Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 336 ถอยร่นไปยังปากประตู

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 336 ถอยร่นไปยังปากประตู อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 336 ถอยร่นไปยังปากประตู

การต่อสู้ครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน!

กองทัพแห่งจักรวรรดิต้าฉันโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างดุเดือดโดยปราศจากบรมครูประจําแคว้นเจียงเฉินเชิงเป็นผู้นําทัพ

กองทัพทหารกว่าสองแสนนายภายใต้การนําขององค์ชายรัชทายาทหลีก่วงซ่านไม่ต่างอะไรไปจากฝูงลูกแกะที่ไร้ทางสู้ ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้การนําของบรมครูเจียงเฉินเชิงพวกเขากลับดุร้ายประหนึ่งพยัคฆ์และหมาป่า!

เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาหมอกเมฆาและสั่งการบรรดาศิษย์รวมถึงทัพอสุรกายประจัญบานให้โจมตีอีกฝ่ายด้วยตนเอง ทว่าข่าวร้ายยังคงเข้าหูเขาไม่หยุดหย่อน

ฝ่ายลาดตระเวนด้านนอกสํานักเป็นกลุ่มแรกที่ขาดการติดต่อ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสถานการณ์เริ่มเข้าขั้นร้ายแรงแล้ว ส่วนหอคอยอันเป็นป้อมสังเกตการณ์ที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาก็ถูกทําลายเป็นกลุ่มที่สอง กองทัพแห่งจักรวรรดิต้าฉันรุดไปด้านหน้าสู่ประตูทางเข้าสํานัก…จากนั้นการนองเลือดจึงเกิดขึ้นตามมาพวกเขาต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าเสี่ยงอย่างบ้าระห่ไม่กลัวตายแม้แต่ น้อยฝ่ายศิษย์สํานักหมอกเมฆาก็ไม่ยอมแพ้และพยายามปกป้องทางเข้าอย่างสุดกําลัง ลูกศรปลายแหลมถูกยิงกระหน่ําออกจากหน้าไม้เศียรมังกรครั้งแล้วครั้งเล่า

ในที่สุดทหารแนวหลังซึ่งถูกลูกศรจู่โจมอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์ แห่งเต๋ก็ไม่สามารถทานทนต่อความเจ็บปวดมหาศาลจากมัน ไม่นับทหารชั้นสามัญซึ่งไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่ได้รับบาดเจ็บหนักจนล้มตายคาที่หน้าไม่เศียรมังกรที่รวมพลังกันนับร้อยชิ้นส่งเสริมให้พ ลังของมันปะทุขึ้นอย่างร้ายกาจจนผู้คนต้องยอมสยบ ไม่ว่าผู้ใดคิดฉวยโอกาสจากความโกลาหลดังกล่าวก็จะถูกระดมยิงจนทรุดลงกับพื้นโดยไม่มีข้อยกเว้น

หน้าไม่เหินเวหาซึ่งสตรีพรหมจรรย์เป็นผู้มอบให้นั้นทรงพลังยิ่ง เพราะลูกศรสามารถยิงออกมาจากหน้าไม่ได้ถึงครั้งละสามดอก ทว่านอกเหนือจากการพึ่งพาความสามารถของอาวุธสังหารเหล่านี้แล้วยังต้องพึ่งพาพละกําลังของผู้ใช้อีกด้วย บรรดาศิษย์ชั้นสามัญไม่อาจต้านทานได้นานนักจึงต้องผลัดเวียนกันหลังโจมตีศัตรูไปแล้วหลายครั้งกระทั่งอ่อนแรงซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นข้อ บกพร่องสําคัญที่อีกฝ่ายสามารถสังเกตเห็นขณะที่ศิษย์สํานักหมอกเมฆาผลัดเวรพร้อมกันพวกเขาจะอาศัยจังหวะนั้นเพื่อทําการโจมตีอย่างไม่รอช้าจนเกือบยึดประตูทางเข้าได้สองถึงสามครั้ง

บริเวณรอบโดยรอบซึ่งเป็นประตูทางเข้ารองก็เกิดการต่อสู้รบที่ดุเดือดไม่แพ้กัน..

ทหารของกองทัพแห่งจักรวรรดิต้าฉินหลายนายได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาล้มลงกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ทว่าในฝั่งของสํานักหมอกเมฆาก็มีบรรดาศิษย์หลายรายที่ตายตกไปจากการสู้รบครั้งนี้ ล่าพังทหารสามัญก็มีพละกําลังมหาศาลมากพออยู่แล้วซ้ําร้ายยังมีเหล่ายอดฝีมือปะปนอยู่ในกองทัพอีกด้วย เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่าบรมครูเจียงเฉินเชิงไม่เพียงนําทัพด้วยตนเองเท่านั้น แต่ ยังจัดสรรเหล่ายอดฝีมือชั้นเลิศอีกจํานวนหนึ่งเข้าทําศึกในครั้งนี้ หากศิษย์คนใดประมาทแม้เพียงนิดจะถูกกระชากอาวุธออกจากตัวและจู่โจมจนถึงแก่ความตาย

“ศิษย์พี่ใหญ่! รีบเรียกใช้ขอบเขตป้องกันเถิด! หากไม่เรียกใช้เสียตอนนี้เห็นที่บรรดาศิษย์ของพวกเราคงต้านทานไว้ไม่อยู่เป็นแน่!” จซื้อเจียซึ่งยืนอยู่บนยอดเขาเช่นกันขอร้องเยี่ยฉวนเมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงเบื้องล่าง

เมื่อปราศจากคําสั่งการของเยี่ยฉวน บรรดาศิษย์สานักหมอกเมฆาจึงปะทะกับศัตรูด้วยพละกําลังทั้งหมดโดยปราศจากมาตรการคุ้มกันเสริมใดๆ ไม่มีแม้แต่การเรียกใช้ขอบเขตป้องกันประตูทางเข้าอันเป็นปราการด่านแรก อีกทั้งปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินรวมถึงทัพอสุรกายประจัญบานก็ยังนิ่งสนิทไม่ได้ดําเนินการใดเพราะไม่ได้รับคําสั่งจากเยี่ยฉวนอย่างเป็นทางการอีกทั้ง ความโกรธแค้นจากฝ่ายศัตรูยังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนสํานักหมอกเมฆาไม่อาจตั้งรับไหว

“รออกครู่หนึ่งเถิด อย่าคิดปกป้องเขาหากพวกเขายังไม่สามารถปกป้องชีวิตตนไว้ได้” เยี่ยฉวนสั่งการอย่างไม่แยแส หลังผ่านพ้นอารมณ์ตระหนกไปแล้วเขาจึงกลับมาสงบลงดังเดิม

ตั้งแต่บรมครูแห่งแคว้นนําทัพเข้าสู่สนามรบด้วยตนเอง การต่อสู้ที่เกิดขึ้นจึงมีความอันตรายสูงขึ้นกว่าครั้งก่อนเป็นเท่าทวี และหากเวลายิ่งยืดเยื้อนานไปกว่านี้พวกเขาอาจอ่อนล้าลงจนกระทั่งหมดเรี่ยวแรงต่อต้าน อีกทั้งความสูญเสียย่อมเพิ่มขึ้นมากกว่าชัยชนะที่พึงได้รับแต่เพื่อเอาช นะอีกฝ่ายแล้วเยี่ยฉวนคงต้องยอมเสี่ยงอย่างไร้ทางเลือก

“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านหมายความว่าจะให้เราต้อนหลอกล่อศัตรูเข้ามาภายในแล้วค่อยจัดการภายหลังเช่นนั้นหรือ?” ซื้อเจียมีความพร้อมเผยสีหน้าตื่นตระหนกยิ่ง แม้แต่จ้าวต้าจอปีศาจเพลิง หลงเอ๋อร์น้อยและคนอื่นๆ ที่ได้ยินเช่นนั้นยังนิ่งอึ้งด้วยความคาดไม่ถึง!

การสละแนวป้องกันที่ประตูทางเข้าสํานักนับเป็นการเปิดต้อนรับฝ่ายศัตรูให้บุกทะลักเข้ามาในถิ่นของพวกเขา หลังจากนี้กองทัพแห่งจักรวรรดิต้าฉันจะต้องเกิดการนองเลือดจนท่วมท้นไปทั่วทั้งยอดเขาหมอกเมฆาอย่างไม่ต้องสงสัย!

“กลยุทธ์นี่เป็นเพียงการสละแนวป้องกันประตูทางเข้าเท่านั้น หลงเข้ามาแล้วจึงกําจัดทิ้งเสียก็ สิ้นเรื่องต่อให้ต้องสละถิ่นฐานของสํานักหมอกเมฆาทั้งหมดก็ยังดีตราบใดที่สามารถรักษาชีวิต ของผู้คนฝ่ายเราไว้ได้ก็นับว่ายังมีความหวังที่จะได้รับชัยชนะ แต่หากพวกเขาตายตกไปทั้งหมด… สำนักหมอกเมฆาของเราคงจบสิ้นกันครานี้”

เยี่ยฉวนกล่าวด้วยน้ําเสียงเรียบเฉยขณะรักษาท่าที่นิ่งสงบ เขามองสถานการณ์โดยรวมและ ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ จากนั้นจึงหันไปออกคําสั่ง “เจียเจีย กระจายคําสั่งของข้าลงไปคนแก่ ผู้อ่อนแอ่ คนเจ็บป่วยและทุพพลภาพทั้งหมดจะถูกเคลื่อนย้ายไปยังยอดเขาหมอกเมฆา ส่วนอาวุโส ลําดับสองให้พาเขาไปอาศัยอยู่ในห้องโถงใหญ่เป็นการชั่วคราว หากศิษย์ร่วมสํานักของเราต้าน

ทานไม่ไหวก็ล่าถอยออกมาเสีย ปล่อยให้พวกมันผ่านประตูทางเข้าสํานักเข้ามา หลายคนลือกันว่าบรมครูแห่งราชสํานักต่าฉันมีวรยุทธ์สูงส่งเกินหยั่งรู้ เช่นนั้นข้าก็ใคร่รู้นักว่าเขามีความสามารถเพียงใด?!”

ภาพลักษณ์ภายนอกของเยี่ยฉวนที่แสดงออกเต็มไปด้วยความเย็นชา ทว่าภายในใจจิตสังหารกลับรุนแรงขึ้นอย่างยากจะระงับ

เมื่อเทียบบรมครูเจียงเดินเชิงกับพรตเตสังหารแล้ว เจียงเฉินเชิงมีวรยุทธ์และขั้นการฝึกตนที่ สูงส่งกว่าหลายเท่าอย่างเห็นได้ชัด ทว่าการกดดันให้แนวป้องกันของสํานักหมอกเมฆาจนมุมกระทั่งต้องยอมสละประตูทางเข้าหมายเอาชนะเยี่ยฉวนเช่นนี้ล้วนเป็นความคิดที่ผิดถนัด เพราะต่อให้ เยี่ยฉวนต้องเสียสละถิ่นที่ตั้งของสานักหมอกเมฆาไปอย่างไรเขาก็ต้องสั่งสอนอีกฝ่ายให้ได้รับ บทเรียนอันเลวร้ายอย่างแสนสาหัส ต่อให้สังหารคนผู้นี้ไม่สําเร็จ แต่ทหารทั้งกองทัพกว่าสองแสนนายก็ต้องตายตกด้วยเงื้อมมือของเขา!

“รับทราบ!”

จซื้อเจียรั้งรออยู่ครู่หนึ่งด้วยความลังเล แต่แล้วนางจึงกัดฟันและคํานับรับคําสั่ง แม้นางเป็นสตรีทว่ามีอุปนิสัยเด็ดเดี่ยวมากกว่าบุรุษเพศยิ่งนัก นางกระจายคําสั่งของเยี่ยฉวนออกไปในวงกว้างและเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ชายอันเป็นที่รักเมื่อเรื่องดําเนินมา ถึงขั้นนี้ไม่มีทางอื่นนอกจากใช้สํานักหมอกเมฆาเป็นเดิมพัน แต่หากกลยุทธ์กวาดล้างกองทัพ แห่งจักรวรรดิต้าฉันไม่สําเร็จพวกเราจะเป็นฝ่ายสูญเสียทุกอย่าง!

ทันทีที่คําสั่งถูกกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว บรรดาศิษย์ที่ไม่ได้รั่งอยู่แนวหน้าจึงเริ่มปฏิบัติตามอย่างอลหม่าน ทรัพย์สมบัติล่าค่ารวมถึงบุคคลอ่อนแอถูกนําขึ้นไปซ่อนยังยอดเขาหมอกเมฆา และยอดเขามังกรสวรรค์ซึ่งตั้งอยู่ข้างหุบเขามังกรปีศาจส่วนสิ่งที่ไร้ความสําคัญถูกนําฝังลงใต้ดิน หรือแม้แต่เผาทําลายไปเสียปล่อยให้เปลวไฟเผาไหม้จนเสียหายยังดีกว่าปล่อยให้พวกมันตกไปอยู่ในมือของราชวงศ์ต้าฉัน!

ส่วนจซื้อเจียก็ดําเนินการตามคําสั่งด้วยความกล้าหาญ ใจหนึ่งนางยังรู้สึกกระวนกระวายด้วยรู้ว่าการเดิมพันครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก แต่อีกใจหนึ่งนางยังเชื่อมั่นในตัวเยี่ยฉวนว่าเขาจะสามารถนําพาให้ทุกคนรอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้

“คุณชายผู้ประเสริฐ… ในเมื่อประตูทางเข้าด้านหน้าถูกสละแนวป้องกันไปแล้ว เหตุใดท่านจึงเลือกที่จะปกป้องยอดเขามังกรสวรรค์ด้วยเล่า?” ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อเอ่ยถามด้วยความข้องใจ จะเป็นการดีกว่าหรือไม่หากเลือกป้องกันยอดเขาหมอกเมฆาแทนยอดเขาอีกแห่งหนึ่งนั้น?

“สถานที่แห่งนั้นคือถิ่นของเผ่าพันธุ์มังกรอันรุ่งโรจน์ ทั้งยังเป็นทางหนีทีไล่สําคัญของเราทั้ง หมดนอกจากนี้ต้นเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์และต้นไผ่สายหมอกยังถูกปลูกลงดินที่นั้น ข้าไม่มีวันปล่อยให้สมบัติล้ําค่าทางธรรมชาติเหล่านี้เติบโตขึ้นโดยปราศจากการคุ้มกัน เว้นเสียแต่จะเหลือเป็นทางเลือกสุดท้าย” เยี่ยฉวนหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ “หลัวเต่อจงนํากองทัพอสุรกาย

ประจัญบานร่วมต่อสู่โดยทันที! พึงตระหนักไว้เสมอว่าพวกเราสามารถสละแนวป้องกันประตูทางเข้าสํานักได้ ยอดเขาและอาคารสถานต่างๆ ก็สามารถเสียสละได้เช่นกันไม่จําเป็นต้องปกป้อง พวกมันจนตัวตาย การรักษาชีวิตศิษย์ร่วมสํานักให้รอดชีวิตมากที่สุดจึงเป็นสิ่งสําคัญพยายาม ทุกหนทางเพื่อสังหารทหารเหล่านั้นและชะลอการรุกรานให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้!”

เยี่ยฉวนลุกขึ้นยืนก่อนจุดไฟอ่อนๆ เผาไหม้เครื่องหอมหยกที่พกติดกายมาด้วย ครั้นกลิ่นหอมฟังอบอวลไปทั่วจึงเรีกใช้เคล็ดวิชาลับอย่างไม่รอช้า

ครั้น! เสียงผืนพิภพสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น หมอกหนาทึบลอยขึ้นจากรอยปริแยกบนพื้นดินกระทั่งแผ่ปกคลุมทั่วทั้งสํานักหมอกเมฆา ก่อนที่รัศมีของมันจะค่อยๆ ขยายออกไปเป็นวงกว้างทั่วบริเวณ

ค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์ปรากฏขึ้นแล้ว!

ในที่สุดเยี่ยฉวนจึงเรียกใช้งานค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์ที่เคยทําให้ยอดฝีมือซึ่งบรรลุขั้นมหาปราชญ์อกสั่นขวัญแขวนมาหลายต่อหลายรายในภพชาติก่อน ขณะที่เรียกใช้… พลังปราณเกือบครึ่งภายในร่างกายของเขาก็ถูกส่งออกสู่ภายนอกอย่างมหาศาล

“สํานักหมอกเมฆาต้านทานไม่สําเร็จแล้ว! ฆ่าพวกมันซะ!”

“บรมครูแห่งแคว้นประกาศคําสั่ง! กวาดล้างสํานักหมอกเมฆาให้แหลกลาญซะ! จับกุมตัวไอ้ปีศาจเยี่ยฉวนทั้งเป็น!”

ทหารผู้ส่งสาส์นแห่งกองทัพจักรวรรดิต้าฉันตะโกนลั่น จากนั้นกองทัพภายใต้การนําของเหล่า แม่ทัพยอดฝีมือรวมถึงผู้บัญชาการระดับต่างๆ เร่งฝีเท้าเคลื่อนพลเข้าไปในกับดักมรณะตรงหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ปัง! ใครสักคนเป็นผู้ริเริ่มพังประตูสํานักเข้าไปภายในจากนั้นกองทัพอันทรงพ ลังซึ่งมีจํานวนคนนับไม่ถ้วนจึงถาโถมเข้ามาราวคลื่นพายุ ส่วนศิษย์สํานักหมอกเมฆาที่รั้งอยู่แนว หน้าในตอนแรกล่าถอยตามคําสั่งของเยี่ยฉวนและแยกย้ายหลบหนีเอาชีวิตรอด หลายคนหายลับเข้าไปในป่าทึบบนยอดเขา

หลังยอมสูญเสียไพร่พลไปเป็นจํานวนมากพวกเขาก็สามารถพังทลายประตูทางเข้าสํานักหมอกเมฆาจนไม่เหลือชิ้นดี ทุกคนต่างโห่ร้องลั่นอย่างสึกเหิมสําหรับชัยชนะที่ได้รับในครั้งนี้ และ เริ่มกระจายตัวไล่ล่าคนของฝ่ายศัตรูเพื่อสังหารให้หมดสิ้นอาคารสถานโบราณต่างๆ ถูกบุกรุกแทบทุกตารางนิ้ว

สํานักผู้ฝึกตนเก่าแก่ซึ่งมีตํานานเล่าขานนานนับล้านปี ควรมีมรดกทางปัญญาที่ล้ําค่าซ่อนอยู่ภายในไม่มากก็น้อย!

ดวงตาของเหล่านายทหารแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก๋าราวสัตว์กระหายเลือด แม้แต่ยอดฝีมือชั้นเลิศของราชสํานักที่แฝงตัวอยู่ในกองทัพก็โหยหาสมบัติเหล่านั้นไม่ต่างกัน แม้สํานักหมอกเมฆาไม่รุ่งเรืองเช่นครั้งอดีตทั้งยังจัดให้เป็นสํานักผู้ฝึกตนล่าดับสาม ทว่าพวกเขาย่อมมีมรดกเก่าแก่ซึ่ง ตกทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณมากกว่าสํานักอสูรเมฆาซึ่งก่อตั้งขึ้นภายหลังเป็นแน่! รอให้โจมตี พวกมันจนราบคาบเสียก่อนเถิด…พวกเขาใคร่รู้นักว่าสมบัติพัสถานที่ว่าจะเย้ายวนชวนให้ครอบครองเพียงใด?!

แม้เวลานี้พวกเขาไม่ได้รับคําสั่งจากผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอํานาจเหนือกว่า ทว่าเหล่าทหารชั้นผู้น้อยต่างต่อสู้กันเอง ความโลภที่หวังจะแย่งชิงมรดกโบราณทําให้พวกเขาหลงลืมหน้าที่อันพึงกระทําและเริ่มทําการสังหารหมู่ เวลานี้เป้าหมายเดียวมีเพียงการปล้นสะดมเท่านั้น!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด