Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 311 การเกิดใหม่ของหนานเทียนโตว

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 311 การเกิดใหม่ของหนานเทียนโตว อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 311 การเกิดใหม่ของหนานเทียนโตว

เสียงร้องแสบแก้วหูดังขึ้น เยี่ยฉวนดึงหลงเอ่อร์ให้ถอยออกมาสองก้าวก่อนโคจรยันต์สังหารมังกรที่เพิ่งก่อรวมได้เมื่อครู่มือข้างหนึ่งกระชับกระบบินสะบั้นมังกรพลางจับจ้องซากศพมังกรร้ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

แม้กระบี่บินจะแทงทะลุส่วนหัวของมันไปแล้วก็ยังไม่ตาย หรือมังกรปีศาจตนนี้จะเป็นอมตะจริงๆ?

เยี่ยฉวนทั้งกลัดกลุ่มและร้อนรน บัดนี้อาณาเขตโบราณพังทลายลงแล้วหากมังกรปีศาจลําตัวยาวกว่าพันเมตรตรงหน้าฟื้นคืนชีพขึ้นมาคงไม่อาจหนีพ้น!

“ศิษย์พี่ใหญ่ นี่ข้าเอง ศิษย์พี่ใหญ่…”

มังกรปีศาจลืมตาขึ้นมองเยี่ยฉวนอย่างยากล่าบาก มันกลับมาหายใจและมีชีวิตอีกครั้ง ทว่าท่าทางของมันกลับแตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง มังกรยักษ์ในยามนี้ปราศจากวี่แววของความเหี้ยมโหดและดุร้าย อีกทั้งยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงจิตสังหารใดแต่กลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

“ศิษย์น้องเทียนโตว นั่นเจ้าหรือ?” เยี่ยฉวนแทบไม่อยากเชื่อสายตา แต่แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

นี่ไม่ใช่การเกิดใหม่หากแต่เป็นการสิงสถิต!

ร่างมนุษย์ของหนานเทียนโตวสลายไปแล้ว แต่พลังที่ได้รับสืบทอดจากมหาปราชญ์สะท้านสวรรค์ทําให้จิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งเป็นพิเศษจึงสามารถต้านทานการถูกมังกรปีศาจเพิ่งเอ๋ากลืนกินได้เมื่อมังกรร้ายถูกกระบบินสะบันมังกรสังหารลงจึงเป็นโอกาสทองให้หนานเทียนโตวเข้ายึดครองร่างของมังกรปีศาจ!แม้จะฟังดูน่าเหลือเชื่อแต่อดีตมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์อย่างเยี่ยฉวนเคยพบเจอเรื่องราวน่าพิศวงเช่นนี้มานักต่อนักในภพชาติก่อนเขาจึงเข้าใจแจ่มแจ้งและรีบเก็บกระบบินทันที

“ข้าเองศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเอง!” ปากของมังกรปีศาจขยับอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนแรงนั้นเป็นของหนานเทียนโตวอย่างไม่ต้องสงสัย!

ชายหนุ่มรอดชีวิตมาได้ส่วนหนึ่งเพราะเยี่ยฉวนช่วยปลิดชีพมังกรปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวและอีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะโชคชะตาเข้าข้างเขาจึงคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์แม้จะนอนอยู่ในหลุมศพไปแล้วก็ตาม

“เยี่ยม เยี่ยมจริงๆ!”

เยี่ยฉวนตื่นเต้นดีใจพลางเข้าไปช่วยหนานเทียนโตวรักษาบาดแผล แต่แล้วแสงสีฟ้าพลันสว่างวาบขึ้นเบื้องหน้าพร้อมร่างหนึ่งปรากฏต่อสายตา

อาวุโสลําดับเจ็ดในชุดคลุมสีฟ้าผู้ไม่เคยเต็มใจย่างเท้าเข้ามาในหุบเขามังกรปรากฏกายขึ้นในโถงใต้พิภพเพื่อหยุดยั้งเยี่ยฉวน แววตาลุกโชนดุจคบเพลิงจ้องมองมังกรร้ายที่กําลังฟื้นตัวก่อนสงการ “หยุดนะไอ้หนู อย่าแตะต้องเขา!”
“ทะ… ท่านอาจารย์…”

หนานเทียนโตวที่มีท่าทิ้งนงงเรียกชายชราว่า ท่านอาจารย์” โดยไม่รู้ตัว

เยี่ยฉวนตกตะลึงในจิตใจ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดหนานเทียนโตวจึงเรียกอาวุโสลําดับเจ็ดว่าอาจารย์?

นี่ไม่ใช่การสิงสถิต!

มังกรปีศาจแกล้งตายและทําทีว่าถูกหนานเทียนโตวเข้ายึดครองร่างเพื่อจะหลบหนีอย่างนั้นหรือ?!

จิตสังหารของเยี่ยฉวนพุ่งสูงขึ้นฉับพลันเขาโคจรยันต์สังหารมังกรภายในร่างและเตรียมใช้กระบบินสะบั้นมังกรอีกครั้งหากนี่เป็นแผนลวงของมังกรร้ายเขาจะสังหารมันเสียให้สิ้นซากแม้จะขุ่นเคืองอาวุโสลําดับเจ็ดอยู่ก็ตาม!

“ท่านอาจารย? นี่เจ้ายังจดจ่าขาในฐานะอาจารย์อยู่อีกหรือ? ดี ดีจริงๆ …”

อาวุโสลําดับเจ็ดมีท่าทีปลื้มปีติ ชายชราหันไปหาเยี่ยฉวนก่อนกล่าวออก “
ไอ้หนู อย่าได้ตั้งเครียดไปเลยมังกรปีศาจเพิ่งเอ๋ที่แท้จริงตายตกไปแล้ว”

“แล้วนี่..” เยี่ยฉวนสับสน

“นี่ไม่ใช่การสิงสถิต หากแต่เป็นการหลอมรวมดวงจิต”

อาวุโสลําดับเจ็ดหยุดไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ “มังกรปีศาจเพิ่งเอ๋ตายตกไปด้วยน้ำมือของเจ้าถือเป็นการลงทัณฑ์ที่สมควรแล้วแต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างทําให้ดวงจิตของเขาและดวงจิตของหนานเทียนโตวหลอมรวมเข้าด้วยกันบัดนี้เขาเป็นทั้งเพิ่งเอ่ศิษย์ของข้าและหนานเทียนโตวศิษย์น้องของเจ้า การหลอมรวมจิตวิญญาณนั้นน่าพิศวงและเสี่ยงอันตรายยิ่งเพราะความทรงจําที่แตกต่างกันของดวงจิตทั้งสองจะปะทะกันจนจิตวิญญาณอาจแตกสลายก่อนที่จะหลอมรวมได้สําเร็จฉะนั้นอย่าเพิ่งแตะต้องเขาปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด”

ชายชราอธิบายให้เข้าใจง่ายในไม่กี่ประโยค เขาแลดูตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังไร้วี่แววของความเศร้าโศกเช่นก่อนหน้า

มังกรยักษ์ที่กําลังกลิ้งไปมาบนพื้นตนนี้ไม่ใช่เพียงชีวิตใหม่ของหนานเทียนโตวหากแต่เป็นชีวิตใหม่ของเมิ่งเก๋ด้วยเช่นกัน

อาวุโสลําดับเจ็ดผิดหวังในตัวศิษย์เพิ่งเอ๋ของตนอย่างมากจึงมอบกระบบินสะบั้นมังกรแก่เยี่ยฉวนเพื่อยืมมือเขาสังหารมังกรร้าย แต่ภายหลังการหลอมรวมจิตวิญญาณกับหนานเทียนโตวเพิ่งเอ๋จะสูญเสียความทรงจําไปมากมายและกลับคืนเป็นคนเดิมซึ่งเป็นสิ่งที่ชายชราอยากเห็นเหลือเกิน

“เด็กน้อย หลับเถิด หลับให้สบาย ทุกสิ่งจะเรียบร้อยเมื่อเจ้าตื่นขึ้น หลับเสียเถิด…”

อาวุโสลําดับเจ็ดใช้ไม้บรรทัดหยกร่ายเคล็ดวิชาส่งมังกรยักษ์เข้าสู่ห้วงนิทรา “ลูกเอ๋ยหลายปีที่ผ่านมาอาจารย์คิดผิดมาโดยตลอดชีวิตคนเรานั้นแสนสั้นจะมัวตามหาความเป็นอมตะที่แท้จริงไปไย? มหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในยุคโบราณทั้งหลายยังต้องล้มหายตายจากในที่สุดแม้แต่สิ่งมีชีวิตจากสรวงสวรรค์ก็ต้องหายไปตามสายธารแห่งกาลเวลาความจริงแล้วขั้นการฝึกตนไม่ใช่ทุกสิ่งอาจารย์จะไม่บังคับให้เจ้าฝึกตนอย่างบ้าคลั่งอีกแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเดินทางผิดอีกต่อไป”

อาวุโสล่าดับเจ็ดพึมพําราวกับกําลังเลี้ยงดูบุตรของตนเอง เขาทอดมองมังกรที่หลับใหลอยู่บนพื้นด้วยความรู้สึกหลากหลายขณะเอื้อนเอ่ยถ้อยคําประหนึ่งพูดกับมังกรยักษ์และเยี่ยฉวนไปพร้อมๆ กัน ชายชราชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะอธิบายต่อให้เข้าใจง่าย “นานแสนนานมาแล้วเพิ่งเอ๋เป็นเด็กที่เชื่อฟังและมีเหตุมีผลมากเขาทุ่มเทฝึกตนอย่างหนักภายใต้การดูแลอันเข้มงวดของข้า โดยหวังจะขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดแห่งการฝึกตนในสักวันขณะที่เขาออกไปขัดเกลาตนเองเมื่อครั้งยังเยาว์เขาได้พบกับเด็กสาวคนหนึ่ง ข้าจึงแยกพวกเขาออกจากกันเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการฝึกตนนับแต่วันนั้นเพิ่งเอ๋ก็พูดจาน้อยลงและก้มหน้าก้มตาฝึกตนเพียงอย่างเดียวเขาฉวย โอกาสยามที่ข้าละเลยฝึกฝนเคล็ดวิชามารและหลอมรวมเข้ากับมังกรจนกลายเป็นครึ่งปีศาจครึ่งอสุรกายจากนั้นเด็กน้อยก็ดําดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ ในเส้นทางมารทั้งหมดเป็นความผิดของข้าเป็นข้าที่ยังดีไม่พอ!”

ชายชราเอ่ยคําด้วยความรู้สึกผิดและหนักใจ เป็นความผิดของเขาในฐานะอาจารย์ที่ทําให้เพิ่งเอ๋หันเหไปสู่หนทางชั่วร้าย ด้วยเหตุนี้ชายชราจึงเจ็บปวดจนไม่อยากลงมาเหยียบกันบึงหุบเขามังกรปีศาจ

“ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามโชคชะตา ท่านอาวุโสลําดับเจ็ด ศิษย์ผู้นี้ขอถามได้หรือไม่? ท่านเป็นใครและเกี่ยวข้องกับสํานักหมอกเมฆาอย่างไร?”เยี่ยฉวนถามขึ้นเขาสงสัยใคร่รู้ตัวตนที่แท้จริงของชายชราผู้นี้มานาน

ในยามที่เขาและราชาโอสถหัตถ์วิญญาณก่อตั้งสํานักหมอกเมฆาขึ้น สถานที่แห่งนี้มีสภาพแวดล้อมเป็นหุบเหวอยู่แล้วเพียงแต่ยังไม่ได้รับการขนานนามว่าหุบเขามังกรปีศาจถึงกระนั้นศิษย์สํานักหมอกเมฆาก็ยืนยันว่าหุบเขามังกรปีศาจนั้นคงอยู่มาเนิ่นนานแล้วนั่นหมายความว่าอาจารย์และศิษย์พํานักอยู่ที่นี่มานานเช่นกัน

“ครั้งหนึ่งนานมาแล้วโลกแห่งนี้เต็มไปด้วยมหาปราชญ์ ทั้งดินแดนรกร้างอยู่ภายใต้การปกครองของมหาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ ต่อมามหาปราชญ์ผู้นั้นได้สิ้นอํานาจและหายสาบสูญไปทั้งโลกจึงตกอยู่ในความโกลาหลอลหม่านอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มหาปราชญ์แห่งสรวงสวรรค์น้ำนั่นกันเผ่าต่างๆฆ่าฟันกันทุกคนต่างก่อสงครามจนโลหิตหลั่งไหลราวกับสายน้ำมิหนําซ้ําโลกยังแยกออกจนเกิดช่องว่างหลายต่อหลายครั้งทําให้เหล่ายอดฝีมือจากดินแดนที่สูงส่งกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมาเยือนการต่อสู้จึงทวีความรุนแรงขึ้นจนบรรดามหาปราชญ์แห่งดินแดนรกร้างตายตกสิน…”

ชายชราเอ่ยคําเชื่องช้าพลางจับจ้องเยี่ยฉวนไม่วางตา “ขณะนั้นขากําลังพักผ่อนอย่างสบายใจอยู่บนภูเขาลูกนี้โดยไม่รับรู้เรื่องราวความเป็นไปของโลกภายนอกต่อมาข้าได้พบกับสตรีผู้หนึ่งนางถ่ายทอดเคล็ดวิชาอันไร้เทียมทานให้ข้าและพาข้าไปยังดินแดนที่เหนือกว่าแดนสวรรค์หลายปีผ่านไปข้าจึงกลับมายังดินแดนรกร้างและทําตามคํามั่นสัญญาที่ให้ไว้กับนางว่าจะปกป้องโลกใบนี้จนกว่าคนผู้หนึ่งจะปรากฏตัวขึ้น”

“อาวุโสลําดับเจ็ด สตรีผู้นั้นเป็นใครกัน? ท่านรอคอยผู้ใดอยู่กันแน่?” เยี่ยฉวนถามด้วยหัวใจสั่นระรัวภาพของสตรีที่ผ่านเข้ามาในภพชาติก่อนฉายชัดขึ้นในหัวราชินีอสูรเนตรสีคราม… ราชินีจิ้งจอกผู้สง่างาม… หรือ…

“ข้าไม่รู้ แม้จะอยู่ในดินแดนที่เหนือกว่าแดนสวรรค์เป็นเวลานานแต่ข้าไม่อาจล่วงรู้สิ่งใดเลยบ้างบอกว่าที่แห่งนี้เป็นเพียงมิติเล็กๆ ส่วนที่แห่งนั้นคือดินแดนรกร้างที่แท้จริงแต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร” อาวุโสลําดับเจ็ดตอบ

“แล้วท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือคนที่ท่านเฝ้ารออยู่?” เยี่ยฉวนถามต่อ

“ไม่อาจรู้ได้ ใครคนนั้นจะปรากฏกายขึ้นเองเมื่อถึงเวลาสมควร

อาวุโสลําดับเจ็ดยกไม้บรรทัดหยกขึ้นผนึกโถงใต้พิภพก่อนจะจากไปโดยทิ้งคําพูดสุดท้ายเอาไว้ “พ่อหนุ่ม ไปซะ อย่าได้กลับมารบกวนการจําศีลของมังกรตนนี้อีกเมื่อดวงจิตหลอมรวมเสร็จ สิ้นแล้วเขาจะตื่นขึ้นเอง หากมีเหตุอันใดในภายภาคหน้าจงมาตามหาข้าที่ปากเหวมังกรปีศาจและสั่นกระดิ่งลมที่ข้ามอบให้จําไว้ว่านามของข้าคือเพิ่งฉีจะเรียกว่าเฒ่าเพิ่งหรืออาวุโสลําดับเจ็ดก็ย่อมได้”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด