แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี – ตอนที่ 1915 หนูรักษาคำพูดที่สุดแล้ว / บทที่ 1916 ความทรงจำสองส่วน
บทที่ 1915 หนูรักษาคำพูดที่สุดแล้ว
เวลานั้นผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนขมวดคิ้วน้อยๆ “มีอย่างเธอที่ไหน เพิ่งคืนหนี้ก็จะติดหนี้อีกแล้ว งั้นไม่สู้เธอไม่คืนเล่า”
“ผู้อำนวยการดูสิคะ เหล้านี้ของหนู ผู้อำนวยการก็รับไปแล้ว…หนูเอากลับมาจากประเทศจีนไม่ง่ายเลยนะคะ” เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจเสียงเบาขณะเอ่ย
“เธอ…”
ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนจ้องเยี่ยหวันหวั่นด้วยสีหน้าตะลึงงัน มิน่าละถึงให้เหล้าให้ของขวัญ ที่แท้ก็กำลังรอเขาอยู่ที่นี่ กินของเขาไม่ตอบแทนไม่ได้…วันนี้ถ้าตัวเองไม่ให้เยี่ยหวันหวั่นติดหนี้ แล้วเรื่องนี้แพร่ออกไป อาจคิดไปว่าตัวเองชอบเอาเปรียบนักเรียน
“ไปนอนตรงนั้น ติดไว้สองหมื่น ภายในหนึ่งเดือนต้องคืนทั้งหมด” ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย
“รับรองเลยค่ะ ผู้อำนวยการวางใจได้ หนูรักษาคำพูดที่สุดแล้ว!”
หลังจากเห็นผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนตอบรับ เยี่ยหวันหวั่นก็ยิ่งยิ้มกว้าง และไปนอนบนเก้าอี้ของห้องทำงานทันที
รอหลังจากที่ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนอ่านเอกสารเสร็จ ก็ลุกขึ้นเดินมาข้างกายเยี่ยหวันหวั่นและทำการสะกดจิตเหมือนครั้งก่อน
หลังตอบคำถามสองสามคำถามของผู้อำนวยการชื่อเยี่ยน ก็ถูกจังหวะสะกดจิตดึงดูด หนังตาของเยี่ยหวันหวั่นราวกับหนักห้าร้อยกิโลกรัม ไม่นานก็หลับลึกโดยสมบูรณ์
ระหว่างที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น จิตใจก็ราวกับแยกออกจากร่างกาย
เสมือนกับว่าที่มุมหนึ่งของรัฐอิสระ หญิงสาวในชุดจีนโบราณเน้นความคล่องตัวแบบสั้นทั้งตัวเปรอะเลือด นอนอยู่ข้างทาง เมฆสีดำปกคลุม สายฝนตกลงมาไม่ขาดสาย ทั้งตัวของหญิงสาวเปียกโชก เลือดสดๆ ไหลรินลงบนดินโคลนที่เปียกชื้นผสมปนเปกันจนแยกไม่ออก
ฉากอันน่าตื่นตะลึงนี้ ทำให้คนยากจะทนรับไหว
เผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง หญิงสาวแทบจะไม่ได้ตอบโต้ใดๆ ไม่รู้ว่าเพราะบาดเจ็บหนัก หรือเพราะไม่เต็มใจตอบโต้แต่แรก
“เธอ…สมควรตายจริงๆ …”
เสียงที่ทำให้เยี่ยหวันหวั่นรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อยดังขึ้นมา
เวลานี้ เยี่ยหวันหวั่นมองไปยังเบื้องหน้า ใบหน้าของทุกคนเหมือนกับเป็นภาพโมเสกก็ไม่ปาน มองไม่ชัดสักนิดเดียว
“เนี่ยอู๋โยว…ฉันจะฆ่าเธอด้วยมือของฉัน ต่อให้เธอตายสักหมื่นครั้งก็ชดเชยบาปทั้งหมดที่เธอก่อไว้ไม่ได้ ต่อให้เธอตายไปก็ชดใช้ความผิดไม่พอ!”
ร่างผู้ชายเลือนราง มาถึงข้างตัวเยี่ยหวันหวั่น ฝ่ามือพลันคว้าลำคอของเยี่ยหวันหวั่นไว้
ทว่าผ่านไปเนิ่นนาน ชายคนนี้ก็กลับยังคงไม่อาจฆ่าหญิงสาว
“ทำไมถึงทำแบบนี้…บอกฉันมา ทำไมเธอถึงทำแบบนี้!” ชายคนนี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แทบคำรามเหมือนคนเป็นโรคประสาท “เป็นเธอ…เป็นเธอที่หักหลัง!”
น้ำฝนยังคงตกลงบนใบหน้าของหญิงสาว คราบเลือดสีแดงฉานที่มุมปากถูกน้ำชะล้างลงไป มุมปากของหญิงสาวยกขึ้นน้อยๆ สองตาปิดลง ไม่ยอมเปล่งเสียงแม้แต่นิดเดียว
“บอกฉัน ทำไมเธอต้องทำแบบนั้น!” ชายคนนี้ตะคอกอย่างโกรธแค้น
ทว่าหญิงสาวกลับไม่ตอบสักคำเดียว
“ได้ ไม่พูดใช่ไหม…ก็ไม่สำคัญแล้วละ ฉันจะฆ่าเธอด้วยมือของฉัน…จากนั้นก็ค่อยออกเดินทางเป็นเพื่อนเธอ ที่ฉันทำได้ก็มีแค่นี้” ชายคนนี้ยิ้มน้อยๆ ในดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นความโหดเหี้ยมและแน่วแน่อย่างตัดใจไม่ลง
เพียงแต่รออยู่นาน ชายคนนี้กลับยังคงไม่อาจลงมือได้
สุดท้ายผ่านไปอีกหลายลมหายใจ ชายหนุ่มก็กัดฟัน สะบัดร่างหญิงสาวลงกับพื้น และเอ่ยกับชายชราคนหนึ่งที่ด้านหลัง “ผู้อาวุโสจินมานี่ ฆ่าเธอซะ!”
ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากในกลุ่มคนอันหนาแน่น ในมือของชายชรากำกริชหนึ่งเล่มไว้ ส่วนชายหนุ่มก็กลับขึ้นรถไป
สุดท้าย กริชในมือชายชราก็แทงลงไปที่หน้าอกของหญิงสาว
ยังไม่ทันที่กริชจะแทงลงไป ฉากก็พลันเคลื่อนย้าย ร่างสีดำสายหนึ่งมาถึงตัวหญิงสาวด้วยความเร็วสูงสุดแทบจะในพริบตา ดวงตาเย็นชาราวกับจะเยือกแข็งทุกสรรพสิ่ง ทั้งร่างเสมือนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับราตรี
————————————————————-
บทที่ 1916 ความทรงจำสองส่วน
ไม่เห็นว่าชายหนุ่มเคลื่อนไหวยังไง ชายชราก็ถูกเตะปลิวไปหลายสิบเมตรและร่วงลงพื้นอย่างแรง
สายตาของชายหนุ่มตกลงบนตัวหญิงสาวช้าๆ ในดวงตาเงียบสงบไร้คลื่น เย็นชาสุดขั้วกระดูก แต่กลับปรากฏความเจ็บปวดอย่างยากจะบรรยาย
“เจ็บไหม”
ไม่นานชายหนุ่มก็ย่อตัวลง กอดหญิงสาวในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน
“คุณ…มาได้ยังไง…” หญิงสาวลืมสองตา มองชายหนุ่มที่ประหนึ่งพระเจ้าจุติ
“เป็นห่วงเธอ” ชายหนุ่มเอ่ยช้าๆ
“มีแค่คุณ…คนเดียวเหรอ…” หญิงสาวจ้องชายหนุ่ม
“ฉันคนเดียว ก็พอแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“คุณไปเถอะ ไม่ต้องสนฉัน…ไม่เกี่ยว…กับคุณ” ใบหน้าของหญิงสาว แยกไม่ออกระหว่างน้ำตากับน้ำฝน
“ไม่ต้องพูด” ชายหนุ่มกอดหญิงสาวไว้ ให้ด้านหนึ่งของหญิงสาวพิงในอ้อมกอด
ไม่นานแววตาเย็นเยียบสุดขั้วกระดูกของชายหนุ่มก็มองไปยังกลุ่มคนอันแน่นหนาเบื้องหน้า ภายใต้เสียงที่ราวกับแฝงความเงียบสุดท้ายของวันสิ้นโลก เป็นกลิ่นอายกดดันถึงขีดสุดที่ใกล้จะระเบิดออกมา
“กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์เหรอ…จากนี้เป็นต้นไป…กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์จะต้อง…ถูกทำลาย” แววตาของชายหนุ่มดูราวกับน้ำแข็งหมื่นปี ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
ความทรงจำที่ยังนับได้ว่าสมบูรณ์นี้มาถึงตรงนี้ก็หยุดลง ต่อมาฉากก็พลันเคลื่อนย้าย
ประเทศจีน ตระกูลซือ
ชายหนุ่มอยู่ข้างกายหญิงสาวไม่เคยห่างสักวินาที
ปกติหญิงสาวจะนั่งอยู่ข้างนอก ไม่เปล่งเสียง ปฏิเสธการกินอาหารและน้ำ ชายหนุ่มจึงได้แต่ใช้วิธีบังคับให้หญิงสาวกินอาหารเพื่อประทังชีวิต
“ที่รัฐอิสระ ตกลงแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ชายหนุ่มมองหญิงสาวพลางเอ่ยถาม
แต่หญิงสาวกลับเหมือนจงใจหลีกเลี่ยงคำถามนี้
“ซือเยี่ยหาน…ช่วยฉันอย่างหนึ่งได้ไหม…”
วันหนึ่ง หญิงสาวก็เอ่ยกับชายหนุ่ม
“ช่วยลบความทรงจำทั้งหมดของฉันที…” หญิงสาวพูด
“ไม่ได้” ชายหนุ่มพูดอย่างเด็ดขาด
“งั้นเหรอ…ถ้าหากว่าฉันตายล่ะ” ใบหน้าของหญิงสาวปรากฏแววสิ้นหวัง
เมื่อสิ้นประโยคนี้ ชายหนุ่มก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิด
วินาทีสุดท้ายก่อนเข้าห้องผ่าตัด หญิงสาวหยิบแหวนออกมาหนึ่งวงแล้วส่งให้ชายหนุ่ม “ซือเยี่ยหาน…นี่คือแหวนที่ล้ำค่าที่สุดของฉัน ช่วยฉันเก็บไว้ได้ไหม…”
ชายหนุ่มรับแหวนมา พินิจมองมันชั่วครู่ “คืออะไร”
หญิงสาวยิ้มน้อยๆ แล้วส่ายหน้า “คุณไม่ต้องรู้ เก็บและซ่อนมันเอาไว้”
…
ราวกับชั่วพริบตาเหมือนผ่านไปหลายสิบปี เยี่ยหวันหวั่นที่อยู่ในห้องทำงานของผู้อำนวยการพลันลืมตาสองข้างขึ้น ทั้งร่างยืดตรงเหมือนเกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ไอโขลกอย่างรุนแรงประหนึ่งสำลักน้ำ
“สูดหายใจเข้าลึกๆ”
ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยกับเยี่ยหวันหวั่น
ตามการชี้นำของผู้อำนวยการชื่อเยี่ยน เยี่ยหวันหวั่นจึงค่อยๆ รู้สึกดีขึ้นในที่สุด
“สภาพอย่างนี้ มาอีกสองครั้งก็น่าจะพอได้แล้ว กลับไปพักผ่อนเสียเถอะ” ผู้อำนวยการชื่อเยี่ยนกลับไปที่โต๊ะทำงานและเริ่มอ่านเอกสารอีกครั้ง
เยี่ยหวันหวั่นออกจากห้องทำงานของผู้อำนวยชื่อเยี่ยนราวกับศพเดินได้ สมองมีเสียงดังอื้ออึง ความทรงจำที่ได้จากการสะกดจิตครั้งนี้ไม่นับว่าเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำ แต่เป็นความทรงจำที่ค่อนข้างสมบูรณ์สองส่วนแล้ว และตัวเธอเองก็เหมือนกับผู้เฝ้าดู เหมือนกำลังดูหนัง ดูเหตุการณ์เหล่านี้จนจบ
กลุ่มสหพันธ์วิทยายุทธ์ ชายหนุ่มที่เห็นไม่ชัด…ผู้อาวุโสจินที่อยากใช้กริชฆ่าหญิงสาว แล้วก็ยังมี…ซือเยี่ยหาน
ทุกสิ่งทุกอย่างราวกับปะติดปะต่อขึ้นมาในวินาทีนี้ ส่งผลให้คนรู้สึกตื่นตะลึง
หญิงสาวคนนั้น เยี่ยหวันหวั่นมั่นใจได้ว่าก็คือตัวเธอเมื่อปีนั้น คุณหนูรองตระกูลเนี่ย…เนี่ยอู๋โยว…
คอมเม้นต์