให้คล้ายคลึงหมอกพิษในอาณาจักรสวรรค์ได้โอสถชนิดนี้จะกลายเป็นอาวุธสังหารชั้นเลิศอย่างแน่นอน!

บรรดาศิษย์สํานักเครื่องนิลวิ่งหนีกระจัดกระจายอลหม่าน หมอกพิษซึ่งฟุ้งกระจายไปทุกหนทุกแห่งทําให้สถานการณ์บนพื้นราบเต็มไปด้วยความโกลาหลหลายคนวิ่งหลบหลีกเข้าไปยังส่วนลึกของสานักเพื่อเอาชีวิตรอด ส่วนสาวกสํานักเครื่องนิลตกอยู่ในชะตากรรมเลวร้ายคงเหลือศิษย์เพียงไม่กี่รายที่ยังจงรักภักดีต่อโท่วป่าเซียงและคอยอารักขาไม่ห่าง

โท่วป่าเซียงเผยสีหน้าซีดเซียว…ความสูญสิ้นซึ่งอํานาจอันเคยรุ่งโรจน์ปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาครู่นี้เขาเพิ่งประกาศกร้าวว่าตนจะไม่ยอมสยบอยู่ภายใต้อาณัติของเยี่ยฉวนทว่าภายในพริบตาเดียวกลับถูกโจมตีจนพ่ายแพ้ราบคาบเห็นที่แผนการประวิงเวลาคงใช้ไม่ได้ผลเสียแล้ว!

ส่วนเยี่ยฉวนยังคงเคลื่อนไหวด้วยท่าทองอาจน่าเกรงขาม เขาเริ่มกระบวนการต่อสู้เข้าฟาดฟันอย่างต่อเนื่องกระทั้งศัตรูไร้หนทางหนี้
เวลานี้โท่วป่าเซียงเหลือทางเลือกเพียงสองทางคือการรวบรวมพละกําลังเฮือกสุดท้ายเพื่อต่อสู้ศึกที่ไม่มีวันชนะหรือคุกเข่ายอมจํานนต่อความพ่ายแพ้แต่โดยดี

โท่วป่าเซียงผู้เคยมีวรยุทธ์สูงส่งถึงขั้นควบคุมลมพายุเหนือเทือกเขาหมอกเมฆาอันกว้างใหญ่บัดนี้กลับตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างน่าสมเพช!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด