Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 305 ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันในหุบเหว

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 305 ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันในหุบเหว อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 305 ความเปลี่ยนแปลงกะทันหันในหุบเหว

เยี่ยฉวนสังเกตเห็นสีหน้าล่าบากใจของภูตทะเลไหลี่ลี่จึงเล็กหยอกล้อหญิงสาวผู้ไร้เดียงสา และเปลี่ยนเรื่องทันที “ไหลี่ลี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกาะแห่งผู้เป็นอมตะอยู่ที่ใด?”

“เกาะแห่งผู้เป็นอมตะงั้นหรือ?”

ภูตทะเลไห่ลี่ลี่สั่นศีรษะ “คุณชาย ข้าไม่รู้ว่าเกาะแห่งผู้เป็นอมตะคือสิ่งใด แต่บันทึกโบราณของเผ่าภูตทะเลกล่าวว่ามีสถานที่ต้องห้ามหลายแห่งในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่ไม่เคยมีผู้ใดล่วงล้ําเข้าไป บางทีอาจเป็นที่ที่ท่านตามหาอยู่ก็ได้ หากมีโอกาสข้าจะพาท่านไปดูด้วยตาตน
เอง”

“เข้าใจแล้ว”

เยี่ยฉวนพยักหน้า น่าเสียดายที่เขาไม่เคยออกสํารวจดินแดนโพ้นทะเลในภพชาติก่อน ฉะนั้น ในภพชาตินี้ชายหนุ่มย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสไปอีกแน่ แต่ทุกสิ่งต้องผลัดออกไปจนกว่าเขาจะสามารถจัดการกับพายุร้ายที่ใกล้เข้ามาและทําให้สํานักหมอกเมฆามั่นคงได้ “ไหลี่ลี่ เจ้าช่วยถามไถ่เรื่องของใครบางคนให้ข้าได้หรือไม่?”

“ใครกันเจ้าคะ?” ไห่ลี่ลี่เอ่ยถามด้วยความสับสน

นางไม่รู้จักผู้ใดบนแผ่นดินใหญ่แล้วจะช่วยเยี่ยฉวนถามไถ่ถึงผู้อื่นได้อย่างไร? แต่แล้วภูตสาว ก็เข้าใจอย่างรวดเร็ว “คุณชาย คนผู้นั้นอยู่ในทะเลหรือเจ้าคะ?”

“ใช่แล้ว นางมีนามว่าโท่วป่าเซียงเพียว”

เยี่ยฉวนพยักหน้าก่อนเสริมขึ้นเชื่องช้า “ใช้สายสัมพันธ์ของเจ้าตามหาเบาะแสหรือตําแหน่งของโท่วป่าเซียงเพียวแล้วรายงานกลับมาที่ข้า อย่าเข้าไปก้าวก่ายชีวิตนาง ติดต่อคนของเจ้าโดยเร็วที่สุด ส่วนตอนนี้ไปตรวจดูเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์กับข้าที”

เยี่ยฉวนลุกขึ้นเดินออกไปโดยมีภูตทะเลไหลี่ลี่ตามหลังมาติดๆ

เขาไม่ได้ตรวจุดต้นเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ที่ปลูกไว้ในบริเวณใกล้เคียงมาพักใหญ่แล้ว บัดนี้ นอ่อนได้เติบใหญ่เป็นต้นไม้เล็กๆ ที่สูงราวครึ่งหนึ่งของส่วนสูงมนุษย์โตเต็มวัย กิ่งก้านของมันเขียวชอุ่มและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิต

“ต้นมังกรสวรรค์… ต้นอ่อนน้อยๆ ในวันนั้นช่างเติบโตเร็วเหลือเกิน”

ไหลีลีพุ่งเข้าไปพินิจดต้นไม้เล็กทกซอกทุกมุมอย่างตื่นเต้น

เป็นเวลาหลายล้านปีที่เผ่าภูตทะเลได้ร่อนเร่ไปทั่วมหาสมุทรเพื่อมองหาสถานที่ที่เมล็ดข้าวมังกรสวรรค์สามารถหยั่งรากลึกและเจริญงอกงามได้ พวกเขาหวังจะปลูกพืชวิเศษนี้เพื่อฟื้นคืนพลังของจักรพรรดิแห่งท้องทะเลผู้เป็นบรรพบุรุษ เคราะห์ร้ายที่ต้องลงเอยด้วยการคว้าน้ําเหลวเมื่อไม่มีที่ใดเหมาะสมเพียงพอ

“ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว เมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ไม่สามารถเจริญเติบโตบนเกาะได้ ดินที่เหมาะสมแก่การเพาะปลูกมีอยู่บนแผ่นดินใหญ่เท่านั้น ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเผ่าข้าจึงไม่อาจปลูกเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ได้ตลอดหลายล้านปีที่ผ่านมา พวกเราคิดผิด… คิดผิดมาโดยตลอด”

ยิ่งภูตทะเลไหลี่ลี่มองดูต้นเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์มากเท่าใดยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น นางหันมาโค้งคํานับให้เยี่ยฉวน “คุณชาย โปรดให้ข้าอยู่ดูแลต้นมังกรสวรรค์ที่นี่เถิดเจ้าค่ะ ตําราเก่าแก่ที่ตกทอดมาในเผ่าของเราระบุว่ามันจะเริ่มให้เมล็ดข้าวมังกรสวรรค์หลังเติบโตได้สองเมตร ที่แห่งนี้มีปราณจิตวิญญาณโลกหนาแน่นและปราณหยางบริสุทธิ์ไม่ขาดแคลน ทั้งยังมีขุนเขาและสายน้ํา มิหนําซ้ํายังมองเห็นทะเลได้จากระยะไกล เป็นสถานที่ที่เหมาะสมแก่การปลูกเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ตามตําราโดยแท้ แต่ท่านจะเห็นว่าใบไม้บางใบถูกแมลงกัดแทะและกลายเป็นสีเหลือง เพราะขาดการดูแลต้นมังกรสวรรค์ทุกต้นจําเป็นต้องมีผู้ดูแลเป็นพิเศษและข้าคือผู้ที่เหมาะสมที่สุด ได้หรือไม่เจ้าคะคุณชาย?”

ภูตทะเลไหลี่ลี่อาสาทําหน้าที่เพราะนางมีความรู้เรื่องต้นมังกรสวรรค์มากกว่าเยี่ยฉวน

เยี่ยฉวนเพียงจับพลัดจับผลูปลูกมันขึ้นมาโดยหวังว่าจะสามารถเก็บเกี่ยวพืชผลเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้บรรดาสาวกของเขาได้ แต่สิ่งนี้คือความปรารถนาอันแสนยาวนานที่สืบเนื่องมาหลายล้านปีสําหรับภูตทะเลไหลีลีและเผ่าของนาง

“ตกลง ไหลลี่ ต่อจากนี้เจ้ามีหน้าที่ดูแลต้นมังกรสวรรค์และปลูกไผ่สายหมอกนี้ด้วย” เยี่ยฉวนยกยิ้มก่อนส่งหน่อไผ่สายหมอกจากอาณาจักรมังกรปีศาจสวรรค์ให้อีกฝ่าย มันคือสมบัติโลกโบราณที่สาบสูญไปอย่างยาวนานเช่นกัน

“ขอบคุณคุณชายเยี่ย คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าชาวเผ่าข้าจะได้ยินข่าวและมาถึงที่นี่ ถึงตอนนั้นพวกเขาคงช่วยกันดูแลต้นมังกรสวรรค์ให้ท่านได้” ภูตทะเลไห่ลี่ลี่โค้งทําความเคารพอีกครั้ง

“ไม่มีปัญหา สํานักหมอกเมฆากว้างขวางนัก ต่อให้ชาวเผ่าภูตทะเลมาอีกเป็นพันเป็นหมื่นก็มีที่พักเพียงพอ”

เยี่ยฉวนพยักหน้าพลางพินิจดูเรือนร่างสง่างามของไหลี่ลี่ เขาไม่อาจหยุดคิดถึงคําพูดของนางที่ว่าจะพาพวกพ้องมาช่วยกันดูแลต้นมังกรสวรรค์ได้ หากมีภูตทะเลสาวสวยสักโหลหนึ่งที่พร้อมทําตามคําสั่งของเขาทุกอย่างจะวิเศษเพียงใด…

เยี่ยฉวนรีบสลัดความคิดต่าช้าออกจากหัว พักหลังมานี้จิตใจของเขาวอกแวกง่ายดายเหลือเกิน… เป็นเพราะเหตุใดกัน? หัวใจของเขากําลังถูกจิตมารกลืนกินหรืออย่างไร?

เยี่ยฉวนรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาทันใด ยอดปรมาจารย์ที่แท้จริงย่อมไม่มีอารมณ์แปรปรวนเช่นนี้ นี่เป็นสัญญาณของความไม่มั่นคงในจิตใจ…

“ฟื้ว…” ต้นมังกรสวรรค์แกว่งไกวไปมาตามสายลมหนาวที่พัดโชย

ภูตทะเลไหลลี่กําลังขะมักเขม้นกับการดูแลต้นมังกรสวรรค์ นางไซร์หนอนที่คืบคลานไปตามกิ่งก้านอย่างตั้งใจและตรวจสอบใบไม้ทุกใบถี่ถ้วน ส่วนเยี่ยฉวนเงี่ยหูฟังเสียงบางอย่าง เสียงคํารามไม่ชัดเจนดังแว่วมาท่ามกลางเสียงลมหวีดหวิว เสียงกรีดร้องนั้นน่าสยดสยองทว่าคุ้นเคยอย่างประหลาดตามด้วยเสียงโซ่ตรวนลากไปกับพื้น

“เสียงนี้…มาจากก้นบึงหุบเขามังกรปีศาจ!”

เยี่ยฉวนมุ่งหน้าไปทางปากเหวมังกรปีศาจทันที

หุบเขามังกรปีศาจแลดูแตกต่างไปอย่างไรชอบกล หมอกโลหิตที่มีฤทธิ์กัดกร่อนพลันหนาแน่นจนล้นทะลักออกจากปากเหว เมื่อมีสายลมพัดและจะลดลงหลายเมตรหลังสายลมผ่านไป ประหนึ่งคลื่นที่สาดซัดในมหาสมุทร เสียงประหลาดนั้นดังออกมาจากก้นบึงของหุบเหว

เยี่ยฉวนทั้งประหลาดใจและหวาดระแวงกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น หุบเขามังกรปีศาจใน ยามนี้ให้สัมผัสอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ หากวิญญาณชั่วร้ายไร้เทียมทานกระโจนออกมาจากหุบเหวคงเกิดผลลัพธ์ร้ายแรงถึงชีวิต พวกมันอาจออกอาละวาดทําลายอาณาเขตค่ายกลของสํานักหมอกเมฆาจนเกิดความเสียหายร้ายแรงและไม่อาจต้านทานการโจมตีจากศัตรูได้อีกต่อไป

“กระแสระหว่างสรวงสวรรค์และโลกเกิดความแปรปรวน ทําให้อาณาเขตโบราณก้นหุบเหวคลายออก นี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดเดา” เสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากข้างหลัง

เยี่ยฉวนหันไปมองจึงพบชายชราในชุดคลุมสีฟ้าที่อ้างว่าเป็นผู้อาวุโสลําดับเจ็ด เขาปรากฏกายขึ้นเบื้องหลังโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ แม้เยี่ยฉวนจะบรรลุถึงขั้นปรมาจารย์แห่งเตระดับหนึ่งก็ยังไม่สามารถมองทะลุขั้นการฝึกตนของอีกฝ่ายได้ ชายชราลึกลับผู้นี้บรรลุถึงขั้นใดกันแน่?!

เยี่ยฉวนตกตะลึงและพยายามเพ่งดูขั้นการฝึกตนของเขาอีกครั้ง

“อย่าตื่นตกใจไปเลยพ่อหนุ่ม ขั้นการฝึกตนของเจ้ายามที่อายุเท่าข้าย่อมสูงกว่าข้าแน่นอน ไม่มีทางต่ําไปกว่านี้หรอก”

ชายชราชุดคลุมสีฟ้ายกยิ้มด้วยรู้ดีว่าเยี่ยฉวนกําลังคิดอะไร เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ “พ่อหนุ่ม ข้าสัมผัสได้ว่าวิญญาณชั่วร้ายที่กันบึงหุบเหวนี้พยายามดิ้นรนออกจากอาณาเขตอย่างสุดกําลัง เจ้าช่วยลงไปดูว่าอาณาเขตโบราณคลายออกมากน้อยเพียงใดได้หรือไม่?”

ชายชราผู้ลึกลับเกินหยั่งถึงร้องขอความช่วยเหลือจากเยี่ยฉวนอีกครั้ง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด