Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 320 งูเห่าข้างแคร่

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 320 งูเห่าข้างแคร่ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 320 งูเห่าข้างแคร่

“ฝ่าบาท ไอ้เด็กเหลือขอนั่นอยู่ไม่ไกลจากเราแล้ว! มันบาดเจ็บจนหนีไปได้ไม่ไกลนักจริงๆด้วย! ตามจริงแล้วพระองค์สามารถสั่งการให้กองทัพล่าถอยไปบางส่วนฐานการฝึกตนของมันไม่สูงส่งนัก เราใช้กําลังทหารเพียงไม่กี่นายก็สามารถสังหารมันได้โดยง่าย!”

ที่ปรึกษาถึงอี้เซียนล่วงรู้ความคิดขององค์ชายรัชทายาทจึงก้าวออกไปด้านหน้าเพื่อคํานับและถวายการแนะนํา

ข้อชี้แนะดังกล่าวถือเป็นหนทางที่สมบูรณ์แบบที่สุดสําหรับรูปการณ์ในยามนี้ ดวงตาขององค์ชายหลีก่วงซ่านเปล่งประกายเจิดจ้าเมื่อคิดตามสิ่งที่ขุนนางชั้นผู้น้อยกล่าวก่อนหน้านี้เขาส่งกองกําลังล่วงหน้าขึ้นมาเปิดทางไล่ล่าเยี่ยฉวนแล้ว ดังนั้นแม้เขาจะสั่งถอนทัพก็ไม่ส่งผลเสียร้ายแรง แต่อย่างใด

นี่เป็นคําแนะนําที่สมควรยิ่ง!

ที่ปรึกษาถึงอี้เซียนมีทักษะด้านกลยุทธ์ล้ําเลิศ ทั้งยังสามารถหยั่งรู้ถึงความคิดของผู้อื่นเป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถแก้ไขสถานการณ์ยากล่าบากให้กับองค์ชายได้หลายครั้งหลายครา

“ประเสริฐ! กระจายคําสั่งของข้าออกไป หน่วยทหารทุกหน่วยต้องถอยทัพกลับไปยังค่ายชั่วคราวโดยทันที! ถังอี้เซียน… หากกรําศึกชนะและกลับไปยังเมืองหลวงเมื่อไรข้าจะตกรางวัลชั้นหนึ่งให้เจ้าอย่างสาสม!”

องค์ชายหลีก่วงซ่านตะเบ็งเสียงสั่งการดังลั่นก่อนนําทัพบางส่วนเดินหน้าต่อไปยังยอดเขา ผู้ส่งสารน้อมรับบัญชา จากนั้นเสียงแตรเขาสัตว์ทุ่มต่ําดังกังวานไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี เหล่าทหารที่ยังอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกวิ่งหนีเตลิดเปิดเปิงกลับไปยังฐานที่มั่นอย่างอลหม่าน

“ฝ่าบาท ถึงอย่างไรค่ําคืนนี้ก็ยังไม่เหมาะสมที่จะเคลื่อนไหว การถอยทัพเพื่อรั้งรอเสียหน่อยจึงเป็นการดีที่สุด”

พรตเต๋าสังหารยังไม่ละความพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมองค์ชายให้เปลี่ยนความคิด

เทือกเขาทั้งแนวเต็มไปด้วยภยันตรายร้ายแรงที่ฝ่ายตรงข้ามได้วางกับดักป้องกันเอาไว้ ยิ่งเวลานี้กองกําลังส่วนใหญ่ถอยทัพกลับไปจนสิ้น เหลือเพียงทหารอารักขาฝีมือดีเพียงไม่กี่นายที่ร่วมทัพรุกรานเข้าไปยังดินแดนศัตรู นั่นเท่ากับเปิดโอกาสให้เยี่ยฉวนทําการโจมตีได้ง่ายดายยิ่งขึ้นไม่ใช่หรือ?

“หุบปากของเจ้าเสียพรตเต๋าสังหาร! ข้าตัดสินใจอย่างเฉียบขาดแล้ว! คืนนี้ชีวิตของไอ้เยี่ยนวนต้องสังเวยให้แก่ข้า!”

องค์ชายหลีก่วงซ่านยังคงยืนกรานในวิธีของตนเองโดยไม่แยแสต่อคําแนะนําซึ่งไม่ตรงความปรารถนาอีกทั้งยังเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเก่า กําลังทหารเกือบร้อยชีวิตรุดไปด้านหน้าด้วยแรงสึกเหิมอย่างเต็มเปี่ยม!

นักพรตวัยกลางคนทอดถอนใจด้วยไม่สามารถทําสิ่งใดได้ ครั้นที่ปรึกษาถึงอี้เซียนย่างกรายผ่านหน้าเขาไปจึงอดไม่ได้ที่จะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาพร้อมแค่นคําสาปแช่ง “ถังอี้เซียน! ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความคิดโง่เขลาของเจ้า! ไอ้งูพิษ! หากมีเหตุร้ายใดเกิดขึ้นกับฝ่าบาทแล้วล่ะ ก็ ต่อให้ไร้คําสั่งโดยตรงจากองค์จักรพรรดิข้าก็พร้อมฉีกร่างของเจ้าออกเป็นชิ้นๆ และประหารเจ็ดชั่วโคตร!”

อาชญากรสําหรับคนทั่วไปอาจเป็นคนร้ายที่สมควรได้รับการคุมขังอย่างเข้มงวดเพื่อรอวันลงทัณฑ์ ทว่าแท้จริงแล้วอาชญากรที่น่ากลัวกว่ามักมาในรูปแบบของคนใกล้ชิดไม่ต่างอะไรจากอสรพิษข้างแคร่!

การที่ชีวิตถึงพิษเข้ามาพัวพันอาจทําให้ป่วยเป็นโรคเรื้อรังจากพิษที่สาดกระเซ็น หากประมาทเพียงนิดอาจตายตกไปเพราะพิษนั้นโดยไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว และเมื่อบ่มเพาะพิษร้ายเป็นเวลานานอาจไม่สามารถแก้ไขให้ฟื้นคืนได้ นั่นคือภัยร้ายที่เกิดขึ้นจากคนใกล้ตัว

“โธ่! ท่านนักพรตเต๋าอาวุโส ข้า…ข้าก็แค่…ก็แค่กล่าวคําชี้แนะไปเรื่อยเปื่อย ทว่าฝ่าบาททรงตัดสินใจรับฟังคําของข้าเอง ผู้ใดบ้างจะสามารถเปลี่ยนความมุ่งมั่นนี้ของพระองค์ได้?!”

ที่ปรึกษาถึงอี้เซียนรับรู้ว่าตนกระทําการขัดตาผู้อาวุโสแห่งราชสํานักเข้าเสียแล้วจึงไม่กล้าแม้แต่จะสบตาอีกฝ่ายขณะกล่าวคําแก้ตัว ครั้นสิ้นค่าพูดเขาจึงเร่งฝีเท้าก้าวขึ้นติดตามองค์ชายหลีก่วงซ่านอย่างใกล้ชิดทันที

เบื้องหลังยังคงมีสายตาอาฆาตจากพรตเต๋าสังหารที่มองตามแผ่นหลังของเขาไปพลางเผยสีหน้าเย็นชาลงเรื่อยๆ

ถังอี้เซียนเสมือนนักปราชญ์ที่รู้เพียงการวางหมากกลยุทธ์ทว่าไม่เคยปฏิบัติจริง ทําให้ไม่อาจทานทนต่อการโจมตีในสนามรบแม้แต่ครั้งเดียว อุปนิสัยเช่นนี้เป็นที่รังเกียจนักสําหรับเขางูพิษ ข้างแคร่เช่นชายผู้นี้มักยอมทําทุกอย่างเพื่อให้ตนได้เป็นจุดสนใจต่อให้รู้ทั้งรู้ว่าองค์ชายรัชทายาทจะต้องตกอยู่ในอันตรายก็มิได้น่าพาแม้แต่นิด

สายตาของนักพรตวัยกลางคนเปลี่ยนไปจ้องมองแผ่นหลังขององค์ชายที่ค่อยๆ ห่างไกลไปพลางถอนหายใจอีกครั้งขณะที่เขากําลังตัดสินใจเดินตามคนเหล่านั้นไปโดยไม่มีทางเลือกอื่นหัวใจกลับกระตุกขึ้นมาโดยแรงจนต้องหยุดชะงักฝีเท้าครั้นก้มหน้ามองจึงพบว่ามีเถาวัลย์เลื้อยปกคลุมอยู่บนพื้นดินสุดลูกหูลูกตาทั้งยังเบียดเสียดกันขึ้นอย่างหนาแน่นต้นอ่อนที่งอกออกมาจากลาต้นปลิวไสวเพราะสายลมยามดึก

ทว่าเขาสัมผัสได้ถึงความผิดประหลาดในเถาวัลย์เหล่านี้!

นักพรตวัยกลางคนนึกไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งและตระหนักว่าครู่นี้พื้นดินยังว่างเปล่าไร้ซึ่งเถาวัลย์ใดๆ เช่นนั้นพวกมันปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันได้อย่างไรกัน?

ทันใดนั้นเสียงกรอบแกรบพลันดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด…

ขณะพรตเต๋าสังหารกําลังพิจารณาด้วยความใคร่รู้ เขากลับรู้สึกว่าข้อเท้ากําลังถูกบางสิ่งเกี่ยวรัดเมื่อก้มมองอีกครั้งจึงเห็นเป็นดวงตาสีเขียวน่าสะพรึงกลัวเปล่งแสงสีซีดอยู่โดนรอบพริบตาเดียวพวกมันกลับแปรสภาพเติบโตขึ้นเป็นเถาวัลย์เส้นใหญ่โอบรัดร่างของเหยื่อไว้อย่างรวดเร็ว

หลังกองทัพทหารส่วนใหญ่ถอยกลับไปแล้วปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินจึงหวนกลับมาอีกครั้งและเริ่มต้นโจมตีศัตรูที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดซึ่งกําลังบุกรุกเข้ามาในเขตแดนของมัน

“คุ้มกันฝ่าบาท! เร่งถอยออกไป!”

พรตเต๋าสังหารตะโกนลั่นพลางเร่งฝีเท้าไปทางองค์ชายรัชทายาทโดยไม่รอช้า!

บนพื้นดิน เถาวัลย์จํานวนมากยังคงเบียดเสียดแย่งพื้นที่กันเติบโตและจ้องดูดกลืนพลังชีวิตของเหยื่ออย่างบ้าคลั่งทันทีที่กองทัพทหารส่วนใหญ่และกลุ่มขององค์ชายถูกแยกจากกัน เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความหวาดผวาสุดขีดพลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องกึกก้องไปทั่วบริเวณปลายเถาวัลย์ซึ่งแหลมคมประหนึ่งมีดเกี่ยวกระหวัดรัดร่างของพวกเขาและเจาะทะลุขั้วหัวใจอย่างไร้ฝุ่มเสียง

“คุ้มกันฝ่าบาท!”

“ฆ่ามันซะ!”

ทหารทุกนายต่างแผดเสียงร้องลั่นขณะพยายามทุกวิถีทางเพื่อตัดเถาวัลย์เหนียวหนึบเหล่านี้ ให้คลายออกแต่ละคนเรียกใช้ทุกเคล็ดวิชาที่มีเพื่อไปถึงตัวองค์ชายหลีก่วงซ่านได้ทันเวลา

เถาวัลย์เหล่านี้ไม่เพียงมีลักษณะผิดแปลกแต่ยังโหดเหี้ยมอํามหิตเป็นพิเศษหากกองกําลังที่ยังอยู่บนเทือกเขาเป็นเพียงทหารชั้นธรรมดาเห็นทีคงตายตกยกกองทัพไปเสียแล้วโชคดีที่ทุกคนต่างเป็นยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ด้านการฝึกตน ดังนั้นการนั่นเถาวัลย์ที่เกี่ยวพันรอบร่างจึงทําได้ โดยง่ายราวนั่นผักครั้นสลัดหลุดแล้วจึงวิ่งไปด้านหน้าทันที แต่แล้วเถาวัลย์นับร้อยเส้นกลับพุ่งเข้าหาองค์ชายรัชทายาทหมายเอาชีวิตโชคดีที่มันยังไปไม่ถึงตัวกลับถูกแส้หางม้าของพรตเต๋าาสังหารเฉือนปลายจนสิ้นฤทธิ์เสียก่อน

ทหารบางส่วนตอบสนองต่อภยันตรายที่มาถึงตัวอย่างว่องไว ทว่าบางส่วนกลับสิ้นชีพคาที่ร่างกายของคนเหล่านั้นถูกปีศาจร้ายดูดกลืนเลือดเนื้อและพลังปราณจนแห้งเที่ยวประหนึ่งศพที่ตายมาแล้วนับร้อยปี

ยอดฝีมือชั้นเลิศหลายคนของกองทัพตายตกไปแล้วหลายราย แต่ที่ปรึกษาถึงอี้เซียนที่มันการฝึกตนสูงส่งยังคงรอดชีวิตเนื่องจากเขาติดตามองค์ชายหลีก่วงซ่านไม่ห่างทําให้ได้รับอานสงส์จากการมีทหารอารักขาคอยปกป้องคุ้มครองจากภยันตรายถึงกระนั้นใบหน้าของเขายังดูซีดเซียว หัวใจของเขาเต้นแรงด้วยไม่กล้าถอยห่างจากองค์ชายแม้แต่ก้าวเดียว

“อีกาทมิฬ…ไป๋จูเจ้าสองคนตามข้ามา คุ้มกันฝ่าบาท! เร็วเข้า!”

พรตเต๋าสังหารตะโกนออกคําสั่งด้วยน้ําเสียงเครียดเคร่งก่อนมุ่งหน้าสู่ยอดเขา ด้านหลังมียอดฝีมือสองรายจากราชสํานักติดตามเขาไปพร้อมแผ่จิตสังหารดํามืดอ่ามหิต พวกเขาล้วนเป็นยอดฝี มือผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋

เดิมที่นักพรตเต๋าไม่เห็นด้วยกับการไล่ล่าเยี่ยฉวนในยามวิกาลเช่นนี้ ทว่าตอนนี้แนวคิดของเขากลับแปรเปลี่ยนไปแล้ว เขาคิดรุดไปด้านหน้าโดยไวที่สุดเพื่อปกป้องความปลอดภัยขององค์ชายหลีก่วงซ่านและจับตัวศัตรูที่บาดเจ็บเพื่อยุติเรื่องทุกอย่างให้เป็นไปโดยราบรื่น

เถาวัลย์จํานวนมากยังคงโผล่พ้นขึ้นจากพื้นดินอย่างต่อเนื่องในป่ารกชัฏแห่งนี้ ทั้งยังงอกยาวอย่างรวดเร็วหมายเลื้อยพันร่างของพรตเต๋าสังหารและยอดฝีมือสองคนที่ติดตามเขา

พรตเตสังหารจับสัมผัสถึงอันตรายที่คืบคลานเข้าใกล้จึงเหวี่ยงแส้หางม้าไปรอบกายอานุภาพของมันรุนแรงราวผ่าพื้นไม้ไผ่ ทําให้พวกมันไม่สามารถกล้ํากรายเขาได้แม้เพียงปลายเล็บ ทว่าเมื่อเขากําลังจะพุ่งตัวขึ้นไปยังยอดเขาคิ้วทั้งสองข้างกลับกระตุกและขมวดเข้าหากัน มือข้างหนึ่งวางแส้หางม้าในมือลงจนอยู่ในแนวราบโดยไม่รู้ตัวซึ่ง! เสียงกระบบินส์แดงเลือด แหวกอากาศพุ่งตรงมาทางเขาด้วยความเร็วสูงท่ามกลางเถาวัลย์มรณะเหล่านั้น นักพรตวัยกลางคนรีบยกแส้หางม้าขึ้นปัดป้องทว่ามันกลับร่วงลงพื้นอย่างไร้ประโยชน์

เยี่ยฉวนฉวยโอกาสอันดีนี้เพื่อเริ่มต้นการเคลื่อนไหว เขาเขวี่ยงกระบบินสะบั้นมังกรออกไปในขณะที่สถานการณ์รอบข้างเต็มไปด้วยความโกลาหล น่าเสียดายที่พรตเต๋าสังหารยังสามารถปัดป้องการโจมตีได้สําเร็จ

“ฝ่าบาท เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งที่พระองค์ทรงมาเยือนยังเทือกเขาหมอกเมฆา ข้ามของกำนัลเพื่อต้อนรับ…การละเล่นนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!”

ทันทีที่เสียงน่าคุ้นเคยของเยี่ยฉวนดังขึ้นบรรยากาศโดยรอบกลับตกอยู่ในความเงียบสงัดไร้สรรพเสียงอื่นเถาวัลย์มรณะเลื้อยขึ้นสูงครอบคลุมทั่วบริเวณกระทั่งบดบังแผ่นฟ้ากว้างใหญ่จนมืดมิด

องค์ชายหลีก่วงซ่านซึ่งอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของทหารอารักขายอดฝีมือรวบรวมความกล้า ขณะปีนขึ้นไปบนยอดเขา ทว่าร่างของเยี่ยฉวนหายลับไปจากจุดเดิมเสียแล้วคงเหลือเพียงสม บัติซึ่งวางไว้บนแผ่นหินเรียบเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น นั่นคือใบไม้ผสมกับดินโคลนซึ่งถูกปั้นขึ้นเป็นรูปกบเกียจคร้านหัวครึ่งซีกทําขึ้นจากใบไม้…ส่วนอีกครึ่งซีกเป็นโคลนสีดําสนิท

แม้แต่สุกรยังเหาะเหินเดินอากาศทว่ากบอัปลักษณ์ที่เกียจคร้านซึ่งเอาแต่ฝันเฟื่องยังคงเกาะหน็บอยู่ที่เก่า!

คํากล่าวของเยี่ยฉวนปรากฏขึ้นในห้วงคํานึงขององค์ชายหลีก่วงซ่านทันทีที่เขามองเห็นรูปปั้นเชิงสัญลักษณ์นี้ ไฟแค้นในจิตใจของเขายิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนเอาแต่ชกต่อยอากาศที่ว่างเปล่าอย่างบ้าคลั่งก่อนจะทุบกบเกียจคร้านตัวนั้นจนแหลกละเอียดพร้อมแค่นเสียงคํารามสาปแช่ง “เยี่ย ฉวน! ไอ้สารเลว! หากกล้าหาญนักก็อย่าคิดหลบหนี! ข้าจะต่อสู้กับเจ้าตัวต่อตัวสามร้อยกระบวนท่า! ออกมาซะ! ออกมาเผชิญหน้ากับข้า!”

องค์ชายหลีก่วงซ่านเดือดดาลราวคนเสียสติ ท่าทางยามนี้ไม่ต่างอันใดไปจากสัตว์อสุรกายบ้าเลือด เขาต่อยหินก้อนใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อระบายความโกรธเกรี้ยวมหาศาลสุ่มเสียงของเขากังวานจนกัมปนาทไปทั่วสารทิศ ทว่ายังคงไร้วี่แววการปรากฏตัวของเยี่ยฉวนมีเพียงเสียงหัวเราะในลําคออย่างเย้ยหยันดังมาจากระยะไกลปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินกําลังเยาะเย้ยชะตากรรมอันน่าสมเพชของศัตรูทั้งหมดที่ติดอยู่ในวงล้อมของเถาวัลย์มรณะที่มันสร้างขึ้น

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด