ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 72: การเปิดเผย (1)
บทที่ 72: การเปิดเผย (1)
เมื่อฉินเย่วางสายตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ขันอีกต่อไป
สามสิบล้านพลังหยิน?!
นี่มันเรื่องตลกแบบไหนกัน?!
“ ไม่น่าเป็นไปได้ … พลังหยินระดับนั้นจะอยู่ในระดับเดียวกับจ้าวนรกแล้ว มีคนระดับนี้อยู่เมืองเป่าอันกำลังเล่นตลกอะไรอยู่?” อาร์ทิสพึมพำและพูดขึ้นเสียงเครียด
“อีกทั้งเขาบอกว่าเบื้องบนรู้เรื่องนี้แล้วด้วย แต่พวกเขากลับปกปิดคนทั้งเมืองเอาไว้เนี่ยนะ? ตามความเป็นจริงแล้ว เมื่อพวกเขาค้นพบระดับหยินที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้ สิ่งแรกที่พวกเขาจะทำคืออพยพคนทั้งเมืองออกไป และตอนนี้พวกมนุษย์ก็พัฒนาขึ้นมาแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงไม่ทำแบบนั้น?”
ฉินเย่ถือโทรศัพท์ไว้ในมืออีกข้าง ขณะที่เขาตอบอย่างครุ่นคิด “นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เจ้าไม่สังเกตท่าทีของชายที่มีหมายเลขทะเบียน S2328 เลยหรือ”
“มีอะไรหรือ”
“ตอนสุดท้ายเขาพูดถึง สำนักผู้ฝึกตนอะไรสักอย่าง… หากมีค่าพลังหยินสามสิบล้านที่ซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของเมืองเป่าอันจริง นั่นก็หมายความว่าประเทศกำลังตกอยู่ในอันตราย! เจ้าคิดว่าทำไมเขายังมีอารมณ์พูดเรื่องหน้าที่กับพันธมิตรอะไรนั้นได้อย่างไร”
อาร์ทิสพยักหน้า “ เจ้ามีความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม”
“ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว” ฉินเย่แสร้งทำเป็นดันแว่นตาที่ไม่มีอยู่จริงพูด
“เมืองเป่าอัน…มีเพียงเบื้องบนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และค่าพลังหยินสามสิบล้านนี่ก็อาจจะระเบิดอย่างกะทันหันเมื่อไรก็ได้ แต่… มีบางอย่างผิดปกติกับพลังงานหยินนั่น ข้าคิดว่ามันอาจจะกำลังจำศีล หรือไม่ก็ถูกบางอย่างผนึกเอาไว้ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเหตุผลอื่นด้วย และมีแน่ว่ามันอาจจะไม่ใช่สิ่งชีวิตด้วยเช่นกัน”
อาร์ทิสเห็นด้วย“ ข้าก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน ข้าพอเดาได้ … แต่ข้าคิดว่าเราควรจะรอให้ถึงตอนนั้นเสียก่อน”
ฉินเย่ผงกศีรษะและนอนลงบนเตียงอย่างเกียจคร้าน “ ในช่วงสามวันนี้คงไม่มีอะไรหรอก เนื่องจากข้าได้ตกลงที่จะรับตำแหน่งการสอนในสำนักผู้ฝึกตนไปแล้ว งานของข้าอาจจะยุ่งมากขึ้นในอนาคต แล้วทำไมท่านไม่พาข้าลงไปที่นรกเพื่อดูสถานที่ตอนนี้ก่อนเสียหน่อยล่ะ? มันอาจจะช่วยทำให้ข้าเตรียมใจกับอนาคตได้ก็ได้นะ”
อาร์ทิสหยุดชะงักเล็กน้อย “ ข้ากลัวว่าเจ้าอาจเข้าใจงานของเจ้าผิดนิดหน่อย… ”
“หมายความว่าอะไร” ฉินเย่นั่งตัวตรงทันที หรือว่างานนี่ยากกว่าที่เขาคาดไว้หรือ?
อาร์ทิสอธิบายเสียงเรียบ “ นรกนั้นเป็นสถานที่หนึ่ง นั่นก็หมายความว่ามันต้องมีพื้นที่ให้เจ้าสร้างขึ้นมา ไม่งั้นเจ้าสร้างนรกขึ้นมาใหม่ที่ไหนกันล่ะ? สุสานนครวิญญาณเก่าหรือ? เจ้ากำลังล้อเล่นข้าอยู่หรือไง”
“ประการแรกเจ้าจะต้องหาที่ดินที่เหมาะสมซึ่งมนุษย์จะไม่มีวันสังเกตเห็น ซึ่งเราจะใช้มันเป็นทางเข้าสู่นรก ประการที่สองที่ดินจะต้องมีพลังหยินหนาแน่น ซึ่งแน่นอนว่ามันมีไม่กี่แห่ง อีกทั้งแต่ละแห่งก็ห่างไกลกันมากและล้วนหายากอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งตอนนี้ข้ารู้สึกว่ามันช่างไกลจากความจริงเสียเหลือเกิน…เดี๋ยวทำหน้าอะไรของเจ้า อย่างกับวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วกระนั้นแหละ”
“ … ข้า ข้าคิดว่าท่านคงดูผิดแล้วละ …อะ ฮ่า ๆ ๆ … ”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและในไม่ช้าก็ก้าวเข้าสู่วันที่สอง ฉินเย่สัมผัสได้ว่าหน่วยลาดตระเวนของทหารที่ติดอาวุธด้วยกระสุนผ่านพื้นที่ของพวกเขาทุก ๆ สองถึงสามชั่วโมง รูปแกะสลักที่มีรูปร่างแปลกประหลาดหลายชิ้นได้ถูกเคลื่อนย้ายไปยังตัวเมือง และแต่ละชิ้นถูกพันด้วยเชือกสีเข้มอย่างแน่นหนาและปิดผนึกด้วยเครื่องรางของขลังจำนวนนับไม่ถ้วน
เมืองเป่าอัน … ตอนนี้อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกแล้ว
และไม่มีวี่แววจะอพยพเลยแม้แต่น้อย
ฉินเย่มั่นใจในการคาดเดาของตัวเอง
เมืองเป่าอันยังคงเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย กระทั่งมันอาจจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งของจีนตอนนี้แล้วก็ได้
เมื่อหกโมงเย็นมาถึงอีกครั้ง ประกาศสาธารณะก็เริ่มประกาศขึ้นอีกครั้ง ในซอกทุกมุมของเมือง ทว่าเนื้อหาของข้อความในครั้งนี้กลับแตกต่างออกไป
“ เรียนประชาชนทุกท่าน…”
“ เช้าวันพรุ่งนี้เวลา 06.00 น. เมืองเป่าอันจะเริ่มงานแถลงข่าวตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ การประชุมจะจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมือง ขอให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่านมาให้ถึงภายในเวลา 06.00 น. ถึง 9.00 น. และการประชุมจริงจะเริ่มขึ้นในเวลา 9.10 น. การประชุมครั้งนี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของเมืองเป่าอัน และจะถูกถ่ายทอดสดไปในละแวกใกล้เคียง ห้างสรรพสินค้าทุกแห่ง ตลอดจนช่องโทรทัศน์และเครือข่ายสาธารณะทั้งหมด”
“ นี่เป็นการเตือนครั้งสุดท้าย ทุกคนที่อยู่ในและนอกของเมืองเป่าอันจะต้องร่วมการรับชมงานแถลงข่าวในวันพรุ่งนี้ เมื่อสิ้นสุดการแถลงข่าว เราจะยังคงประกาศอย่างต่อเนื่องทุก 18.00 น. ของทุกวัน เพื่อรับรู้การเปลี่ยนแปลงของเมืองเป่าอันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากใครไม่ฟังการประกาศในวันพรุ่งนี้จะได้รับโทษในภายหลังอย่างแน่นอน”
กระทู้บนเว็บบอร์ดระเบิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับความคิดเห็นมากมายที่ต่างพากันคาดเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ การคาดเดาดังกล่าวไม่ได้ถูกตรวจสอบโดยผู้ดูแล แม้ว่าในอดีตจะมีเนื้อหาบางอย่างที่จะถูกเซนเซอร์ทันทีก็ตาม
ฉินเย่ปิดแล็ปท็อป
เมืองเป่าอันกำลังเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับการเปิดเผยครั้งใหญ่ในวันพรุ่งนี้ สิ่งต่าง ๆ ถูกผูกขาดไว้อย่างอุกอาจ!
ข้อมูลที่เขาได้รับจากแอปนั้นค่อนข้างทั่วไป สิ่งเดียวที่เขารู้คือแผนการของรัฐบาลในการสร้างสำนักผู้ฝึกตน ขนาดใหญ่ขึ้นที่นี่และเปลี่ยนเมืองเป่าอันให้เป็นสวรรค์สำหรับผู้ฝึกตนในอนาคต
แต่นั่นก็ยังคลุมเครือเกินไป มีช่องว่างมากมายสำหรับการซ้อมรบที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่ารัฐบาลจะมีความเด็ดขาดเพียงใดและพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขานอนหลับฝันดี และตื่นขึ้นมาในวันถัดมา ซึ่งนาฬิกาก็ชี้ไปที่ 06.00 น. อย่างพอเหมาะพอเจาะ เขามองออกไปก็พบว่าท้องฟ้าเริ่มที่จะสว่างแล้ว
และเขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่ถูกบางอย่างรบกวนจนตื่น…
“ พลังงานที่แท้จริง … ”อาร์ทิสพึมพำอย่างรุนแรง“ พลังงานที่แท้จริง ทั้งยังแข็งแกร่งเช่นนี้ … ”
ฉินเย่หายใจเข้าลึก ๆ และปัดลูกบอลผนึกที่ทับหน้าอกของเขาอยู่ และมันก็คือต้นเหตุที่ทำให้เขาฝันว่าตัวเองกำลังขาดอากาศหายใจตาย เนื่องจากโดนก้อนหินทับ เมื่อเขาลุกขึ้นเขาก็ค้นพบคลื่นพลังที่ทำให้หายใจไม่ออกยิ่งกว่า พลังงานที่แท้จริงกำลังกลืนกินร่างกายของเขา
… ดวงตาของเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง และก็ได้เห็นหมอกหนาสีขาวที่ปกคลุมไปทั่วเมืองเป่าอัน
มนุษย์แทบจะไม่สนใจเกี่ยวกับการมีอยู่ของพลังงานที่แท้จริงเลย นี่เป็นสิ่งที่มีเพียงผู้บ่มเพาะและวิญญาณหยินเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้
“นี่คือพลังของคนเพียงคนเดียวจริงหรือ… ” อาร์ทิสเริ่มจริงจังขึ้น
“เขาสามารถครอบคลุมทั้งเมืองได้ โดยที่ตัวยังคงซ่อนอยู่ที่ไหนสักแห่ง … นี่คือ … ผู้เชี่ยวชาญระดับตุลาการนรก!”
“ผู้เชี่ยวชาญระดับตุลาการนรกมาถึงเมืองเมื่อคืนที่ผ่านมา ตอนนี้ทั้งเมืองอยู่ภายใต้การจับตามองของเขา หากผู้บ่มเพาะหรือวิญญาณหยินกล้าแม้แต่จะเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย พวกเขาจะถูกยับยั้งด้วยการทำลายล้างที่รุนแรงทันที”
ทั้งเมืองอยู่ภายใต้การจับตามองของเขาในขณะนี้แล้วอย่างสมบูรณ์!
“ฉินเย่มาดูนี่สิ!” ทันใดนั้นก็มีเสียงเรียกออกมา หวังเฉิงห่าวยืนพิงหน้าต่าง เขาอุทานขึ้นทันที ขณะมองออกไปด้วยกล้องส่องทางไกล
ฉินเย่เดินไปทันที ถนนที่ยังว่างเปล่าเมื่อคืนตอนนี้เต็มไปด้วยทหารติดอาวุธยืนประจำการทุกหัวมุมถนน!
เขาหายใจเข้าลึก ๆ และมองผ่านกล้องส่องทางไกลไประยะไกลขึ้น
อาคารในเมืองเป่าอันไม่ได้สูงเกินไปนัก แต่ก็ทำให้การมองเห็นของเขามองอะไรได้กว้างขึ้น
ซึ่งมันทำให้เขามองเห็นพวกทหารยืนอยู่ทุกส่วนของเมือง โดยยืนห่างกันประมาณสิบเมตร!
“ ผู้เชี่ยวชาญระดับตุลาการนรกกำลังปราบปรามวิญญาณหยินทั้งหมดในเมืองเป็นตัวคนเดียว ขณะที่ทหารจำนวนมากถูกนำไปเป็นฉากบังหน้าประชาชนเฉย ๆ … เพื่อบอกพวกเขาว่าวันนี้ใครก็ตามที่ฝ่าฝืนกฎ แม้แต่นิดเดียวจะไม่มีโอกาสรอดชีวิต… ”
ฉินเย่สูดหายใจลึก “ฉันกลัวว่าแม้แต่ทางเข้าเมืองจะถูกปิดไปทั้งหมดแล้ว และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าหรือออกจากเมืองได้แม้แต่คนเดียว… ”
และสิ่งที่ทำให้เขากลัวที่สุดไม่ใช่บรรยากาศตึงเครียดที่ลอยจาง ๆ อากาศทั่วทั้งเมืองในขณะนี้
แต่เป็นความจริงที่ว่าการปรับใช้มาตรการเหล่านี้ รัฐบาลประกาศว่าการตัดสินใจในวันนี้ถือเป็นที่สิ้นสุด ยิ่งไปกว่านั้นทุกสิ่งที่ประชาชนจะได้รับฟังในวันนี้อาจจะทำให้พวกเขารู้สึกคัดค้านไม่เห็นด้วย
นั่นคือเหตุผลที่มีการใช้มาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนในเมืองลุกฮือขึ้น
ในขณะเดียวกัน รถทหารได้ก่อตัวปิดล้อมอย่างแน่นหนาในแต่ละทางเข้าที่นำไปสู่เมืองเป่าอัน มีทหารเกือบพันคนยืนเฝ้าทุกทางเข้าออกอย่างเป็นระเบียบ เฮลิคอปเตอร์หลายสิบลำติดอาวุธพร้อมปืนลาดตระเวนบนท้องฟ้า ทำให้ตอนพวกเขาถูกจับตามองจากทั้งบนบกและบนฟ้า!
การรักษาความปลอดภัยในเมืองทั้งหมดได้จัดอยู่ในขั้นสูงสุด!
จากนั้นก็มีเสียงบีบแตรดังขึ้น เป็นรถที่ส่งฉินเย่จากแผนกสืบสวนพิเศษไปที่โรงแรมได้จอดอยู่ชั้นล่างแล้ว
“ คุณฉินถึงเวลาแล้ว กรุณาขึ้นรถด้วยครับ” คนขับโค้งคำนับอย่างเคารพ
หลังจากที่ฉินเย่ขึ้นรถแล้ว พวกเขาก็ขับรถตรงไปที่จัตุรัสกลางเมือง ผ่านแถวทหารที่เรียงรายทั้งสองฝั่งของถนน ทั้งเมืองถูกปกคลุมไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด สายตาของฉินเย่สั่นเล็กน้อยขณะที่ชายคนขับพูดขึ้น
“ที่นั่งของคุณอยู่แถวที่สาม ผู้อำนวยการใหญ่ให้ผมดูแลคุณเป็นพิเศษเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่คุณเข้าร่วมการประชุมนี้ คุณสามารถเรียนรู้จากการประชุมครั้งนี้ได้ แต่ห้ามคุณถามอะไรทั้งสิ้น หากมีอะไรผิดพลาดในวันนี้ … จะไม่มีใครสามารถคุ้มครองคุณได้”
ฉินเย่พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงจัตุรัสกลางเมือง ประมาณยี่สิบนาทีต่อมา
เช้าของฤดูหนาวในเดือนธันวาคมที่หนาวเย็น
อากาศตอนเช้าค่อนข้างชื้นและยังสามารถเห็นน้ำค้างยามเช้าบนต้นไม้และดอกไม้ในสวนของจัตุรัสกลางเมือง ลมที่พัดให้ใบไม้ขยับเบา ๆ ทำให้น้ำค้างที่ส่องประกายกระจายไปทั่วบริเวณ
ลมที่พัดแรงและเย็นยะเยือกส่งความหนาวสั่นลึกไปถึงกระดูก แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางการรวมตัวของผู้คนที่จัตุรัส และตอนนั้นทั้งจัตุรัสก็หนาแน่นไปด้วยผู้คน อีกทั้งผู้คนต่างก็ปล่อยระดับพลังที่แท้จริงออกมาจากร่างกายของพวกเขาอย่างไม่ปิดบัง!
สถานที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนจากเมืองเป่าอันและที่อื่น ๆ !
เวทีขนาดใหญ่สามสิบเมตรถูกสร้างขึ้นที่ใจกลางจัตุรัส โต๊ะบนเวทีปูด้วยผ้าสีแดงหรูหราและถ้วยชาแต่ละใบวางอยู่ข้างป้ายชื่ออย่างเรียบร้อย ธงขนาดใหญ่ที่มีขนาดใกล้เคียงกันถูกตั้งไว้ด้านหลังเวที
บอดี้การ์ดสวมชุดสูทดำจำนวนนับไม่ถ้วนยืนอยู่ยืนเงียบ ๆ ด้านใต้เวที และคอยกระซิบกับหูฟังของพวกเขาเป็นระยะ คลื่นพลังงานที่แท้จริงกวาดไปทั่วทั้งจัตุรัสเพียงชั่วพริบตาเดียว
มีเพียงไม่กี่คนที่นั่งสามแถวแรก แม้ว่าผู้ฝึกตนเกือบสองร้อยคนจะเต็มที่นั่งด้านหลังแล้วก็ตาม ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น พวกเขาคาดหวังถึงอนาคตของตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ ฉินเย่เดินไปยังแถวที่สามและนั่งลง ที่นั่งข้าง ๆ เขายังคงว่างเปล่าอยู่ตอนนี้
หลิ่วชิงนั่งห่างจากเขาเจ็ดที่นั่ง ฉินเย่รู้สึกว่าหลิ่วชิงกำลังมองมาที่เขา เขาจึงหันมาและทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม อีกฝ่ายพยักหน้าก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้ง
จางเฉิงไห่นั่งอยู่ที่มุมห้อง พวกเขาผงกหัวทักทายกันเช่นกัน ทันใดนั้นฉินเย่ก็เห็นว่าที่นั่งแถวของเขาถูกสงวนไว้สำหรับผู้ฝึกฝนในระดับนักล่าวิญญาณเท่านั้น
ฮัสกี้ตัวนี้กลมกลืนไปกับฝูงหมาป่าอย่างแท้จริง …
ผู้เชี่ยวชาญระดับนักล่าวิญญาณได้รับการยกย่องอย่างสูงในองค์กร ผู้คนนับไม่ถ้วนมองมาที่เขาอย่างเคารพ แต่กลับไม่มีใครกล้าที่จะพูดคุยกับเขา เห็นดังนั้นฉินเย่จึงหลับตาปิดกั้นจากสังคม หลังจากนั้นไม่นานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เจ้าหลับแล้วหรือ” อาร์ทิสพึมพำอย่างเกรี้ยวกราด
ฉินเย่พยักหน้านิด “ข้าเบื่อนิดหน่อย”
“ไม่” อาร์ทิสสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ ข้า…ไม่เห็นด้วยที่เจ้านอนในที่แบบนี้”
“เงียบน่า!” ดวงตาของฉินเย่สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก่อนที่เขาจะพูดต่อ อาร์ทิสพูดแทรกขึ้นทันที “ระวังตัวให้ดี… ข้าเกรงว่าตอนนี้ทั้งเมืองจะยังมีอะไรแปลก ๆ บางอย่างซ่อนอยู่”
“หากเกิดอันใดขึ้น… แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับผู้พิพากษาก็ยากที่จะรับมือได้!”
ฉินเย่หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาและก้มมองดูไม่เอ่ยคำใด ตอนนี้เป็นเวลาแปดโมงครึ่ง
นี่เราจะหลับไปหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้วจริงหรือ!
“ข้าเป็นแบบนี้มาตลอดหรือไม่”
“ไม่ใช่เจ้าคนเดียว … ” อาร์ทิสหัวเราะอย่างขมขื่น “ ข้าเองก็รู้สึกเหมือนหลับไปประมาณสิบวินาทีเหมือนกัน! “
“ ข้ามั่นใจว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา อะไรบางอย่างที่ข้าไม่อาจมองเห็นได้”
ฉินเย่ผลุบสายตาลงและกำหมัดแน่น
สามสิบล้านพลังหยิน …
มันมีอยู่จริงหรือ?
บางอย่างที่แข็งแกร่งได้จับจ้องมองมาที่เมืองเป่าอันราวกับเทพเจ้าก้มมองมนุษย์ตัวจ้อยอยู่จริงหรือ?
คอมเม้นต์