ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ – บทที่ 257 สามยอดแม่ทัพเทพ มหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

อ่านนิยายจีนเรื่อง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ตอนที่ 257 สามยอดแม่ทัพเทพ มหาเคราะห์ไร้ขอบเขต อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 257 สามยอดแม่ทัพเทพ มหาเคราะห์ไร้ขอบเขต

“ซูฉีหรือ”

วิญญูเซียนกงเฉินขมวดคิ้วกล่าว “ดาวตัวซวยของวังสวรรค์? รู้จักสิ ก่อนหน้านั้นยังเคยถูกพวกข้าจับเลย อยากจะชิงคุณสมบัติเทพของเขา ไม่ใช่ว่าวังสวรรค์ไม่ต้องการเขาหรอกหรือ”

สีหน้าพุทธะอาภรณ์ขาวดูแปลกๆ กว่าเดิม

เขาถอนหายใจทีหนึ่ง

วิญญูเซียนกงเฉินยิ่งงงงวยมากขึ้น

เขาเคยตรวจสอบมาก่อน แดนเซียนไม่อาจหลบเลี่ยงดาวตัวซวยได้ เขาจับซูฉีไปก็ไม่ล่วงเกินผู้อื่น

ขณะนั้นเอง!

พุทธะอาภรณ์ขาวโบกมือในฉับพลัน ฝ่ามือขวาปล่อยตราประทับพุทธะออกมา วิญญูเซียนกงเฉินตกใจจนต้องหลบหลีกทันที

“ผู้อาวุโส ท่าน!”

วิญญูเซียนกงเฉินตะโกนด้วยความตกใจและโมโห พุทธะอาภรณ์ขาวขี้เกียจอธิบาย ยังคงลงมือต่อ

ศึกใหญ่ปะทุขึ้นมา!

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน

หานเจวี๋ยชมการต่อสู้อย่างออกอรรถรส

ถึงอย่างไรพุทธะอาภรณ์ขาวก็ใกล้จะพิสูจน์มรรคแล้ว พลังแท้จริงย่อมแข็งแกร่งมาก สามารถบดสังหารวิญญูเซียนกงเฉินได้อย่างเด็ดขาด

หานเจวี๋ยออกคำสั่งจะต้องสังหารคนผู้นี้ หากปล่อยให้หนีไปได้ พุทธะอาภรณ์ขาวก็อย่าหวังจะอยู่ในโลกเขย่าพิภพเลย

เป็นการยากที่หานเจวี๋ยจะให้พุทธะอาภรณ์ขาวลงมือ พุทธะอาภรณ์ขาวย่อมไม่ใจอ่อน

เขาคิดจะแสดงฝีมือต่อหน้าหานเจวี๋ยพอดี

การต่อสู้เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาครึ่งวัน แม้ผู้บำเพ็ญในโลกเขย่าพิภพจะมองไม่เห็นศึกใหญ่บนห้วงอากาศว่างเปล่า แต่กลับรู้สึกหวาดผวาแปลกๆ ยังคิดว่าตนเองเกิดปัญหาในการบำเพ็ญตบะอยู่เลย

สุดท้ายวิญญูเซียนกงเฉินยังคงต้องแตกดับ แม้แต่วิญญาณก็สลาย พุทธะอาภรณ์ขาวไม่อยากทิ้งภัยพิบัติไว้ในภายหลัง จะฆ่าก็ต้องฆ่าให้สิ้นซาก!

หลังจากเสร็จเรื่อง พุทธะอาภรณ์ขาวก็ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนหานเจวี๋ย เขารู้ว่าหานเจวี๋ยเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแล้ว ดังนั้นจึงกลับไปฝึกบำเพ็ญที่อารามเต๋า

หานเจวี๋ยทอดถอนใจกล่าว “มีผู้ช่วยมันดีจริงๆ”

อู้เต้าเจี้ยนถามด้วยความสงสัย “ท่านพูดถึงผู้ใด”

“ตั้งใจฝึกฝน ภายหน้าหากมีคนบุกรุกโลกเขย่าพิภพ เจ้าจะได้ช่วยเหลือได้ ไม่ใช่เป็นแจกันปักดอกไม้ตรงหน้าข้า”

“ข้าเป็นหญ้า ทำไมถึงเป็นดอกไม้ล่ะ”

“ความหมายพอๆ กัน”

“เมื่อครู่มีคนบุกรุกโลกเขย่าพิภพหรือ”

“อืม”

“ใครอ่ะ”

อู้เต้าเจี้ยนซักถามด้วยความอยากรู้

จากนั้น

จากนั้นนางก็ถูกไล่ออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน

คนอื่นๆ เห็นนางถูกไล่ออกมาก็อดสงสัยไม่ได้ หรือว่านายท่านจะทะลวงอีกแล้ว

อู้เต้าเจี้ยนกระอักกระอ่วน แสร้งเดินไปหาที่นั่งฝึกฝนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

…….

พระราชวังเทียมเมฆา บรรดาเทพเซียนมารวมตัวกัน

เงาร่างที่ดูอันธพาลร่างหนึ่งยืนอยู่บนตำหนักกล่าวอย่างทระนงองอาจ “ฝ่าบาท ในเมื่อแม่ทัพมหาเทพบาดเจ็บ เช่นนั้นก็จะได้พักผ่อนพอดี หลังจากนี้ให้ข้าบัญชาการแม่ทัพสวรรค์และทหารสวรรค์เถิด!”

บรรดาเทพเซียนพากันกระซิบกระซาบ ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาโต้แย้ง

เพียงเพราะว่าคนผู้นี้มีชื่อเสียงมาก

วังสวรรค์มีสามยอดแม่ทัพเทพ แม่ทัพมหาเทพ แม่ทัพเทพยุทธ์ แม่ทัพเทพสวรรค์

ท่านนี้ก็คือแม่ทัพเทพยุทธ์!

แม่ทัพเทพยุทธ์สำเร็จมรรคหลายล้านปี กลายเป็นจักรพรรดิเซียนนานแล้ว พลังแท้จริงลึกล้ำไม่อาจคาดเดาได้ ก่อนหน้านั้นปราบปรามอยู่ที่ดินแดนขั้วอุดรของแดนเซียน กลับมาวังสวรรค์น้อยมาก

จักรพรรดิเซียนยิ้มกล่าว “ในเมื่อดินแดนขั้วอุดรรักษาไว้ไม่ได้แล้ว เจ้าก็อยู่ที่วังสวรรค์เถอะ”

ได้ยินเช่นนี้รอยยิ้มของแม่ทัพเทพยุทธ์ก็ชะงักงันทันที

เขาค่อนข้างกระอักกระอ่วน ลักษณะที่ทรงพลังดูอ่อนลงเล็กน้อย

รัชทายาทหลงจวินที่ยืนอยู่ตรงหน้าถามด้วยความสงสัย “แม่ทัพเทพยุทธ์ เหตุใดถึงรักษาดินแดนขั้วอุดรไว้ไม่ได้”

แม่ทัพเทพยุทธ์กระแอมไอกล่าว “พญาอินทรีบรรพกาลฟื้นแล้ว เขารวบรวมเผ่าปีศาจในดินแดนขั้วอุดรเป็นหนึ่งเดียวแล้ว”

เทพเซียนวิพากษ์วิจารณ์กันเกรียวกราว

หลงจวินขมวดคิ้ว

ตี้ไท่ไป๋มองไปทางจักรพรรดิสวรรค์และกล่าว “ฝ่าบาท ช่วงนี้เผ่าปีศาจฟื้นคืนชีพการดำรงอยู่ในสมัยบรรพกาลมาไม่น้อยจริงๆ เกรงว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แม้ว่าวังปีศาจจะพ่ายแพ้ไปไม่นาน แต่ไม่อาจไม่ป้องกันได้”

กรณีพิพาทและการช่วงชิงระหว่างวังสวรรค์กับวังปีศาจดำเนินมายาวนานนับไม่ถ้วน ยาวนานจนเทพเซียนหลายๆ องค์ไม่ได้อยู่นานขนาดนั้น

ไม่รู้ว่าการต่อสู้ไม่หยุดนี้ จะยาวนานอีกแค่ไหน

“ข้าเข้าใจ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ข้าเรียกแม่ทัพเทพทั้งสองกลับมา แม่ทัพเทพสวรรค์ก็ใกล้กลับมาแล้ว เขาย่างเข้าสู่ระดับเทพแล้ว”

จักรพรรดิสวรรค์ตรัสอย่างไม่สนใจใยดี

ระดับเทพ!

บรรดาเทพเซียนมีสีหน้าประทับใจ แม่ทัพเทพยุทธ์แอบกำมือแน่น

ในบรรดาสามยอดแม่ทัพเทพ แม่ทัพเทพสวรรค์เก่าแก่มากที่สุด ไม่ได้ปรากฏตัวมาห้าล้านปีแล้ว แม้แต่แม่ทัพมหาเทพก็ไม่เคยพบเจอแม่ทัพเทพสวรรค์มาก่อน

แม่ทัพเทพยุทธ์เคยเห็นแม่ทัพเทพสวรรค์แค่ครั้งเดียว ครั้งนั้นเขาเสนอท้าสู้จนพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ หากไม่ใช่ว่าจักรพรรดิสวรรค์ห้ามปรามไว้ เกรงว่าร่างและวิญญาณของเขาคงแตกดับไปนานแล้ว

ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ แม่ทัพเทพยุทธ์ก็ไม่พอใจมาก

หากไม่อาจทำให้แม่ทัพเทพสวรรค์พ่ายแพ้ได้ เขาก็ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในพระทัยของจักรพรรดิสวรรค์

มองมาทางแม่ทัพมหาเทพ คุณสมบัติเลิศล้ำ ช้าเร็วก็ต้องแซงเขาได้ แม้กระทั่งยังมีโอกาสที่จะแซงแม่ทัพเทพสวรรค์ด้วย จะไม่ให้เขากระวนกระวายใจได้อย่างไร

“มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตย่างกรายมาถึง มีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่ตกอยู่ในเคราะห์ครั้งนี้จะเป็นพวกเราวังสวรรค์และวังปีศาจ หวังว่าบรรดาทวยเทพทั้งหลายจะเตรียมตัวให้ดี วังสวรรค์ก้าวผ่านมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาหลายครั้ง ครั้งนี้ก็จะก้าวผ่านไปได้เช่นกัน!”

จักรพรรดิสวรรค์กวาดสายตามองบรรดาทวยเทพ และตรัสออกมาทีละคำๆ

เทพเซียนทั้งหมดต่างก็ตกใจ บรรยากาศดูอึดอัดขึ้นมาทันที

มหาเคราะห์ไร้ขอบเขต!

เป็นตัวแทนของการทำลายล้าง เป็นตัวแทนของความสิ้นหวัง!

เทพบรรพกาลที่เคยผ่านมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตมาก่อน ไม่มีผู้ใดเลยที่จะไม่หวาดกลัว

เซียนอาวุโสกล่าวอย่างไม่รีบร้อน “หรือนี่จะเป็นสาเหตุที่สำนักเต๋ากำลังเคลื่อนไหวจะก่อการร้าย มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตที่พูดถึงเป็นเพียงความรุ่งเรืองที่มาถึงขีดสุดแล้วจะต้องเสื่อมโทรม ก็แค่กฎสมดุลของมรรคาสวรรค์เท่านั้น พวกเราอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ก็ต้องเตรียมตัวให้ดีไม่อาจประมาทได้”

ตี้ไท่ไป๋ถาม “เซียนอาวุโสหนานจี๋ ท่านคำนวณอะไรได้หรือ”

บรรดาทวยเทพล้วนมองไปทางเซียนอาวุโสหนานจี๋ รวมถึงจักรพรรดิสวรรค์ด้วย

“ข้ามองเห็นเทพเซียนกลายเป็นพิรุณโลหิต ผืนน้ำเวิ้งว้างสุดลูกหูลูกตาเต็มไปด้วยปีศาจประหลาด พุทธะกับมารช่วงชิงกัน มหามรรคตกต่ำ” น้ำเสียงของเซียนอาวุโสหนานจี๋เต็มไปด้วยความรู้สึกของคนที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ราวกับว่าเคยประสบกับมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตที่ยังมาไม่ถึง

จักรพรรดิสวรรค์ขมวดคิ้ว “สามารถคำนวณถึงผู้ฝ่าเคราะห์ได้หรือไม่”

เซียนอาวุโสหนานจี๋กล่าว “ไม่อยู่ในวังสวรรค์ ไม่อยู่ในวังปีศาจ และไม่อยู่ในวังเทพ สำนักพุทธด้วย ส่วนเขาจะเป็นใครนั้น ตอนนี้หม่อมฉันยังคำนวณไม่ได้ คำนวณได้แค่ว่าเขามาจากโลกมนุษย์ มีใจสูงศักดิ์ดวงหนึ่ง”

‘มาจากโลกมนุษย์?’

เทพเซียนทั้งหมดจมดิ่งในความครุ่นคิด

จักรพรรดิสวรรค์อดนึกถึงหานเจวี๋ยไม่ได้

‘แต่ว่าหานเจวี๋ยมีใจสูงศักดิ์หรือ เจ้าเด็กนี่อย่าได้หวาดกลัวเกินไป!’

……

เวลาสามสิบปีแว๊บผ่านไปอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ในถ้ำเทวา จู่ๆ อักขระแถวหนึ่งก็เด้งขึ้นตรงหน้า

[ตรวจสอบพบว่าดวงชะตามหาเคราะห์ไร้ขอบเขตได้ก่อขึ้นแล้ว ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง รีบขึ้นสวรรค์ช่วงชิงดวงชะตาเตรียมพร้อมสำหรับมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต จะได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง ยอดสมบัติหนึ่งชิ้น ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]

[สอง ฝึกฝนต่อ ห่างไกลจากการช่วงชิงดวงชะตา รักษาเจตนาเดิมไว้ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]

‘หืม?’

หานเจวี๋ยเลิกคิ้ว

‘มหาเคราะห์ไร้ขอบเขต?’

จากนิยายที่เขาอ่านในชาติที่แล้ว มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตที่พูดถึงก็คือเวไนยสัตว์ในมรรคาสวรรค์พัฒนามาสู่จุดสูงสุด จนกระทั่งคุกคามถึงตัวมรรคาสวรรค์ มรรคาสวรรค์เลยจำต้องทำลายทุกสิ่งแล้วพัฒนาใหม่

กฎเกณฑ์ชนิดนี้ปรากฏให้เห็นอยู่ตลอดเวลา ขุนนางผลงานเหนือกว่าจักรพรรดิ จักรพรรดิเลยต้องกำจัด

ตั๊กแตนและกบวัวมากเกินไป คนเลยต้องกำจัด

แม้แต่หนังยอดมนุษย์ในชาติก่อน เจ้าจักรวรรดิบางคนก็ดำเนินตามกฎเกณฑ์นี้

ความรุ่งเรืองที่มาถึงขีดสุดแล้วจะต้องเสื่อมโทรม วัฏจักรก็คือการหมุนเวียน ความสมดุลคือกฎเกณฑ์ที่ดีที่สุด

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่สองทันที

หากตบะระดับเขาเข้าร่วมมหาเคราะห์ไร้ขอบเขต ไม่เท่ากับว่าถูกบีบบังคับให้ตายหรอกหรือ

“ข้าจะซวยไปหน่อยไหม เพิ่งมีชีวิตแค่สองพันกว่าปีก็เผชิญกับมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตแล้ว?” หานเจวี๋ยคิดด้วยสีหน้าขมขื่น

‘ไม่ได้! ต้องถามสักหน่อย!’

ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังจะนำป้ายมรรคาสวรรค์ออกมานั้น ก็มีเสียงดังขึ้นในใจของเขา

“นายท่าน แม่น้ำมรรคกระบี่เกิดปัญหาแล้ว มีคนเข้ายึดครองไม่ยอมจากไป

น้ำเสียงของหลิวเป้ยเต็มไปด้วยความอัดอั้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง

……………………………………….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด