Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 329 ปลาตัวใหญ่

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 329 ปลาตัวใหญ่ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 329 ปลาตัวใหญ่

หน้าไม้เศียรมังกรทั้งหนึ่งร้อยอันถูกแจกจ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว

จูซือเจียคัดเลือกบรรดาศิษย์ชั้นเลิศที่เก่งกาจที่สุดเพื่อจัดตั้งพลหน้าไม้ พวกเขาถือเป็นกองกําลังหลักในการต่อสู้กับจักรวรรดิต้าฉันและเป็นความหวังในอนาคตของสํานักหมอกเมฆา หากศิษย์ทั้งหนึ่งร้อยคนนี้ตายตกไปจะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของสํานักหมอกเมฆาแม่จักรวรรดิต้าฉินจะยังไม่ได้บุกโจมตีก็ตาม

หลังประจักษ์ถึงพลานุภาพที่แท้จริงของหน้าไม่เศียรมังกรแล้ว ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยิน แทบน้ําลายไหลและดิ้นรนเพื่อจะได้ครอบครองสักอันหนึ่งเช่นเดียวกับจ้าวต้าจ่อที่ตามซื้อทั้งวัน แต่ทั้งสองถูกจซื้อเจียปฏิเสธ

หลังเตรียมการเสร็จสิ้น สํานักหมอกเมฆาก็พร้อมจู่โจมอีกครั้ง!

หนนี้พวกเขาไม่ได้เลือกโจมตีป้อมปราการหินของจักรวรรดิต้าฉินที่อยู่ใกล้กับสํานักหมอกเมฆามากที่สุดหากแต่เป็นฐานที่มั่นชั้นกลาง เนื่องจากฐานที่มั่นชั้นหน้าได้รับการคุ้มกันอย่างเข้มงวด ฐานที่มั่นชั้นกลางที่อยู่ห่างจากแนวหน้าจึงหละหลวมมากกว่า

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเคลื่อนไหวเป็นรายแรกเช่นเดิม กองทัพสัตว์อสูรและบรรดาศิษย์ สํานักหมอกเมฆาเริ่มเข้าขากันได้ดีขึ้นหลังร่วมมือกันมาระยะหนึ่ง

จักจั่นทองคําหกปีกบินโฉบรอบป้อมปราการตามคําสั่งของปีศาจเฒ่าเพื่อประเมินสถานการณ์อย่างเงียบเชียบ ฐานที่มั่นของจักรวรรดิต้าฉันแทบทั้งหมดถูกสร้างขึ้นบนยอดเขาที่มีภูมิประเทศเอื้ออํานวยต่อการมองเห็นสภาพแวดล้อมโดยรอบ แต่ในขณะเดียวก็ง่ายต่อการถูกปิดล้อม

เถาวัลย์เหนียวแน่นแข็งแรงงอกขึ้นจากพื้นดินอย่างเชื่องช้า พวกมันไม่รีบร้อนออกไปทําร้ายผู้คนหากแต่ซุกซ่อนอยู่ใต้พิภพเพื่อดูดซับพลังงานรอบตัวอย่างไร้ความปรานี

นี่เป็นอีกวิธีในการทําลายอาณาเขตของป้อมปราการ จซื้อเจียและคนอื่นๆ ได้ใช้วิธีนี้ทําลายอาณาเขตราชนทรราชย์แห่งจักรวรรดิต้าฉินระหว่างที่เยี่ยฉวนกําลังฝึกตนอย่างสันโดษ ชายหนุ่มสามารถใช้แรงมหาศาลโจมตีไปยังจุดเล็กๆ เพื่อทําลายอาณาเขตในชั่วพริบตา ขณะที่ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อเลือกใช้วิธีอันแยบยล อาณาเขตราชันทรราชย์จะค่อยๆ พังทลายลงไปเองหากมีพลังงานไม่เพียงพอและกว่าทหารอารักขาจะสังเกตเห็นก็สายเกินไปเสียแล้ว!

