นายน้อยเจ้าสำราญ – ตอนที่ 608 ช่องทางสื่อสารหมื่นคน

อ่านนิยายจีนเรื่อง นายน้อยเจ้าสำราญ ตอนที่ 608 ช่องทางสื่อสารหมื่นคน อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 608 ช่องทางสื่อสารหมื่นคน

งานเลี้ยงในวังเตี๋ยอี๋สิ้นสุดลง

เพราะว่าฮูหยินทั้งสามของฟู่เสี่ยวกวนตั้งครรภ์อยู่ เขาจึงดื่มมิมากเท่าใดนัก

พอออกจากวังเตี๋ยอี๋ ฮ่องเต้และฮองเฮาซั่งก็ได้มานั่งดื่มชาในศาลาเป็นเวลาเนิ่นนาน

“วันนี้เขาไปที่อารามซุ่ยเยว่”

“เขารู้หรือไม่ว่าเช่อเหมินของลัทธิจันทราคือผู้ใด ? ”

“หม่อมฉันคิดว่าเขายังมิรู้เพคะ”

“หาคนที่สังหารปู้เนี่ยนชือไท่เจอแล้วหรือยัง ? ”

“น่าจะเร็ว ๆ นี้เพคะ”

“เจ้าเดาว่าเป็นผู้ใด ? ”

“…” ฮองเฮาซั่งยิ้มน้อย ๆ และจิบน้ำชาอย่างนุ่มนวล “หม่อมฉันขอมิคาดเดาเพคะ… หอซี่หยู่ส่งข่าวมา แจ้งว่าสถานที่ที่หยูเวิ่นชูไปเป็นที่สุดท้ายก็คือเขตหยุนไหล คนของหอซี่หยู่ไปถึงหยุนไหลช้าไป 1 วัน หยูเวิ่นชูถูกจับตัวไปแล้ว หัวหน้าหอซี่หยู่ส่งคนออกไปตามหา 24 คน ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น”

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น ฮองเฮาเอ่ยต่อว่า “ศพของนักบุญสาวเฉินจั่วจวิน คนของลัทธิจันทราหาพบแล้ว พบที่นอกศาลาของด่านชีผาน ถูกฝังอยู่ในโคลน ตอนนั้นหยูเวิ่นชูย่อมอยู่ที่นั่นด้วยอย่างแน่นอน หอซี่หยู่ได้ตรวจสอบรอยแผลของเฉินจั่วจวินพบว่าเป็นแผลแบบเดียวกันกับเฉินซีหยุนที่ถูกแทงคอด้วยใบไม้”

“หม่อมฉันสงสัยว่าเฉินจั่วจวินเอ่ยสิ่งใดต่อหยูเวิ่นชูกัน ? สมบัติของราชวงศ์เฉินซ่อนอยู่ที่ใด มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ ตอนนี้เฉินจั่วจวินก็ตกตายไปแล้ว ผู้ที่รู้เรื่องนี้ก็คงเหลืออยู่เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น คนแรกก็คือยอดฝีมือปรมาจารย์ผู้นั้น คนที่สองก็คือหยูเวิ่นชู”

“หม่อมฉันคิดว่า…สายลับพาตัวหยูเวิ่นชูไป”

“ถ้าเป็นสายลับก็ยังดีหน่อย มิช้าก็เร็วย่อมตกอยู่ในมือของเสี่ยวกวน หม่อมฉันเป็นห่วงว่าปรมาจารย์ผู้นั้นจะลงมือกับหยูเวิ่นชู”

“ตามคำบอกเล่าของฟู่เสี่ยวกวน ปรมาจารย์ผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาอาจจะซ่อนอยู่ในที่มืดเพื่อรักษาบาดแผลอยู่ก็เป็นได้ มิมีเวลาให้คิดเรื่องของหยูเวิ่นชูหรอก”

“หม่อมฉันให้คนของหอซี่หยู่…เตรียมการที่จะรับตัวหยูเวิ่นชูมาจากสายลับดีหรือไม่ ? ”

ฮ่องเต้เงียบไปชั่วขณะและส่ายพระพักตร์ “ถ้าทำเช่นนั้น ฟู่เสี่ยวกวนจะสงสัยเจ้าเป็นคนแรก ผ่านไปแล้วหลายปี ตอนนี้ราชวงศ์หยูมิได้ขาดแคลนเงินทอง ขุมทรัพย์ของราชวงศ์เฉินนั้น…มิต้องเข้มงวดมากนัก”

“…หม่อมฉันรับบัญชาเพคะ ! ”

……

……

รัชสมัยเซวียนลี่ปีที่สิบ วันที่สามสิบ เดือนสี่ ท้องนภาสว่างกระจ่างใส

ติ้งอันป๋อฟู่เสี่ยวกวน ช่วงสายนี้กำลังจัดเตรียมการสอนที่สำนักศึกษาจี้เซี่ย !

ข่าวนี้ได้แพร่ไปทั่วทั้งเมืองหลวงราวกับไฟลามทุ่ง

เพื่อให้แน่ใจว่าการบรรยายครานี้จะจัดขึ้นอย่างปกติ หลี่ชุนเฟิง คณบดีแห่งสำนักศึกษาจี้เซี่ยจึงได้เชิญเจ้าหน้าที่จากจวนผู้ว่าเมืองจินหลิงมารักษาความสงบเรียบร้อยที่สำนักศึกษา

เขาประเมินคนต่ำจนเกินไป เพราะความนิยมของฟู่เสี่ยวกวนนั้น…

ผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกหนทุกแห่งราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด ถนนสายวิชาการที่กว้างขวางถูกปิดกั้นไว้โดยการหลั่งไหลของผู้คน

ในบรรดาผู้คนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองจินหลิง พวกเขามากันเพราะชื่อเสียงของติ้งอันป๋อ

ตำแหน่งขุนนางลำดับสาม ป๋อเจวี๋ย !

ถึงเยี่ยงไรก็ต้องไปดูให้เห็นกับตา

มิใช่เพื่อมาฟังการบรรยายของเขา แต่มาเพื่อดูว่าเขาหน้าตาเป็นเยี่ยงไร จะได้เป็นมงคลกับชีวิต หลังจากกลับไปจะได้คุยโวโอ้อวดเพื่อยกตนเองขึ้น

พวกเขาทำเช่นนี้ ส่งผลให้พ่อค้าและบัณฑิตที่มาฟังบรรยายด้วยความตั้งใจเดือดร้อน

เมื่อคุณหนูตระกูลซือหม่า… ซือหม่าเช่อ พาสาวใช้เสี่ยวซิงเอ๋อร์นั่งรถม้ามาถึงหน้าประตูสำนักศึกษา นางก็ตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน !

นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกัน ?

ด้านนอกประตูของสำนักศึกษานั้นเต็มไปด้วยผู้คน นอกจากผู้คนแล้วก็มิเห็นสิ่งใดอีกเลย !

มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดวันนี้ในเมืองจินหลิงถึงได้เงียบเหงานัก ช่างเป็นภาพที่งดงามยิ่ง !

“พวกเรามาสายแล้วจะเข้าไปได้เยี่ยงไรเล่า ? ”

“หลีกทางหน่อย ทุกคนเข้าแถวยืนเป็น 2 แถว แบ่งกันคนละฝั่ง ! ” จินเชียนฮู่ผู้เป็นจิงหยูเว่ยหมดหนทางจะเอ่ย

เขาลอบเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก มีผู้คุ้มกัน 30 คน ยื่นดาบในมือชี้ไปทางฝูงชน

เป็นฟู่เสี่ยวกวนอีกเช่นเคย !

ตราบใดที่ฟู่เสี่ยนกวนมีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องมิมีอันใดดี !

มีผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ หากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาย่อมจะเกิดเรื่องใหญ่ตามมา

เขากระโดดขึ้นไปบนหลังม้าด้วยอารามโกรธ จึงเอ่ยเสียงดังออกมาว่า “วันนี้ สิ่งที่ติ้งอันป๋อจะบรรยายคือการวางแผนนโยบายและการค้า พวกเจ้ามาดูเรื่องสนุกอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? หลี่เปาจื่อ เจ้าคนทำซาลาเปามาทำอันใดที่นี่ ? รีบกลับไปทำซาลาเปาให้ข้าประเดี๋ยวนี้ ! ”

“แล้วเจ้าก็อีกคน ท่านป้าจ้าว กลับไปตั้งโต๊ะขายงานเย็บปักถักร้อยเถิด ถึงเยี่ยงไรป้าก็ฟังมิเข้าใจหรอกว่าติ้งอันป๋อเอ่ยถึงสิ่งใด ผู้คนเยอะแยะมากมายถึงเพียงนี้ ถ้าเบียดจนป้าตายจะทำเยี่ยงไร ? กลับไปได้แล้ว ! ”

“แม่นางผู้นั้น เจ้ามิกลัวว่าจะมีคนมาหาเรื่องเยี่ยงนั้นหรือ ? ฮูหยินทั้งสามของติ้งอันป๋อเป็นถึงเก้ามิ่ง พวกเจ้าลองไปส่องกระจกดูว่าจะเข้าตาของติ้งอันป๋อหรือไม่ ? ”

“อย่าฝันลม ๆ แล้ง ๆ เลย ! ชาวบ้านทุกคนจงฟัง รีบกลับไปได้แล้ว เนื้อหาการบรรยายของติ้งอันป๋อวันนี้จะรวบรวมเป็นหนังสือ แล้วติดเอาไว้ในศาล พวกเจ้าสามารถไปดูได้ ! ”

เสียงคำรามของจินเชียนฮู่ยังพอมีอิทธิพลอยู่บ้าง

กลุ่มคนเหล่านี้แท้ที่จริงก็แค่มาดูเรื่องสนุก ดูผู้คนมากมายในขณะนี้ เมื่อลองคิดดูอีกครา แม้ว่าจะเบียดเสียดเข้าไปในสำนักศึกษาได้ แต่ก็มิสามารถเบียดเข้าไปในห้องบรรยายได้ ช่างเถอะ… ! เยี่ยงไรเสียติ้งอันป๋อก็อาศัยอยู่ในเมืองจินหลิงแห่งนี้ ยังมีโอกาสที่จะได้พบเจออยู่

กลับไปทำซาลาเปา ทำขนมปัง แล้วนำไปขายยังสำคัญกว่าอีก

ตอนนี้มีคนบางส่วนเริ่มทยอยกันออกไปแล้ว แต่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังเฝ้ามองอย่างใจจดใจจ่อ

จินเชียนฮู่ตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครา “ที่ติ้งอันป๋อจะบรรยายในครานี้สำหรับพ่อค้าและบัณฑิตเท่านั้น ส่วนที่เหลือมิอนุญาตให้เข้า ข้าให้เวลาพวกเจ้าออกไปครึ่งก้านธูป หากผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่ง…”

ดาบในมือของเขาถูกดึงออกมาจากฝักเสียงดัง ‘ชริ้ง ! ’ และกล่าวออกมาอย่างโหดเหี้ยมว่า “ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่ง ข้าจะจับเข้าคุกให้หมด ! ”

สายตาของชาวบ้านต่างตื่นตระหนกขึ้นมาราวกับว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ดังนั้น… อย่าได้ไปยุ่งกับคนพวกนี้เลย ส่วนเรื่องที่ติ้งอันป๋อจะบรรยายต้องเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก แล้วพวกเราจะฟังเข้าใจได้เยี่ยงไร

“ไปได้แล้ว ไปได้แล้ว อย่าขัดขวางการสอนของติ้งอันป๋อเลย”

“หลี่ตูจื่อ เจ้าเองก็มาด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? เจ้าเป็นช่างจักสานมาฟังด้วยเหตุอันใดกัน ? ”

“โจวแจ๋จื่อ เจ้ามิอายเยี่ยงนั้นหรือ ? ผู้ทำนายโชคชะตามาฟังอันใดที่นี่เยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าอยากจะเห็นหน้าติ้งอันป๋อมากยิ่งนัก”

“ออกไปเสีย ติ้งอันป๋อคือบุรุษแห่งสวรรค์ ปวกเปียกเยี่ยงเจ้าจะเข้าใจได้เยี่ยงไรกัน ? ”

“…”

หลังจากผ่านไปครึ่งก้านธูป ฝูงชนก็เริ่มบางตาลง ในที่สุดสถานการณ์ด้านนอกของสำนักศึกษาจี้เซี่ยก็ได้สงบลงเสียที ส่วนคนที่เหลือ อยู่ในการดูแลของจินเชียนฮู่โดยการต่อแถวยาวเป็น 3 แถว

ซือหม่าเช่อเฝ้ามองดูอย่างเงียบ ๆ บัดนี้ในดวงตาของนางทอประกายแวววับ คาดมิถึงว่าชื่อเสียงของติ้งอันป๋อจะโด่งดังมากถึงเพียงนี้

ชายหนุ่มอายุ 18 ปีจะเข้าบรรยายครึ่งชั่วยาม ข่าวนี้ได้ดึงดูดผู้คนมากมายในเมืองหลวง แม้กระทั่งเด็กอายุ 8 ปีและคนแก่อายุ 80 ปีล้วนให้ความสนใจด้วยกันทั้งสิ้น !

ต้องตั้งใจฟังดูแล้วว่าเขาจะบรรยายอันใดออกมากัน

เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะเอ่ยเพียงแค่ภาษาดอกไม้ออกมา ?

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด