Perfect Superstar – ตอนที่ 131 สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ตอนที่ 131 สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
บาร์เดย์ลิลลี่ ย่านโฮ่วไห่
เวลาหนึ่งทุ่มเพิ่งผ่านไป ที่นั่งในบาร์เต็มหมดแล้ว ลูกค้าสี่ห้าคนนั่งล้อมโต๊ะกัน พวกเขาบ้างพูดคุยกันหัวเราะเบาๆ บ้างก็ดื่มเหล้าเล่นไพ่ สร้างบรรยากาศคึกคักยามค่ำคืนแต่ไม่เสียงดังเจี๊ยวจ๊าว
“ว้าว!”
เดวิดบาร์เทนเดอร์เผยสีหน้าเกินจริง ถามลู่เฉินที่เพิ่งเดินมาหน้าบาร์ว่า “เถ้าแก่น้อย สุภาพสตรีสุดสวยคนนี้คือเพื่อนของคุณในคืนนี้ใช่ไหมครับ ไม่ทราบว่าเธอชื่ออะไรครับ”
สายตาคู่นั้นของเขามองผู้หญิงที่อยู่ข้างกายลู่เฉิน เหมือนกับเจอของล้ำค่าอะไรสักอย่าง
ถึงแม้เดวิดจะไม่ใช่ชาวตะวันตกอย่างแท้จริง แต่เขาเติบโตในต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นความคิดความอ่านจึงไม่ต่างจากชาวต่างชาติมากนัก เวลาเห็นคนที่ตัวเองชอบก็จะแสดงออกมาโดยตรง
ถ้าหากอีกฝ่ายไม่ใช่ลู่เฉินที่พามา เขาจะรีบหยิบความสามารถรอบตัวเข้าไปจีบและเอาใจเธอ
ลู่เฉินยิ้มพูดว่า “คนนี้พี่สาวของผม ถ้าคุณกล้าคิดอะไรไม่ดี ระวังผมจะฉีกหน้าคุณนะ!”
“Sorry นะ!”
เดวิดรีบยกมือยอมแพ้ ทำท่าน่าสงสาร
“ผมไม่รู้ว่าคนนี้คือพี่สาวคุณ เดี๋ยวผมเลี้ยงเตกีลาซันไรส์หนึ่งแก้วให้พวกคุณดีไหมครับ”
ลู่เฉินรู้จักนิสัยของไอ้หมอนี่ดี แล้วยิ้มพูดว่า “แก้วเดียวได้ยังไง อย่างน้อยต้องสองแก้ว!”
เดวิดพูดอย่างขมขื่น “ก็ได้ครับ…”
บาร์เทนเดอร์เสียเปรียบแต่พูดไม่ได้ จึงได้แต่หมุนตัวไปผสมค็อกเทลด้วยความหงุดหงิด
ลู่ซีก็ไม่ได้โกรธอะไร
เธอเพิ่งถูกเรียกว่า ‘สุภาพสตรีสุดสวย’ เป็นครั้งแรก ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าบาร์เทนเดอร์คนนี้เป็นคนสนุก
เธอมองบรรยากาศรอบๆ อย่างสงสัย แล้วจึงวิจารณ์ว่า “บาร์นี้ไม่เลวนะ”
สไตล์การตกแต่งของบาร์เดย์ลิลลี่ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว มีชื่อเสียงพอสมควรในแวดวงโฮ่วไห่ นอกจากนี้ลูกค้าที่มาที่นี่ส่วนใหญ่จะมีมารยาทมาก ดังนั้นบรรยากาศจึงแตกต่างจากสถานที่ทั่วไป
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย “พวกเรามีหุ้นส่วนห้าเปอร์เซ็นต์”
ลู่ซีรู้เรื่องนี้นานแล้ว และได้ทำความรู้จักกับเฉินเจี้ยนหาวผ่านการแนะนำจากลู่เฉิน
ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวของลู่เฉินและผู้จัดการสตูดิโอ ปัญหาใหญ่ที่สุดของลู่ซีคือเธอขาดประสบการ์ด้านนี้ เธอไม่เคยทำงานในลักษณะเดียวกันมาก่อน ถึงแม้จะพูดว่าหาข้อมูลในเอกสารได้ แต่ข้อมูลที่ได้มาก็น้อยเกินไป
มีกฎในที่แจ้งและกฎในที่ลับมากมายในหลายอุตสาหกรรม ใช่ว่ากดแป้นพิมพ์เข้าอินเทอร์เน็ตแล้วก็หาได้
และเฉินเจี้ยนหาวก็สามารถช่วยเธอทำความเข้าใจแวดวงของลู่เฉินได้พอดี เขาอยู่ในวงการนี้มาตลอด มีเส้นสายมาก มีเพื่อนทุกชนชั้น จึงมีประสบการณ์มากมายเป็นธรรมดา
แต่ก่อนลู่เฉินไม่รู้ถึงความสุดยอดของเถ้าแก่ตัวเอง จนกระทั่งออกมาจากบาร์แล้วถึงรู้ว่าเถ้าแก่เก็บตัวได้ลึกมาก
ดังนั้นเขาจึงขอให้เฉินเจี้ยนหาวช่วยชี้แนะพี่สาวของตัวเอง
เวลาเจอปัญหาอะไร ลู่ซีก็จะโทรศัพท์ไปขอคำแนะนำจากเขา ซึ่งสะดวกมาก
ตอนนี้ลู่ซีกับเฉินเจี้ยนหาวก็เหมือนเป็นลูกศิษย์และอาจารย์กลายๆ แต่เธอเพิ่งมาบาร์เดย์ลิลลี่เป็นครั้งแรก
วันนี้เป็นวันพิเศษ
“เสี่ยวลู่!”
ลู่เฉินมองไปตามเสียง เห็นเฉินเจี้ยนหาวกำลังยืนโบกมือให้ตัวเองอยู่ตรงรั้วชั้นบน
“รีบขึ้นมาสิ!”
เขารีบดึงลู่ซีเดินขึ้นไปชั้นบน
ชั้นบนก็เต็มทุกที่นั่ง แต่ตามกฎระเบียบโดยพื้นฐานแล้วจะเว้นที่นั่งแขกพิเศษเอาไว้ นั่งได้สี่คนต่อหนึ่งโต๊ะ
เมื่อเห็นลู่เฉินกับลู่ซี พวกเขาก็ทยอยกันลุกขึ้นทักทาย
“ต้าเฉิน พี่ลู่ซี…”
หลี่เฟยอวี่ เฉินเสี่ยวเหม่ย เฉินเสียง แล้วก็ยังมีเฉินซิน สมาชิกของสตูดิโอลู่เฉินในตอนนี้นั่งกันครบทีมแล้ว
บวกกับเฉินเจี้ยนหาวที่เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์อีกคน
ลู่เฉินพูดว่า “ทุกคนนั่งลงเถอะ พวกเราดื่มไปคุยกันไปก็ได้”
เฉินเจี้ยวหาวขมวดคิ้ว ถามว่า “พวกนายจะทำบ้าอะไรกัน คืนนี้แต่ละคนถึงต้องวิ่งมาที่นี่”
สมาชิกของสตูดิโอลู่เฉินมาครบแล้ว วงเฮสิเทชั่นกับพี่น่าก็มาแล้ว ตอนที่เขาเดินเข้ามา ได้เจอลูกค้าเก่าของบาร์อยู่ข้างล่างหลายคน ตอนที่ทุกคนทักทายกันต่างก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย
ในฐานะผู้มีประสบการณ์ เฉินเจี้ยนหาววิเคราะห์ว่าต้องมีแผนการอะไรเป็นแน่!
น่าเสียดายต่อให้เป็นเดวิดก็ยังต้องปิดปากสนิท ไม่ว่าจะหลอกล่อหรือบังคับขู่เข็ญอย่างไรก็ไม่พูด
ลู่เฉินถามว่า “พี่เจี้ยนหาว พี่รู้ไหมว่าวันนี้เป็นวันอะไร”
เฉินเจี้ยนหาวตกตะลึง “วันอะไร”
เขาจำได้ว่าวันนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 27 เดือนสิงหาคม มีความพิเศษอะไรเหรอ
ลู่เฉินหัวเราะบอก “อีกสักพักเดี๋ยวพี่ก็รู้!”
เขาพูดกับลู่ซี “พี่ครับ พี่อยู่คุยเล่นกับทุกคนที่นี่นะ ค่าใช้จ่ายของคืนนี้คิดที่บัญชีของผม”
ลู่ซีพยักหน้า “อืม แกไปเถอะ”
ลู่เฉินพูดกับเฉินเจี้ยนหาวอีกที “พี่เจี้ยนหาว พวกเราลงไปกันเถอะ”
เฉินเจี้ยนหาวงงกับพวกเขามาก ไม่เข้าใจอะไรเลย พอเดินลงไปข้างล่างจึงถามว่า “ไปไหน”
ลู่เฉินยิ้มตอบ “ผมจะไปเตรียมแสดงหลังเวที ลูกค้าเก่ามาตั้งมากมาย พี่ก็ไปอยู่เป็นเพื่อนลูกค้าเถอะ!”
เฉินเจี้ยนหาวยอมใจเขาจริงๆ
“ในที่สุดนายก็รู้ว่าลูกค้าเก่าต่างรอคอยให้นายกลับมา อย่าลืมว่านายก็มีหุ้นส่วนอยูในบาร์นี้ด้วย คืนนี้ร้องหลายเพลงหน่อยแล้วกัน!”
ลู่เฉินไปแล้ว วงเฮสิเทชั่นไปแล้ว พี่น่าก็ไปแล้ว วงที่อยู่หลังเวทีในตอนแรก วันนี้กลับเหลือแค่หน้าเก่าๆ สองสามคน คนอื่นๆ ก็เปลี่ยนเป็นหน้าใหม่ไปหมด
ถึงแม้ว่ากิจการของบาร์เดย์ลิลลี่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่วันหยุดพักผ่อนก็เต็มทุกที่นั่ง แต่เฉินเจี้ยนหาวยังคงคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ รวมทั้งลูกค้าเก่าหลายคนก็มีความคิดแบบนี้
แต่เวลาไม่อาจหวนกลับ อดีตก็คืออดีต ตอนนี้ลู่เฉินและพวกเขาต่างโบยบินไปตามทางของตัวเอง เฉินเจี้ยนหาวรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก
ลู่เฉินขานรับ “ครับ!”
เขาทิ้งเฉินเจี้ยนหาวไว้ และไปหลังเวที
ระยะห่างจากการร้องโชว์ในบาร์เดย์ลิลลี่ผ่านไปแค่เดือนกว่าๆ
แต่ลู่เฉินกลับรู้สึกไม่คุ้นเคยอีกแล้ว
ห้องขนาดใหญ่ข้างนอกตกแต่งใหม่ ทาสีกำแพงใหม่ สะอาดสะอ้านอย่างเห็นได้ชัด
โต๊ะเครื่องแป้งที่จัดไว้ให้นักร้องใช้เพิ่มขึ้นมาอีกสองตัว แต่กลับไม่แออัด
มีคนอยู่ข้างในจำนวนไม่น้อย แต่ลู่เฉินรู้จักไม่กี่คน
“ลู่เฉิน!”
ลู่เฉินเพิ่งจะเดินเข้าไป ก็มีคนเรียกชื่อของเขาทันที
รู้สึกประหลาดใจ สงสัย ดีใจ…
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ตัวของเขา…นี่คือลู่เฉินเหรอ
แวดวงนักร้องในบาร์ย่านโฮ่วไห่ ลู่เฉินคือบุคคลในตำนานอย่างแท้จริง
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาลู่เฉินก็อยู่ในบาร์เดย์ลิลลี่เฉยๆ ตอนแรกเป็นแค่พนักงานเสิร์ฟน้ำและน้ำชา แต่แล้วจู่ๆ ก็ระเบิดความสามารถอันน่าทึ่งของตัวเองออกมา ทะยานเข้าสู่วงการบันเทิง และกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงดวงใหม่
ลู่เฉินเขียนเพลงให้วงเฮสิเทชั่นสามเพลงซึ่งติดชาร์ตเพลงฮิตทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือเพลง ‘ในฤดูใบไม้ผลิ’ ที่เป็นเพลงฮิตอันดับหนึ่งสี่สัปดาห์ติดต่อกัน ทำให้วงเฮสิเทชั่นมีชื่อเสียงโด่งดังได้สำเร็จ
สิ่งที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานไม่หยุดก็คือ การใช้เพลงนี้แลกกับหุ้นส่วนห้าเปอร์เซ็นต์ของบาร์เดย์ลิลลี่
เพลงแรกของลู่เฉินสามารถขายได้อย่างน้อยสองแสน!
และตัวเขาเองก็สุดยอดเหมือนกัน เข้าร่วมรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ พิชิตความยากลำบากมาตลอดทาง จนกลายเป็นสิบผู้แข็งแกร่งของประเทศในวันนี้!
บุคคลที่น่าสะดุดตาเช่นนี้ ถึงแม้เหล่านักร้องที่อยู่ในนี้จะไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็รู้ว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก
สิ่งที่ลู่เฉินกำลังทำให้เป็นจริง ก็คือความฝันร่วมกันของพวกเขาทุกคนไม่ใช่เหรอ
ลู่เฉินพยักหน้า “สวัสดีครับ”
อีกฝ่ายคือนักร้องประจำของบาร์เดย์ลิลลี่ ถือว่ารู้จักกันนิดหน่อย อย่างน้อยก็ยังเรียกชื่อถูก
ตอนนี้คนอื่นๆ ถึงมีการตอบสนอง ทยอยกันเดินเข้ามารุมล้อมและพูดจาทักทาย
“สวัสดีพี่เฉิน”
“ต้าเฉิน!”
“สวัสดี!”
ใบหน้าที่อบอุ่นและกระตือรือร้น ทำเอาลู่เฉินจำไม่ได้ว่าใครเป็นใครแล้ว
เขาเอาสิบนิ้วประกบกันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วตอบว่า “สวัสดีครับ!” “สวัสดีทุกคน!” “ขอบคุณครับ!”
ถ้าหากไม่ได้ฝึกเข้าร่วมประกวดการแข่งขัน เขาคงจะงงและสับสนกับสถานการณ์แบบนี้ได้ง่ายมากๆ
ลู่เฉินเข้าใจความคิดของนักร้องพวกนี้ดี
พวกเขาก็แค่อยากเข้ามาทำความรู้จักและตีสนิท กระทั่งอยากจะซื้อเพลงของเขา
เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงตอนที่ตัวเองถูกคนมองข้ามและดูถูกอยู่ในบาร์ ในใจของลู่เฉินรู้สึกปลงอนิจจังจริงๆ
“ต้าเฉิน!”
และในเวลานี้เอง เสียงของฉินฮั่นหยางที่ดังมาจากห้องเล็กๆ ช่วยกู้สถานการณ์ให้เขา
“รีบเข้ามาสิ!”
ฉินฮั่นหยางออกหน้า นักร้องพวกนี้ก็ไม่กล้าล้อมลู่เฉินต่อ รีบหลีกทางให้เขา
วงเฮสิเทชั่นดังมากในตอนนี้ ได้ยินว่าตารางการแสดงยาวไปถึงปีหน้าแล้ว ฉินฮั่นหยางในฐานะนักร้องและเป็นหัวหน้าวงก็ดังเป็นพลุแตกเพียงชั่วข้ามคืน กลายเป็นไอดอลที่น่าเคารพยกย่องของนักร้องในบาร์มากมายนับไม่ถ้วน
และในย่านโฮ่วไห่นี้ เขาคือคนดังมีชื่อเสียงมากที่สุด!
การเห็นฉินฮั่นหยางกับวงเฮสิเทชั่นในบาร์เดย์ลิลลี่ในคืนนี้คือความโชคดีเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีลู่เฉินเพิ่มเข้ามาอีก
ลู่เฉินพูดขอโทษ แล้วเดินเข้าไปในห้องเล็ก
สมาชิกวงเฮสิเทชั่นอีกสี่คนก็อยู่ครบ มีจางน่าน่าซึ่งก็คือพี่น่าด้วย
“ต้าเฉิน!”
พี่น่ายังคงอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนเดิม สวมกอดลู่เฉินทันที
แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือฉินฮั่นหยาง ต่างก็เปลี่ยนการเรียกชื่อเขาแล้ว
แต่ก่อนเรียกเสี่ยวลู่ ตอนนี้เรียกต้าเฉิน
เนื่องจากทุกคนเปลี่ยนไปแล้ว ฐานะของแต่ละคนต่างก็ไม่เหมือนเดิม
“พี่น่า…”
ลู่เฉินยิ้มพูด “ตอนนี้พี่สวยมากเลยนะครับ”
หน้าตาของพี่น่าบ้านๆ ธรรมดามาก บวกกับอายุที่มากแล้ว กระทั่งพูดได้ว่าขี้เหร่
แต่ลู่เฉินเห็นพี่น่าในตอนนี้แต่งหน้าสวยมีชีวิตชีวา แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก มีกลิ่นอายของผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่นิดๆ แต่ก็น่ามองไม่น้อย
เธอได้พิสูจน์แล้วว่าความสวยของผู้หญิงต้องอาศัยการแต่งตัวนั้นถูกต้อง
พี่น่ากางแขนทั้งสองข้าง พูดหน้าดุว่า “ความหมายของนายคือ แต่ก่อนพี่ขี้เหร่มากเหรอ”
ลู่เฉินรู้ว่าเธอพูดล้อเล่น จึงหัวเราะเอ่ย “เมื่อก่อนก็สวย แต่ตอนนี้สวยกว่าครับ!”
เธอมีใบหน้ายิ้มแย้มทันที “นายนี่ปากหวานจริงๆ ช่วงนี้ไม่ได้ไปหลอกสาวที่ไหนมาใช่ไหม”
ลู่เฉินส่ายหน้ายิ้มเจื่อนๆ
เดิมทีคืนนี้เขาอยากจะเชิญเยี่ยจื่อถงมาด้วย แต่พอโทรไปแล้วถึงรู้ว่าอีกฝ่ายกลับบ้านไปเมื่อครึ่งเดือนก่อน และจะกลับมาตอนเปิดภาคเรียนต้นเดือนหน้า
ช่วงที่ผ่านมาลู่เฉินมัวแต่เครียดอยู่กับการเข้าร่วมการแข่งขัน บวกกับต้องหาสตูดิโอ จัดทำอัลบั้ม แล้วก็ยังต้องเป็นผู้ดำเนินรายการออนไลน์อีก ดังนั้นจึงติดต่อกับเยี่ยจื่อถงน้อยลงมากเป็นธรรมดา
ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองจึงจืดชืดไปหน่อย
แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่จนปัญญาจริงๆ ลู่เฉินไม่สามารถเสียเวลากับเรื่องความรักได้จริงๆ
และเขากับเยี่ยจื่อถงก็ไม่ได้สานสัมพันธ์กันอย่างแท้จริง เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจึงเป็นเรื่องธรรมดามาก
ต่อให้เป็นคู่รักที่รักกันก็ต้องเลิกกันและห่างกันด้วยเหตุนี้
แต่ในคืนนี้ ลู่เฉินไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้
…………………………………………………………………………
คอมเม้นต์