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงกระทั่งราตรีเข้าปกคลุม

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินกะเทาะอาณาเขตราชันทรราชย์อย่างใจเย็น กองกําลังหลักจะบุกเข้าไปทันทีที่มันถูกทําลาย นอกจากสัตว์อสุรกายหลายตัวที่เฝ้าดูลาดเลาอยู่แล้วยังมีกองทัพใหญ่เร้นกายอยู่ในหุบเขาห่างออกไปครึ่งทาง ป้อมปราการในยามนี้แลดูเงียบสงบไร้ความผิดปกติหากมองเพียงผิวเผิน

ทันใดนั้นคบไฟเรียงรายเป็นแถวพลันปรากฏขึ้นบริเวณเชิงเขาท่ามกลางความมืด คนกลุ่มใหญ่กําลังเดินตรงไปยังป้อมปราการบนยอดเขาทําให้สาวกสํานักหมอกเมฆาต้องซ่อนตัวให้มิดชิดขึ้นกว่าเดิม

คนกลุ่มใหญ่อย่างน้อยหนึ่งพันคนเคลื่อนกายเข้าใกล้ขึ้นทุกขณะเผยให้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ผู้นําของอีกฝ่ายไม่ใช่ทั้งมนุษย์หรือภูตผีหากแต่เป็นองค์ชายรัชทายาทหลีก่วงซ่าน พวกเขากําลังตรงไปยังป้อมปราการบนยอดเขาโดยไม่คาดคิด กลุ่มทหารอารักขาต่างรายล้อมหลีก่วงซ่านรวมถึงถังเซียนและนักพรตเต๋สังหาร ดูเหมือนว่าพวกเขากําลังลาดตระเวนและบังเอิญผ่านมาทางนี้เท่านั้น

“เร็วเข้า! เร็ว! ยังไม่เปิดประตูออกมาต้อนรับอีกหรือ? องค์ชายรัชทายาทอุตส่าห์เสด็จมาที่นี่ ด้วยพระองค์เอง ยังไม่รีบเข้าอีก! ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไร?”

ใครคนหนึ่งตะโกนลั่นขณะที่ผู้ส่งสารรีบวิ่งไปยังยอดเขาเพื่อสั่งทหารอารักขาให้เปิดประตูโดยด่วน

องค์รัชทายาทหลีก่วงซ่านเดินอยู่ท่ามกลางกองทหาร ข้าราชบริพารที่ห้อมล้อมอยู่ทําให้เขาแลดูสง่างาม ทว่าสีหน้าของเขากลับโหดเหี้ยมน่าสะพรึงกลัว เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มกําลังไม่พอใจเท่าใดนัก

เขาประจําอยู่ค่ายทหารใหญ่ในเมืองโบราณผิงหยวนโดยไม่ออกไปไหนมาระยะหนึ่งแล้ว หลังจากรอคอยในบ้านไม้หลังเล็กกว่าครึ่งเดือน องค์รัชทายาทก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป แม้กองทัพต้าฉินจะพยายามรุกคืบด้วยการสร้างฐานที่มั่นหลายแห่ง แต่สํานักหมอกเมฆามักจะรังควาน และโต้กลับอยู่เป็นนิจจนสูญเสียป้อมปราการไปสองแห่งหลังจากสร้างไปสามแห่ง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเดินหน้าสามก้าวแล้วถอยหลังสองก้าว ทําให้ความก้าวหน้าในการบุกโจมตีช้าลงอย่างมากและเข้าสู่ทางตัน เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดองค์รัชทายาทจึงโน้มน้าวพรตเต๋าสังหารให้ออกมาเดินตรวจตราป้อมปราการตามคํายุยงของถังอี้เซียน

ยิ่งลึกเข้าไปในเทือกเขาหมอกเมฆามากเพียงใด การโต้กลับจากสํานักหมอกเมฆายิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พรตเต๋าสังหารจึงคัดค้านไม่ให้องค์รัชทายาทเดินทางออกจากค่ายในช่วงนี้ แต่หลีก่วงฮ่านยังคงยืนกรานหนักแน่นและบังคับให้นักพรตคู่กายร่วมทางไปด้วย เขาจึงได้แต่หวังว่าจะไม่มีเหตุอันใดเกิดขึ้นตลอดทาง เคราะห์ร้ายที่พวกเขาต้องเผชิญกับการดักซุ่มโจมตีจากสํานักหมอกเมฆาและเยี่ยฉวนที่เพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกตนอย่างสันโดษโดยไม่คาดคิด!

แววตาของเยี่ยฉวนที่กําลังนั่งขัดสมาธิในมุมมืดพลันลุกโชนขึ้นทันทีที่เห็นร่างของหลีก่วงซ่าน

“ศิษย์พี่ใหญ่ เราควรทําอย่างไรดี? โจมตีเลยหรือไม่?” จซื้อเจียเดินเข้ามาหาเยี่ยฉวนเพื่อขอคําแนะนํา

ก่อนหน้านี้นางมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม แต่กําลังเสริมของจักรวรรดิต้าฉันที่ปรากฏขึ้นกะทันหัน พร้อมองค์รัชทายาทหลก่วงซ่านและเหล่ายอดฝีมือทําให้ยากจะบอกว่าพวกเขาจะมีชัยในศึกครั้งนี้หรือไม่ ความประมาทเพียงน้อยนิดอาจทําให้พวกเขาต้องเผชิญการโต้กลับรุนแรงจนสูญเสียอย่างหนักได้

“โจมตีสิ เหตุใดจึงไม่โจมตีเล่า? บอกหลัวเต๋อให้เริ่มลงมือ… เดี๋ยวนี้!” เยี่ยฉวนสั่งการอย่างเลือดเย็น ในเมื่อจับปลาตัวใหญ่อย่างหลีก่วงซ่านได้แล้วจะปล่อยให้ลื่นหลุดมือไปได้อย่างไร?

โจมตีเลยงั้นหรือ?”

จูซือเจียประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมทําตามคําสั่งแต่โดยดี

การล้มเลิกการจู่โจมป้อมปราการและเปลี่ยนมาโจมตีพวกของหลีก่วงซ่านย่อมได้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่กว่า อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเวลาทําลายอาณาเขตอีกต่อไป ต่อให้พวกเขาไม่สามารถสังหารองค์ชายรัชทายาทได้ แต่แค่ทําให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถูกตัดมือสักข้างย่อมดีกว่าการโค่นล้มฐานที่มั่นเป็นไหนๆ

เถาวัลย์นับไม่ถ้วนเปลี่ยนทิศทางลงจากเขาทันใด หากมีสายตาแหลมคมพอจะมองเห็นหน่ออ่อนผุดขึ้นและเติบโตเป็นเถาวัลย์อย่างรวดเร็วทั้งภูเขา

ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินรีบดําเนินการตามค่าสั่งทันที

องค์รัชทายาทหลีก่วงฮานพร้อมด้วยข้าราชบริพารยังคงมุ่งหน้าสู่ป้อมปราการบนยอดเขาต่อไป ท้องฟ้ามืดลงและมีลมหนาวพัดโชย ทว่ายังไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความผิดปกติ กระทั่งเถาวัลย์เจริญขึ้นจนสูงเท่ามนุษย์และอยู่ห่างออกไปเพียงหนึ่งร้อยเมตร พรตเต๋สังหารจึงเหลือบไปเห็น และหยุดชะงักเพื่อกวาดสายตามองโดยรอบอย่างระแวดระวังทันใด

“ท่านนักพรต เกิดเหตุอันใดขึ้น? มีสัตว์อสูรมั้นหรือ?”

หลีก่วงฮานงนงง เขาเป็นถึงปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับเจ็ดแต่ไม่อาจสัมผัสถึงสิ่งใด ออร่าของสัตว์อสูรกายก็เป็นเพียงพวกตัวนิ่ม ปีศาจวัวนัยน์ตาอสูร และสัตว์ระดับต่ําอื่นๆ ที่ซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นพวกเขา ส่วนสัตว์อสูรกายระดับสูงที่อาจเป็นภัยคุกคามได้นั้นกลับไร้วี่แวว

“ฝ่าบาท ไม่ใช่สัตว์อสูร แต่เป็น…”

ยังไม่ทันที่พรตเต๋สังหารจะพูดจบ สัมผัสอันตรายนั้นกลับทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

ทันใดนั้นเถาวัลย์นับไม่ถ้วนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ พวกมันม้วนตัวราวกับคลื่นทะเลจนบดบังท้องฟ้า เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองของปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินดังกังวานประหนึ่งแตรสัญญาณของเทพแห่งความตาย!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด