Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 356 ปลีกวิเวกฝึกตนยามดึกสงัด

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 356 ปลีกวิเวกฝึกตนยามดึกสงัด อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 356 ปลีกวิเวกฝึกตนยามดึกสงัด

ราตรีดึกสงัด เหล่าทหารวิ่งกรูออกจากค่ายอย่างรีบเร่งเพื่อทําการค้นหาโดยบุกค้นบ้านเรือนที่ละหลังทันทีที่คําสั่งปิดประตูเมืองมีผลบังคับใช้ ทว่าพวกเขาไม่พบแม้แต่เงาของมือสังหารผู้นั้นพบเพียงบุคคลที่มีท่าทางเป็นกบฏ ยังดีที่ในหมู่คนเหล่านั้นไร้ซึ่งอันธพาลหรือจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ที่สักแต่สังหารคนเป็นผักปลาบางคนยอมจํานนโดยดี แต่บางคนก็พยายามขัดขึ้นต่อให้รู้ว่าสู้ไปก็สิ้นหวัง ดังนั้นการต่อสู้อย่างดุเดือดจึงเกิดขึ้นประปรายตามถนนและตรอกซอกซอยต่างๆ

ครั้นทหารสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ให้กับฝูงชนเยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์จึงกลับเข้าไปในห้องพักเดิมอย่างเงียบเชียบ สาวใช้จ้าวชูหยาซึ่งผล็อยหลับไปบนเตียงก่อนหน้านี้ออกจากห้องไปแล้ว ทั้งภายนอกและภายในห้องจึงเงียบสงัดไร้เสียงคนพลุกพล่านไม่มีใครคาดคิดอย่าง แน่นอนว่ามือสังหารลึกลับผู้ทรงพลังคนนั้นซ่อนตัวอยู่ภายในสํานักมังกรนภาใกล้แค่เอื้อม

อาณาเขตมังกรนภาซึ่งแผ่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าแผ่ออร่าความทรงพลังอย่างแท้จริง ทั้งยังแผ่ขยายออกครอบคลุมสํานักทุกหัวระแหง ต่อให้บรรลุการฝึกตนขั้นปรมาจารย์แห่งเต่ก็ไม่สามารถหนีรอดออกไป เรื่องดังกล่าวใช่ว่าเยี่ยฉวนไม่สามารถหาทางออกได้แต่เขายังไม่ปรารถนาจะออกจากเมืองในเวลานี้ เพราะกว่าที่เขาจะทราบที่อยู่ขององค์ชายหลีก่วงซ่านเป็นหลักแหล่งนั้นช่าง ยากเย็นยิ่งเมื่อเป้าหมายในการลอบสังหารอยู่ใกลในระยะเผาขนเช่นนี้ เขาจะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปได้อย่างไร?

สามวัน!

ยังพอมีเวลาเหลืออีกสามวัน!

เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธินั่งอยู่บนเตียง รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้าของเขา

ตอนนี้ชัดเจนว่าสิ่งที่ช่วยหนานจื่อจ้าวอิงกล่าวนั้นถูกต้องทุกประการ สํานักหมอกเมฆากําลังเผชิญกับความท้าทายใหม่ และเขาเข้ามาในพื้นที่ของแคว้นมังกรนภาเพื่อสิบความจากศัตรูอย่างใกล้ชิด เขาไม่เพียงต้องการหยุดยั้งแผนการของเจ้าสํานักเท่านั้นทว่ายังต้องการกําจัดองค์ชายผู้ นั้นทิ้งเพื่อตัดปัญหาในอนาคตที่จะตามมาอย่างไม่รู้จบยิ่งเขาทําสําเร็จไวเพียงใดก็ยิ่งดีเท่านั้น หากรั้งรอจนองค์ชายเชิญเจ้าสํานักมังกรนภาพร้อมสาวกบุกมาถึงสํานักหมอกเมฆาแล้วครั้งนี้คงยากที่จะเคลื่อนไหวต่อต้าน

แต่เวลานี้สํานักมังกรนภาตกปากรับค่าที่จะตามล่าเยี่ยฉวนแล้ว คราวนี้เขาควรจัดการกับปัญหาดังกล่าวอย่างไรจึงจะเหมาะสม? หรือการล่าถอยกลับถิ่นฐานและมุ่งมั่นอยู่กับการต่อสู้กับกองทัพแห่งจักรวรรดิต้าฉันต่อไปจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด?

เมื่อคิดได้ดังนั้นเยี่ยฉวนจึงเรียกยันต์สื่อสารออกมาหมายส่งข่าวร้ายนี้ไปให้ถึงมือจซื้อเจียที่รักษาการอยู่ในสํานักทว่าก่อนที่เขาจะฉีกยันต์ออกจากกันจิตใจก็เกิดความลังเล

หากสํานักหมอกเมฆาต้องทําสงครามกับภายนอกอีกครั้งเห็นที่ครั้งนี้สํานักคงต้องประสบกับความเสียหายครั้งใหญ่อีกหนึ่งระดับ ยิ่งกว่านั้นอาณาเขตป้องกันจะใช้การไม่ได้หากปราศจากการเรียกใช้จากเขาในเมื่อเขาย้อนกลับไปไม่ได้ในขณะนี้ เช่นนั้นเขาควรเดินหน้าโจมตีก่อนกระนั้น หรือ?

ความคิดบ้าบินพลันปรากฏขึ้นในจิตใจของเยี่ยฉวน

แม้เหตุการณ์ทุกอย่างในเวลานี้จะเอื้อต่อการโจมตีศัตรู ทว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวก็นับเป็นดาบสองคมเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงต้องวางแผนอย่างรอบคอบและรัดกุมเป็นพิเศษยอดฝีมือที่แท้จ ริงของสํานักหมอกเมฆามีเพียงปีศาจเพลิงหนานเทียนโตวปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินและ ศิษย์ชั้นเลิศเพียงไม่กี่รายเท่านั้น ตรงข้ามกับสํานักมังกรนภาที่ศิษย์แทบทั้งหมดล้วนเป็นยอด ฝีมือที่มีวรยุทธ์สูงส่งหากประมาทเพียงนิดอาจเกิดการเพลี่ยงพล้ําจนถูกคนเหล่านั้นบดขยี้ไม่เหลือชิ้นดี

“พี่ใหญ่ ท่านช่วยหนานจอจ้าวอิงเคยกล่าวว่าพันธมิตรยอดวีรบุรุษของเขาทรงพลังยิ่ง เราสามารถขอความช่วยเหลือจากกองทัพของเขาและสําแดงความแข็งแกร่งให้เป็นที่ประจักษ์เป็นอย่างไร?!” หลงเอ๋อร์รับรู้ความหนักใจของเยี่ยฉวนจึงกล่าวเพื่อเสนอแนะ

“นี่ถือเป็นแนวทางที่ดีไม่น้อย ทว่าข้าใคร่เก็บไว้เป็นไพ่ตายสุดท้าย เราไม่ควรเป็นหนี้บุญคุณพวกเขาโดยง่าย” เยี่ยฉวนส่ายหน้า

แม้พันธมิตรยอดวีรบุรุษที่ช่วยหนานจือจ้าวองเคยพูดถึงฟังดูทรงอานาจและเปี่ยมพลังมหาศาล ทั้งยังมีเครือข่ายกระจายข้อมูลที่ดีเยี่ยม ส่งผลให้เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายยินดีเข้าร่วมด้วยอย่างไม่ลังเลทว่าสถานการณ์โดยรวมและเป้าหมายกลับยังคลุมเครือก่อนที่เยี่ยฉวนจะทําความรู้ จักกับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าวอย่างจริงจังจะเป็นการดีกว่าถ้าเขาไม่ติดต่อกับอีกฝ่ายมากจนเกินควร

“พี่ใหญ่ เช่นนั้นพวกเราควรทําอย่างไรต่อไปดี?” หลงเอ่อร์น้อยรู้สึกวิตกกังวลขึ้นทันใด ทว่าเยี่ยฉวนยังคงรักษาท่าที่นิ่งสงบขณะอธิบายถึงแผนการขั้นต่อไป

“ค่อยๆ ปฏิบัติไปตามครรลองที่เหมาะควรจะเป็นการดีที่สุด ก่อนหน้านี้เจ้าเผชิญหน้ากับกองทัพทหารแห่งราชวงศ์ต้าฉันนับสองแสนนายได้ แล้วเจ้ายังหวาดกลัวสํานักมังกรนภาที่มีกําลังน้อยกว่าด้วยเหตุใดกัน?”

เยี่ยฉวนตัดสินใจฉีกขยันต์สื่อสารเพื่อส่งข้อความลับให้จซื้อเจียได้รับทราบถึงสถานการณ์ ดังกล่าวเพื่อเตรียมการรับมือต่อไปจากนั้นจึงหลับตาลงเพื่อเข้าสู่สมาธิฝึกตนอีกครั้ง

เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังยิ่งกว่า เยี่ยฉวนจึงบังเกิดความกระตือรือร้นที่จะฝึกตนเพื่อบ่มเพาะพลังปราณให้บรรลุสู่ระดับที่สูงขึ้น ทั้งยังตั้งตารอยันต์กลืนกินสวรรค์ใบใหม่ที่จะควบแน่นขึ้นในไม่ช้านี้

สํานักหมอกเมฆาต้องเผชิญความท้าทายครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยฐานการฝึกตนในปัจจุบันของเขายังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอในการรับมืออย่างน้อยขอเพียงบรรลุในระดับที่เทียบเท่ากับภพชาติก่อนหน้าที่ยังสามารถซ่อนเร้นสวรรค์ไว้ด้วยฝ่ามือคงเป็นการดียิ่งอย่าว่าแต่องค์ชายหลีก่วง ฮ่านที่ยอมสยบอยู่แทบเท้าต่อให้เป็นองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ทําได้เพียงเดินวนรอบตัวเขาโดยไม่หาญกล้าที่จะจู่โจมด้วยซ้ํา

เยี่ยฉวนอ้าปากพร้อมถ่มน้ําลายออกมาเป็นธงชัยขนาดย่อส่วน

หลงเอ๋อร์มองการกระทําของพี่ใหญ่ตาไม่กะพริบ ทันใดนั้นธงบนฝ่ามือของเยี่ยฉวนจึงขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมแผ่แรงกดดันหนักหน่วงให้ขยายออกไปทั่วบริเวณ

ภายในห้อง จู่ๆ ก็เกิดสายลมพัดกระโชกแรงเข้ามาโดยไม่ทราบสาเหตุ ผ้าม่านล้อมรอบเตียงปลิวสะบัดพลิ้วไหวหนังสือตําราที่วางอยู่บนโต๊ะถูกพลิกให้เปิดกระพือที่ละหน้า น้ําชาซึ่งเหลืออยู่ในถ้วยเพียงครึ่งกระเพื่อมไหวไปมา

เยี่ยฉวนออกแรงเขย่าธงชัยโลหิตกล้าเพียงเบาๆ กระทั่งอาวุธสังหารขนาดใหญ่ในมือสั่นสะเทือนด้วยแรงพลัง จิตสังหารของเขาจึงโหมทะยานขึ้นราวเปลวไฟโชติช่วง

ตอนที่อยู่บริเวณหน้าห้องโถงมังกรนภาเขาไม่คิดเรียกใช้อาวุธดังกล่าวแต่ใช้วิธีต่อสู้มือเปล่ากับเจ้าสํานักหลงเฟย เพราะไม่ต้องการเปิดเผยวรยุทธ์ลับประจํากายเร็วเกินไป ทว่าต้องการเก็บไพ่ที่เหนือกว่าไว้ในตอนท้ายอย่างสมเกียรติ

หลังจากเจ้าสํานักหลงเฟยได้ครอบครองดาบจันทร์เสี้ยวมังกรนภาที่สมนาคุณโดยองค์ชายหลีก่วงซ่านทําให้ได้รับสืบทอดมรดกจากท่านเจ้าสํานักคนเก่าอย่างสมบูรณ์ความแข็งแกร่งของ ชายวัยกลางคนผู้นี้จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นสําหรับการเผชิญหน้าครั้งต่อไป เยี่ยฉ วนจึงกระหายใคร่รู้เหลือเกินว่าระหว่างดาบล้ําค่าของสํานักมังกรนภาหรือธงชัยโลหิตกล้าที่ผ่านการขัดเกลาแล้ว สิ่งใดจะมีอานุภาพทรงพลังดร้ายยิ่งกว่ากัน?!

พลังปราณรุนแรงปะทุออกมาจากธงชัยในมือของเยี่ยฉวน พลังดังกล่าวกระตุ้นความสนใจ ของผู้อื่นทําให้ไม่สามารถระงับจิตสังหารที่ระอุอยู่ในทรวงได้โดยง่ายหากผู้ฝึกตนสามัญมีโอกาสได้ครอบครองหรือเรียกใช้อาจไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนได้จนเสียสติกลายเป็นจอมมารผู้ กระหายเลือดทว่าสําหรับเยี่ยฉวนแล้วกลับแตกต่างออกไป สภาพจิตใจรวมถึงประสบการณ์ชีวิต ของเขาสูงส่งกว่าคนทั่วไปนักถึงกระนั้นก็ยังพอมีอารมณ์บางส่วนที่ไม่สามารถระงับได้โดยสมบูรณ์ ทําให้ความต้องการเดินกร่างเข้าไปในห้องโถงใหญ่และต่อสู้กับเจ้าสํานักหลงเฟยอย่างเต็มกําลังรุนแรงขึ้นทุกขณะ แต่หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกพริบตาเดียวโทสะดังกล่าวจึงค่อยสงบลง หลังฝึกเคล็ดวิชากระบวนจอมทัพในห้องเล็กๆ จนเสร็จสิ้นเขาจึงตระหนักถึงความลับที่แท้จริงของธงชัยนี้

หลงเอ๋อร์นั่งขัดสมาธิอยู่นอกประตูเพื่อคุ้มกันเยี่ยฉวนพลางเบิกตากว้างเพื่อสัมผัสกับพลังไร้เทียมทานจากเคล็ดวิชากระบวนจอมทัพที่ทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์

ในห้องซึ่งมีขนาดเล็กแคบ เยี่ยฉวนกลับเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วพร้อมแผ่จิตสังหารแรงกล้า บางครั้งความเร็วก็ฉาบฉวยเป็นเส้นตรง ทันทีที่ศีรษะของเขาจะกระแทกเข้ากับเพดานเขาจึงพลิกตัวกลับเสียก่อน จากนั้นจึงใช้ปลายเท้าดันเข้ากับผนังและกระโจนไปด้านหน้าพร้อมโบกธงชัยหนึ่งครั้งทําให้ตําราถ้วยชาม หรือแม้แต่โต๊ะเตี้ยซึ่งวางอยู่กลางห้องลอยขึ้นจากพื้น ครั้น เขาสะบัดผืนธงอีกครั้งทุกสรรพสิ่งก็ร่วงลงสู่พื้นทันที ระหว่างที่เคลื่อนที่ขึ้นลงเยี่ยฉวนใช้ความแข็งแกร่งในกําลังที่พอควรจึงทําให้ถ้วยชามซึ่งทําจากกระเบื้องเคลือบไม่แตกร้าวออกเป็นเสี่ยงแต่อย่างใด

เยี่ยฉวนฝึกฝนเคล็ดวิชาควบคู่กับการกวัดแกว่งธงชัยโลหิตกล้าเพื่อเพิ่มพูนทักษะในการใช้อาวุธสังหารชิ้นใหญ่ให้คล่องแคล่ว ทําให้เวลานี้เขาสามารถสําแดงพลังที่แท้จริงและเรียกใช้มันได้อย่างราบรื่น

ชายหนุ่มเคยฝึกฝนทักษะธงชัยโลหิตกล้าบนยอดเขาสูงสุดของสํานักหมอกเมฆามาแล้วคราวนี้เขาได้ทําการฝึกตนอย่างสันโดษภายในห้องขนาดเล็กทว่าพัฒนาการกลับแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาสามารถโบกสะบัดธงชัยโลหิตกล้าซึ่งมีน้ําหนักราวหนึ่งหมื่นจินอย่างง่ายดาย ราวกับเป็นพัดขนาดเล็กเท่านั้น

คร่เดียวเยี่ยฉวนจึงละทิ้งความคิดฟุ้งซ่านในจิตใจและเริ่มเข้าสู่สมาธิฝึกตนอย่างเต็มที่

ภายนอกทั้งสรวงสวรรค์และยุทธภพประสบกับความโกลาหลจนเดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ทว่าสถานที่แห่งนี้กลับเงียบสงัดไร้บุคคลรบกวน กระทั่งใกล้รุ่งสางเสียงฝีเท้าของคนจํานวนมากจึงดังขึ้นจากด้านนอก

แห่กันมาแล้วสินะ!

ในที่สุดก็ตามมาค้นหาที่นี่…

หลงเอ๋อร์ซึ่งนั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูทางเข้ารีบผุดลุกขึ้นยืนทันควัน ท่าทางของเขาแปรเปลี่ยนเป็นตึงเครียดเมื่อเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าซึ่งมีพลังน่าเกรงขาม เวลานี้เขาพร้อมกลายร่างเป็นมังกรปีศาจได้ทุกเมื่อ

เยี่ยฉวนซึ่งนั่งอยู่ในห้องพักออกจากสมาธิฝึกตนทันที ธงชัยโลหิตกล้าในมือแผ่จิตสังหารรุนแรงเพื่อคุกคามผู้ที่มาเยือนโดยสัญชาตญาณ ตอนนี้ลักษณะภายนอกของเขาดูคล้ายกับเทพสังหารในสนามรบซึ่งมีพลังสูงส่งหาใดเปรียบ แม้แต่จิตสังหารที่กระหายการต่อสู้ยังเดือดดาลไม่หยุดหย่อน ต่อให้บรมครูเจียงเฉินเชิงผู้หายสาบสูญไปตั้งแต่สงครามครั้งก่อนจะหว นกลับมาอีกครั้งชายหนุ่มก็ไร้ความหวั่นเกรงใดๆทั้งสิ้น!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด