ยอดหญิงอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 185.1 ความร้าวฉานของป้าหลาน (1)
มีคุณหนูบางคนที่มากับบิดาไม่ก็พี่ชายอยู่กับสาวรับใช้ของตน พอได้รับอนุญาตก็ไปเดินเล่นใกล้ๆ ตำหนักจินหวาเพื่อฆ่าเวลา
อวิ๋นหว่านชิ่นกำลังมองหาว่าคนใดกันที่เหมาะสมสักหน่อย ดวงตากวาดมองไปตกอยู่ที่คุณหนูในชุดสีฟ้าอายุอานามราวๆ สิบหกสิบเจ็ดปี มุมปากยกยิ้ม
เป็นคนรู้จักของนางพอดี ช่างเหมาะสมยิ่ง
อวิ๋นหว่านชิ่นเดินเข้าไปหา สตรีชุดฟ้าได้ยินเสียงจึงหันมามอง พลันตกใจ รีบดึงสาวรับใช้เดินมาหา “คุณหนูอวิ๋…” รู้ว่าตนใช้คำเรียกผิดจึงรีบเปลี่ยนคำ “พระชายาฉินอ๋อง”
สตรีตรงหน้าแม้จะสวมเสื้อผ้าอาภรณ์ของแม่ชีสีครามแต่ผมสลวยดำขลับผิวขาวราวหิมะ ท่วงท่าสง่างามกว่าก่อนแต่งงานมากนัก ดุจก้านบัวอันงดงามที่โอบล้อมด้วยผ้าขาวพิสุทธิ์
อวิ๋นหว่านชิ่นคำนับ “คุณหนูลู่” สตรีอาภรณ์ฟ้าผู้นี้คือลู่ชิงฝูที่ไม่ได้พบกันนาน
เรื่องที่อวิ๋นหว่านชิ่นรับโทษอยู่ที่อารามแห่งวังหลังนั้น ลู่ชิงฝูทราบดี แม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทชิดเชื้อกัน แต่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่ก็เคยยืนอยู่ในทางแห่งสงครามเส้นเดียวกัน แม่นางลู่โน้มกาย น้ำเสียงแฝงความเสียดาย “พระชายาฉินอ๋องลำบากแล้ว”
อวิ๋นหว่านชิ่นดวงตาประกายแวววาว “ในเมื่อทำผิดกฎของราชสำนัก การได้รับโทษก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล อีกทั้งอยู่ในวังมานาน ได้ฝึกความอดทนในการรับมือกับสิ่งต่างๆ อย่างครานี้ที่ช่วยตงกงเตรียมงานฉลองพระชนม์…” กล่าวพลางลอบมองลู่ชิงฝูอย่างละเอียด
‘ตงกง’ สองคำนี้หลุดออกไป สีหน้าลู่ชิงฝูพลันเปลี่ยนอย่างที่นางคิด “ตงกง พระชายาฉินอ๋องเป็นสาวใช้อยู่ตงกงหรือ”
“อื้ม งานเลี้ยงฉลองพระชนมพรรษาที่จัดชดเชยครานี้เอิกเกริกยิ่งใหญ่ เจ้าขุนมูลนายแต่ละตำหนักล้วนใส่ใจกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะไท่จื่อ ตงกงขาดคนช่วยงานจึงให้เหล่าแม่ชีจากอารามฉางชิงมาช่วย หนึ่งในนั้นก็มีข้ารวมอยู่ด้วยพอดี” อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าว
ลู่ชิงฝูแววตาประกายวาบ “เช่นนั้นพระชายาฉินอ๋องช่วงนี้คงได้พบเจอไท่จื่ออยู่บ่อยๆ เลยสิเจ้าคะ”
อวิ๋นหว่านชิ่นจดจำอาการของอีกฝ่ายไว้ในสายตา ยิ้มบางกล่าว “ใช่น่ะสิ” รอยยิ้มพลันเปลี่ยนอีกครั้ง เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในหัว กดเสียงต่ำแกล้งเอ่ยอย่างแปลกใจ “อ้อ จริงสิ จะว่าไปแล้วคราก่อนข้าช่วยคุณหนูลู่ให้ได้พบกับไท่จื่อที่วัดอยู่คราหนึ่ง มีการติดต่ออันใดกันอีกหรือไม่”
หากมีการติดต่อกัน ข้าจะมายืนเป็นสากอันใดอยู่ตรงนี้ ลู่ชิงฝูสีหน้าค่อยๆ มืดครึ้ม น้ำเสียงปวดร้าวอย่างยากที่จะเลี่ยง “ใครจะโชคดีเหมือนพระชายาฉินอ๋องกันเจ้าคะ งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วง องค์ชายสามทรงยกผลึกจินเฝ่ยที่ฮ่องเต้พระราชทานให้พระองค์มอบแก่ท่านต่อหน้าเหล่าขุนนาง พบกันคราวก่อนพวกเรายังเป็นเพียงคุณหนูธิดาขุนนางเหมือนกัน มายามนี้ท่านเป็นพระชายาขององค์ชายไปเสียแล้ว”
อวิ่นหว่านชิ่นยิ้มกล่าว “พระชายาขององค์ชายหรือจะสู้พระชายาของไท่จื่อได้ คุณหนูลู่อย่าพึ่งผิดหวังไป งานเลี้ยงวันนี้เป็นโอกาสอันดีที่คุณหนูลู่จะได้แสดงความสามารถ”
ลู่ชิงฝูใจเต้น น้ำเสียงพลันเปลี่ยนเป็นนอบน้อมขึ้นมา “คราก่อนที่ให้พระชายาช่วยไว้ เป็นข้าเองที่มานะไม่มากพอ สร้างความประทับใจอันใดแก่ไท่จื่อมิได้ เดิมทีก็มิกล้าจะขอร้องพระชายาอีก แต่ในเมื่อบังเอิญได้พบพระชายาในวันนี้เข้า นับเป็นลิขิตสวรรค์ ไม่ทราบว่าจะช่วยแนะนำข้าให้อีกสักครั้งได้หรือไม่”
อวิ๋นหว่านชิ่นพลันครุ่นคิดแล้วชี้แนะว่า “ในเมื่อวันนี้เป็นงานเลี้ยงเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาของฮองเฮา แทนที่คุณหนูลู่จะเรียกร้องความสนใจจากไท่จื่อ มิสู้ไปสร้างความประทับใจให้ฮองเฮาทรงจดจำคุณหนูไว้จะดีกว่า”
ลู่ชิงฝูราวกับเห็นหนทางสว่างขึ้นในทันใด จริงด้วย ปัญหาง่ายๆ เพียงเท่านี้ เหตุใดจึงนึกไม่ถึงกันนะ ในใจคิดแต่จะไปดึงดูดความสนใจจากไท่จื่อ ฮองเฮาเจี่ยงซื่อพระองค์นี้เป็นถึงพระมารดาทรงเลี้ยงของไท่จื่อ ทั้งยังเป็นผู้ควบคุมดูแลวังหลัง งานอภิเษกสมรสของไท่จื่อ พระนางก็เป็นแม่งาน หากฮองเฮาบอกว่าดี ไท่จื่อจะมีสิทธิบอกว่าไม่หรือ
“วันนี้ช่างเป็นโอกาสที่ดียิ่งนัก” อวิ๋นหว่านชิ่นค่อยๆ โน้มน้าว ปลุกปั่นยั่วยุเสียจนลู่ชิงฝูแทบจะทนรอไม่ไหว “งานเลี้ยงใหญ่ในวังทุกคราล้วนเป็นเวลาที่เหล่าองค์ชายจะเลือกสรรคุณหนูงดงามจากตระกูลขุนนางต่างๆ เรื่องนี้คุณหนูลู่คงทราบดี โอกาสดีๆ เช่นนี้ หากพลาดไปล่ะก็ ต้องรออีกทีปีหน้าเชียวล่ะ”
ลู่ชิงฝูใจเต้นหน้าแดง เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว แต่กลับกังวลอีกครา “ฮองเฮามิใช่คนที่จะเอาอกเอาใจด้วยได้ง่ายๆ เช่นนั้น เกรงว่าจะมิถูกใจข้า”
ในเมื่ออวิ๋นหว่านชิ่นปักธงที่นางแล้ว ก็คิดถึงจุดนี้ไว้แต่แรกแล้วว่า ตระกูลขุนน้ำขุนนางจะอบรมสั่งสอนและบ่มเพาะความสามารถธิดาของตนในด้านต่างๆ ให้ช่ำชองตั้งแต่ยังเล็ก บ้างเป็นการเย็บปักถักร้อย บ้างเป็นพิณ หมาก เขียนอักษร วาดรูป บ้างเป็นการเขียนท่องกาพย์กลอน เพื่อเพิ่มคุณค่าในยามออกเรือน แต่งออกไปแล้วก็ใช้ความสามารถเหล่านี้เอาอกเอาใจพ่อแม่สามีได้ แต่ลู่ชิงฝูมีความสามารถที่แตกต่างออกไป เดิมเคยได้ยินจากแวดวงชนชั้นสูงมาบ้าง ประจวบกับวันนี้ยิ่ง นางยิ้มแย้มเอ่ย “ข้าได้ยินว่าเคล็ดลับการจัดแต่งมวยผมคุณหนูลู่ไม่เลวนัก ยามนี้ฮองเฮายังคงแต่งองค์เกล้าผมอยู่ที่ตำหนักเฟิงจ๋า เปลี่ยนทรงไปมากมายล้วนแต่ไม่พอพระทัย ไท่จื่ออยากเอาอกเอาใจเหนียงเหนียงจึงรั้งอยู่ตำหนักเพื่อหานางกำนัลที่มีฝีมือทางด้านนี้ หากข้าแนะนำเจ้าให้กับตงกงได้ ยามเข้าเฝ้าฮองเฮาเจ้าก็นำความถนัดของตนมาใช้ ฮองเฮาพระองค์นี้สูงส่งสง่างาม สิ่งที่ทรงโปรดล้วนสูงส่งไม่ธรรมดา ควรเกล้าผมถวายเช่นไร ประดับตกแต่งอย่างไร เจ้าก็ดูเอาเถิด”
ลู่ชิงฝูปรีดายิ่งนัก “ขอบพระทัยพระชายาที่ชี้แนะมาอย่างละเอียดเจ้าค่ะ หากข้าทำฮองเฮาให้พอพระทัยได้ จะตอบแทนพระคุณให้อย่างแน่นอน”
อวิ๋นหว่านชิ่นกล่าวเสียงอ่อนโยน “เราต่างรู้จักกันมานาน จะสุภาพเกรงใจอันใดกันอีก” กล่าวจบก็จูงมือนางอ้อมผ่านกำแพงตำหนักจินหวาไป
เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาก็ถึงหน้าประตูตำหนักเฟิงจ๋า มอมอที่ไท่จื่อส่งมาล้วนรออยู่หน้าตำหนักก่อนแล้ว สบตากับอวิ๋นหว่านชิ่นทีหนึ่งว่าเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อย
อวิ๋นหว่านชิ่นผลักลู่ชิงฝูไปเบาๆ ก่อนเอ่ย “ข้านำผู้มีความสามารถมาแนะนำให้กับตงกง รบกวนมอมอดูแลด้วย”
มอมอของตงกงได้รับคำสั่งกำชับจากไท่จื่อมาแล้ว ยามนี้จึงยิ้มแล้วกล่าวตามพระองค์อย่างครบถ้วนกระบวนความว่า “พระชายาฉินอ๋องมาช่วยงานที่ตงกงหลายวันถึงเพียงนี้ ข้ามองออกว่าพระชายาเป็นคนละเอียดลออ ในเมื่อเป็นคนที่พระชายาแนะนำมา ก็คงมีฝีมือล้ำเลิศเป็นแน่ เชิญคุณหนูลู่ตามบ่าวเข้ามาถวายงานฮองเฮาเถิด”
เจี่ยงฮองเฮากำลังแต่งองค์อยู่ในตำหนัก ได้ยินเสียงคนของตงกงดังขึ้น “ธิดารองเจ้ากรมโยธาฝ่ายขวาลู่ชิงฝู มีฝีมือด้านจัดแต่งเกศา ครานี้มาร่วมงานเลี้ยงกับบิดาพอดี ไท่จื่อทรงกตัญญูรู้คุณจึงเชิญมาให้ถวายงานแก่เหนียงเหนียงเพคะ”
ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ไท่จื่อเพียงแค่ส่งคนมาเพื่อเอาอกใจก็เท่านั้น เจี่ยงฮองเฮาชำเลืองมองนอกม่านคราหนึ่ง ก่อนตอบเสียงเรียบ “เชิญคุณหนูลู่เข้ามาเถิด”
ทางตงกง ยามนี้เจี่ยงอวี๋ให้บ่าวรับใช้นำของขวัญที่ตนจัดเตรียมไว้ออกมา
วันนี้เป็นวันคล้ายวันประสูติของกูกู และเป็นโอกาสดีที่นางจะเอาอกเอาใจพระองค์
งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นฮ่องเต้ที่ทรงรับสั่งให้จัดชดเชยด้วยพระองค์เอง ขุนนางร่วมงานมากมาย ทั้งโอ่อ่าใหญ่โต งานเลี้ยงฉลองของกูกูไม่มีความเอิกเกริกเช่นนี้มานานแล้ว หากเพิ่มคำออดอ้อนของนางไปอีกสองสามประโยคและของขวัญที่พระองค์ทรงชอบเหล่านี้ พอกูกูเบิกบานพระทัย ไม่แน่ว่าอาจจะไตร่ตรองเรื่องส่งเสริมนางให้เป็นพระชายาเอกแห่งไท่จื่อได้
คิดได้ดังนั้น เจี่ยงอวี๋ก็เรียกคนหอบของขวัญมา แล้วย่างเท้าไปยังตำหนักเฟิงจ๋าด้วยความรวดเร็ว
พึ่งจะเข้าประตูตำหนักมา ยังไม่ทันรอให้คนประกาศเรียก นางก็ได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยดังออกมาจากด้านใน เป็นน้ำเสียงเยินยอของสตรีวัยกำดัดนางหนึ่ง นางอดฉงนมิได้ ฝีเท้าชะงักลง หันไปถามนางกำนัลข้างกาย “ด้านในเป็นผู้ใดรึ”
นางกำนัลตำหนักเฟิงจ๋าตอบตามที่มอมอของตงกงเคยกล่าว “เป็นธิดารองเจ้ากรมโยธาฝ่ายขวาคุณหนูลู่ชิงฝู ครานี้ได้มาร่วมงานเลี้ยงด้วย ไท่จื่อได้ยินว่าคุณหนูลู่มือไม้คล่องแคล่ว มีฝีมือด้านจัดแต่งเกศา จึงได้เชิญมาถวายงานแก่เหนียงเหนียงเป็นพิเศษเจ้าค่ะ”
คอมเม้นต์