Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 364 กงล้อแห่งห้วงเวลาและอากาศ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 364 กงล้อแห่งห้วงเวลาและอากาศ อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 364 กงล้อแห่งห้วงเวลาและอากาศ

หลังแบ่งหน้าที่และนัดแนะแผนการเสร็จสรรพ ทั้งหมดจึงรุดหน้าเข้าไปในถ้ําปีศาจ

การระเบิดของคลื่นความร้อนด้านนอกถ้ําทําให้พวกเขาสะดุ้งตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง หลังจากเข้าไปภายในถ้ํา…คลื่นความร้อนที่มีอุณหภูมิสูงกว่าพลันพัดโหมเข้าปะทะร่างกายของทุกคนด้วยความเร็วสูงจนเสื้อผ้าเปียกโชกไปด้วยหยดเหงื่อ พื้นดินใต้ฝ่าเท้าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งกําลังเดินอยู่บริเวณปากปล่องภูเขาไฟ ที่น่าแปลกคือเมื่อพวกเขาย่างก้าวเข้ามาในถ้ําก็ไม่ได้ยินสรรพเสียงใดจากภายนอกอีก แม้แต่กระแสจิตบริสุทธิ์ก็ไม่อาจสัมผัสได้ ราวสถานที่แห่งนี้เป็นอีกดินแดนหนึ่งที่แยกตัวออกจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

“สถานที่แห่งนี้มีอาณาเขตโบราณที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้ว ภายในและภายนอกตัวถ้ํามีสภาพบรรยากาศแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แม้แต่เทพเซียนยังแยกประสาทความรู้สึกออกเป็นสอง เว้นเสียแต่ว่าผู้ฝึกตนที่เดินทางเข้ามาบรรลุขั้นกึ่งปราชญ์จึงจะสามารถหลอมรวมความรู้สึกนึกคิดได้” คุณหญิงแห่งสํานักมังกรนภากระซิบบอก

“ไม่น่าแปลกใจเลย”

เยี่ยฉวนกวาดสายตามองสํารวจโดยรอบขณะก้าวไปข้างหน้า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเจ้าสํานักหลงเฟยไร้การตอบสนองใดๆ แม้ผู้พิทักษ์ที่เฝ้ายามอยู่ด้านนอกตัวถ้ําจะถูกสังหารจนตายตกไปแล้วก็ตาม

ถ้ําแห่งนี้มีความลึกพอสมควร ทั้งยังคดเคี้ยวและเป็นทางชันลดหลั่นกันตลอดทาง ประหนึ่งเป็นเส้นทางที่จะนําไปสู่ชั้นแกนกลางของโลก

ไม่นานชิ้นส่วนของก้อนผลึกสีฟ้าเริ่มปรากฏให้เห็นโดยกระจายอยู่บนพื้นและมีอักขระโบราณถูกจารึกเอาไว้ด้านใต้ สังเกตเพียงปราดเดียวก็พอรู้ว่ามันถูกใช้เป็นหนึ่งในเครื่องมือสําหรับสร้างอาณาเขตป้องกันโบราณ ยิ่งเดินเข้าไปลึกเพียงใดพลังปราณซึ่งลอยอยู่ในบรรยากาศก็ยิ่งแปรปรวน ส่งผลให้ทุกคนรู้สึกถูกกดดันอย่างหนักหน่วงจนพละกําลังลดฮวบ

เสียงคํารามก้องด้วยความโกรธเกรี้ยวดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เคล้ากับเสียงโซ่เหล็กลากไปมาบนพื้นแข็ง

คนทั้งกลุ่มเม้มริมฝีปากสนิทไม่ให้มีสุ่มเสียงใดเล็ดลอดออกมาด้วยรู้สึกประหม่าไม่น้อย แม้แต่คุณหญิงมู่หรงเฟยหูก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

นางไม่รู้แน่ชัดว่าสิ่งที่อยู่อีกฟากหนึ่งของถปีศาจมีหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่นางเดินทางมาที่นี่ด้วยตนเอง ประสบการณ์ที่เคยได้ยินก็เป็นเพียงค่าบอกเล่าจากบิดาของตนเท่านั้น เป็นระยะเวลาหลายปีแล้วที่ท่านพ่อจากไปนางจึงไม่ทราบแน่ชัดว่ามีสิ่งใดแปรเป ลี่ยนไปจากครั้งนั้นหรือไม่มีเพียงเจ้าสํานักหลงเฟยผู้เป็นสามีของนางเท่านั้นที่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้

ฉับพลัน… แสงสีแดงสว่างจ้าพลันปรากฏต่อสายตาของทุกคนจากระยะไกล

ครั้นพวกเขาสืบเท้าเข้าไปใกล้จึงพบว่ามันไม่ใช่เปลวไฟสีแดงเพลิงแต่อย่างใด ทว่าส่องสว่างมาจากลาวาสีแดงส้มที่เดือดปุด อุณหภูมิจากมันลอยกรุ่นขึ้นสู่อากาศกระทั่งทั่วบริเวณร้อนอบอ้าวเพียงหายใจเข้าก็รู้สึกอึดอัดราวร่างกายถูกเปลวไฟเผาไหม้

“สถานที่พันธนาการจอมมารอยู่ไม่ไกลจากที่แห่งนี้แล้ว ทุกคนพึงระวังตนให้มากและอมยาเม็ดมังกรนภานี้ไว้ใต้ลิ้น ห้ามเผลอกลืนลงคอเป็นอันขาด!”

คุณหญิงมู่หรงเฟยหูชะงักฝีเท้าก่อนหันกลับมาหยิบขวดโหลแก้วออกจากอกเสื้อ ภายในขวดนั้นมียาเม็ดสีฟ้าครามบรรจุอยู่ภายใน จากนั้นนางจึงแจกจ่ายให้ทุกคนคนละหนึ่งเม็ดทันทีที่อมไว้ ใต้ลิ้นจะรู้สึกเย็นและสดชื่น ทั้งยังสามารถต้านทานอุณหภูมิภายในถ้ําที่ร้อนระอได้เป็นอย่างดี

หลังพักผ่อนหย่อนกายอยู่ครู่ใหญ่ทั้งหมดจึงออกเดินทางอีกครั้ง ประมาณหนึ่งชั่วยามถัดมาถ้ําขนาดใหญ่อีกแห่งจึงปรากฏขึ้นตรงหน้า

ภายในตัวถ้ํามีก้อนผลึกสีสันสดใสซึ่งสลักอักขระโบราณไว้นับไม่ถ้วนฝังอยู่ตามผนังถ้ําเพื่อสร้างอาณาเขตป้องกันที่ไร้เทียมทาน นอกจากนี้ยังมีแผ่นศิลามากกว่าหนึ่งร้อยแผ่นวางเรียงรายอยู่โดยรอบเป็นวงกลมขนาดใหญ่ ตรงกลางวงกลมปรากฏมนุษย์ครึ่งอสุรกายซึ่งมีศีรษะเป็นวัวถูกล่ามไว้ หากมองจากระยะไกลชายผู้นี้มีลักษณะคล้ายปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อ ทว่าพลังปราณที่แผ่ออกจากร่างกลับรุนแรงมหาศาลไม่ได้ด้อยไปกว่าบรมครูเจียงเฉินเชิงเลยแม้แต่น้อย คาดเดาว่าคงเป็นวิญญาณชั่วร้ายซึ่งมีระดับการฝึกตนสูงส่งเทียบเท่าขั้นกึ่งปราชญ์ เขาแค่นเสียงคํารามลั่นหลายครั้งและพยายามดิ้นรนให้ตนหลุดออกจากพันธนาการนี้

ปลายด้านหนึ่งของห่วงโซ่อักขระผูกมัดส่วนศีรษะตั้งแต่คอลงไปเอาไว้ ส่วนปลายอีกด้านถูกฝังไว้บริเวณศูนย์กลางของวงกลมประหลาด ห่วงโซ่ดังกล่าวมีความยาวพอสมควรหรืออาจเป็น เพราะมันถูกดึงรั้งมาเป็นเวลานานจึงยืดออก ทว่าทุกครั้งที่มนุษย์ครึ่งวัวผู้นี้ดิ้นรนหมายจะออกจาก วงกลมศิลาโซ่ที่คล้องเป็นบ่วงโดยรอบกลับส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นราวจะแตกออกเป็นเสี่ยงได้ทุกเมื่อ เมื่อเปล่งเสียงคํารามดังลาวาร้อนฉ่าจะปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา แม้กระทั่งหินก้อนใหญ่ยังต้องหลอมละลาย

จอมมารแห่งโรคา!

ศัตรูตัวฉกาจที่ถูกจองจําและลงผนึกพันธนาการไว้เนิ่นนานหลายยุคสมัยปรากฏให้เห็นเด่นชัดต่อหน้าต่อตาผู้คน

เจ้าสํานักหลงเฟยกระชับดาบจันทร์เสี้ยวมังกรนภาในมือแน่นขณะกระโดดเข้าไปในถ้ําพลางหลบหลีกการโจมตีจากจอมมารแห่งโรคาก่อนเรียกแสงสว่างให้แผ่นศิลาที่วางเรียงรายเจิดจ้าขึ้น

วิธีการเรียกแสงสว่างไว้ซึ่งความยุ่งยากซับซ้อน เขาเพียงกดแผ่นศิลาพร้อมกลั่นโลหิตบริสุทธิ์ จากร่างกายลงไปหนึ่งหยดเพื่อเพิ่มเติมพลังชีวิต ทําให้ก้อนผลึกที่เดิมเปล่งแสงหม่นสลัวริบหรี่เจิดจรัสเป็นแสงสีฟ้าที่มีสภาพใหม่เอี่ยมอีกครั้ง ห่วงโซ่อักขระที่พันธนาการรอบกายจอมมารส่อง ประกายเป็นแสงสีเดียวกันจากนั้นจึงค่อยหดสั้นลงและมัดโอบรอบมันไว้อย่างแน่นหนา

ตามหลักการแล้วศิลาทุกแผ่นจะต้องเปล่งแสงสีฟ้าในรูปแบบเดียวกันเพื่อให้ตัวผนึกเกิดความสมบูรณ์ หากแต่การทําเช่นนั้นก็นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง หากประมาทพลั้งพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทําให้ผู้ลงผนึกร่วงหล่นลงสู่ลาวาร้อนเดือดเบื้องล่าง หรือแม้กระทั่งถูกจอมมารแห่งโรคาเล่นงาน จากด้านหลัง

เจ้าสํานักหลงเฟยเรียกใช้เคล็ดวิชาไวเวิร์นท่องนภาซึ่งเป็นเคล็ดวิชาไร้เทียมทานประจําสํานักมังกรนภาพร้อมกระโดดไปโดยรอบอย่างว่องไว บางครั้งเขาเฉียดเข้าใกล้อีกฝ่ายในระยะประชิดที่อันตรายยิ่ง ทว่าท่าทีของเขาไร้ความสะทกสะท้านไม่หลบหลีกแต่พร้อมโจมตีมือข้างหนึ่งกวัด แกว่งดาบจันทร์เสี้ยวมังกรนภาก่อนเงื่อขึ้นสูงและฟาดฟันประกายแสงสะท้อนสว่างจ้าแผ่กระจายความทรงพลัง

การทําให้ศิลาแต่ละแผ่นส่องสว่างจําเป็นต้องใช้โลหิตแก่นแท้จากผู้ทําการผนึกหนึ่งหยด ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเมื่อทําซ้ําซ้อนหลายครั้งยิ่งดูดพลังชีวิตจากชายวัยกลางคนไปไม่น้อย เจ้าสํานักหลงเฟยเริ่มแสดงท่าที่อ่อนล้าให้เห็น การเคลื่อนไหวที่เคยคล่องแคล่วปราดเปรียวกลับช้า ลง ทว่าการโจมตีจากจอมมารแห่งโรคายังคงรุนแรงไม่มีถดถอย ยิ่งห่วงโซ่อักขระหดสั้นลงเพียง ใดการดิ้นรนเพื่อให้ตัวมันหลุดออกจากพันธนาการก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แต่ด้วยการเคลื่อนที่ อย่างไร้อิสระทําให้มีหลายครั้งที่มันพลาดเป้าจอมมารตนนี้จึงทําสิ่งใดไม่ได้นอกจากแผดเสียงคํารามด้วยความโกรธแค้น

เยี่ยฉวน คุณหญิงมู่หรงเฟยหูรวมถึงคนอื่นๆ ซึ่งสังเกตการณ์อยู่ในมุมมืดที่ห่างออกไปไม่แม้ แต่จะปริปากหรือขยับเขยื้อน…ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง

ฉากการต่อสู้ตรงหน้าทําให้ทุกคนนิ่งอึ้งและตกตะลึงอย่างหาใดเปรียบเมื่อได้เห็นพรสวรรค์อันสูงส่งของจอมมารแห่งโรคาและเจ้าสํานักหลงเฟย

ฐานการฝึกตนของทั้งสองต่างแกร่งกล้าท้าทายสวรรค์ แต่ละคนสามารถออกเดินทางกวาดล้างเหล่ายอดฝีมือไปได้ทั่วแว่นแคว้น แม้แต่หนานเทียนโตวและปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินซึ่งเป็นยอดฝีมือผู้บรรลุขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ยังรู้สึกตื่นตะลึง หลงเฟยมีวรยุทธ์แข็งแกร่งมากกว่าที่ พวกเขาคาดเดาไว้มากนัก แต่เมื่อเห็นจุดอ่อนและพละกําลังของอีกฝ่ายที่อ่อนล้าลงพวกเขาจึงเริ่มมองเห็นโอกาสเข้าจู่โจม

ทุกคนเริ่มเข้าสู่สภาวะตึงเครียด ต่างคนต่างรั้งรอดูเหตุการณ์ต่อไปอย่างไม่ละสายตา

คุณหญิงมู่หรงเฟยหูชูมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนสงบสติอารมณ์และอย่าด่วนแสดงความกระหายที่จะเผด็จศึกจนเกินไป

ภายในถ้ํายังหลงเหลือแผ่นศิลาอีกสิบแผ่นที่ยังไม่ได้ทําการเรียกแสงสว่าง ซึ่งทั้งหมดล้วนต้องดูดกลืนพลังชีวิตจากหลงเฟยอีกประมาณหนึ่ง ถึงคราวนั้นเขาจะยิ่งอ่อนแรงลง กระทั่งแผ่นศิลาทุกชิ้นส่องสว่างจนครบถ้วนพลังของเขาจึงอ่อนแอลงถึงขีดสุดรอจนถึงช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว ค่อยลงมือก็ยังไม่สาย

“โฮก!”

จอมมารแห่งโรคาเปล่งเสียงคํารามอย่างโกรธจัดก่อนพุ่งตัวเข้าโจมตีอย่างรุนแรงซ้ําแล้วซ้ําเล่า หากแผ่นศิลาทั้งหมดสว่างไสวความหวังที่มันจะหลุดจากพันธนาการนี้และได้รับอิสรภาพย่อมริบหรี่ ทุกๆ สามเดือนเมื่ออาณาเขตป้องกันนี้คลายตัวลง เจ้าสํานักมังกรนภาจะแวะเวียนมาเสริ มกําลังให้เป็นกิจวัตรโดยไม่ปล่อยผ่านแม้แต่ครั้งเดียว และเมื่อใดก็ตามที่เขาบรรลฐานการฝึกตน เข้าสู่ขั้นกึ่งปราชญ์ความแข็งแกร่งในการสร้างขอบเขตป้องกันย่อมเพิ่มขึ้นจนจอมมารไม่อาจหา ทางปลดปล่อยตนเองได้อีกต่อไป

แต่แล้วเจ้าสํานักหลงเฟยกลับหยุดชะงักการกระทําของตนอย่างกะทันหันแม้ตนเป็นฝ่ายได้เปรียบ เหลือศิลาอีกเจ็ดแผ่นที่ยังไม่ได้รับการเรียกแสงสว่าง ชายวัยกลางคนหันไปมองจอมมารแห่งโรคาก่อนกล่าวออก “ท่านจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ หากเจ้ามอบกงล้อแห่งห้วงเวลาและอวกาศให้ ข้า ข้ายินดีปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระเสียเดี๋ยวนี้ว่าอย่างไร?”

หลงเฟยสูดลมหายใจลึกขณะยื่นข้อเสนอให้แก่อีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา

คุณหญิงมู่หรงเฟยหูแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นคลหม่นทันที ห้วงภวังค์นึกย้อนไปถึงคํากล่าวของบิดาก่อนที่เขาจะสิ้นชีพ เหตุผลแท้จริงที่สํานักมังกรนภาเลือกผนึกพันธนาการจอมมารตนนี้ไว้ จากรุ่นสู่รุ่นประการหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้มันออกอาละวาดสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายแก่ฝูงชน อีกทั้งยังหมายจะครอบครองสมบัติคือกงล้อแห่งห้วงเวลาและอวกาศอันล้ําค่าในตัวมันอีกด้วย

ตํานานเล่าขานว่าจอมมารแห่งโรคาเป็นยอดฝีมือชั้นสูงผู้ระเห็จมาจากโลกเหนือแดนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ มันอาศัยกงล้อวิเศษดังกล่าวเป็นพาหนะนําทางมายังทวีปอัคคีสวรรค์แห่งนี้ ด้วยสมบัตินั้นจึงทําให้มันสามารถออกท่องยุทธภพและไปมาหาสู่ระหว่างพื้นที่สองแห่งได้ตราบที่ต้องการ ยิ่งเวลานี้เจ้าสํานักหลงเฟยแข็งแกร่งนัก หากเขาได้ครอบครองมันเพิ่มอีกหนึ่งชิ้นเห็นที่ไม่ว่าผู้ใดก็อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อทั้งสิ้น

คุณหญิงคิดไปพลางถอนใจไปพลางด้วยความตกประหม่า ลมหายใจของนางกระชันขาดเป็นช่วงๆ เพราะไม่อาจยับยั้งความกังวลนั้นได้

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด