Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 338 ข้อเสนอของบรมครู
บทที่ 338 ข้อเสนอของบรมครู
เยี่ยฉวนเหาะทะยานเข้าสู่สนามรบก่อนที่หอคอยพลังงานแห่งที่สองจะถูกทําลายลงอีกครั้งแสงสีฟ้ากะพริบถี่พร้อมอสรพิษครึ่งคนสิบสองตัวที่ปรากฏกายขึ้นล้อมรอบเหล่ายอดฝีมือผู้สวมชุดเกราะโลหิตกล้าสีแดงเพลิง จากนั้นแสงสีฟ้าพลันสว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมจักจันทองคําหกปีกและตุ๊กตาหุ่นกระบอกซึ่งมีวิญญาณร้ายเฮยปุยสิงสู่แม้แต่ปีศาจเพลิงปีศาจเขาโค้งนากซื้อรวมถึงปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินยังเร่งรุดมาเสริมกําลังแทบจะทันทีเวลานี้ผู้นําในกองทัพหลักมีเพียงจซื้อเจียเป็นผู้รับผิดชอบ
ความแปรปรวนของพลังปราณในร่างกายของเยี่ยฉวนทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้ร่างกายใกล้หมดเรี่ยวแรงเต็มที่ถึงกระนั้นเขายังรวบรวมกําลังเฮือกสุดท้ายเพื่อโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ภายในจุดตันเถียนอย่างบ้าคลั่งเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีซึ่งมีความอันตรายอย่างใหญ่หลวง
แม้กองทัพทหารแห่งจักรวรรดิต้าฉันจะมีจํานวนไพร่พลมหาศาล ทว่าภัยคุกคามที่แท้จริงมีเพียงยอดฝีมือทั้งสิบสามคนที่สวมชุดเกราะโลหิตกล้าเหล่านี้เท่านั้นหากสามารถกําจัดพวกเขาได้จะเทียบเท่าการตัดแขนขาของบรมครูเจียงเฉินเชิงให้สิ้นฤทธิ์จากนั้นพวกเขาจึงจะสามารถเรียกใช้ค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์เพื่อต้านทานการรุกรานของฝ่ายศัตรูได้โดยไร้อุปสรรคคันขวาง
“ฆ่า!”
บุคคลหนึ่งซึ่งเป็นผู้นําแผดเสียงตะโกนลั่นเพื่อออกคําสั่งให้ผู้ตามอีกสิบสองรายฝ่าออกไปจากวงล้อมนี้
เยี่ยฉวนพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมออกแรงหมัดสกัดกั้นการหลบหนีดวงตาของอีกฝ่ายเปล่งประกายแสงสีซีดขณะชกออกไปเต็มแรงเช่นกันทว่าก่อนที่หมัดทั้งสองข้างจะปะทะกันเยี่ยฉวนกลับเบี่ยงกายหลบไปด้านข้างและปล่อยให้หมัดอันทรงพลังของอีกฝ่ายพุ่งเฉียดไหล่ส่วนหมัดสังหารของเขากระแทกเข้าไปยังหน้าอกของอีกฝ่ายโดยแรง!
ในสถานการณ์คอขาดบาดตายเช่นนี้เขาไม่เพียงพึงใจกับการใช้หมัดสังหารเท่านั้นแต่ยังหมายให้ถึงแก่ชีวิต!
การจู่โจมของเยี่ยฉวนครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอีกฝ่ายไร้การเตรียมตั้งรับผู้นํากลุ่มยอดฝีมือส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดขณะกระเด็นถอยห่างออกไปหลายก้าวก่อนกระอักเลือดออกมากองใหญ่บนชุดเกราะโลหิตกล้าสีแดงเพลิงซึ่งมีความทนทานถึงขนาดลูกศรจากหน้าไม้เศียรมังกรไม่สามารถเจาะทะลุได้กลับปรากฏรอยยุบของหมัดสังหารนั้น
หากยกมาเปรียบเทียบแล้วหมัดสังหารของเยี่ยฉวนย่อมมีอานุภาพทําลายล้างแกร่งกว่าหน้าไม้เศียรมังกรหลายเท่าตัวอีกทั้งยังมีความรุนแรงและดุร้ายเป็นเลิศด้วยพลังกายที่มีความแข็งแรงถึงหนึ่งแสนสองหมื่นหกพันจนจึงยากที่อาวุธใดๆจะสามารถต้านทานได้
“ฆ่า! ฆ่าพวกมันทั้งสิบสามคนนี้ซะ!”
“ฮิๆๆ! ได้เวลาของข้าแล้ว!”
ต่อให้ได้คําสั่งจากเยี่ยฉวน ปีศาจเพลิงและบริวารตนอื่นก็พร้อมถาโถมเข้าต่อสู้กับศัตรูด้วยพละกําลังทั้งหมดโดยไม่รอช้า
ปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อแผดเสียงคารามลั่นขณะเบ่งร่างกายให้มีขนาดใหญ่โตขึ้นกว่าปัจจุบันเขาโค้งประหนึ่งเขาวัวสองข้างที่อยู่เหนือหน้าผากงอกออกอย่างน่าสะพรึงกลัวทันทีที่เขาโถมกําลังเข้าที่มแทงส่งผลให้ยอดฝีมือคนหนึ่งซึ่งสวมเกราะโลหิตกล้าลอยเคว้งขึ้นไปบนอากาศขณะที่เปลวไฟความสูงเกือบสิบเมตรปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของปีศาจเพลิงและแผดเผาคู่ต่อสู้คนหนึ่งจนดิ้นไปทางอื่นไม่รอดส่วนอสรพิษครึ่งคนทั้งหลายปราดเลื้อยเข้าล้อมรอบศัตรูและโจมตีอย่างอกอาจ
ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อผู้มีเสียงหัวเราะประหลาดน่าสยดสยองแตกต่างจากคนเหล่านั้นมันไม่ได้ต่อสู้เพียงลําพังแต่กลับยืนหยัดอยู่ข้างเยี่ยฉวนเพื่อสังหารผู้นําของกลุ่มยอดฝีมือเหล่านี้อย่างแข็งขันเสียงหัวเราะลั่นของมันดังกึกก้องไปทั่วแผ่นฟ้าฝ่ามือขวาแปรเปลี่ยนเป็นเถาวัลย์พิษปลายแหลมพุ่งจ้วงแทงฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง ส่วนเยี่ยฉวนก็ออกหมัดต่อยคู่ต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าหลังผู้นํายอดฝีมือถูกโจมตีอย่างหนักจากทั้งด้านหน้าและด้านหลังทําให้เขาได้รับบาดเจ็บหนักอย่างสุดจะทานทนชุดเกราะโลหิตกล้าปริแตกไร้สมรรถภาพอวัยวะภายในเคลื่อนผิดรูปเพราะแรงทุบกระแทกอันทรงพลังนับครั้งไม่ถ้วนกระทั่งเขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวอีกต่อไปจึงเสียหลักล้มลงกอง กับพื้นแต่เมื่อเขารวบรวมพละกําลังหยัดยืนขึ้นอีกครั้งกลับพบว่ามีตุ๊กตาหุ่นกระบอกหน้าตาประหลาดจ้องเขม็งมาที่ตนใบหน้าจิ้มลิ้มส่งรอยยิ้มหวานแข็งที่อทว่าเขากลับสัมผัสได้ถึงจิตสังหารแรงกล้าที่แผ่ออกมาจากตัวมัน!
หุ่นกระบอกเวรนี้มาจากไหนกัน?!
ผู้นํากลุ่มยอดฝีมือสบถในใจด้วยความพิศวงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะปริปากเอ่ยคําใดประกายแสงสว่างวาบของคมมีดกลับสะท้อนเข้าสู่ลูกนัยน์ตาปลายแหลมจากมีดสั้นทําให้ดวงตาของเขาบอดสนิทจากนั้นหมัดสังหารก็กระหน่ชกเข้าที่บริเวณศีรษะของเขากระทั่งกะโหลกหนาระเบิดออกพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่ปลิดปลิว
“คุณชาย… ไปที่เหยื่อรายต่อไปดีกว่า!”
วิญญาณร้ายเฮยกยซึ่งถือกริชเปื้อนเลือดถามหาเป้าหมายรายต่อไปพลางเผยรอยยิ้มเย็นเยือกดวงตาอันเต็มไปด้วยความกระหายเลือดของมันฉายประกายแก่กล้าแม้แต่ปีศาจเฒ่าหลัวเต๋อซึ่งเป็นวิญญาณร้ายโบราณเช่นกันได้เห็นยังรู้สึกขนพองสยองเกล้า
“ฆ่า!”
เยี่ยฉวนเรียกใช้เคล็ดวิชาไร้เทียมทานเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม ชั่วพริบตาเดียวเขาปรากฏตัวขึ้นด้านหลังยอดฝีมือผู้สวมเกราะโลหิตและส่งหมัดสังหารไปยังแผ่นหลังของอีกฝ่ายเต็มแรงยอดฝีมือผู้นั้นที่มัวสาละวนต่อสู้อยู่กับอสรพิษครึ่งคนไม่ทันรับรู้ถึงภยันตรายจากด้านหลังจึงถูกพลังกระแทกให้กระเด็นลอยไปไกลจากนั้นปีศาจเฒ่าหลัวเต่อและตุ๊กตาหุ่นกระบอกเฮยปุยจึงพุ่งตัวเข้ามารุมสังหารเขาทันที
นับตั้งแต่เยี่ยฉวนเคลื่อนไหวในสนามรบด้วยตนเอง สถานการณ์ทั้งหมดจึงเกิดความแปรผัน
เหล่ายอดฝีมือผู้สวมเกราะโลหิตซึ่งเคยอาละวาดฉกาจฉกรรจ์ในสนามรบตกอยู่ในสภาวะตึงเครียดแม้ขันการฝึกตนเยียฉวนไม่สูงส่งนักทว่าวรยุทธ์และพลังปราณของเขาช่างแข็งแกร่งและดุร้ายยิ่ง เกราะโลหิตที่ว่าทรงพลังมหาศาลยังไม่อาจต้านทานหมัดสังหารของเขาได้นับประสาอะไรกับร่างกายของคนที่อ่อนแอกว่าหลายเท่า และแน่นอนว่าผู้อื่นย่อมไม่มีร่างกายแกร่งเท่าเยี่ยฉวนในขณะนี้ไม่นานนักยอดฝีมือชั้นเลิศแห่งจักรวรรดิต้าฉินทั้งสิบสามคนกลับลดจํานวนลงเหลือเพียงเจ็ดการจู่โจมอย่างมีชั้นเชิงจากกองทัพอสุรกายประจัญบานและเยี่ยฉวนทําให้พวกเขาสิ้นเรี่ยวแรงที่จะทําลายหอคอยพลังงานแห่งที่สอง
“หนี!”
ครั้นสถานการณ์เลวร้ายลงทุกขณะจนไม่เหลือแม้แต่ความอุ่นใจ ยอดฝีมือทั้งเจ็ดจึงถอยมารวมกลุ่มกันอย่างรวดเร็วและพยายามหาทางหลบหนีออกจากวงล้อมนี้ทุกคนต่างผนึกกําลังกันเพื่อสร้างอานุภาพทําลายล้างที่รุนแรงกว่าครั้งก่อนจนฝ่ายตรงข้ามต้องผงะถอยปีศาจเพลิงและคนอื่นๆ ซึ่งเห็นเช่นนั้นจึงลังเลไม่กล้าโจมตีในทันที ทว่าเยี่ยฉวนกลับฉวยโอกาสนี้เพื่อไล่ล่าเหลือเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นที่เขาจะสามารถกําราบยอดฝีมือเหล่านี้ให้ราบคาบหากไม่ลงมือเสียตอนนี้เขาอาจปะปนไปในกลุ่มทัพทหารสามัญซึ่งทําให้ยากต่อการแก้ไข
“ตามล่าตัวพวกมันซะ!”
“คุณชาย! ระวังตัวด้วย!”
บริวารทุกคนเกิดแรงใจฮึกเหิมขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มต้นไล่ล่าศัตร
ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเป็นคนแรกที่สนองตอบต่อคําสั่งการเมื่อครู่ มันเรียกใช้พรสวรรค์แต่กําเนิดในการจู่โจมอย่างไม่รอช้า ทันใดนั้นเถาวัลย์หลายเส้นพลันโผล่ขึ้นจากพื้นดินและซ้อนทับกลายเป็นกําแพงสูงตระหง่านขัดขวางศัตรูทั้งเจ็ดคนไว้ปลายแหลมคมของเถาวัลย์พิษซึ่งดู ดกลืนวิญญาณเหล่าทหารมานักต่อนักไม่อาจแทงทะลุเกราะโลหิตกล้าจึงทําได้เพียงเลื้อยเข้าเกี่ยวรัดแขนและขาทั้งสี่ของพวกเขาไว้อย่างแน่นหนา ช่วยชะลอความเร็วหรือแม้แต่ปิดกั้นการมองเห็น
เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง
ทหารยอดฝีมือซึ่งหลงเหลือรอดชีวิตอยู่เพียงเจ็ดคนล้มระเนระนาดไปทีละคนร่างกายของเยี่ยฉวนชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉานทั้งยังมีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วลําตัวถึงกระนั้นเขายังข่มกลั้นความเจ็บปวดนําพาทุกคนเข้าสังหารศัตรูเหล่านี้จนหมดสิ้นครั้นผ่านไประยะเวลาหนึ่งจึงเหลือศัตรูเพียงคนเดียวที่ยังวิ่งกระเสือกกระสนไปด้านหน้า
“ฆ่า!”
เยี่ยฉวนคํารามลั่นและเร่งฝีเท้าไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเมื่อเขาก่าลังจะออกแรงชกอีกฝ่ายซึ่งวิ่งอยู่ด้านหน้ากลับหยุดชะงักอย่างกะทันหัน
คนผู้นี้หมดเรี่ยวแรงที่จะวิ่งหนีต่อไป หรือว่า…
เมื่อเยี่ยฉวนตระหนักได้ดังนั้นจึงหยุดชะงักการกระทําของตนเองบ้างเขากวาดสายตามองโดยรอบและพบว่าตนออกนอกเขตสํานักหมอกเมฆาโดยไม่ทันรู้ตัวเพราะมัวไล่ล่าชายผู้นี้
ไม่ดีแล้ว! เขาตกหลุมพรางของอีกฝ่าย… ยอดฝีมือผู้นี้เป็นเพียงเหยื่อล่อ!
แขนและขาทั้งสองข้างของเขาเย็นเฉียบสนองตอบต่อออร่าความอันตรายที่สัมผัสถึง
ทันใดนั้นเสียงปรบมือพลันดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด
ชายวัยกลางคนท่าทางเปี่ยมสง่าราศราวนักปราชญ์เดินออกมาจากความมืดพร้อมปรบมือเสียงดังเบื้องหลังเขายังมีเหล่าทหารยอดฝีมือกลุ่มใหญ่รวมถึงร่างบอบช้าขององค์ชายรัชทายาทหลีก่วงซ่านทันทีที่องค์ชายเห็นศัตรูคู่อาฆาตเช่นเยี่ยฉวนดวงตาคู่นั้นพลันเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างชั่วร้ายขึ้นทันใดส่วนนักปราชญ์วัยกลางคนซึ่งดูเหมือนเป็นผู้นําของคนทั้งหมดกลับยึดตัวตรงอย่างน่าเกรงขามลักษณะท่าทางดูคล้ายบัณฑิตผู้มากปรัชญามากกว่าผู้ฝึกตนเสียอีก
“บรมครแห่งแคว้น… เจียงเดินเชิงใช่หรือไม่?” เยี่ยฉวนสูดลมหายใจลึกระงับอารมณ์ของตนให้สงบลง
“ถูกแล้ว! ข้า… เจียงเฉินเชิง!”
นักปราชญ์แห่งราชสํานักวัยกลางคนใช้สายตาคมกริบสํารวจเยี่ยฉวนตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนพยักหน้าพร้อมกล่าวสรรเสริญ “ประเสริฐที่เดียว! ศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆาผู้นี้ช่างมีวรยุทธ์โดดเด่นนัก! พ่อหนุ่ม… จงตามข้ากลับไปยังเมืองหลวงเถิดข้ายินดีรับรองความปลอดภัยของเจ้าและยินดีมอบตําแหน่งแม่ทัพพยัคฆ์มังกรให้เจ้าครอบครองด้วยตนเองเจ้าจะได้เป็นผู้ครองอาณาเขตนับหนึ่งหมื่นลี้ทั้งยังมีทหารอารักขาใต้บังคับบัญชาถึงแปดแสนนายในความดูแลจากนั้นหน้าที่ของเจ้าคือรวบรวมทัพทั้งหมดเพื่อการาบสํานักผู้ฝึกตนต่างๆในเขตแดนของจักรวรรดิต้าฉันข้อเสนอเช่นนี้เป็นอย่างไร?!”
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายยิ่ง! บรมครูเจียงเดินเชิงไม่ลงมือสังหารอีกฝ่ายทันทีที่ประสบพบหน้าแต่กลับพยายามเสนอตําแหน่งอันทรงเกียรติให้พร้อมรางวัลมากมายก่ายกองไม่ว่าจะเป็นตําแหน่งแม่ทัพพยัคฆ์มังกรอาณาเขตกว่าหนึ่งหมื่นลี้และรับเป็นผู้ บัญชาการเหนือกองทัพทหารกว่าแปดแสนนายซึ่งตําแหน่งดังกล่าวทรงอํานาจมหาศาลโดยเป็นรององค์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าฉันแต่เพียงผู้เดียว… เทียบเท่าตําแหน่งของบรมครูเจียงเฉินเชิงด้วยซ้ำ!นี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่?!
คอมเม้นต์